ผู้เขียน หัวข้อ: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ  (อ่าน 14109 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

subson

  • บุคคลทั่วไป
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ม.ค. 11, 2010, 11:00 PM »
0

ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร

ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ


ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 02:06 AM »
0
สับสนมานอกประเด็นอีกแล้ว

มาแบบยาฮิลเลย

ไม่อยากจะตอบแต่อยากให้ลบข้อความนายสบสนทิ้งไปซะ เพราะมันคนละกระทู้กัน

เรื่องการที่นบีเห็นอัลลอฮฺตอนมิอฺรอจนั้น ยังมีคิลาฟระหว่าง ท่านหญิงอาอิชะฮฺและอิบนุอับบาสเลย

สับสนถ้าตั้งกระทู้ไม่ถูกที่ ผมเสนอว่าให้ทีมงานเวปไซลบทิ้งไปเลย เพราะสบสนเขียนเหมือนก่อกวน
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 05:59 AM »
0

ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร

ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ



ขอยืนยัน  ถ้าหากผมให้เวลา 3 ปีในการศึกษาอะกีดะฮ์สะละฟุศศอลิห์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์  ก็จะได้ผลสรุปว่า  วะฮาบีคือกลุ่มที่บิดอะฮ์และอุดมไปด้วยทัศนะต่าง ๆ ของพวกอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ในอดีต  จนอาจจะทำให้แต่งหนังสือได้เป็นเล่ม ๆ ว่า  วะฮาบีมีหลักอะกีดะฮ์ต่างกับอะห์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อย่างไร?

และอาจจะทำให้ผมมีความรู้ทะลุปุโปร่งเกี่ยวกับหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบี  ยิ่งกว่าวะฮาบีเมืองไทยในปัจจุบันก็เป็นได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 12, 2010, 06:05 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 06:35 AM »
0
อากีดอฮ แล้วไปยุ่งอะไรกับแฟกอฮมิทราบ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

subson

  • บุคคลทั่วไป
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 07:18 AM »
0
พวกสมุน มันสับสนจนหมดค่าที่จะสนทนาด้วย  แทนที่จะถาม อาจารตัวเอง ว่าการลูบหน้าเกี่ยวอะไรกับอากีดะ กลับมาถามเราซะงั้น

ส่วนอาจารย์  ค่อยเป็ยค่อยไปนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ   หากครบ 3ปี แล้วยังหาไม่ได้  ผมต่อเวลาให้อีก 2 ปี

ระดับอาจารย์ไม่จำเป็นที่จะต้องขยายความภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย (ไม่หลงประเด็น ไม่จำเป็นต้องอธิบาย)

และระดับอาจารย์  คงไม่ใช่คนขี้โม้ เบี่ยงเบนประเด็น เพื่อหลีกหนีปัญหา หรือเพื่อให้ตัวเองดูดีหรอกนะ   อีก 3ปี ผมจะมาดู  ระหว่างจะนิ่งเฉย



ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร
ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 07:23 AM »
0
พวกสมุน มันสับสนจนหมดค่าที่จะสนทนาด้วย  แทนที่จะถาม อาจารตัวเอง ว่าการลูบหน้าเกี่ยวอะไรกับอากีดะ กลับมาถามเราซะงั้น

ส่วนอาจารย์  ค่อยเป็ยค่อยไปนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ   หากครบ 3ปี แล้วยังหาไม่ได้  ผมต่อเวลาให้อีก 2 ปี

ระดับอาจารย์ไม่จำเป็นที่จะต้องขยายความภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย (ไม่หลงประเด็น ไม่จำเป็นต้องอธิบาย)

และระดับอาจารย์  คงไม่ใช่คนขี้โม้ เบี่ยงเบนประเด็น เพื่อหลีกหนีปัญหา หรือเพื่อให้ตัวเองดูดีหรอกนะ   อีก 3ปี ผมจะมาดู  ระหว่างจะนิ่งเฉย



ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร
ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ



ครับผม จะหาหลักฐานและเขียนเป็นตำราเพื่อยืนยันว่า วะฮาบีมีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์  ขัดแย้งกับสะลัฟ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ไม่เกินสามปีหรอก  เพราะผมเขียนเกริ่นเป็นโครงไว้แล้ว  ช่วยดุอาให้ด้วย

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 07:34 AM »
0
พวกสมุน มันสับสนจนหมดค่าที่จะสนทนาด้วย  แทนที่จะถาม อาจารตัวเอง ว่าการลูบหน้าเกี่ยวอะไรกับอากีดะ กลับมาถามเราซะงั้น

ส่วนอาจารย์  ค่อยเป็ยค่อยไปนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ   หากครบ 3ปี แล้วยังหาไม่ได้  ผมต่อเวลาให้อีก 2 ปี

ระดับอาจารย์ไม่จำเป็นที่จะต้องขยายความภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย (ไม่หลงประเด็น ไม่จำเป็นต้องอธิบาย)

และระดับอาจารย์  คงไม่ใช่คนขี้โม้ เบี่ยงเบนประเด็น เพื่อหลีกหนีปัญหา หรือเพื่อให้ตัวเองดูดีหรอกนะ   อีก 3ปี ผมจะมาดู  ระหว่างจะนิ่งเฉย



ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร
ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ




ดูเหมือนว่าคุณ สับสน จะดูท่า สับสน จริงๆ สมชื่อไปสะแล้ว  นี่เป็นหัวข้อที่คุยกันในเรื่องการลูบหน้าหลังสลามในละหมาด

แต่พอตัวเองแก้ต่างไม่ได้ก็พูดไปเรื่องอื่น หากว่าหาหลักฐานมาหักล้างในเรื่องนี้ไม่ได้ ก็หยุดพูดไปสะเถอะครับ เพราะมันจะดูไร้มารายาทคับ

เค้าเรียกว่า ดันทุรัง นะครับ.....หากจะคุยเรื่องอะกีดะฮฺ ไปเข้ามาสักกระทู้เลยครับ อันไหนก็ได้ที่คุณอยากขอชี้แจง...ไม่ใช่มาปะปน

มั่วประเด็นแบบนี้ ....

อีกอย่างผมเห็น คุณสับสน ก็เอาแต่พูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อยๆ ยกข้อความ อ.มุรีด มาให้ดู  พอโดนชี้แจงไป คุณ สับสน ก็ไม่เห็นจะชี้แจงไรกลับมา

แบบมีวิชาการเลย มีแต่พูดไปลอยๆ ไม่เห็นมีหลักฐานในการคัดค้านสักอย่าง พูดมาด้วยความคิดตัวเองทั้งนั้น

ดังนั้น คุณ สับสน ไม่ต้องให้เวลาแก่บัง al-azhary ...3 ปี  ให้ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะฮฺ กันหรอกครับ

อย่ามัวแต่ใช้คนอื่นเลยครับ  ผมว่าคุณ สับสน ก็ควรจะให้เวลาตัวเองสัก 10 หรือ 20 ปี เพื่อศึกษาวิชาศาสนาเพิ่มเติมเหมือนกันครับ....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 12, 2010, 07:40 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 08:34 AM »
0
 salam
^
"เราไม่ได้ลูบหน้าเฉยๆ"

แสดงว่าท่านไม่ได้ลูบใช่มั้ย

อ่านเเล้ว รู้สึกว่าวะฮาบี ที่เอาเเต่อ้างทำตามซุนนะฮฺๆนี่ อันตรายจริงๆ
ผมไม่มีความรู้อะไรมากเหมือนพี่น้อง

เเต่พ่อเคยสอนตอนเด็กๆ ว่าละหมาดนั้น สิ้นสุดที่การให้สลาม
พ่อบอกมาเเบบนี้ครับ
เเล้วพ่อก็บอกว่า นบีก็บอกเเค่นี้จริงๆ

ใครจะลูบ ไม่ลูบ เป็นคำตอบให้อัลลอฮฺเเล้วกัน ไม่ดีกว่าหรอครับพี่น้อง
บอกอัลลอฮฺ เเล้วบอกด้วยว่า ทำเพราะอะไร เอามาจากไหน เเละมั่นใจเเล้วไช่ไหมว่า นบีทำเเบบนั้น

ด้วยความเครพครับ
เเด่ปัญญาชาผู้ศรัทธา... :-[


แสดงว่านี้ก็อีกคนที่ไม่ลูบใช่มั๊ย


ผมไม่อยากให้พี่น้องเอาเรื่องการลูบหน้าหรือไม่ลูบหน้ามาใช้แบ่งแยกว่าใครเป็นพวกไหน ผมไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรที่พี่น้องมัซฮับชาฟิอียฺบางคนจะไม่ลูบหน้าหลังละหมาด อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งละ เพราะคนแต่ละคนอาจมีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน ในเมื่อมันเป็นเรื่องสุนัต ก็ไม่ควรตำหนิคนที่ไม่ทำ

ผมจะขอยกตัวอย่างอีกประเด็น เช่น การยกมือตักบีรขณะอิอฺติดาล มีหะดีษที่กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่านบีทำ แต่ในความเป็นจริงพบว่า บางคนก็ทำ บางคนก็ไม่ทำ ก็ไม่เห็นจะมีใครเป็นเดือดเป็นร้อน และทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา แต่พอเป็นเรื่องลูบหน้าหลังละหมาด กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เอามาใช้เป็นเรื่องแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ใครเข้าใจช่วยบอกที

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 09:27 AM »
0
 salam
          สำหรับในมุมมอง(ส่วนตัว)ของผม(ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องของศาสนาอิสลามอะไรมากมายนัก)นั้น ผม(ที่อยากเล็งเห็นและอยากสร้างความเป็นพี่น้องแห่งอิสลามทั้งหลายให้ได้(มากที่สุด)ในอนาคตนั้น)ขอพูด(สื่อเป็นตัวอักษรไปยังพี่น้องเราท่านทั้งหลายหากว่าเราท่านทั้งหลาย)โดยภาพรวมทั้งหมด(ไม่ขอหนักฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจากเรื่องราวดังกล่าว)ที่ผ่านมาในหัวข้อดังกล่าวนี้ว่า หากจะมีการพูดคุยเสวนากันในเรื่องของอะกีดะฮ์ในศาสนาอิสลาม และปัญหาคิลาฟียะฮ์ต่างๆแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหลักหรือปลีกย้อยก็ตาม

          ผม(อัสสะตูลีย์)ก็อยากขอนำเสนอให้เราท่านทั้งหลายมีการพูดคุยเสวนากันอย่างมีเหตุและผล และหากจะนำเสนอข้อมูลเนื้อหาสาระและหลักฐานอ้างอิงแล้วนั้น ก็ขอให้อยู่ในเชิงวิชาการตามมุมมองและวิชาความรู้ของแต่ละบุคคล และหากจะถามหรือซักถาม ก็ถามให้ตรงประเด็น และหากจะทำการชี้แจงก็ทำการชี้แจงไปตามหลักการและเหตุผลตามข้อมูลและหลักฐาน และหากว่าต้องการจะพอดพิงก็ขอให้เป็นไปตามระเบียบและมารยาทของการเสวนาของเว็บไซต์แห่งนี้ และอะไรสมควรอยู่ในเรื่องประเด็น และอะไรสมควรอยู่นอกเรื่องประเด็น ต้องทำความเข้าใน ณ ประเด็นตรงนี้ให้ดีเป็นอย่างยิ่ง และอะไรก็ตามอีกที่เราท่านทั้งหลายต้องการอีกนอกจากนี้ ก็ขอให้อยู่ในกรอบและข่ายของการพูดคุยและเสวนาอย่างมีเหตุและผลที่ดีมีคุณประโยชน์ทางวิชาความรู้และทางการปฏิบัติต่อไป และอย่ามาบอกว่า อย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้ต่อการพูดคุยเสวนา เพื่ออะไรทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่นอกกรอบและข่ายหรือเหตุและผลน่ะครับ

          และสำหรับการศึกษาเล่าเรียนนั้น มีทั้งที่ศึกษาเรื่องศาสนาและทั่วไป ดังนั้น เราต้องมีการศึกษาเล่าเรียนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม (เพราะแต่ละคนมีระดับวิชาความรู้ ความคิดความอ่าน และประสบการณ์ไม่เท่ากัน ดังนั้น ความสำเร็จของแต่ละคนในโลกนี้จึงต่างกัน และความสำเร็จในโลกหน้าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) แต่ที่เป็นจุดที่ดีที่สุด นั้นคือการศึกษาเล่าเรียนกับบรรดาผู้รู้(ตัวเป็นๆ) ไม่ว่าจะเป็น่พ่อแม่, ครูบาอาจารย์ก็ตาม และการศึกษาจากแหล่งศึกษาและสื่อศึกษาต่างๆนั้นเอง ซึ่งระยะการศึกษาเล่าเรียนของแต่ละคนจะไม่มีการสิ้นสุดก็ต่อเมื่อยังไม่ถึงวาระสุดท้ายของชิวิตตน เพราะมนุษย์ชอบที่จะเรียนรู้ อยากรู้อยากลอง อยากทดสอบ และอื่นๆ เพื่อเฟ้นหาคำตอบนั้นเอง

          หวังว่า จะเข้าใจในมุมมอง(ส่วนตัว)ของผมโดยรวมทั้งหมดก่อนน่ะครับ ที่อยากจะเห็นถึงสถานะภาพและสถาพการณ์ต่อการเป็นพี่น้องอิสลาม ที่ต่างคนต่างก็อยากเห็นกันนักกันหนา หรือว่าอย่ามาบอกว่า อะไรกันอีกล่ะครับ ! เพราะหากว่าเราไม่มาคุยกันแบบจับเข่าคุยล่ะก็ เรื่องต่างๆและปัญหาต่างๆก็ยังเป็นแบบตัวอักษรต่อไป แต่หากต้องการเห็นเป็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ต้องจับเข่าคุย(กล่าวคือ การพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนทัศนะหรือมุมมองความรู้ของแต่ละคนอย่างใกล้ชิดระหว่างกัน)บนความเป็นพี่น้องอิสลามในวิชาการ ไม่ใช่เพื่อเอาชนะหรือแพ้กันไปคนละข้างกัน(หวังว่าประโยคนี้ จะเข้าใจหรือทำความเข้าใจอย่างดีและบริสุทธิ์ใจกันก่อนน่ะครับ พยายามมองให้รอบตัว หากจะพาดพิงประโยคนี้) แต่ก็เพื่อหาข้อสรุปหรือทำความเข้าใจหรือปรับความเข้าใจต่อหลากหลายประเด็นทั้งหลายทั้งปวงครับผม

          และผมก็จะติดตามการนำเสนอของแต่ละท่านทั้งหลาย เพื่อนำเอาวิชาความรู้และประสบการณ์ที่ดี ถูกต้อง และมีคุณค่าคุณประโยชน์บนหลักการพื้นฐานและเหตุผลสืบไป...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะห์มะตุลลอฮิ วะบะเราะกาตุฮฺ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 12, 2010, 09:58 AM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 10:35 AM »
0
พวกสมุน มันสับสนจนหมดค่าที่จะสนทนาด้วย  แทนที่จะถาม อาจารตัวเอง ว่าการลูบหน้าเกี่ยวอะไรกับอากีดะ กลับมาถามเราซะงั้น

ส่วนอาจารย์  ค่อยเป็ยค่อยไปนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ   หากครบ 3ปี แล้วยังหาไม่ได้  ผมต่อเวลาให้อีก 2 ปี

ระดับอาจารย์ไม่จำเป็นที่จะต้องขยายความภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย (ไม่หลงประเด็น ไม่จำเป็นต้องอธิบาย)

และระดับอาจารย์  คงไม่ใช่คนขี้โม้ เบี่ยงเบนประเด็น เพื่อหลีกหนีปัญหา หรือเพื่อให้ตัวเองดูดีหรอกนะ   อีก 3ปี ผมจะมาดู  ระหว่างจะนิ่งเฉย



ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร
ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ



ครับผม จะหาหลักฐานและเขียนเป็นตำราเพื่อยืนยันว่า วะฮาบีมีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์  ขัดแย้งกับสะลัฟ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ไม่เกินสามปีหรอก  เพราะผมเขียนเกริ่นเป็นโครงไว้แล้ว  ช่วยดุอาให้ด้วย



ผมจะช่วยขอดุอาให้หนังสือเสร็จไว้ๆๆๆ
จะได้ซื้อฝากที่ชมรมด้วย
ขอจองไว้ล่วงหน้า
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 12:08 PM »
0
^
^
อย่าไปให้ความสำคัญกับคุณสับสนที่สับสนในเรื่องอากีดะตัวเองเลยครับ..........

          ท่าน "อัล-อุม" ครับผม หากประโยคล่าสุดของท่านอ้างอิงถึงผมแล้วนั้น ก็จงทำความเข้าใจดังนี้ครับ ในสิ่งที่ผมได้กล่าวถึงมานั้น ไม่ได้ให้น้ำหนักฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เป็นการกล่าวด้วยกับความหวังต่อการเป็นพี่น้องแห่งอิสลามต่อกัน (ถึงแม้นว่าจะด้วยเหตุและผลที่ต่างกันหรือไม่ก็ตามที แต่ผมก็มีเหตุและผลที่ได้พูดออกไปเช่นนั้นเหมือนกัน แม้นว่าพี่น้องหลากหลายท่านอาจจะมีมุมมองที่ไม่เหมือนผมบ้างก็ตามแต่ แต่สำหรับผมแล้วนั้น ผมก็มีจุดยืนและมีความคาดหวังหนึ่งในสิ่งที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ถึงแม้นว่า มันจะดูเลือนลางบ้างก็ตาม แต่หากไม่ทำ(เรียนรู้และปฏิบัติ)เป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ดูก่อน แล้วจะรู้ผล(สัมฤทธิ์)ได้อย่างไร ?)

          และเป็นการพูดนำเสนอหรือการคุยเสวนา เพื่อเป็นการตัดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีหรือเลวร้ายหลังจากนี้เป็นต้นไป ต่อการพูดคุย(พิมพ์)เสวนาลงในกระทู้ในนี้ แต่ทว่า ผมก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งหรือจะบังคับมุมมองต่อการคุยของแต่ละคนต่อการนำเสนอในที่นี้ได้หรอก นอกเสียจากว่า คำพูดคำกล่าวของแต่ละบุคคล อยู่ที่เจตนารมณ์(นียะฮ์)และมุมมองต่อการคำนึงและตระหนักของทุกๆคำพูดของแต่ละบุคคลเท่านั้น ที่จะมีผลดีหรือผลเสียต่อไปข้างหน้า เพราะอยู่ที่การเลือกเฟ้นต่อการกระทำของเราท่านทั้งหลาย โดยที่ผมเองก็ต้องรับผิดชอบกับทุกคำพูดคำกล่าวของผมเอง และสำหรับคำพูดคำกล่าวอื่นๆนั้น ของใครก็ต้องรับผิดชอบกันไปตามแต่คำพูดคำกล่าวของแต่ละบุคคลนั้นๆนั่น่เอง อยู่ที่ว่าคำพูดคำกล่าวนั้นๆจะมีผลดีและผลเสียอย่างไรเท่านั้นเอง หากไม่มีผลเสียก็ดีเยี่ยมและมีคุณค่าต่อไป แต่หากว่ามีผลเสียล่ะก็ นี่แหละจุดเริ่ม(ต้นต่อ)ของปัญหานั้นๆ

          และเป็นเพราะว่า หลังจากนี้ ผมมีความหวั่นว่า จะมีการโทษกันไปกันมา โยนกันไปโยนกันมา หรือพูดง่ายๆก็คือ สาดโคลนเข้าใส่กัน ด้วยเรื่องต่างๆนานา โดยปราศจากมูลเหตุหรือเหตุและผลที่ถูกต้องหรือเหมาะสมต่อประเด็นนั้นๆ นั้นแหละ ที่ผมไม่ต้องการเห็นและไม่ใช่เป้าหมายของผมที่ต้องการเช่นนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราท่านทั้งหลายจะเข้าใจในจุดตรงนี้ ถึงแม้ว่าพี่น้องจะมองต่างมุมจากผมบ้างสักทีก็ตาม

          และที่เล็งเห็นว่าไม่ใช่พี่น้อง เพราะอย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้ หากไม่มองให้รอบด้านเสียก่อน แต่ก็มีที่เราท่านทั้งหลายก็ต้องระมัดระวัง แต่ไม่ใช่ด่วนสรุปเกินไป หรือจะมาล้อเล่น หยอกล้อกันในเรื่องของศาสนา หรือไม่ได้ทำความเข้าใจกันที่มีมูลเหตุความเป็นจริงเสียก่อน เพราะที่ผมได้กล่าวเช่นนี้ เพราะว่า ผมไม่ขอด่วนสรุป ตราบใดที่ยังไม่จับเข่าคุย เพื่อความชัดเจนในบางประเด็นบางประการ
 
          ดังนั้น จงทำความเข้าใจให้ดีต่อประโยคต่างๆที่ผมได้นำเสนอ อาจจะดูแล้วไม่เข้าท่า หรือไม่สวยหรูต่อเป้าหมาย แต่มันก็เป็นความจากใจและปริสุทธิ์ในจริงครับผม ไม่ได้แอบอ้างหรือแอบแฝงอะไรทั้งสิ้น และขอบอกตรงๆว่า ไม่ได้อยากจะมานอกเรื่องหรือนอกประเด็น แต่หากเราท่านทั้งหลายดูว่านอกประเด็น ผมก็ต้องขอมะอาฟไว้ด้วยน่ะครับ

          และสุดท้าย ประเด็น "ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ ?" นั้น ส่วนตัว ผมมีความหวังว่า เราท่านทั้งหลายแต่ละคน ก็ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และศึกษาข้อมูลต่างๆอย่างมีเหตุและผลกันต่อไป และผู้ที่นำเสนอเพื่อมาเป็นข้อมูลต่อการเสวนาต่อการสนับสนุนหรือมาหักล้างกันนั้น ก็อยู่ในเชิงวิชาการหรืออยู่ในกรอบและข่ายของประเด็นนั้นๆ เพื่อจะเป็นข้อมูลที่มีเนื้อหาสาระต่อการศึกษาเล่าเรียนของหลากหลายคนสืบไป...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 12, 2010, 12:32 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 12:26 PM »
0
คุณสับสน นี่เป็นอุลามะ เพิ่งจบมาใหม่สินะ...

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 12:44 PM »
0

ไม่มีชาวซุนนะคนใดที่ขัดแย้งกันในเรื่องของอากีดะ  นอกจาก ชีอะ  อาชาอีรอฮ  มั๊วตาซิลลาฮ และกาเฟร

ผมให้เวลา al-azhary  3ปี ไปหาหลักฐานว่าชาวสลัฟเขาเคยขัดแย้งกันเรื่องอากีดะ



                วัลอิยาฑุบิลลาฮฺ ขออัลลอฮฺทรงชี้นำทางคุณสับสน สู่แนวทางที่ไม่สับสนด้วยเถิด อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน  no: เป็นหนักนะเนี่ยะคุณ อย่างนี้เค้าเรียกว่า เชื่ออุละมาอ์ของตัวเองแบบปิดหูปิดตา หรือตามแบบตาบอดหูหนวกของแท้เลย วัลอิยาฑุบิลลาฮิมินฑาลิก
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 03:26 PM »
0

กรณีที่  2  คือข้อชี้ขาดว่าด้วยการนำเอาหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติ  (حكم العمل به)  กรณีนี้นักวิชาการมีความเห็นต่างกัน  ตามทัศนะปวงปราชญ์ถือว่า  ส่งเสริม  (มุสตะฮับ)  ให้นำหะดีษฎ่ออีฟมาปฏิบัติในเรื่องความประเสริฐหรือกุศลกิจต่าง ๆ (فَضَاﺋﻞ الأَعمَال)  แต่มีเงื่อนไขอยู่  3  ประการตามที่อิบนุ  ฮะญัร  (ร.ฮ.)  ได้ระบุเอาไว้  คือ

1. ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง
2. หะดีษนั้นเข้าอยู่ภายใต้หลักมูลฐานที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว
3. ในขณะที่นำมาปฏิบัติ  จะต้องไม่ปักใจเชื่อ  (อิอฺติกอด)  ว่าหะดีษนั้นถูกต้องแข็งแรงและเป็นสิ่งที่แน่นอนเด็ดขาด  หากแต่เผื่อเอาไว้เท่านั้น

http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=552.0


คำว่า "ความอ่อนของหะดีษนั้น ๆ ต้องไม่รุนแรง"  หมายถึง  "ต้องไม่เป็นฮะดีษเมาฏั๊วะอฺ" ตามที่เป้าหมายที่ปราชญ์ฮะดีษได้ระบุไว้   ส่วนบรรดาฮะดีษเรื่องการลูบหน้าพร้อมดุอานั้น  ประมวลแล้วไม่ใช่ฮะดีษเมาฏั๊วะอฺ!  


ขนาดฮะดิษฏออีฟเกินไปหรือฏออีฟอย่างมาก  ก็ไม่อนุญาตนำมาเป็นฮะดิษฟาฏออิลเพื่อเป็นกำลังใจนะครับ   ;D   

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ม.ค. 12, 2010, 03:58 PM »
0
บังเกดต้องการจะสื่อถึงอะไรครับบอกด้วย

นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

 

GoogleTagged