ผู้เขียน หัวข้อ: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ  (อ่าน 14074 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
0

 salam

หะดิษนี้ดออีฟมากๆจิงหรือ


http://www.mu####.com/  (ห้ามอ้างอิงเว็บที่ไม่ใช่อะฮ์ลุสซุนนะฮ์ครับ) เคราะห์หะดีษ

ลำดับที่














ลูบหน้าหลังจากให้สลามเมื่อละหมาดเสร็จ

โดย
อาบิรฺ  สบีล


ทรรศนะของอุละมาอ์

ผู้เขียนไม่พบทรรศนะของอุละมาอ์รุ่นก่อน ๆ ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าส่งเสริมให้ลูบหน้าผากหรือลูบหน้า หลังจากการให้สลามเมื่อละหมาดเสร็จ นอกจากบางทรรศนะของอุละมาอ์รุ่นหลัง ๆ ซึ่งผู้เขียนพบว่ามีอุละมาอ์บางท่านได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าส่งเสริมให้ลูบหน้าผากหรือลูบหน้าหลังจากละหมาดเสร็จ.
1. อัส-สัยยิด อับดุรฺเราะหฺมาน อิบนุ มุหัมมัด อิบนุ หุสัยนฺ อิบนุ อุมัรฺ หรือที่เป็นที่รู้จักในชื่อ "บา อะละวีย์" มุฟตีย์แห่งเมืองหัดเราะเมาตฺ (Hadhramaut) ประเทศเยเมน ท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ "บุฆยะตุล มุสตัรฺชิดีน" โดยกล่าวอ้างทรรศนะของบาอฺชันว่า:
قال باعشن: يسنّ مسح الجبهة عقيب الصلاة
"บาอฺชันได้กล่าวว่า สุนัตให้ลูบหน้าผากหลังจากการละหมาด"

และในอีกตอนหนึ่งท่านก็ได้ยกหลักฐานการลูบหน้าผากหรือลูบหน้าจากการรายรายงานของษาบิต อัล-บุนานีย์ ถึงท่านอนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ .

2. ชัยคฺ ดาวูด อิบนุ อับดุลลอฮฺ อัล-ฟะฏอนีย์ ท่านได้กล่าวในหนังสือ "มุนยะตุล มุศ็อลลีย์" ว่า:
ادافون سنة يغد كرجاكن كمدين درفدا سمبهيغ مك اداله نبي صلى الله عليه وسلم افبيل سلسي درفدا سمبهيغ مثافو دعن تاغنث داتس كفلاث دان دبخاث « بسم الله الذي لا إله إلا هو الرحمن الرحيم ، اللهم أذهب عني الهم والحزن »
"ส่วนการปฏิบัติที่เป็นสุนัตหลังจากการละหมาดนั้น  ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม หลังจากท่านละหมาดเสร็จ ท่านจะลูบบนศีรษะด้วยมือของท่าน และท่านจะอ่านว่า:
« بسم الله الذي لا إله إلا هو الرحمن الرحيم ، اللهم أذهب عني الهم والحزن »
"ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้อัลลอฮฺโปรดปัดความวิตกกังวลและความเสียใจออกจากตัวฉันด้วยเถิด"






วิเคราะห์หลักฐาน

หะดีษที่นำมาอ้างเป็นหลักฐานการลูบหน้าผากหรือลูบหน้าหลังจากการให้สลามคือหะดีษที่เล่าโดยท่านอนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ซึ่งมี 3 สายรายงานจากตาบิอีน 3 ท่านนั่นคือ
1.   มุอาวิยะฮฺ อิบนุ กุรฺเราะฮฺ
2.   ษาบิต อิบนุ อัสลัม อัล-บุนานีย์
3.   กะษีรฺ อิบนุ สุลัยมฺ

ซึ่งผู้เขียนจะได้นำเสนอและวิเคราะห์แต่ละสายรายงานว่ามีสถานะอยู่ในระดับใด สามารถนำเอามาเป็นหลักฐานได้หรือไม่.


















 



1. สายรายงานมุอาวิยะฮฺ อิบนุ กุรฺเราะฮฺ

   ท่านอนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า:
كان رسول الله صلى الله عليه وسلم إذا قضى صلاته مسح جبهته بيده اليمنى ، ثم يقول : « بسم الله الذي لا إله إلا هو الرحمن الرحيم ، اللهم أذهب عني الغم والحزن »
ความว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อท่านละหมาดเสร็จ ท่านจะลูบหน้าผากของท่านด้วยมือขวา หลังจากนั้นท่านจะกล่าวว่า:
« بسم الله الذي لا إله إلا هو الرحمن الرحيم ، اللهم أذهب عني الغم والحزن »
"ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้อัลลอฮฺโปรดขจัดความเศร้าโศกเสียใจออกจากตัวฉันด้วยเถิด".

ตัครีจญ์หะดีษ
    สายรายงานนี้บันทึกโดยอัฏ-เฏาะบะรอนีย์ในหนังสือ "อัล-มุอฺญัม อัล-เอาสัฏ" เลขที่: 2499, และในหนังสือ "อัด-ดุอาอ์" เลขที่: 659, อิบนุ อัส-สุนนีย์ในหนังสือ "อมัล อัล-เยามฺ วะ อัล-ลัยละฮฺ" เลขที่: 112, อบูนุอัยมฺ อัล-อัศฟะฮานีย์ในหนังสือ "หิลยะฮฺ อัล-เอาลิยาอ์" 2/301, และอิบนุสัมอูนในหนังสือ "อัล-อะมาลีย์" เลขที่: 121.
      ทั้งหมดรายงานด้วยสายรายงานถึงสัลลาม อัฏ-เฏาะวีล จากซัยดฺ อัล-อัมมีย์ จากมุอาวิยะฮฺ อิบนุ กุรฺเราะฮฺ.

ข้อมูลนักรายงานหะดีษ
1.   สัลลาม อัฏ-เฏาะวีล (เสียชีวิตฮ.ศ. 177) .
      มีชื่อจริงว่า สัลลาม อิบนุ สัลมฺ  อัต-ตะมีมีย์ อัล-คุรอสานีย์ อัฏ-เฏาะวีล.
         อัล-บุคอรีย์กล่าวว่า: "นักหะดีษต่างละทิ้งเขา"
         อะหฺมัดกล่าวว่า: "มุงกะรุลหะดีษ"
      อิบนุมะอีนกล่าวว่า: "เฎาะอีฟ ไม่อนุญาตให้บันทึกหะดีษของเขา"
      อิบนุหิบบานกล่าวว่า: "เฎาะอีฟ"
      อิบนุคิรอชกล่าวว่า: "จอมโกหก"
      อัน-นะสาอีย์, อัด-ดาเราะกุฏนีย์, อัล-บัยหะกีย์, อัซ-ซะฮะบีย์, และอิบนุหะญัรฺกล่าวว่า: "มัตรูก"
      สรุป: สถานะของสัลลาม อัฏ-เฏาะวีลคือ "เฎาะอีฟมาก" ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานและไม่สามารถนำมาสนับสนุนสายรายงานอื่นได้.

2.   ซัยดฺ อัล-อัมมีย์.
      ซัยดฺ อิบนุ อัล-หิวารีย์ อัล-อัมมีย์
      อะลีย์ อิบนุ อัล-มะดีนีย์กล่าวว่า: "เฎาะอีฟ"
      อิมามอะหฺมัดกล่าวว่า: "ศอลิหฺ"
      อบูหาติมกล่าวว่า: "เฎาะอีฟุลหะดีษ ให้บันทึกหะดีษของเขาได้ แต่อย่าเอามาเป็นหลักฐาน "
      อบูซุรฺอะฮฺกล่าวว่า: "ไม่ใช่บุคคลที่แข็งแรง (ในการรายงานหะดีษ)"
      อิบนุมะอีนกล่าวว่า: "ลา ชัยอ์" ในอีกตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า "ศอลิหฺ" และในอีกตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า: "ให้บันทึกหะดีษของเขา แต่ทว่าเขานั้นเฎาะอีฟ"
      อิบนุหิบบานกล่าวว่า: "ไม่อนุญาตให้เอาเคาะบัรฺของเขามาเป็นหลักฐาน"
      อิบนุหะญัรฺกล่าวว่า: "เฎาะอีฟ"
      สรุป: สถานะของซัยดฺ อัล-อัมมีย์คือ "เฎาะอีฟ" แต่สามารถนำมาสนับสนุนเพื่อยกระดับหะดีษได้.

3.   มุอายะฮฺ อิบนุ กุรฺเราะฮฺ (เสียชีวิตฮ.ศ. 113)
ท่านอบูหาติม, อิบนุมะอีน, อัน-นะสาอีย์, และนักหะดีษท่านอื่น ๆ กล่าวว่า "ษิเกาะฮฺ"
      ท่านอิบนุหะญัรฺกล่าวว่า "ษิเกาะฮฺ อาลิม"
      สรุป: สถานะของมุอาวิยะฮฺ อิบนุ กุรฺเราะฮฺคือ "ษิเกาะฮฺ"

สถานะของหะดีษ
สายรายงานนี้เป็นสายรายงานที่เฎาะอีฟมาก เพราะมีนักรายงานถึงสองคนที่ถูกตำหนิในความน่าเชื่อถือ นั่นคือ "สัลลาม อัฏ-เฏาะวีล" และ "ซัยดฺ อัล-อัมมีย์" โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัลลาม อัฏ-เฏาะวีลที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในความน่าเชื่อถือ.


2. สายรายงานษาบิต อัล-บุนานีย์

ท่านอนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า:
«كان رسول الله صلى الله عليه وسلم إذا قضى صلاته مسح جبهته بكفه اليمنى، ثم أمرها على وجهه حتى يأتي بها على لحيته ويقول : بسم الله الذي لا إله إلا هو عالم الغيب والشهادة الرحمن الرحيم، اللهم أذهب عني الغم والحزن والهم ، اللهم بحمدك انصرفت وبذنبي اعترفت ، أعوذ بك من شر ما اقترفت ، وأعوذ بك من جهد بلاء الدنيا ومن عذاب الآخرة »
ความว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อท่านละหมาดเสร็จ ท่านจะลูบหน้าผากด้วยฝามือขวาของท่าน แล้วท่านจะลูบผ่านใบหน้าจนกระทั่งถึงเครา และท่านจะกล่าวว่า:
« بسم الله الذي لا إله إلا هو عالم الغيب والشهادة الرحمن الرحيم ، اللهم أذهب عني الغم والحزن والهم ، اللهم بحمدك انصرفت وبذنبي اعترفت ، أعوذ بك من شر ما اقترفت ، وأعوذ بك من جهد بلاء الدنيا ومن عذاب الآخرة »
"ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้อัลลอฮฺโปรดขจัดความเศร้า เสียใจ และความวิตกกังวลออกจากตัวฉันด้วยเถิด โอ้อัลลอฮฺ ด้วยกับการสรรเสริญท่านที่ฉันได้เสร็จสิ้น และด้วยกับบาปของฉันที่ฉันได้ยอมรับ ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายที่ฉันได้กระทำลงไป และฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากการทดสอบที่แสนสาหัสในโลกดุนยาและจากการลงโทษในวันอาคิเราะฮฺ"

ตัครีจญ์หะดีษ
   สายรายงานนี้บันทึกโดยอบูนุอัยมฺ อัล-อัศบะฮานีย์ ในหนังสือ "อัคบารฺ อัศบะฮาน" 2/104. ด้วยสายรายงานถึงดาวูด อิบนุ อัล-มุหับบัรฺ จากอัล-อับบาส อิบนุ เราะซีน มุศเฏาะฟา อัส-สุละมีย์ จากญัลลาส อิบนุ อัมรฺ จากท่านษาบิต อัล-บุนานีย์.

ข้อมูลนักรายงานหะดีษ
1.   ดาวูด อัล-มุหับบัรฺ (เสียชีวิตฮ.ศ. 206)
      อับดุลลอฮฺ อิบนุ อะหฺมัดกล่าวว่า: "ฉันได้ถามพ่อของฉัน (นั่นคืออิมามอะหฺมัด) เกี่ยวกับดาวูด อิบนุ อัล-มุหับบัรฺ แล้วท่านก็หัวเราะและกล่าวว่า เขาประหนึ่งไม่มีอะไรเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหะดีษนั้นคืออะไร".
      อิมามอะหฺมัดและอิมามอัล-บุคอรีย์กล่าวว่า: เขาเป็นคนโกหก
      อบูดาวูดกล่าวว่า: "ษิเกาะฮฺ ประหนึ่งว่าเฎาะอีฟ"
      อบูซุรฺอะฮฺกล่าวว่า: "เฎาะอีฟุลหะดีษ"
      อิบนุมะอีนกล่าวว่า: "เฎาะอีฟ" และในอีกตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า "ษิเกาะฮฺ"
      อัล-ษัยซะมีย์กล่าวว่า: "เฎาะอีฟ" และอีกตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า: "เฎาะอีฟมาก"
      อัด-ดาเราะกุฏนีย์และอิบนุหะญัรฺกล่าวว่า: "มัตรูก"
      สรุป: สถานะของดาวูด อิบนุ อัล-มุหับบัรฺคือ "เฎาะอีฟมาก" เนื่องจากมีนักหะดีษสายกลาง (มุอฺตะดิล - معتدل) หลายคนที่ได้ตำหนิเขาในด้านความน่าเชื่อถืออย่างหนัก และท่านอิบนุหะญัรฺก็ได้ประมวลบรรดาทรรศนะของนักหะดีษและสรุปว่าเขาคือนักรายงานที่ "มัตรูก" ซึ่งจัดอยู่ในระดับที่เฎาะอีฟมาก ส่วนการเตาษีกของอิบนุมะอีนนั้นสามารถอธิบายได้ตามคำชี้แจงของชัยคฺอัล-มุอัลลิมีย์ที่ว่า:
 "โดยปกติวิสัยของอิบนุมะอีนต่อนักรายงานหะดีษที่ท่านได้พบปะ (ร่วมสมัย) กับเขานั้น เมื่อท่านรู้สึกพออกพอใจกับคุณลักษณะท่าทางของเขาแล้ว ท่านจะฟังหะดีษจำนวนหนึ่งจากเขา แล้วเมื่อท่านเห็นว่าหะดีษเหล่านั้นถูกต้อง ท่านก็คาดว่านั้นแหละคือสถาพของเขา แล้วท่านก็จะเตาษีก เขา และแท้ที่จริงแล้วพวกเขา (นักรายงานหะดีษที่ร่วมสมัยกับท่านอิบนุมะอีน) ต่างเกรงกลัวต่อท่าน และบางทีอาจมีนักรายงานบางคนที่ปะปน (สายรายงานหะดีษ) โดยเจตนา แต่เขาจะนำเสนอต่ออิบนุมะอีนด้วยบรรดาหะดีษที่ถูกต้อง แต่เมื่อลับหลัง เขาก็จะปะปน (สายรายงานหะดีษ) ตามเดิม และเมื่อเราพบว่ามีนักรายงานคนหนึ่งที่อิบนุมะอีนได้พบ –ร่วมสมัย- กับเขา และท่านอิบนุมะอีนก็ได้เตาษีกเขา ในขณะที่นักหะดีษส่วนมากต่างตำหนิเขาอย่างหนัก ดังนั้นที่ประจักษ์แจ้งคือ แท้จริงแล้วนักรายงานคนนั้นจัดอยู่ในประเภทนี้..." 

2.   อัล-อับบาส อิบนุ เราะซีน มุศเฏาะฟา อัส-สุละมีย์.
      ท่านอยู่ในสมัยของอิมามมาลิกและเคยพบปะกับท่าน ส่วนข้อมูลด้านความเชื่อถือนั้น ผู้เขียนไม่พบข้อมูล

3.   คิลาส อิบนุ อัมรฺ อัล-บัศรีย์ (เสียชีวิตก่อนฮ.ศ. 100)
      อะหฺมัด อิบนุมะอีน และอิบนุหิบบานกล่าวว่า: "ษิเกาะฮฺ"
      อบูดาวูดกล่าวว่า: "ษิเกาะฮฺ ไม่ได้ฟัง –หะดีษ- จากท่านอะลีย์"
      อิบนุหะญัรฺกล่าวว่า: "ษิเกาะฮฺ"
      สรุป: สถานะของคิลาส อิบนุ อัมรฺ คือ "ษิเกาะฮฺ" นอกจากการรายงานของเขาจากท่านอะลีย์และเศาะหาบะฮฺบางท่านดั่งที่นักหะดีษได้ระบุไว้.

4.   ษาบิต อิบนุ อัล-บุนานีย์ (เสียชีวิตฮ.ศ. 127)
อัน-นะสาอีย์ อิบนุหะญัรฺ และนักหะดีษท่านอื่น ๆ กล่าวว่า: "ษิเกาะฮฺ"
        สรุป: สถานะของษาบิต อัล-บุนานีย์คือ "ษิเกาะฮฺ"

สถานะของหะดีษ
   สายรายงานนี้เป็นสายรายงานที่ "เฎาะอีฟมาก" เนื่องจากมีนักรายงานชื่อดาวูด อิบนุ อัล-มุหับบัรฺ ซึ่งนักหะดีษได้ตำหนิความน่าเชื่อถือของเขาอย่างหนัก ฉะนั้นสายรายงานนี้จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานและไม่สามารถนำมาสนับสนุนสายรายงานอื่น ๆ ได้.


















3. สายรายงานกะษีรฺ อิบนุ สุลัยมฺ

   ท่านอนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า:
«كان رسول الله صلى الله عليه و سلم إذا قضى صلاته مسح جبهته بيمينه ثم يقول: بسم الله الذي لا إله غيره اللهم أذهب عني الهم والحزن ثلاثا»
ความว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อท่านได้ละหมาดเสร็จ ท่านจะลูบหน้าผากของท่านด้วยมือขวา หลังจากนั้นท่านจะกล่าวว่า:
«بسم الله الذي لا إله غيره اللهم أذهب عني الهم والحزن»
"ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ โอ้อัลลอฮฺโปรดปัดความเศร้าและเสียใจออกจากตัวฉันด้วยเถิด" สามครั้ง.

ตัครีจญ์หะดีษ
สายรายงานนี้บันทึกโดยอิบนุอะดีย์ในหนังสือ "อัล-กามิล ฟิ อัฎ-ฎุอะฟาอ์" 6/63. ด้วยสายรายงานถึงอิบนุซะรีหฺ จากญุบาเราะฮฺ จากกะษีรฺ จากอนัส.

ข้อมูลนักรายงานหะดีษ
1. อิบนุซะรีหฺ (เสียชีวิตฮ.ศ. 307)
    มีชื่อจริงว่ามุหัมมัด อิบนุ ศอลิหฺ อิบนุ ซะรีหฺ อัล-บัฆดาดีย์ อัล-อุกบะรีย์
    อัด-ดาเราะกุฏนีย์กล่าวว่า: "ชัยคฺ"
    อัล-เคาะฏีบ อัล-บัฆดาดีย์กล่าวว่า: "ษิเกาะฮฺ"
    อัซ-ซะฮะบีย์กล่าวว่า: "อัล-อิมาม อัล-มุตกิน อัษ-ษิเกาะฮฺ"
    และท่านได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า: "นักหะดีษให้ความน่าเชื่อถือแก่เขา และเอา –การรายงานของ- เขามาเป็นหลักฐาน"
    สรุป: สถานะของอิบนุซะรีหฺคือ "ษิเกาะฮฺ"

2. ญุบาเราะฮฺ อิบนุ อัล-มุฆ็อลลิส (เสียชีวิตฮ.ศ. 241)
    อัล-บุคอรีย์กล่าวว่า: "มุฎเฏาะริบ อัล-หะดีษ"
    อบูดาวูดกล่าวว่า: "ฉันไม่บันทึกหะดีษจากเขา ในบรรดาหะดีษของเขานั้นมุงกัรฺ"
    ยะหฺยา อิบนุ มะอีนกล่าวว่า: "ญุบาเราะฮฺคือจอมโกหก"
    อับดุลลอฮฺ อิบนุ อะหฺมัดกล่าวว่า: "ฉันได้เสนอบรรดาหะดีษที่ฉันได้ฟังมันจากญุบาเราะฮฺแก่พ่อของฉัน (นั่นคืออิมามอะหฺมัด) แล้วท่านก็ปฏิเสธบางส่วนของหะดีษ และท่านได้กล่าวว่า: "เหล่านี้เป็นหะดีษเมาฎูอฺ"
    อิบนุอัน-นุมัยรฺกล่าวว่า: "เขาได้กุหะดีษแล้วรายงานมัน"
    อิบนุหะญัรฺกล่าวว่า: "เฎาะอีฟ"
    สรุป: สถานะของญุบาเราะฮฺ อิบนุ อัล-มุฆ็อลลิสคือ "เฎาะอีฟ" และอาจถึงขั้น "เฎาะอีฟมาก".

3. กะษีรฺ อิบนุ สุลัยมฺ อบูหาชิม (เสียชีวิตฮ.ศ.)
    อัล-บุคอรีย์กล่าวสายรายงานของกะษีรฺจากท่านอนัสว่า: "มุงกะรุลหะดีษ"
    อิบนุลมะดีนีย์, อบูหาติม, อบูดาวูด, อัด-ดาเราะกุฏนีย์, กล่าวว่า: "เฎาะอีฟ"
    ยะหฺยา อิบนุ มะอีนกล่าวว่า: "ไม่อนุญาตให้บันทึกหะดีษจากเขา"
    อัน-นะสาอีย์กล่าวว่า: "มัตรูก"
    สรุป: สถานะของกะษีรฺ อิบนุ สุลัยมฺคือ "เฎาะอีฟ" และอาจถึงขั้นเฎาะอีฟมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรายงานของเขาถึงท่านอนัส ดั่งที่ท่านอิมามอัล-บุคอรีย์ได้กล่าวไว้.

สถานะของหะดีษ
สายรายงานนี้เป็นหะดีษที่เฎาะอีฟมาก เนื่องจากมีนักรายงานถึง 2 คนที่เฎาะอีฟ และมีนักหะดีษบางคนที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในความน่าเชื่อถือ อีกทั้งสายรายงานนี้เป็นสายรายงานที่กะษีรฺ อิบนุ สุลัยมฺ รายงานจากท่านอนัส ซึ่งท่านอิมามอัล-บุคอรีย์กล่าวว่าการรายงานของกะษีรฺ อิบนุ สุลัยมฺ จากท่านอนัสนั้นเป็นสายรายงานที่ "มุงกัรฺ" ซึ่งจัดอยู่ในสายรายงานที่ "เฎาะอีฟมาก"










ข้อสรุป

หะดีษการลูบหน้าผากหรือลูบหน้าหลังจากละหมาดเสร็จถือเป็นหะดีษที่เฎาะอฟีมาก ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้
ท่านอิบนุเราะญับกล่าวว่า "สายรายงานทั้งหมด – ที่เกี่ยวกับการลูบหน้าผากหรือลูบหน้าหลังจากละหมาดเสร็จ - จากท่านอนัสนั้น "วาฮิยะฮฺ " .  นั่นคือ เฎาะอีฟมาก ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานและไม่สามารถนำมาสนับสนุนสายรายงานอื่นได้.
























บรรณานุกรม

1. ดาวูด อิบนุ อับดุลลอฮฺ อัล-ฟะฏอนีย์. มปป. มุนยะตุล มุศ็อลลีย์. กรุงเทพ: มักตะบะฮฺ วะ มัฏบะอะฮฺ มุหัมมัด อัน-นะฮฺดีย์ วะ เอาลาดิฮฺ.
2. อบูนุอัยมฺ. อะหฺมัด อิบนุ อับดุลลอฮฺ อัล-อัศฟะฮานีย์. ม.ป.ป. ซิกรฺ อัคบารฺ อัศบะฮาน. เบรุต : ดารฺ อัล-กิตาบ อัล-อิสลามีย์.
3. อบูนุอัยมฺ. อะหฺมัด อิบนุ อับดุลลอฮฺ อัล-อัศฟะฮานีย์. 1984. หิลยะฮฺ อัล-เอาลิยาอฺ. พิมพ์ครั้งที่ 4. เบรุต : ดารฺ อัล-กิตาบ อัล-อะเราะสูลุลลอฮฺบีย์.
4. อบูนุอัยมฺ. อะหฺมัด อิบนุ อับดุลลอฮฺ อัล-อัศ-บะฮานีย์. 1984. อัฎ-ฎุอะฟาอ์. กาซาบลังกา: ดารฺ อัษ-ษะกอฟะฮฺ.
5. อะหฺมัด อิบนุ หันบัล อัช-ชัยบานีย์. 1988. อัล-อิลัล วะ มะอฺริฟะฮฺ อัรฺ-ริญาล. พิมพ์ครั้งที่1. เบรุต: อัล-มักตับ อัล-อิสลามีย์.
6. อัช-เชากานีย์. มุหัมมัด อิบนุ อะลีย์ อิบนุ มุหัมมัด อัช-เชากานีย์. ม.ป.ป. อัล-ฟะวาอิด อัล-มัจญ์มูอะฮฺ ฟิล อะหาดีษ อัล-เมาฎูอะฮฺ. เบรุต: ดารฺ อัล-กุตุบ อัล-อิลมิยฺยะฮฺ.
7. อัซ-ซะฮะบีย์. มุหัมมัด อิบนุ อะหฺมัด อิบนุ อุษมาน อัซ-ซะฮะบีย์. 1985. สิยัรฺ อะอฺลาม อัน-นุบะลาอ์. พิมพ์ครั้งที่3. เบรุต: มุอัสสะสะฮฺ อัรฺ-ริสาละฮฺ.
8. อัซ-ซะฮะบีย์. มุหัมมัด อิบนุ อะหฺมัด อัซ-ซะฮะบีย์. 1995. มีซาน อัล-อิอฺติดาล. พิมพ์ครั้งที่1. เบรุต: ดารฺ อัล-กุตุบอั ล-อิลมิยฺยะฮฺ.
9. อัฏ-เฏาะบะรอนีย์. สุลับมาน อิบนุ อะหฺมัด. 1994. อัล-มุอฺญัม อัล-เอาสัฏ. พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร: ดารฺ อัล-หะเราะมัยนฺ.
10. อัฏ-เฏาะบะรอนีย์. สุลับมาน อิบนุ อะหฺมัด. 1993. อัด-ดุอาอ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. เบรุต: ดารฺ อัล-กุตุบ อัล-อิลมิยฺยะฮฺ.
11. อัล-เคาะฏีบ อัล-บัฆดาดีย์. อะหฺมัด อิบนุ อะลีย์ อบูบักรฺ อัล-เคาะฏีบ อัล-บัฆดาดีย์. มปป. ตารีค บัฆดาด. เบรุต: ดารฺ อัล-กุตุบ อัล-อิลมิยฺยะฮฺ.
12. อัล-มิซซีย์. ยูสุฟ อิบนุ อัล-ซะกีย์ อับดุรฺเราะหฺมาน อบุลหัจญาจญ์ อัล-มิซซีย์. 1980. ตะฮฺซีบุล กะมาล. พิมพ์ครั้งที่1. เบรุต: มุอัสสะสะฮฺ อัรฺ-ริสาละฮฺ.
13. อัล-หัยษะมีย์. นูรุดดีน อะลีย์ อิบนุ อบีบักรฺ อัล-หัยษะมีย์. 1991. มัจมะอฺ อัซ-ซะวาอิด. เบรุต: ดารุลฟิกฺรฺ.
14. อัล-อาญุรฺรีย์. มุหัมมัด อิบนุ อลีย์ อัล-อาญุรฺรีย์. 1979. สุอาลาต อบี อุบัยดฺ อัล-อาญุรฺรีย์ อบา ดาวูด อัส-สิญิสตานีย์. พิมพ์ครั้งที่1. มะดีนะฮฺ: มหาวิทยาลัยอิสลาม มะดีนะฮฺ.
15. อัส-สุละมีย์. มุหัมมัด อิบนุ อัล-หุสัยนฺ อัน-นัยสาบูรีย์ อัส-สุละมีย์. 2006. สุอาลาต อัส-สุละมีย์ ลิดดาเราะกุฏนีย์. ซาอุดีอารเบีย: อัล-ญะรีย์.
16. อิบนุ เราะญับ. อัลดุรฺเราะหฺมาน อิบนุ อะหฺมัด อิบนุ เราะญับ อัล-หันบะลีย์. 2001. ฟัตหุลบารีย์. พิพม์ครั้งที่2. ซาอุดีอารเบีย: ดารฺ อิบนุลเญาซีย์.
17. อิบนุสัมอูน. อบู อัล-หะสัน มุหัมมัด อิบนุ อะหฺมัด อัล-บัฆดาดีย์. 2002. อัล-อะมาลีย์. เบรุต: ดารฺ อัล-บะชาอิรฺ อัล-อิสลามิยฺยะฮฺ.
18. อิบนุหะญัรฺ. อะหฺมัด อิบนุ อะลีย์ อิบนุ หะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์. 1995. ตักรีบ อัต-ตะฮฺซีบ. พิมพ์ครั้งที่1. ริยาฎ: ดารฺ อัล-อาศิมะฮฺ.
19. อิบนุอัล-เญาซีย์. อบุลฟะร็อจญ์ อับดุรฺเราะหฺมาน อิบนุ อะลีย์ อิบนุล เญาซีย์. 1981. อัล-อิลัล อัล-มุตะนาฮิยะฮฺ ฟิล อะหาดีษ อัล-วาฮิยะฮฺ. พิมพ์ครั้งที่2. ปากีสถาน: อิดาเราะฮฺ อัล-อุลูม อัล-อะษะริยฺยะฮฺ.
20. อิบนุ อัส-สุนนีย์. อบูบักรฺ อะหฺมัด อิบนุ มุหัมมัด อัด-ดัยนะวะรีย์. มปป. อะมัล อัล-เยามฺ วะ อัล-ลัยละฮฺ. ดามัสกัส : มักตะบะฮฺ ดารฺ อัล-บะยาน.
21. อิบนุอบีชัยบะฮฺ. มุหัมมัด อิบนุ อุษมาน อิบนุ อบีชัยะฮฺ. 1983. สุอาลาต อิบนิ อบีชัยบะฮฺ ลิ อะลีย์ อิบนุล มะดีนีย์. ริยาฎฺ: มักตะบะฮฺ อัล-มะอาริฟ.
22. อิบนุ อบีหาติม. อับดุรฺเราะหฺมาน อิบนุ อบีหาติม. 1952. อัล-ญัรฺหฺ วัต ตะอฺดีล. พิมพ์ครั้งที่1. เบรุต: ดารฺ อัล-อิหฺยาอ์ อัต-ตุรอษ อัล-อะเราะบีย์.
23. อิบนุอบียะอฺลา. อบุลหุสัยนฺ อิบนุ อบียะอฺลา. ม.ป.ป. เฏาะบะกอต อัล-หะนาบิละฮฺ. เบรุต: ดารฺ อัล-มะอฺริฟะฮฺ.
24. อิบนุอะดีย์. อับดุลลอฮฺ อิบนุ อะดีย์ อิบนุ อับดุลลอฮฺ อัล-ญุรฺญานีย์. 1988. อัล-กามิล ฟิ อัฎ-ฎุอะฟาอ์. พิพม์ครั้ง3. เบรุต: ดารฺ อัล-ฟิกรฺ.















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 10, 2010, 09:01 PM โดย al-azhary »
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 06:07 PM »
0
เพื่ออะไร?

มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 06:39 PM »
0
คำตอบของ อ.อาลี เสือสมิง

การลูบหน้าหลังการให้สล่ามครั้งที่สองนั้น  เข้าใจว่าอาศัยหลักฐานจากหะดีษที่รายงานโดยท่านอนัส  อิบนุมาลิก  (ร.ฎ.)  ซึ่งมีใจความว่า  :  ปรากฏว่าท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เมื่อท่านเสร็จสิ้นการละหมาดของท่าน  ท่านได้ลูบหน้าผากของท่านด้วยมือขวา  แล้วกล่าวว่า  : 

أَشْهَدُ اَنْ لاَ إِلهَ اِلا الله الرَّحْمٰنُ الرحيمُ أللهُمَّ اذْهِبْ عَنِّى الْهَمَّ والحزنَ

ท่านอิบนุ  อัซซุนนีย์  บันทึกหะดีษนี้เอาไว้ในหนังสือ  “อัลเยาวฺม์  วัลลัยละฮฺ”  ของท่าน  (เลขที่  110)  ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฮ.)  ก็ระบุเอาไว้ในหนังสืออัลอัซฺก๊ารของท่านในหน้า  69  (อันนู๊ร  อัลอิสลามียะฮฺ  เบรุต) 


และอิบนุ  ซัมอูนในอัลอะมาลีย์  (ก๊อฟ 176/2)  อีกสายรายงานหนึ่งจากท่านอนัส  (ร.ฎ.)  เช่นกัน  โดยใช้สำนวนว่า  :  ปรากฏว่าท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เมื่อท่านละหมาดเสร็จ  ท่านได้ลูบหน้าผากของท่านด้วยฝ่ามือขวาและลูบผ่านบนใบหน้าของท่านจนมาถึงเคราของท่าน  แล้วกล่าวว่า  : 

بِسْمِ اللهِ الَّذِىْ لاَإِلهَ إِلاَّهُوَعَالِمُ الْغَيْبِ  إلخ

ซึ่งสายรายงานนี้อบูนุอัยฺม์  รายงานเอาไว้ในอัคบ๊าร  อัศบะฮาน  (2/104)  ในส่วนของสายรายงานแรกนั้น  ท่านอัลบัซซ๊าร,  อัฏฏอบรอนีย์ในอัลเอาซัฏ  และอิบนุ  อะดีย์ได้รายงานเอาไว้  ทั้งหมดรายงานจากท่านอนัส  (ร.ฎ.) 



นักวิชาการหะดีษได้วิเคราะห์สายรายงานของหะดีษข้างต้นแล้วได้สรุปว่าเป็นหะดีษที่อ่อนถึงอ่อนมาก  (ฎ่ออีฟ-ฎ่ออีฟ  ญิดดัน)  -ดูอัลฟุตูฮาตฺ  อัรร็อบฺบานียะฮฺ  อะลัล อัซก๊าร  อันนะวาวียะฮฺ  ;  ดารุ้ลฟิกริ  เล่มที่  2  หน้า  57)  โดยเฉพาะในสายรายงานของหะดีษที่  2  นั้น  มีดาวุด  อิบนุ  อัลมิฮฺบัรฺ  ปรากฏอยู่ซึ่งบุคคลผู้นี้  ท่านอิบนุ  ฮิบบาน  ระบุว่า  กุหะดีษโดยอ้างสายรายงานถึงผู้ที่ไว้ใจได้  (ซิกอตฺ)  -(ดูตัฟซีฮุชชะรีอะฮฺ  อัลมัรฟูอะฮฺ ; อิบนุ  อิร๊อก  อัลกินานีย์  เล่มที่  1  หน้า  59) 



และในสายรายงานของหะดีษแรก  ปรากฏว่ามีสลาม  อัฏฎ่อวีล  ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นนักกุหะดีษ  (อ้างแล้ว  1/64)  จากซัยดฺ  อัลอัมฺมีย์  ซี่งถูกกล่าวหาว่าเป็นนักกุหะดีษเช่นกัน  (อ้างแล้ว  1/62)  เมื่อเป็นเช่นนี้การลูบหน้าหลังการให้สล่ามครั้งที่สองจึงไม่มีหลักฐานส่งเสริมให้กระทำ  เพราะหลักฐานที่ระบุถึงการกระทำดังกล่าวมิใช่เป็นเพียงแค่หะดีษฎ่ออีฟ  (อ่อน)  เท่านั้นแต่ถึงขั้นฎ่ออีฟมาก ๆ หรือเป็นหะดีษเมาฎูอฺ  (หะดีษเก๊)  เลยทีเดียว 


จึงได้ข้อสรุปว่า  ไม่มีซุนนะฮฺให้ทำการลูบหน้าหลังการให้สล่ามครั้งที่  2  แต่อย่างใด 

http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=516.0

เพื่ออะไร?



เพื่อจะได้เลิกลูบหน้ากันไงหล่ะครับ เพราะไม่ใช่ซุนนะห์นบีแต่ประการใด แต่ก่อนตอนเด็กก็เคยลูบ แต่ศึกษาไปศึกษามา จึงเลิกลูบไปเลยอย่างสิ้นเชิง

ออฟไลน์ XO5--->>>SuNsHinE +_____+

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 179
  • เพศ: หญิง
  • I AM A MUSLIMAH
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 07:24 PM »
0
เหอะๆ

ตกลงยังไงกันแน่หว่า

 sad: sad: sad:

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 07:25 PM »
0
ก็เพราะศึกษาทางวัฮฮาบีไปวัฮฮาบีมา นั่นแหละ เลยเลิกลูบ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ muhibbah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 268
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 07:48 PM »
0
การลูบหน้าอย่างน้อยมันก้อมีฮาดิษบอก

แล้วไอ้ที่ไม่ลูบหน้าอ่ะมีฮาดิษมาห้ามไหม
แล้วบางคนหลังสลามแล้วจับแข้ง ลูบขา เกาตู.............ด
อันนั้น มิทราบว่าเอาซุนนะห์มาจากไหน
วู้.......................
 hihi: hihi: hihi: hihi:

ออฟไลน์ XO5--->>>SuNsHinE +_____+

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 179
  • เพศ: หญิง
  • I AM A MUSLIMAH
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 07:56 PM »
0
สรุปว่าลูบหน้า ต่อไป

 party: party: party:

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 08:12 PM »
0
ส่วนตัวถ้าละหมาดคนเดียวก้อไม่ลูบหน้าเนื่องจากยังหาหลังฐานให้ลูบหน้าไม่เจอ
แต่ก้อไม่ได้คิดว่าคนที่ลูบผิดอะไร เนื่องจากถึงจะสำพัธ์กับการละหมาด แต่ก้อเป็นเรื่องที่ละหมาดเสร็จแล้ว(การละหมาดสิ้นสุดเมื่อให้สลามครั้งแรก)ดังนั้นจึงพิจารณาไม่ได้ว่าผิดเรื่องอะไร
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 08:45 PM »
0
ถ้าวัฮฮาบีคิดได้แบบนั้นก็ดีสิ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ wahaba

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 219
  • สร้างรูปร่างให้พระเจ้าคือความเชื่อของวะฮาบีและยิว
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 08:56 PM »
0
เสียใจ วะห์บีคิดเรื่องสร้างสรรค์ไม่ค่อยเป็น  ::)

ออฟไลน์ wahaba

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 219
  • สร้างรูปร่างให้พระเจ้าคือความเชื่อของวะฮาบีและยิว
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 09:03 PM »
0

คำตอบ อ. al-azhary   ชัดเจนดีครับ
بسم الله الرحمن الرحيم


الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

การลูบหน้าหรือศีรษะเมื่อเสร็จสิ้นจากการละหมาดนั้น  ถือว่าเป็นสุนัต  หากผู้ใดที่ไม่ทำการลูบหน้า  จึงไม่สมควรไปตำหนิเขา  เนื่องจากมันเป็นสิ่งไม่วายิบ  และกลุ่มที่ไม่ลูบหน้า ก็ไม่สมควรไปกล่าวหาผู้กระทำว่าเป็นบิดอะฮ์   ส่วนกรณีที่วะฮาบีย์มักฮุกุ่มผู้อื่นในเรื่องการลูบเป็นบิดอะฮ์นั้น  เพราะพวกเขาถือว่า การปฏิบัติด้วยหะดิษฏออีฟ  เป็นบิดอะฮ์  ซึ่งผมคิดว่าจุดยืนของพวกเขานี้  ไม่สมควรที่จะเอาไปกำหนดกฏเกนฑ์ให้กับทัศนะอื่น  จนเป็นเหตุกล่าวหาบิดอะฮ์กับทัศนะอื่นจากตน  และพฤติกรรมดังกล่าว  ก็ไม่ได้เป็นแบบอย่างของสะละฟุศศอลิหฺ

وَعَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ أَنَّ الَّنِبيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ إِذَا صَلَّى وَفَرَغَ مِنْ صَلاَتِهِ مَسَحَ بِيَمِيْنِهِ عَلَى رَأْسِهِ وَقَالَ‏: ‏بِسْمِ اللهِ الَّذِيْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ هُوَ الرَّحْمَنُ الرَّحِيْمُ، اللَّهُمَّ أذْهَبْ عَنِّي الْهَمَّ وَالحَزَنَ‏‏

‏รายงานจาก ท่านอะนัส บิน มาลิก ว่า "แท้จริง ท่านนบี(ซ.ล.) เมื่อท่านได้ทำการละหมาด และเมื่อเสร็จสิ้นจากละหมาดนั้น ท่านได้เอามือขวาลูบที่ศรีษะของท่าน และกล่าวว่า "ด้วยพระนามของอัลเลาะฮ์ ผู้ซึ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงเมตตาปราณี โอ้ผู้อภิบาลของฉัน โปรดจงให้ความความโศกและความเศร้าหายไปจากฉันด้วยเถิด"

وَفِيْ رِوَايَةٍ‏:‏ مَسَحَ جَبْهَتَهُ بِيَدِهِ الْيُمْنَى وَقَالَ فِيْهَا‏:‏ ‏‏اللَّهُمَّ أذْهَبْ عَنِّي الْهَمَّ وَالْحَزَنَ‏

มีอีกรายงานหนึ่ง กล่าวว่า " ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ลูบหน้าผากของท่านด้วยมือขวา และกล่าวว่า "ด้วยพระนามของอัลเลาะฮ์ ผู้ซึ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงเมตตาปราณี โอ้ผู้อภิบาลของฉัน โปรดจงให้ความความโศกและความเศร้าหายไปจากฉันด้วยเถิด"

رَوَاهُ الطَّبَرَانِي فِي الأَوْسَطِ وَالَبزَّارُ بِنَحْوِهِ بِأَسَانِيْدِ، وَفِيْهِ زَيْدُ الْعَمِّى وَقَدْ وَثَّقَهُ غَيْرُ وَاحِدٍ وَضَعَّفهُ الْجُمْهُوْرُ، وَبَقِيَّةُ رِجَالِ أَحَدِ إِسْنَادَيِ الطَّبَرَانِي ثِقَاتٌ وَفِيْ بَعْضِهِمْ خِلاَفٌ‏

รายงานโดยท่าน อัฏฏ๊อบรอนีย์ ไว้ใน (มั๊วะญัม) อัลเอาซัฏ และท่าน อัลบัซซาร ก็ได้รายงานเหมือนกันนี้ ด้วยหลายสายรายงาน และในสายรายงานนั้น มี ท่านซัยดฺ อัล-อัมมีย์ ซึ่งเขานั้น มีนักหะดิษไม่ใช่คนเดียวเลย ที่ให้การเชื่อถือ ثقة กับเขา และส่วนมากกล่าวว่า เขานั้นฏออีฟ และนักรายงานที่เหลือจากทั้งสองสายรายงานของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์นั้น ต่างเชื่อถือได้ และในบางส่วนก็มีการขัดแย้งกัน " ดู หนังสือ มัจญฺมะอฺ อัลซะวาอิด ของท่าน นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ เล่ม 10 หน้า 110 หะดิษที่ 16971 และ 16972

จากหะดิษที่กล่าวมานี้ มีสายรายงานที่ ฏออีฟ ถึงขั้นระดับที่สามารถนำมาปฏิบัติได้  เพราะมีนักรายงานที่เชื่อถือได้  และมีตัวผู้รายงานที่ถูกขัดแย้งกันว่า ฏออีฟบ้าง นักหะดิษบางท่านบอกว่าเขาเชื่อถือได้บ้าง  ท่านอิมามอันนะวาวีย์จึงนำมาระบุไว้ในหนังสือ อัล-อัซการ ของท่านในการนำมาปฏิบัติเรื่องคุณค่าอะมัล  และการนำหลักฐานฏออีฟ มาใช้ในเรื่อง คุณงามความดีนั้น ก็เป็นมติของนักปราชญ์หรือเป็นทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมาก ทั้งสะลัฟ และ คอลัฟ

والله أعلى وأعلم

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 09:06 PM »
0
มันเก่งกว่าอีมามนาวาวี
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 09:09 PM »
0
 salam

ถ้าจะลูบหน้าก็ทำไปเถอะครับ  เพราะฮะดีษที่ฏออีฟมาก ๆ จนไม่อนุญาตให้ปฏิบัติคุณงามความดีนั้น หมายถึง ฮะดีษต้องไม่เมาฏั๊วะ!  บรรดาสายรายงานทั้งหลายที่ระบุถึงเรื่องการลูบหน้าพร้อมดุอานั้น  บ่งชี้ถึงการมีที่มาของตัวบทฮะดีษ  และไม่ถึงขั้นเมาฏั๊วะ  แต่อยู่ในระดับฏออีฟที่อยู่บ้านพื้นฐานของหลักการดุอา

ดังนั้นเราอย่าเลยเถิดเหมือนพวกวะฮาบีที่สนใจแต่เรื่องข้อปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ละเลยไม่เรื่องอะกีดะฮ์อันตรายที่ตนเองยึดอยู่  และอย่าเลยเถิดเหมือนกับพี่น้องมุสลิมบางส่วนที่ต้องลูบหน้าหากไม่ลูบแล้วไม่ได้  

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 10, 2010, 09:11 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ม.ค. 10, 2010, 09:15 PM »
0
เซ็นเซอร์ชื่อเว็บได้เนียนจริง เดาไม่ออกเลย 5555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged