ผู้เขียน หัวข้อ: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน  (อ่าน 9953 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: ม.ค. 23, 2010, 01:14 AM »
0
แช เพื่อนผมที่เรียนเกษตรสกลบอกจะไป ถ้าเจอยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะ ถามดูว่าเพื่อนผมหรือเปล่า
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: ม.ค. 23, 2010, 10:50 PM »
0
 salam


ไปงานมัสญิดมหาสารคาม กลับมาถึงบ้าน 3 ทุ่มครึ่ง

ฝากสลามจาก อิมรอน (เกษตร สกลนคร)ให้อิลฮามก่อน แล้วค่อยเล่า

ออกจากโคราช ล้อหมุน 7.30 น พี่น้องมุสลิม 10 คน กับคนขับรถตู้อีก 1 คน เดินทาง 250 กม. จากโคราช สู่ มหาสารคาม

ไปได้ไม่ถึง 50 กิโลเมตร มีเสียงเรียกร้องให้แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม เพราะผู้เดินทางสูงวัย เป็น แรงดันเลือดสูง กินยาขับปัสสาวะ

ต้องแวะถ่ายปัสสาวะ แต่ก็เลือกห้องน้ำนะจ๊ะ



ออกจากห้องน้ำที่ขอนแก่น เห็นเขาปั้นรูปไดโนเสาร์เอาไว้ ดูที่ส่วนหัวแล้วนึกถึงตัวกินไก่ เลยถ่ายรูปเอามาให้ เชค อิลฮามดู



อยากถามว่า ไอ้ตัวพันธุ์นี้ ถ้ามันยังไม่สูญพันธุ์ จะกินได้หรือเปล่า

เดี๋ยวมาต่อ

วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 23, 2010, 10:54 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: ม.ค. 23, 2010, 11:34 PM »
0
 salam

ก่อนจะเล่าเรื่องต่อไป ขอนำเสนอข้อมูลของจังหวัดมหาสารคาม เสียก่อน

มหาสารคามตั้งอยู่ตอนกลางของภาคอีสาน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 475 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 5,291 ตารางกิโลเมตร

บางทีก็เรียกชื่อว่า เมืองตักศิลา เมืองแห่งสถานศึกษา บางคนถือว่า เป็นสะดือของภาคอีสาน เพราะอยู่ตรงกลาง ห่างจากจังหวัดสำคัญ ๆ

ประมาณ 200+ กม. เกือบทุกจังหวัดมีชนหลายเผ่า เช่น ชาวไทยพื้นเมืองพูดภาษาอีสาน ชาวไทยย้อและชาวผู้ไท ประชาชนส่วนใหญ่

นับถือพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี "ฮีตสิบสอง"1 ประกอบอาชีพด้านกสิกรรมเป็นส่วนใหญ่

ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมีการไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันตามแบบของคนอีสานทั่วไป



อาณาเขต

 
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดกาฬสินธุ์

ทิศใต้ ติดกับจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์

ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดร้อยเอ็ด

ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดขอนแก่น

การปกครอง

แบ่งออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมืองมหาสารคาม กันทรวิชัย โกสุมพิสัย วาปีปทุม บรบือ พยัคฆภูมิพิสัย
 
นาเชือก เชียงยืน นาดูน แกดำ ยางสีสุราช อำเภอกุดรังและอำเภอชื่นชม

สถานศึกษาที่สำคัญ


1. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
http://www.web.msu.ac.th/aboutmsu.php

2. วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม
เลขที่ 10 ถนนผดุงวิถี
ตำบลในเมือง, อำเภอเมืองมหาสารคาม, มหาสารคาม 44000
086-6434801

3. มหาวิทยาลัยราชภัฎ มหาสารคาม
http://www.rmu.ac.th/

ประชากร (2551) 939,920 คน

ประชากรมุสลิม สอบถามจากอาจารย์จีระศักดิ์ โสะสัน ผู้สัมภาษณ์อีหม่ามลงในหนังสือที่ระลึกงานเปิดมัสญิดแล้ว

อาจารย์บอกว่า ที่เป็นมุสเตาเต็นนั้น ไม่ทราบตัวเลขแน่นอน คนละหมาดส่วนใหญ่เป็นมุกีมชาวพม่า ประมาณเกือบ 100 คน

มัสญิด


1.   มัสญิดกลาง(นูรุลเอียะหฺซาน) ที่ไปร่วมงานเปิดอาคารในครั้งนี้ อยู่ที่อำเภอเมือง และ

2.   มัสญิดเชียงยืน อยู่ที่อำเภอเชียงยืน ผู้ร่วมละหมาดส่วนใหญ่ก็เป็นพม่าอพยพเช่นกัน

กุบูรฺ ยังไม่มี ส่วนใหญ่ฝังที่ขอนแก่น อยู่ระหว่างโครงการจัดการ

ร้านอาหาร มี 1 ร้านที่ตลาดวุ่นวาย(เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียก) ไม่รู้ข้อมูลมากกว่านี้

แหล่งท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา แต่ที่เลือกไว้ คือ

1.   หมู่บ้านหัตกรรมบ้านหนองเขื่อนช้าง

    หมู่ที่ 7 ตำบลท่าสองคอน เป็นหมู่บ้านทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย ทำหมอนขิต นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมซื้อสินค้าที่ระลึกแห่งนี้ได้

การเดินทางจากตัวเมืองไปตามเส้นทางสายมหาสารคาม-โกสุมพิสัย ประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายระหว่างกิโลเมตรที่ 47-48

ไปตามทางลาดยางหมายเลข 1027 สู่บ้านโนนตาล เข้าไปอีก 2 กิโลเมตร จึงจะถึงหมู่บ้านหนองเขื่อนช้าง

2.   วนอุทยานโกสัมพี

      มีเนื้อที่ 125 ไร่ อยู่ในเขตอำเภอโกสุมพิสัย มีลักษณะเป็นสวนป่ามีต้นไม้หลายชนิด เช่น ต้นยางขนาดใหญ่ ต้นตะแบก

และยังมีลิงแสมฝูงใหญ่จำนวนหลายพันตัว มีลิงแสมขนสีทอง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หายาก ไม่ดุร้าย วนอุทยานโกสัมพีมีสิ่งที่น่าสนใจคือแก่งตาด

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคม น้ำจะตื้นเขินมองเห็นหินดาน และยังมีลานข่อย ซึ่งมีต้อนข่อยกว่า 200 ต้น ตกแต่ง ดัดแปลงเป็นไม้แคระตกแต่งเป็นรูปต่างๆ

3.   อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย

อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดและต้นไม้

หลายชนิด เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป

หมายเหตุ 1. ประเพณี ฮีต 12 (จารีต 12) หมายถึง
•   เดือนอ้าย หรือ เดือน 1 - บุญเข้ากรรม
•   เดือนยี่ หรือ เดือน 2 - บุญคูณลาน
•   เดือนสาม - บุญข้าวจี่
•   เดือนสี่ - บุญพระเวส
•   เดือนห้า - บุญสงกรานต์
•   เดือนหก - บุญบั้งไฟ
•   เดือนเจ็ด - บุญซำฮะ
•   เดือนแปด - บุญเข้าพรรษา
•   เดือนเก้า - บุญข้าวประดับดิน
•   เดือนสิบ - บุญข้าวสาก
•   เดือนสิบเอ็ด - บุญออกพรรษา
•   เดือนสิบสอง - บุญกฐิน

ชักง่วง จะพยายามเล่าต่อ

วัสสลาม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: ม.ค. 23, 2010, 11:37 PM »
0
เพื่อนผมก็โทรมาบอกเหมือนกันว่าเจอแช เขาบอกว่ารู้แชมาก่อนแล้ว
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 06:01 AM »
0
 salam

เดินทางราว 2 ชั่วโมงเศษก็เข้าสู่เขตจังหวัดมหาสารคาม จุดท่องเที่ยวแรกที่ผ่านคือ วนอุทยานโกสัมพี

จากข้อมูลก็รู้ว่านี้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีต้นไม้ใหญ่ ๆ และลิงพันธุ์ขนสีทอง จำนวนมาก

เห็นว่ายังเช้าอยู่ เราก็เลยแวะเข้าไปเยี่ยมเยียน เห็นต้นไม้เยอะแยะจริง และลิงก็มากมาย

ผมก็เพิ่งเคยเห็นต้นมะเดื่อเป็นครั้งแรกที่นี้

 

ลิงที่นี่ค่อนข้างเชื่อง คงจะเป็นเพราะอาหารการกินสมบูรณ์ มีผลไม้ประเภท พุดซา ฝรั่ง กล้วย กองตามจุดให้อาหาร

มีลิลหลายรุ่น ตั้งแต่ตัวอ่อน เกาะติดอยู่กับอกแม่ สีอ่อนไปทางดำ ถ้าอายุมากขึ้น สีขนจะเปลี่ยนเป็นคล้ายสีทอง

บางตัวก็แก่หง่อม หนังเพี่ยวย่น เดินไปเดินมาบนถนน ดูน่าสงสาร มีป้ายบอกให้ขับรถระวัง เพราะอาจทับลิง

พักผ่อนอยู่สักครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อ

วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 25, 2010, 07:26 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 06:23 AM »
0
 salam

คณะเดินทางออกเดินทางจาก วนอุทยานโกสัมพี ไปรับลูกชายของผู้ร่วมคณะที่มหาวิทยาลับมหาสารคาม

แล้วเดินทางต่อไปที่บริเวณงานที่มัสญิดนูรุลเอียะห์ซาน ตอนเที่ยง นำเงินที่รวบรวมได้ 2,800 บาทไปร่วมทำบุญ

ฝ่ายต้อนรับพาไปนั่งที่เต้นท์รับรองแขก แล้วนำน้ำแก้วพลาสติกแช่เย็นมาบริการ

มีผู้นำอาหารมาเสิร์ฟ เป็นข้าวหมกไก่ ทุกคนซึ่งเริ่มหิวก็กินกันไป พอใกล้จะหมด มีกระเพาะปลามาวาง

ตามด้วยซุบหางวัว ก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆ สักพักเอาน้ำแข็งมาให้ น้ำอัดลมขวดใหญ่ นักศึกษาที่ไปด้วยลุกไปจากโต๊ะสักครู่ กลับมาพร้อมด้วย

โรตีกับแกง 2 อย่าง



กระเพาะเริ่มประท้วงว่า ใกล้จะเต็มแล้วนะ ก็พอดีหันไปเห็น ขนมจีนน้ำยา กับแกงเขียวหวาน และของหวานคือลอดช่องน้ำกระทิ ชาร้อน ฯลฯ

เอามาเล่าให้พวกเราฟังเพื่อจะบอกว่า เจ้าภาพต้อนรับอาคันตุกะทุกคนด้วยความยินดีจริง ๆ มานั่งคิดว่า ที่พวกเรานำเงินมาบริจาค 2,800 บาท

กับการกินอาหาร 10 คนอย่างอิ่มหนำสำราญนี้ มันสมดุลย์กันหรือไม่

อิ่มหนำสำราญดี ลุกขึ้นไปละหมาดกัน สุเหร่านี้ติดแอร์ด้วยครับ





จะว่าไปแล้ว ถึงตอนนี้เราก็นับว่าเสร็จภาระกิจตามที่ตั้งใจมาแล้ว ที่เหลือก็คือการสร้างสัมพันธ์เครือญาติ พูดคุยพบปะทักทายพี่น้องจากหลาย ๆ จังหวัด

และดูการเปิดใช้อาคารมัสญิดอย่างเป็นทางการ

เดี๋ยวเล่าต่อครับ

วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 25, 2010, 05:39 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 07:44 AM »
0
 salam

สำหรับบนเวทีนั้น พิธีการเป็นทางการเปลี่ยนแปลงจากกำหนดการที่ได้รับหลายอย่าง
เริ่มต้นด้วย

1.   การบรรยายพิเศษเรื่องบทบาทของมัสญิด โดย อาจารย์อับดุลการีม วันแอเลาะ
    รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

2.   พล.ต.ท. สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 บรรยายพิเศษ

3.   รองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานแทนผู้ว่าราชการจังหวัด

4.   นายสมัคร คานเขตต์ รองประธานมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-ปากีสถานกล่าวปราศรัยและมอบเงินสนับสนุนมัสญิดฯ

5.   อัญเชิญอัล-กุรอาน โดย ชุโกรฺ บินมะหะหมัด (อดีตกอรีชนะเลิศเมาลิดกลาง ปีไหนจำ ไม่ได้)
    และอ่านความหมายภาษาไทย โดย มูซา อัชฌาศัย (อดีตกอรีชนะเลิศเมาลิดกลาง ปีไหนก็จำไม่ได้อีกเหมือนกัน)

6.   ดร.ปรีดา ประพฤติชอบ ประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและพัฒนามุสลิมอีสาน ประธานจัดงานกล่าวรายงาน

7.   รศ. ดร.จรัล มะลูลีม อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีกล่าวเปิด

8.   อีหม่าม อักดัด ปาทาน ดุอาอุ์

9.   ถ่ายรูปร่วมกัน



 เสร็จภาคพิธีการ คณะเดินทางก็เดินทางกลับ ส่งนักศึกษาที่ ม.มหาสารคาม เดินทางมาได้สัก 10 กว่า กม. เห็นป้ายบอกทางเข้า
หมู่บ้านหัตกรรมบ้านหนองเขื่อนช้าง ขายสินค้า OTOP ก็เลยแวะเข้าไปดูสักหน่อย เป็นอาคารกลางหมู่บ้าน รวบรวมผลิตภัณฑ์
ที่เป็นผลงานของชาวบ้านหมู่บ้านและมีสิ่งของจากภายนอกบ้าง มาจำหน่าย



ชมกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ซื้อของกลับบ้านมากกว่าที่บริจาคไปในงานเสียอีก



คราวนี้ได้เดินทางกลับกันจริง ๆ เสียที
แต่ปรากฏว่าคำนวณเวลาผิด ที่คาดว่าจะถึงโคราชตอนเวลามัฆริบก็น่าจะไม่ทันเสียแล้ว
โทรศัพท์ไปหาพี่น้องมุสลิมท่านหนึ่งในอำเภอที่อยู่ก่อนถึงโคราช 80 กม. ว่าขอแวะละหมาดมัฆริบ
เจ้าของบ้านบอกว่า ยินดี และถามต่อว่า จะกินอาหารด้วยไหมล่ะ
เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ก็เลยต้องตอบรับคำเชิญ ผลก็เป็นอย่างนี้แหละครับ



กินข้าวกินปลา ตามด้วยชาร้อนอีกคนละถ้วย พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งจึงเดินทางกลับถึงโคราชด้วยความปลอดภัย อัลหัมดุลิลลาฮฺ

อินชาอัลลอฮฺ ถ้ามีเวลาจะนำเรื่องการก่อสร้างมัสญิดแห่งนี้ ที่อีหม่ามเล่าไว้ในหนังสือที่ระลึก มาเล่าสู่กันฟัง คงต้องใช้เวลา เพราะยาวมากมาย

วัสสลาม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 12:04 PM »
0

วะอะลัยกุมมุสลามวะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

ญะซากัลลอฮฺคอยรอนค่ะแช

 :o :o :o

วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 12:41 PM »
0
อีสานเขียว หายไปไหน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 08:55 PM »
0
ไม่ทราบว่างานนี้บังมัด ได้เจอลูกชายและลูกสะใภ้คนโตของ ดร. ปรีดา ประพฤติชอบ ด้วยมั้ยคะ

ไม่ได้เจอน้อง ๆ เกือบปีแล้ว ล่าสุดที่คุยกัน เห็นว่าไปเปิดโรงเรียนอนุบาลอยู่ที่อีสานนะคะ จำชื่อจังหวัดไม่ได้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: ม.ค. 24, 2010, 09:05 PM »
0
 salam

^ ^ ^ ^ ^ ^ ^
เจอทั้งมูซา ภรรยาและลูกทั้งสองคน

โรงเรียนสันติธรรมวิทยา อ.เมืองฯ อุดรธานี ครับ

ออฟไลน์ fathai4

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 18
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: ม.ค. 25, 2010, 02:00 AM »
0
     
       ผมจบป.ตรีที่ม.ศรีนครินทรวิโรฒน์ เมื่อปี 2525 บัดนี้คือม. มหาสารคามนั่นเอง และผมก็ได้ละหมาดที่มัสยิดนี้แล้วเมื่อปี 52 ตอนนั้นไปราชการที่เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม

เมาลานามุฮัมมัด คาน พาไปครับ เมาลานาท่านนี้กำลังออกดะวะ 1 ปี IPB กลับมาเนียตทำงานศาสนาต่อไป มาชาอัลลอฮฺ

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: ม.ค. 25, 2010, 07:34 PM »
0
 salam

พอดีได้ไฟล์คำสัมภาษณ์ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้างมัสญิด คิดว่าน่าจะบันทึกไว้ เลยเอามาฝาก

ด้วยประสงค์ของอัลลอฮ์....มัสยิดนูรุ้ลเอี๊ยะห์ซาน (รัศมีแห่งคุณธรรม)1

ดาดาการีมอุลลา  อุลล่าห์  เล่าเรื่อง
จีรศักดิ์   โสะสัน เรียบเรียง
(1)
   

“ทุกคนมาขอร้องให้ผมสร้างมัสยิด แต่ผมไม่สร้าง ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะกลับกรุงเทพฯวันไหน กลายเป็นคนสองเมือง แต่หลังไม่มีแม่กับพี่สาวแล้ว ผมต้องคิดอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ผมว่าอัลลอฮ์กำหนดทั้งหมดให้เราต้องอยู่ที่นี่นะ”
   ดาดา2 การีมอุลลา   อุลล่าห์ ชายผู้มีใบหน้าอิ่มเอิบวัย 64 ฝน ผู้อาวุโสและผู้ก่อตั้งมัสยิดนูรุ้ลเอี๊ยะห์ซานเล่าอดีตย้อนหลังอย่างตั้งใจระหว่างนั่งสนทนากับผมอย่างออกรสชาติบนโซฟาในบ้านของท่านพลางหันไปมองแม่บ้าน “ยกชามาหน่อย”
   หลายนาทีล่วงผ่าน ผมชักสนุก ตื่นเต้นราวกับว่าได้หลงเข้าไปร่วมยุคสมัยของดาดาการีมแล้วซิ “ชีวิตของผมต่อสู้มามาก เดิมผมเกิดที่จังหวัดอุทัยธานี แต่มาโตที่กรุงเทพฯแถวมัสยิดพญาไทนั่นแหละ อายุ 8 ปี ผมก็เข้ามาอยู่กรุงเทพฯแล้ว ต่อมาเมื่อผมโตเป็นหนุ่มทางการเรียกไปติดทหารช่วงสงครามเวียดนาม ผมอาจโชคดีที่ไม่ได้ไปเวียดนาม แต่ในใจลึกๆก็อยากไปอยู่เหมือนกัน ผมจำได้ว่า ช่วงนั้น ผมได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาให้ค้าขายได้ ผมค้าวัว ค้าควาย อยู่ภาคอีสาน แถวจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำมาเรื่อยๆจนปลดประจำการ จากนั้นก็ยึดเป็นอาชีพ ทำอยู่หลายปีจนคิดเลิกและบอกกับตัวเองมา “กลับกรุงเทพฯดีกว่า”
   “ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ คุณรู้ไหม?” ดาดาการีมมองผมพลางยิ้มและกล่าวต่อ “ก่อนหน้าที่ผมจะมาอีสานอีกครั้งในปี 2510 ตอนนี้ก็ 43 ปีไปแล้ว ไม่อยากเชื่อเลย สองปีก่อนหน้านั้น (ปี 2508) น้องชายผมเขามาทำการค้าที่มหาสารคามก่อนแล้ว เขามาทำเขียงเนื้ออยู่ในตลาดเทศบาล จากนั้นเขาต่อติดต่อผมให้ขึ้นมาอยู่ด้วยเพราะคงเห็นว่าเรามีประสบการณ์ค้าวัว ค้าควายมาก่อน แต่..จริงๆผมไม่มีความชำนาญเรื่องขายเนื้อบนเขียงมากนัก เคยทำแต่ค้าเป็นตัวซื้อมาขายไปเท่านั้น”
    “ดาดาตัดสินใจมาอยู่มหาสารคามได้อย่างไรครับ?” ผมถามท่าน ท่านนิ่งครู่หนึ่ง “ยุคนั้นการค้าเนื้อวัว เนื้อควายมีการแข่งขันสูงมาก เราต้องแข่งขันกับพี่น้องคนญวน ตอนแรกก็ไม่ได้ช่วยจริงจังมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานน้องชายก็ยกกิจการให้เราดูแลต่อเลย”
   การเดินทางเมื่อก่อนเป็นอย่างไรครับ? ผมรีบถามต่อกังวลจะรบกวนท่านไปมากกว่านี้ “ผมออกจากบ้าน (กรุงเทพฯ) ตอน 2 โมงเย็น มาถึงกาฬสินธุ์ตอน 5 โมงเช้า อาศัยรถประจำทางตอนนี้รถรุ่นนั้นเขาเลิกกิจการไปแล้ว” ดาดาย้อนรอยอดีตของท่านขณะขึ้นมาค้าขายและใช้ชีวิตในอีสานครั้งแรก “ตอนมาช่วยน้องชายค้าขาย ผมมีเงินติดตัวมาด้วย แต่ไม่มากหรอก ผมกับภรรยา (แม่มาลี เดิมเป็นชาวอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์) ต้องมาเช่าบ้านอยู่กับแถวๆทางแยกวาปีปทุมเกือบสิบปี (ปี 2510-2520) หลังจากน้องชายเลิกกิจการและโอนมาให้ผมก็เริ่มขยับขยายที่อยู่ใหม่เช่นกัน”
   “ผมซื้อที่นี่ (บ้านและบริเวณมัสยิดปัจจุบัน ตอนนี้ที่ดินมัสยิดเป็นที่ดินวะกัฟแล้ว) เพราะสงสารแพะกับแกะกลัวไม่มีที่อยู่ ผมมีเกือบ 500 ตัว สมัยนั้นซื้อมาตัวละ 100 บาท ไม่ได้ซื้อเพื่อขาย เอามาให้ลูกน้องเลี้ยง”
   “ผมระลึกเสมอว่าอาชีพเราเป็นพ่อค้าขายเนื้อ ถ้าคิดจะกลับกรุงเทพฯก็อายเขา” ดาดาอายเรื่องอะไรครับ ทั้งๆดาดาเริ่มมีที่ทางมีบ้านอยู่และอาชีพก็เริ่มลงตัวแล้ว ผมเริ่มสงสัย “ถ้าผมเลิกกิจการค้าเนื้อไปในขณะนั้น คู่แข่งของเราจะว่าเอาได้ เราไม่สู้ ไม่กล้าแข่งขันกัน” ผมพยักหน้าพรางยื่นมือขวาเอื้อมไปจับถ้วยชาตรงหน้า
   ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ แม่ครัวในบ้านดาดาการีมยังง่วนกับภาระงานไม่ลดละ ผู้คนจอแจบนถนนหน้าปากซอยติดมัสยิด มองลอดออกไปนอกรั้วบ้านพี่น้องมุสลิมบางคนกำลังก้าวขึ้นบันไดมัสยิดเพื่อเตรียมตัวละหมาดอัศริ ไม่นานนักเสียงอะซานดังขึ้น


1. บทสัมภาษณ์นี้เขียนขึ้นเนื่องในโอกาสเปิดมัสยิดกลางประจำจังหวัดมหาสารคาม (มัสยิดนูรุ้ลเอี๊ยะห์ซาน) ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2553

2. คำว่า “ดาดา” เป็นภาษาเรียกบิดาหรือบุคคลที่นับถือของมุสลิมอีสานเชื้อสายปาทาน

มีต่ออีก 3 ตอนครับ

วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 25, 2010, 07:35 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: ม.ค. 26, 2010, 06:51 AM »
0
 salam

(2)
[/b]
   “ผมคิดว่า อัลลอฮ์ให้ผมอยู่จังหวัดนี้เพื่อสร้างมัสยิด” เราเริ่มสนทนากันต่อพร้อมกับเนื้อหาที่เข้มข้นมากขึ้น
ใบหน้าดาดาการีมระคนด้วยความรู้สึกมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง ก่อนหน้านี้แม่ให้ผมกลับกรุงเทพฯ “กลับบ้านเถอะลูก”
แม่บอกด้วยความรักและเอ็นดู “อยู่กรุงเทพฯเราจะไปไหนก็สบาย มุสลิมมีมาก” แม่เอ่ย ตอนนั้นผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า
จะตัดสินใจอย่างไรกับทุกสิ่งที่นี่ จะเลือกอยู่กรุงเทพฯหรือสารคาม ถึงแม้พอจะมีที่ทางอยู่บ้าง “ใจจริงอยากกลับนะ”
   ผมเคยไปถามแม่กับพี่สาวเรื่องที่ผมคิดจะสร้างมัสยิด ทั้งสองท่านตอบเหมือนกัน“มีคนละหมาดไหม?
ถ้าไม่มีคนละหมาดจะบาปนะ” เมื่อได้ฟังความคิดจากผู้อันเป็นที่รักของดาดา    การีมเริ่มคิด ไตร่ตรองหลายครั้ง
ท่านเองไม่แน่ใจกับความคิดในขณะนั้น “ผมเริ่มถามตัวเองว่าจะเอาอย่างไรต่อไป” ต่อมาทั้งสองท่านได้จากไปด้วยความเมตตาขององค์ผู้อภิบาล
   ระหว่างทางกลับจากกรุงเทพฯดาดาการีมใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆมากขึ้น หัวใจเรียกร้องให้คิดถึงการสร้างมัสยิดขึ้นมา
โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
   “วันหนึ่งผมนั่งมองออกไปบนที่ดินรอบๆบ้านและหันมาปรึกษาภรรยากับลูกๆ “ดี” คือคำตอบที่ผมได้รับจากครอบครัว
หลังจากปรึกษาหารือกันว่าจะสร้างมัสยิด ครั้งนั้น ผมเริ่มเอาจริงเอาจัง และตัดสินใจจะแบ่งที่ดินบางส่วนไกลออกไปจากบ้านเพื่อใช้สร้างมัสยิด”
   ครอบครัวคือส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดมัสยิดขึ้นมา ดาดาการีมเอ่ยถึงแรงสนับสนุน กำลังใจ และมุมมองที่แตกต่างแต่มันลงตัวที่สุด
 “ถ้าไปสร้างมัสยิดไกลจากบ้านนักคงไม่สะดวก เราจะดูแลเขาได้ไม่ดี คนมาละหมาด คนมาดะอฺวะฮฺ เราต้องต้อนรับเขา”
สิ้นเสียงภรรยา ดาดาการีมครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ “เราสร้างมัสยิดบนที่ใกล้บ้านเถอะ เวลาคนมาเยี่ยม แม่บ้านของเรา
จะถืออาหารเดินไปไกลคงไม่สะดวก ครั้นจะให้ไปถามแขกผู้ชายก็ดูไม่เหมาะสม การต้อนรับจะทำได้ไม่ดีพอ”
น้ำเสียงภรรยาสื่อความหมายถึงการเอาใจใส่ ดูแลคนอื่นเสมือนครอบครัวเดียวกัน
   ช่วงคิดจะสร้างมัสยิดครอบครัวดาดาการีมมักคิดถึงเรื่องการต้อนรับเป็นสิ่งแรกๆ เขาคงเข้าใจดี ใครก็ตามที่ได้เข้ามาละหมาด
และใช้บ้านของอัลลอฮ์เขาควรได้รับการดูแล ต้อนรับจากเจ้าบ้านอย่างอบอุ่นด้วย “เราคิดเรื่องอาหารการกินของแขกก่อนสร้างมัสยิด
เป็นห่วงเขา”จากนั้นเป็นต้นมา บ้านดาดาการีมดเปิดต้อนรับผู้คนต่างพื้นที่ แขกเรื่อคนแล้วคนเล่าแวะเวียนมาเยี่ยมบ้านและมัสยิดอยู่เป็นนิจ
   “การทำอาหารเลี้ยงคนมาละหมาดที่มัสยิดได้รับการปฏิบัติต่อเนื่องมาตั้งแต่มัสยิดเริ่มก่อร่างสร้างตัว ต่อมาพี่น้องมุสลิมของเรา
ก็ร่วมกันสนับสนุนและผลัดเปลี่ยนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารผู้มาละหมาดโดยเฉพาะเวลาละหมาดวันศุกร์” ดาดาการีมเล่า ขณะสายตาพินิจดูมัสยิดอย่างตั้งใจ
   ดาวุดและพี่ยาซีนลูกชายดาดาพร้อมคณะกรรมการจัดงานเปิดมัสยิด ฯ ทั้งบังสุไฮมี บังอุสมาน บังค๊อฏฏอบจากขอนแก่น
น้องฮานีฟและอับดุลกอเดร์จากชมรมมุสลิมมหาวิทยาลัยขอนแก่น กำลังสำรวจพื้นที่บริเวณจัดงาน แม่บ้านเดินถือแก้วน้ำดื่ม
พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ผมหันไปเปิดโน้ตบุ๊กพิมพ์ข้อความบางอย่างกลัวจะลืมก่อนบทสนทนาจะดำเนินต่อไป


เดี๋ยวมาต่ออีก 2 ตอนให้จบ

วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: ม.ค. 26, 2010, 06:55 AM »
0
 salam

(3)
   
    “ทุกคนมาขอร้องให้ผมสร้างมัสยิด แต่ผมไม่สร้าง ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะกลับกรุงเทพฯวันไหน กลายเป็นคนสองเมือง
หลังแม่กับพี่สาวจากไป ผมต้องคิดอีกครั้งจะเอาอย่างไรต่อไป ผมว่าอัลลอฮ์กำหนดทั้งหมดให้เราต้องอยู่ที่นี่” ดาดาการีมย้อนรอย
คั้นความคิดการสร้างมัสยิดก่อตัวขึ้น “คุณไปถาม ดร.ปรีดา (ประพฤติชอบ) ดูก็ได้ อาจารย์มาคะยั้นคะยอผมหลายครั้ง”
แต่....เหตุการณ์และความคิดหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ดาดาการีมได้บริจาคที่ดินของตนเองวะกัฟเพื่อสร้างมัสยิด จากนั้นท่านเริ่มเดินทาง
ไปชักชวนพี่น้องมุสลิมตามอำเภอต่างๆในจังหวัดมหาสารคามเพื่อให้มาร่วมละหมาดและก่อสร้างมัสยิดด้วยกัน
ดาดาการีมขับรถออกไปเชิญชวนมุสลิมที่รู้จักกันมาก่อน บางคนเจอกันตามตลาดนัดวัวควาย บางคนเคยไปมาหาสู่กันบ้าง
บางคนบังเอิญพบกันระหว่างทาง ท่านเดินสายติดต่อกันหลายวันไปตามอำเภอต่างๆที่มุสลิมอาศัยอยู่ เช่น อำเภอกันทรวิชัย
วาปีปทุม พยัคฆภูมิพิสัย โกสุมพิสัย บริเวณรอบนอกเขตอำเภอเมือง หรือแม้แต่อำเภอปทุมรัตน์ (จังหวัดร้อยเอ็ด) ท่านก็เดินทางไปหา 
“ผมออกเดินสายไปตามอำเภอต่างๆไปบอกกับทุกคนให้มาร่วมกัน ทุกคนดีใจและยินดีที่จะได้รวมตัวกัน ขณะเดียวกัน
ผมก็อยากรู้ว่ามีมุสลิมในสารคามกี่คน”  “เดี๋ยวผมจะไปวันศุกร์ อินชาอัลลอฮ์” เป็นคำตอบรับจากพี่น้องมุสลิมที่ดาดาการีมเชิญชวน
“มุสลิมเกือบ 90% เป็นมุสลิมเดิมจากพระนครศรีอยุธยา มาจากวังน้อยบ้าง ลุมพลีบ้าง ส่วนที่เหลือเป็นคนกรุงเทพฯจากหนองจอก
มีนบุรี พวกเขาขึ้นมาค้าขาย บางคนมาแต่งงานกันคนอีสาน บางคนมาจากพม่า แต่มารวมอยู่ด้วยกันที่นี่” ฮัจญีอาลี ยอดเนียม
เลขานุการจัดงานเปิดมัสยิดฯร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเติมเต็ม “มุสลิมที่นี่ประกอบอาชีพหลากหลาย บางคนขายเนื้อ บางคนขายโรตี
เป็นช่างก่อสร้าง ค้าขายทั่วไป แต่ก่อนมุสลิมเราต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างหากิน”
ไม่มีใครนึกจินตนาการออกเลยว่าภาพแรกในการรวมตัวละหมาดวันศุกร์จะเป็นอย่างไร? แต่นั้นคือภาพประทับใจของดาดาการีม
ฮัจญีอาลี และ พี่น้องมุสลิมกลุ่มแรกที่มารวมตัวละหมาดบนที่ดินวะกัฟเกือบ 50 คน
“พวกเราละหมาดกันในเต็นท์ ใช้ผ้ายางปู บนที่ดินมัสยิด 1 งาน 24 ตารางวา ถูกถมด้วยดินขึ้นมาอีกประมาณ 1 ศอก
วันนั้นตรงกับวันที่ 17 ธันวาคม 2547 ภาพแรกยังตรึงใจอยู่เลย เรายืมเต็นท์จากเทศบาลเมือง แต่ใช้ได้แค่สามศุกร์เท่านั้น
เทศบาลก็เรียกคืน เพราะต้องเอาไปใช้งาน” ดาดาการีมและฮัจญีอาลีอธิบายภาพประหนึ่งมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน


อดใจรอครับ อีกตอนเดียว มัสญิดจะเสร็จแล้ว

 

GoogleTagged