อัลอะชาอิเราะฮ์ตามทัศนะของท่านชัยค์ อัลก๊อรฏอวีย์

[al-azhary]

Tweet

بسم الله الرحمن الرحيم

อัลอะชาอิเราะฮ์ตามทัศนะของท่านชัยค์ อัลก๊อรฏอวีย์  

ชัยค์  ด๊อกเตอร์  อัลก๊อรฏอวีย์  ได้กล่าวถ้อยคำที่ดีอย่างยิ่ง  ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์ไว้ใน  วารสาร  อัล-มุจญฺตะมะอฺ  ฉบับที่  1370  ของวันที่  25  เดือน  ญะมาดิลอาคิร  ฮ.ศ. 1420  ตรงกับวันที  5  ตุลาคม  ค.ศ. 1999  ท่านได้กล่าวไว้ในวโรกาศ  70  ปี  ของการดะวะฮ์และญิฮาดของกลุ่มอัลอิควาน  ท่านชัยค์  อัลก๊อรฏอวีย์  ได้กล่าวบทความ  ในหัวข้อเรื่อง  "ลักษณะพิเศษและจุดเด่นการดะวะฮ์ของอิควานมุสลิมีน"   ซึ่งท่าน ชัยค์ อัลก๊อรฏอวีย์  ได้กล่าวว่า

หนึ่ง การเจริญรอยตามแนวทางของอัลกุรอานและซุนนะฮ์  โดยไม่นำมารวมกัน

ฉันปราถนาที่จะเตือนให้ตระหนัก  ถึงข้อเท็จจริงที่มีความสำคัญอย่างมาก  เกี่ยวกับประเด็นเรื่องซิฟาต   การศรัทธาด้วยกับมัน  และทำการสอนมัน  ต่อบรรดามนุษย์ทั้งหลาย  บนแนวทางของสะลัฟ    ข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น  ก็คือ  บรรดาซีฟัตนี้  จะถูกนำมาเสนอ  เสมือนกับที่มันได้มีระบุมาในกิตาบุลเลาะฮ์และซุนนะฮ์ศาสนทูตของพระองค์  ,ฉันหมายถึง  ถูกนำมากล่าวแบบแยกกัน ไม่ใช่กล่าวรวมกันทีเดียว   ดังนั้น  มุสลิมทุกคน  จะทำการศรัทธาด้วยกับมัน  และทำการยอมรับมันต่ออัลเลาะฮ์  เสมือนกับที่มันได้ระบุมา   ฉะนั้น  ย่อมไม่ใช่  จากสิ่งที่สอดคล้องกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  โดยทำการรวมบรรดาซีฟาตให้อยู่ในวิถีทางเดียวกันที่จะทำให้เกิดความสงสัยกับการจินตนาการด้วยกับสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับความสมบูรณ์ของอัลเลาะฮ์  ตะอาลา   เสมือนกับที่บางกลุ่มได้กล่าวว่า  "จำเป็นโดยท่านต้องศรัทธาว่า  แท้จริงอัลเลาะฮ์  ตะอาลา  ทรงมีพระพักต์  มีตา  มีสองพระหัตถ์  มีบรรดานิ้ว   มีเท้า  และมีหน้าแข้ง..." เพราะแท้จริงสำนวนของมันนี้  ได้รวบรวมไว้ซึ่งรูปแบบที่ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่า  ซาตของอัลเลาะฮ์  ตะอาลา  ทั้งหมดนั้นถูกประกอบขึ้นจากบรรดาส่วนต่างๆ  หรือพระองค์ทรงเป็นรูปร่างที่ถูกประกอบขึ้นจากบรรดาอวัยวะต่างๆ  โดยที่อัลกุรอานและหะดิษก็ไม่ได้นำเสนอบรรดาซีฟาตด้วยกับรูปแบบอย่างนี้เลย    และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ไม่เคยวางเงื่อนไขกับผู้ที่เข้าอิสลามว่า  จะต้องศรัทธากับอัลเลาะฮ์  ตะอาลา  ด้วยแบบรายละเอียดที่ถูกกล่าวมาแล้ว   และไม่มีรายงานว่า  ซอฮาบะฮ์และบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขาด้วยความดีงาม(ตาบิอีน)  ได้ทำการสั่งสอนผู้คนกับเรื่องอากิดะฮ์ด้วยบรรดาซิฟาตเหล่านี้   แต่มุสลิมนั้น  เมื่อเขาได้อ่านอัลกุรอานที่ทรงเกียรติ  หรือ  หะดิษที่ซอฮิหฺ  และอ่านสิ้นสุดไปยังอายะฮ์ที่ครอบคลุมถึงซิฟัตใดซิฟัตหนึ่งจากบรรดาซิฟาตต่างๆเหล่านี้  หรือหะดิษที่มาจากชนิดเดียวกันนี้  ก็ให้เขาศรัทธากับมันเหมือนกับที่มันได้ระบุมา  โดยไม่ทำการบิดเบือน  ไม่ทำให้ไร้คุณลักษณะ  ไม่ทำให้เป็นวิธีการว่าเป็นอย่างไร  และไม่ทำให้เสมอเหมือน  และด้วยอันนี้แหละ  ที่เขาจะเป็นผู้อยู่แนวทางสะลัฟอย่างแท้จริง
  
สอง  อัลอิควานและอัลอิชาอิเราะฮ์

การกล่าวหา  อัลอิควานมุสลิมีนว่า  พวกเขามาจากอัลอิชาอิเราะฮ์  ก็ย่อมไม่ทำให้เกียรติของพวกเขาต้องลดลงไปเลย  เนื่องจากประชาชาติอิสลามส่วนใหญ่นั้น  คือ อัลอะชาอิเราะฮ์ และ อัลมะตูริดียะฮ์  ดังนั้น  บรรดาผู้ที่อยู่มัซฮับมาลิกีและมัซฮับชาฟิอีย์  ก็คือ อะชาอิเราะฮ์  และผู้อยู่มัซฮับหะนะฟีย์ก็คือ  มะตูริดียะฮ์  และบรรดามหาวิทยาลัยศาสนาในโลกอิสลามนั้น  ก็เป็น  อัชอะรียะฮ์และมุตูระดียะฮ์   เช่น   มหาวิทยาลัย อัล-อัซฮัร  ในอียิปต์   มหาวิทยาลัย อัซ-ซัยตูนะฮ์  ในตูนิส  มหาวิทยาลัย อัลก๊อรวียีน  ในมอร๊อคโค   มหาวิทยาลัย  ดุยูบันดฺ  ในอินเดีย  และอื่นๆ  จากบรรดาสถาบันการศึกษาและบรรดามหาวิทยาลัยทางด้านศาสนา  

ดังนั้น  ถ้าหากเรากล่าวว่า  แท้จริงอัลอะชาอิเราะฮ์  ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์แล้ว   ขอสาบานว่าแท้จริง  เรากำลังตัดสินถึงความลุ่มหลงกับประชาชาติอิสลามทั้งหมดหรือส่วนมาก  และเราก็จะตกอยู่ในกลุ่มบรรดาพวกที่เราได้กล่าวหาว่าพวกเขาเบี่ยงเบน(จากสัจจะธรรม)เสียเอง  และผู้ใดเล่าที่ชูธงแห่งการปกป้องซุนนะฮ์และทำการต่อต้านบรรดาผู้เป็นศรัตรูต่อซุนนะฮ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากเสียว่าพวกเขาคืออัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมาตุริดียะฮ์ !!

บรรดานักปราชญ์ของเราและบรรดาผู้นำของเราระดับอาวุโส  ส่วนมากก็มาจากพวกเขาเหล่านั้น (คือมาจากอัลอิชาอิเราะฮ์และอัลมะตูริดียะฮ์)  เช่น ท่านอัลบากิลลานีย์ ,  ท่านอัลอิสฟิรอยีนีย์ ,   ท่านอิมาม อัลหะร่อมัยน์ อัลญูวัยนีย์ ,  ท่านอบูหามิด อัลฆ่อซาลีย์ , ท่านอัลฟัครุดดีนอัรรอซีย์ , ท่านอัลบัยฏอวีย์ , ท่านอัลอามิดีย์ , ท่านอัชชะฮ์ร๊อสตานีย์ , ท่านอัลบุฆดาดีย์ , ท่านอิบนุอับดุสลาม , ท่านอิบนุดะกีก อัลอัยด์ , ท่านอิบนุซัยยิดดินนาส , ท่านอัลบุลกินีย์ , ท่านอัลอิรอกีย์ , ท่านอันนะวาวีย์ , ท่านอัรรอฟิอีย์ , ท่านอิบนุหะญัรอัลอิสเกาะลานีย์ , ท่านอัสสะยูฏีย์ , (และส่วนหนึ่งจากแถบมัฆริบ) คือ ท่านอัฏฏูรฏูชีย์ , ท่านอัลมาซินีย์ , ท่านอัลบาญีย์ , ท่านอิบนุรุชดฺ(ผู้เป็นปู่) , ท่านอิบนุอัลอะรอบีย์(อัลมาลิกีย์) , ท่านอัลกอฏี อัลอิยาฏ , ท่านอัลกุรฏุบีย์ ,  ท่านอัลเกาะรอฟีย์ , ท่านอัชชาฏิบีย์ , และท่านอื่นๆ  และ(ส่วนหนึ่งจากหะนะฟียะฮ์) คือ ท่าน อัลกัรคีย์ , ท่านอัลญัซซ๊อร , ท่านอัลดับบูซีย์ , ท่านอัซซัรคะซีย์ , ท่านอัสสะมัรก๊อนดีย์ , ท่านอัลกาซานีย์ , ท่านอิบนุ อัลฮุมาม , ท่านอิบนุ นุญัยม์ , ท่านอัตตัฟตาซานีย์ , ท่านอัลบัซฺดะวีย์ , และท่านอื่นๆ "

ดังนั้น  บรรดาพี่น้องที่ทำการตำหนิอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างไม่มีข้อแม้เลยนั้น  เขาย่อมหลงผิด  และล่วงละเมิด  เนื่องจากอัลอะชาอิเราะฮ์  คือกลุ่มหนึ่งจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ที่ประชาชาติให้ความพอใจกับพวกเขา  เพราะพวกเขาได้พึงพอใจอัลกุรอานและซุนนะฮ์ในการนำมาเป็นหลักฐานของพวกเขา  และไม่เป็นโทษใดกับพวกเขา  โดยการที่พวกเขาอาจจะผิดพลาดในบางมัสอะละฮ์  หรือ พวกเขาได้เลือกความเห็นที่มีน้ำหนักน้อยกว่า หรือจนกระทั้งผิดพลาด  ซึ่งพวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ทำการวินิจฉัยโดยไม่มะซูม(ไม่ถูกปกป้องจากความผิด)  และไม่มีกลุ่มใดที่ปลอดภัยจากความผิดและพลั้งพลาดในสิ่งที่พวกเขาได้ทำการวินิจฉัย  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อปลีกย่อยในด้านฟิกห์หรือปัญหาข้อปลีกย่อยในด้านอากิดะฮ์  และทุกๆ คนนั้น  จะถูกยึดถือคำพูดของเขาและถูกปฏิเสธ  นอกจาก ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  คือผู้ได้รับการปกป้องจากความผิดเท่านั้น

.
ข้อเท็จจริงแล้ว  อัลอิควาน  - ในแนวคิดของพวกเขาโดยทั่วไปนั้น - พวกเขาไม่ใช่อะชาอิเราะฮ์  และไม่ได้เป็นปรปักษ์กับอัลอะชาอิเราะฮ์  แต่พวกเขาได้รับเอาอะกีดะฮ์มาจากอัลกุรอานเป็นอันดับแรก  หลังจากนั้นก็รับเอามาจากซุนนะฮ์ที่ซอฮิหฺมาเป็นอันดับรอง  และพวกเขาได้รับเอาจากทุกๆ  กลุ่ม กับสิ่งที่ดีเลิศตามทัศนะของพวกเขา  โดยที่พวกเขาได้ทำการให้น้ำหนักกับสิ่งที่หลักฐานได้ให้น้ำหนักกับมัน   และสิ่งที่มีหลักฐานมาสนับสนุน  อีกทั้งพวกเขาเจริญตามแนวทางของสะลัฟมากกว่าแนวทางของคอลัฟ  โดยที่พวกเขาไม่ได้คลั่งใคล้และปิดประตูตนเอง  พวกเขาเรียกร้องสู่เตาฮีด  โดยพ้นจากชิริกทั้งหมด  ไม่ว่าจะชิริกเล็กหรือชิริกใหญ่  ไม่ว่าจะชิริกอันชัดแจ้งหรือชิริกที่ซ่อนเร้น  และการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์ ในทั้งลำดับแรกและสุดท้าย "

วิจารณ์คำกล่าวของท่านชัยค์ อัลก๊อรฏอวีย์

ประการแรก   หัวข้อแรกที่ท่านชัยค์ได้กล่าวไปนั้น  มันย่อมมีความงดงามอย่างที่สุด  เนื่องจากบรรดาอุลามาอ์อาวุโสของอัลอะชาอิเราะฮ์และกลุ่มอื่นจากพวกเขา เช่น อิมามอัลฆอซาลีย์ , อิมามอิบนุอัลเญาซีย์ , อิมามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ , ท่านอิบนุ ญะมาอะฮ์  และผู้อื่นอีกมากมายจากพวกเขา  ต่างก็ได้ย้ำเตือนให้ตระหนักกับสิ่งดังกล่าว

ประการที่สอง  คือท่านชัยค์ได้ทำการกล่าวไว้ในประเด็นที่สอง  ได้อย่างรัดกุมเป็นอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยคำช่วงท้ายที่ท่านได้กล่าวว่า  "ข้อเท็จจริงแล้ว  อัลอิควาน  - ในแนวคิดของพวกเขาโดยทั่วไปนั้น - พวกเขาไม่ใช่อะชาอิเราะฮ์  และไม่ได้เป็นปรปักษ์กับอัลอะชาอิเราะฮ์  แต่พวกเขาได้รับเอาอะกีดะฮ์มาจากอัลกุรอานเป็นอันดับแรก  หลังจากนั้นก็รับเอามาจากซุนนะฮ์ที่ซอฮิหฺมาเป็นอันดับรอง..."  ซึ่ง ณ ตรงนี้  ท่านชัยค์ได้ดำเนินอยู่บนหนทางที่ล้ำลึกอย่างมาก  โดยที่ผู้ไม่มีความละเอียดละออยากที่จะเข้าใจมัน   ซึ่งมันก็คือ  หลังจากที่ท่านชัยค์ได้กล่าวยอมรับสรรเสริญพวกเขาแล้ว  ท่านก็กลับมาชี้แจงว่า  การดะวะฮ์ของอัลอิควานนั้น  แผนการโดยทั่วไปแล้ว  ไม่ใช่อัชอะรียะฮ์  ซึ่งหมายความว่า  การดะวะฮ์ของอัลอิควานก็คือ  การวะดะฮ์ในเชิงการฟื้นฟูไม่ใช่ในเชิงอากิดะฮ์   ด้วยเหตุนี้  หัวอกของกลุ่มอิควานก็จะเปิดกว้าง  โดยไม่จำกัดเพียงอัลอะชาอิเราะฮ์เท่านั้น  เพื่อที่จะไม่ทำให้กลุ่มมุสลิมีนที่เหลือไม่ทำการปฏิเสธต่อการเรียกร้องของกลุ่มอัลอิควาน

 ดังนั้นกลุ่มอัลอิควานจึงตอบรับให้อยู่ในแนวทางร่วมของพวกเขากับมุสลิมทุกๆ คน  ไม่ว่าเป็นอัลอะชาอิเราะฮ์หรือไม่ก็ตาม  แต่ในขณะเดียวกันนั้น  กลุ่มอิควานก็ทำการเรียกร้องไปสู่การสร้างอากิดะฮ์ที่อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานและซุนนะฮ์   ซึ่งดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นคำพูดของท่านชัยค์ที่มีวิทยปัญญาอันน่าประทับใจ  เนื่องจากมันจะนำไปสู่อัลอะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง  เพราะว่าผู้ที่ทำการตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์อย่างแท้จริงนั้น  ก็คือผู้ที่ไม่มีความคลั่งใคล้(ตะอัสศุบ) และตักลีด  แล้วผลที่ได้รับของเขาก็จะเหมือนกับบรรดาอุลามาอ์ที่ทรงความรู้อันแน่แฟ้นจากอัลอะชาอิเราะฮ์  และอันนี้ก็เป็นแนวทางของอุลามาอ์ผู้ทรงความรู้อันแน่แฟ้นจากอัลอะชาอิเราะฮ์ที่ท่านชัยค์ได้กล่าวนามมาข้างต้นแล้ว  กล่าวคือ  พวกเขาได้รับเอาอากิดะฮ์  หลังจากที่ทำการพิจารณาและวิเคราะห์วินิจฉัยแล้ว  โดยที่แตกต่างกับพวกตักลีดทั้งหลาย  เมื่อเป็นเช่นนี้  เราก็จะพบว่า  บรรดาอุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์ระดับอาวุโส  เช่น  ท่านอัลบากิลลานีย์  และท่านอิมามอัลฆอซาลีย์นั้น  บางครั้งพวกเขา  ก็มีทัศนะที่แตกต่างกับอิมาม อัลอัชอะรีย์  ในบางประเด็นของเรื่องอากิดะฮ์  เนื่องจากพวกเขาดำเนินไปพร้อมกับหลักฐานไม่ใช่การตัดลีดอิมามอัลอัชอะรีย์  และนี่ก็คือแนวทางที่แน่นแฟ้นและเป็นคำกล่าวของบรรดานักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ระดับอาวุโส  

 และตามนัยดังกล่าวนี้   ท่านอิมาม  อัลหาฟิซฺ  อิบนุ  อะซากิร   ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  "ตับยีน กัซบฺ อัลมุฟตะรีย์"    ว่า  " เราไม่ได้ทำการอ้างพาดพิงกับมัซฮับของเราในเรื่องหลักเตาฮีดไปยังอิมามอัลอัชอะรีย์บนความหมายที่ว่าเราทำการตักลีดเขาในเรื่องเตาฮีดและเราได้ยึดถือกับตัวเขา   แต่เรามีความเห็นสอดคล้องกับเขา  กับสิ่งที่เป็นทัศนะของเขาจากเรื่องเตาฮีดเพราะว่ามีบรรดาหลักฐานมายืนยันถึงความถูกต้อง  ไม่ใช่เพียงเพราะการตัดลีด  และแท้จริง  ส่วนหนึ่งจากพวกเราได้ทำการพาดพิงไปยังมัซฮับของอิมามอัล-อัชอะรีย์นั้น  เพื่อที่จะแยกออกจากพวกบิดอะฮ์ที่ไม่ได้กล่าวทัศนะตามท่านอิมามอัล-อัชอะรีย์"   ดู  หน้าที่  362

 ดังนั้น   การที่กลุ่มหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า  ท่านชัยค์อัลก๊อรฏอวีย์  กล่าวว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์นั้น  ย่อมเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่มีความถูกต้องแต่อย่างใด   อัลฮัมดุลิลลาห์

โดย อัล-อัซฮะรีย์ ( الأزهرى )

[al-azhary]

ท่าน อิมาม อิบนุ รุชดฺ อัลมาลิกีย์ (ผู้เป็นปู่) (รอฮิมะฮุลลอฮ์) ที่ได้รับฉายานามว่า ชัยค์อัลมัซฮับ (ปรมาจารย์แห่งมัซฮับมาลิกีย์)  ได้ถูกถามความเห็นของนักปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์ต่อนักปราชญ์อะชาอิเราะฮ์และข้อชี้เกี่ยวกับผู้ที่ทำการตำหนิพวกเขา  ซึ่งท่าน อิมาม อิบนุ รุชดฺ  กล่าวฟัตวาว่า

"พวกเขาเหล่านั้น ที่ท่านได้เรียกชื่อพวกเขา (คือนักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์) เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดานักปราชญ์  ที่เป็นบรรดาอิมามนักปราชญ์แห่งความดีงามและอยู่ในทางนำ  และเป็นบรรดาบุคคลที่จำเป็นต้องดำเนินตามพวกเขา  เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ยืนหยัดการช่วยเหลือหลักชาริอะฮ์(บทบัญญัติแห่งอิสลาม) และทำลายสิ่งคลุมเครือต่าง ๆ ของพวกเบี่ยงเบนและหลุ่มหลงและพวกเขาได้ทำให้ประเด็นปัญหาต่าง ๆ มีความคลี่คลายที่ชัดเจน  พวกเขายังอธิบายถึงสิ่งที่จำเป็นต้องยอมรับจากบรรดาหลักการศรัทธา  ดังนั้น  ด้วยการที่พวกเขารอบรู้ถึงบรรดาหลักพื้นฐาน(อุซูล)ของศาสนา จึงทำให้พวกเขาเป็นนักปราชญ์ที่แท้จริง  เนื่องจากพวกเขารู้ดียิ่งเกี่ยวกับอัลเลาะฮ์  สิ่งที่วายิบสำหรับพระองค์  สิ่งที่อนุญาติต่อพระองค์ และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จากพระองค์  เพราะประเด็นนิติบัญญัติข้อปลีกย่อยจะไม่สามารถรู้ได้นอกจากต้องรู้หลักอุศูล(หลักศรัทธา)เสียก่อน   เพราะฉะนั้น  จึงมีความจำเป็นที่ต้องรู้ถึงความประเสริฐและยอมรับถึงความเป็นแกนนำของพวกเขา  ฉะนั้น  พวกเขาย่อมเป็นจุดมุ่งหมายของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า "ความรู้นี้  ได้แบกรับจากทุก ๆ ผู้สืบทอด(ต่อ ๆ กันมา)  โดยบรรดาผู้ทรงคุณธรรม  ซึ่งพวกเขาจะทำการปฏิเสธจากการบิดเบือนของผู้ที่เลยเถิด  , การประกาศศาสนาของบรรดาผู้ที่อธรรม และจากการตีความของบรรดาบุคคลโง่เขลา"  ดังนั้น  จะไม่มีการเชื่อว่า พวกเขาจะอยู่บนความลุ่มหลงและความโง่เขลา นอกจากผู้ที่เขลาเบาปัญญาหรือผู้ที่อุตริกรรมอีกทั้งเบี่ยงเบนออกจากสัจจะธรรมเท่านั้น  และคนหนึ่งจะไม่ประนามพวกเขาและพาดพิงไปยังพวกเขา กับสิ่งที่ไม่พวกเขาไม่ได้ยึดถืออยู่ นอกจากเขาผู้นั้นคือคนชั่ว  โดยแท้จริงอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า ทรงตรัสว่า "บรรดาบุคคลที่สร้างความเดือนร้อนแก่บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง  ด้วยกับสิ่งที่พวกเขาไม่ได้พากเพียรไว้  แน่นอน พวกเขาย่อมแบกรับความมุสาและบาปอันชัดแจ้ง"   และพระองค์เท่านั้น ที่เราขอความคุ้มครองและทางนำด้วยความเมตตาของพระองค์  ,  ได้กล่าวโดย มุฮัมมัด บิน รุชด์" ดู  หนังสือ ฟะตาวา อิบนุ รุชด์ เล่ม 2 หน้า 802

[musalmarn]

ท่านชัยคฺ ยูซุฟ อัล กอรฎอวีย์ เป็นอุลามาอที่ผมชื่นชอบในแนวคิดของท่าน

[al-azhary]

ใช่ครับน้องอัลดุลมาลิก  นักปราชญ์ร่วมสมัยของอัลอัซฮัรที่ดีที่สุดในปัจจุบัน  ซึ่งนอกเหนือจากอุลามาอ์ในอียิปต์แล้ว   ก็มี  ท่านชัยค์ ด๊อกเตอร์ ยูซุฟ อัลก๊อรฏอวีย์ , ท่านชัยค์ ด๊อกเตอร์  มุฮัมมัด สะอีด ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์  , และท่าน  อัซซัยิด  มุฮัมมัด อะลาวีย์ อัลหะซะนีย์  (ร่อฮิมะฮุลเลาะฮ์)


รูปท่าน ชัยค์ อัลก๊อรฏอวีย์


รูปท่าน ชัยค์  มุฮัมมัด สะอีด รอมะฏอน อัลบูฏีย์


รูปของท่าน อัซซัยิด  มุฮัมมัด อะลาวีย์ อัลหะซะนีย์  (ร่อฮิมะฮุลเลาะฮ์)


รูปท่านชัยค์   สะอีด รอมะฏอน อัลบูฏีย์  และ รูปท่าน อัซซัยยิด มุฮัมมัด อะลาวีย์(ร.ฮ.)

[قطوف من أزاهير النور]

ขุด 

[al-azhary]

للرفع والتذكير

[isma-il]

ขอขอบคุณที่คุณอัชอารีย์ ได้เสียสละเวลานำเสนอเนื้อหาดีๆยิ่ง

ขออัลลอฮฺตอบแทน

ส่วนผมชอบชื่นชมอัซซัยิด  มุฮัมมัด อะลาวีย์ อัลหะซะนีย์  (ร่อฮิมะฮุลเลาะฮ์)

[قطوف من أزاهير النور]

ดังนั้น  ถ้าหากเรากล่าวว่า  แท้จริงอัลอะชาอิเราะฮ์  ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์แล้ว   ขอสาบานว่าแท้จริง  เรากำลังตัดสินถึงความลุ่มหลงกับประชาชาติอิสลามทั้งหมดหรือส่วนมาก  และเราก็จะตกอยู่ในกลุ่มบรรดาพวกที่เราได้กล่าวหาว่าพวกเขาเบี่ยงเบน(จากสัจจะธรรม)เสียเอง  และผู้ใดเล่าที่ชูธงแห่งการปกป้องซุนนะฮ์และทำการต่อต้านบรรดาผู้เป็นศรัตรูต่อซุนนะฮ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากเสียว่าพวกเขาคืออัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมาตุริดียะฮ์ !!

บรรดาพี่น้องที่ทำการตำหนิอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างไม่มีข้อแม้เลยนั้น  เขาย่อมหลงผิด  และล่วงละเมิด  เนื่องจากอัลอะชาอิเราะฮ์  คือกลุ่มหนึ่งจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ที่ประชาชาติให้ความพอใจกับพวกเขา 

ลัทธิเหมารวม การถางทางไปสู่วิกฤติของมนุษย์