ผู้เขียน หัวข้อ: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!  (อ่าน 3100 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด


 salam


บทนำ


     หลายต่อหลายครั้งที่พวกตะวันตกประสบความล้มเหลว
พ่ายแพ้ในสงครามครูเสดนานถึงเกือบ 2 ศตวรรษ
ที่พวกเขาพยายามวางแผนทำลายล้างอิสลาม
กระทั่งพวกเขามีการค้นคว้าศึกษาวิจัยอย่างละเอียดลออ
เพื่อหาแนวทางทำลายล้าง อิสลามและประชาชาติมุสลิม


ในการศึกษาดังกล่าวพวกเขาประสบความสำเร็จในการวางแผนที่รัดกุม
ขณะที่พวกเขาได้ทุ่มเทด้วยความมั่นใจ
และเป็นการปฏิบัติตามแผนที่พวกเขาได้วางไว้


สาเหตุของสงคราม


มีทรรศนะต่างๆ หลายทรรศนะที่เราสามารถค้นหาจากประวัติศาสตร์
ถึงสาเหตุของสงครามนี้ทำไมที่พวกเขา (ผู้ปฏิเสธ)
จึงต้องทุ่มเทอย่างยิ่งยวดในการต่อสู้กับอิสลาม?
เพราะเหตุผลทางการเมืองหรือเหตุผลทางการทหาร
ซึ่งพวกเขากำลังจะได้ยึดจุดยุทธศาสตร์หรือเพราะเหตุผลทางการค้า


หนังสือประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยฝ่ายอาณานิคม หรือนักบูรพาคดี
หรือนักเขียนในเครือประเทศที่เป็นอาณานิคมเอง
ที่ได้รับการศึกษาจากชาติตะวันตก ส่วนใหญ่มักจะเน้นในเหตุผลทางด้านการค้า
เป็นเหตุผลหลัก และหนังสือเหล่านี้แหละที่ถูกนำไปบรรจุ
ในการศึกษาประวัติศาสตร์ในโรงเรียน สถาบันการศึกษา
โดยธาตุแท้แล้ว เหตุผลทางประวัติศาสตร์นั้นเป็นเหตุผลจอมปลอมทั้งสิ้น
มันมีเป้าหมายเพื่อตบตาประชาชนในอาณานิคมของตนเอง
ให้เข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้ มาเพื่อเป็นศัตรู

หลังจากที่มีการศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วพบว่าข้ออ้างดังกล่าว
ขัดแย้งกับ ความเป็นจริงทุกประการ

จากการศึกษาของนักประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นธรรม
ปรากฏว่าการต่อสู้ดังกล่าว นั้นเกิดจากเหตุผลทางศาสนา
มิใช่เหตุผลทางการเมือง หรือเหตุผลทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด

หลักฐานทางประวิติศาสตร์ชิ้นแรกที่เราหยิบยกขึ้นมาได้คือ
บทเพลงปลุกใจของชาวอิตาลี ซึ่งมีเนื้อหา ดังนี้


โอ้มารดา...

จงขอพรเถิด อย่าได้ร้องให้เลย

แต่จงหัวเราะและจงมองเถิด

แม่ไม่รู้หรือว่าอิตาลี ได้เรียกร้องฉัน

ฉันจะไปตริโปลี

ด้วยความสนุกสนานเบิกบานใจ

มาตรแม้นว่าฉันจะได้ถวายเลือดของฉัน เพื่อทำลายล้างอิสลาม

ประชาชาติที่ถูกสาปแช่ง

และเพื่อต่อสู้กับศาสนาอิสลาม

ฉันจะต่อสู้อย่างสุดกำลัง เพื่อลบล้างอัลกุรอ่าน

หากมีคนถามแม่ว่า ทำไมไม่เสียใจในการจากไปของฉัน

ก็จงตอบเขาไปเถิดว่า เขาจากไปเพื่อต่อสู้กับอิสลาม

โอ้...มารดา เสียงกลองดังขึ้นแล้ว...

มารดาไม่ได้กลิ่นคาวของสงครามดอกหรือ?

โอ้มารดา...

ให้ฉันได้โอบกอดมารดาเถิดและให้ฉันได้ไปเดี๋ยวนี้เถิด...


นี่คือบทเพลงด้วยเสียงกังวาน เพื่อปลุกกำลังใจกองทัพ
ที่เตรียมพร้อมเพื่อสู่สมรภูมิครูเสด นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอื่น ๆ
ที่ยืนยันถึงการต่อสู้ระหว่างตะวันตกกับอิสลาม
คือคำปราศรัยของผู้นำของเขาเอง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา
คือ ยูเจน รุสโต เขาได้ยืนยันในการปราศรัยของเขาว่า

”เราจะต้องมีความสำนึกอยู่เสมอว่า ความขัดแย้งระหว่างเรา
กับโลกอาหรับไม่ใช่เป็นความขัดแย้งระหว่างคนกับประเทศเท่านั้น
แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างอิสลามกับคริสต์
ความขัดแย้งอันนี้เกิดมาช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยกลางจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
เพียงวิธีการเท่านั้นที่แตกต่างกัน...”



“เป้าหมายของการล่าอาณานิคมในตะวันออกนั้น
ก็เพื่อทำลายล้างอิสลามและเพื่อก่อตั้ง ประเทศอิสราเอล
เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีวิธีการอื่นๆ อีกแล้ว
นอกจากการทำสงครามครูเสดให้ดำเนินต่อไป...”



อดีตรัฐมนตรีบริติชที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง คือ มร.แกลดสโตน
เคยพูดว่า “การทำลายอิสลามเป็นงานที่ต้องกระทำ”

บรรณาธิการนิตยสาร อัลอะอฺลามุลอิสลามีย์ ได้เขียนว่า

“โลกคริสเตียน แม้พวกเขาจะมีพื้นฐานและชาติพันธ์ที่แตกต่างกัน
แต่พวกเขา คือ ศัตรูตัวยงที่คอยขัดขวางและทำสงครามกับโลกตะวันออก
โดยเฉพาะอิสลาม ประเทศยิวทุกประเทศได้มีข้อตกลงร่วมกัน
ในการที่จะโค่นล้มอิสลาม ในทุกวิถีทางที่พวกเขากระทำได้”



พวกเขาเหล่านั้นมองอิสลามในแง่ความเป็นศัตรูตลอดเวลา
จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา อคติต่ออิสลาม
พวกเขาได้ตกลงกันเป็นปากเสียงเดียวกันที่จะทำลายล้างอิสลาม
และประชาชาติมุสลิม ซึ่งตรงกับที่อัลลอฮฺได้กล่าวว่า

"และชาวยิวและชาวคริสต์นั่น จะไม่ยินดีแก่เจ้า (มุฮัมมัด) เป็นอันขาด
จนกว่าเจ้าจะปฏิบัติตามศาสนาของพวกเขา
จงกล่าวเถิด แท้จริงคำแนะนำของอัลลอฮฺเท่านั้น คือ คำแนะนำ
แน่นอนถ้าเจ้าปฏิบัติตามความใคร่ของพวกเขา
หลังจากที่มีความรู้มายังแล้ว ก็ย่อมไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ
สำหรับเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้"

(อัลบะกอเราะ : 120)


การสมาคมและการช่วยเหลือร่วมมือกันทำงานของพวกเขา
มีความกระชับแน่นมาก เราสามารถเห็นตัวอย่างจากสถานการณ์
ของประเทศฮอลแลนด์ ยึดครองประเทศอินโดนีเซีย
มันสมเหตุสมผลหรือไม่ที่ประเทศยากจนอย่างฮอลแลนด์ซึ่งอยู่คนละทวีป
แต่สามารถปกครองคนหนึ่งร้อยล้านคนที่กระจัดกระจาย
อยู่ตามหมู่เกาะนับร้อยนับพัน?

และฮอลแลนด์สามารถกระทำได้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือทางกำลังอากาศ
จากอังกฤษ และความช่วยเหลือทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์
จากสหรัฐอเมริการได้หรือ?

และเราสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อฮอลแลนด์อ่อนแอ
ไม่สามารถเอาชนะจิตใจ ประชาชนได้เพราะการต่อต้าน
และการลุกฮือของประชาชนเจ้าของประเทศ
อังกฤษจึงต้องยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือทันที

เช่น เดียวกันเมื่ออิสราเอลไม่สามารถเผชิญหน้ากับโลกอาหรับ
สามอภิมหาอำนาจใหญ่ในสมัยนั้น ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส
ยื่นมือให้ความช่วยเหลือทันที

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนหนึ่ง
ชื่อ มาเซีย บิโด ได้ให้คำยืนยันต่อการทำศึกที่โมร็อกโคว่า

“นั่นคือสงครามระหว่างไม้กางเขนกับพระจันทร์เสี้ยว”


ในขณะเดียวกัน คริสเตียน ยิว คอมมิวนิสต์ ต่างก็ร่วมกันกินโต๊ะอิสลาม
คอลัมน์หนึ่งในหนังสือพิมพ์ของคอมมิวนิสต์ ชื่อ กิซิล ออรบากิสตาน
(KIZIL ORBAKISTAN) ฉบับที่ 22 ปี 1952 ได้เขียนว่า

“เป็นไปไม่ได้ที่คำสอนของคอมมิวนิสต์ยืนหยัดอยู่ได้
จนกว่าอิสลามอิสลามจะถูกทำลายถึงรากเหง้าของมัน”


มิชชั่นนารีคริสเตียนคนหนึ่งกล่าวว่า

“พลังที่แฝงอยู่ในตัวของอิสลามนั้นมันเป็นอุปสรรคที่หนาเตอะ
ต่อการขยายตัวของคริสเตียน”



...มีต่อ...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 16, 2010, 04:36 PM »
0


แผนการที่ 1 การล้มล้างการปกครองโดยระบอบอิสลาม


ตุรกีเป็นประเทศอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16
ซึ่งนับว่าเป็นมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดมหาอำนาจหนึ่งของโลกเลยที่เดียว
ที่ประวัติศาสตร์เคยรู้จัก ชื่อผู้ปกครองประเทศนี้ขึ้นต้นด้วยคอลีฟะฮฺ (KHALIFAH)
เป็นที่รู้จักกันดีที่ปกครองแหลมอาหรับ อียิปต์ ชาม อิรัค และแอฟริกาเหนือ
คริสตศตวรรษที่ 16 นั้น พอที่จะเป็นสักขีพยานต่อมหาอำนาจอิสลามที่เข็มแข็ง
และเป็นเอกภาพ ซึ่งเคยเขย่าโลกตะวันตกมาแล้ว
และเคยขยายอาณาเขตถึงประเทศต่าง ๆ
ซึ่งปัจจุบัน คือ ประเทศโรมาเนีย บัลกาเรีย กรีซ ยูโกสลาเวีย
อัลบาเนียและฮังการี ในขณะเดียวกันทะเลดำและทะเลกลางก็ตกเป็นของอิสลาม
ชื่อคอลีฟะฮฺราชวงศ์อุษมานียะฮฺในสมัยนั้นเป็นที่เกรงขามของโลกตะวันตก
และชาวคริสเตียนตะวันตก

นี่ คือเหตุผลหลักที่ผลักดันให้พวกตะวันตกร่วมจับมือกันเพื่อทำลายล้าง
โค่นล้มรัฐบาลตุรกี เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้นในเหตุผล
ที่ทำให้รัฐบาลตุรกีสิ้นอำนาจลง

เราลองมาพิจารณาข้อเขียนของ อัลอุซตาซ มุหัมหมัด ฮาบีบ อะหฺหมัด
ในหนังสือของท่าน

“ประเทศต่าง ๆ ในตะวันตกได้ร่วมมือกันเพื่อเผด็จศึกกับคอลีฟะฮฺอิสลาม
(แห่งตุรกี - ผู้แปล) และ ชาวคริสต์ตะวันตกได้ทำข้อตกลง
ที่จะทวนกระแสอิสลามที่กำลังไหลแรง พวกเขาได้ทำสัญญาต่าง ๆ
และได้เตรียมกองกำลังเพื่อเป้าหมายดังกล่าวนั้น
และเป็นที่น่าเศร้าใจในขณะที่บรรดาผู้ปกครองแห่งราชวงศ์อุษมานียะฮฺ
กำลังหลงระเริงอยู่กับความฟุ้งเฟ้อ”



สนธิสัญญาการร่วมมือก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ซึ่งประกอบด้วยประเทศออสเตรีย โปแลนด์ และเวเนซูเอล่า
เป็นสนธิสัญญาที่สำคัญมากโดยมีเป้าหมายที่จะบดขยี้ตุรกี
และทำลายล้างอำนาจให้สิ้นซากไป

ด้วยเหตุนี้ความขัดแย้งกับตุรกีอย่างชัดเจนด้วยเหตุผลทางศาสนา
และด้วยเหตุผล ทางการศาสนาอีกนั่นเองที่รัสเซียเข้าผสมโรงด้วย
โดยได้รับการสนับสนุนจากชาติ ตะวันตก
พวกเขาประสบความสำเร็จในการจู่โจมและกระหน่ำ
จนกระทั่งตุรกีต้องเพลี่ยงพล้ำ และต้องเสียอำนาจในที่สุด


เมื่อราชวงศ์อุษมานียะฮฺได้ล่มสลายลง
ประเทศอาหรับจึงตกเป็นของตะวันตกโดยสิ้นเชิง
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเคยเป็น อวัยวะสำคัญของรัฐคอลีฟะฮฺราชวงศ์อุษมานียะฮฺ


ในปี 1860 ฝรั่งเศสได้รับการอนุมัติจากกลุ่มประเทศตะวันตก
ให้เข้ายึดครองเลบานอน ในขณะเดียวกันอังกฤษได้เข้ายึดครองอียิปต์ในปี 1882
อิตาลีเข้ายึดครองตริโปลี ในปี 1911
หลังจากนั้นต่อมา ในปี 1917 อังกฤษได้เข้ายึดครองอิรัค
ต่อมาอีกไม่นานได้ยึดครองปาเลสไตน์
และในปี 1918 ฝรั่งเศสก็สามารถเข้ายึดครองซีเรียได้อีกประเทศหนึ่ง
เมื่อได้มีการประชุมสมัชชาในการทำสัญญาลูซอน (LUZON)
เพื่อสันติภาพอังกฤษได้ให้เงื่อนไขแก่ตุรกีว่า
อังกฤษจะไม่คืนดินแดนส่วนต่าง ๆ ของตุรกี
นอกจากต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่อไปนี้

1. ตุรกีต้องล้มเลิกระบอบคอลีฟะฮฺ ขับไล่คอลีฟะฮฺออกนอกประเทศ
   และยึดทรัพย์สินทั้งหมด

2. ตุรกีจะต้องปราบปรามขบวนการต่าง ๆ ทั้งหมดที่สนับสนุนระบอบคอลีฟะฮฺ

3. ตุรกีต้องตัดสัมพันธไมตรีกับโลกอิสลาม

4. ตุรกีจะต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเสียใหม่
    และเลิกล้มรัฐธรรมนูญที่วางอยู่บนพื้นฐานอิสลาม


ตราบใดที่เงื่อนไขรับดังกล่าวยังไม่ได้การยอมรับโดยตุรกีแล้ว
พวกเขาจะโจมตีต่อไป นี่จึงเป็นแรงผลักดันให้ มุสตอฟา กามาล อะตาร์เตอร์ก
ต้องกำจัดระบอบคอลีฟะฮฺ

ประเทศตะวันตกมีความคิดเห็นว่าชื่อ คอลีฟะฮฺนั้นสามารถปลุกพลัง
ประชาชาติอิสลามให้ลุกฮือขึ้นมาได้
และก่อให้เกิดความสามัคคีขึ้นมาใหม่ในกลุ่มได้

ด้วยเหตุนี้แหละที่ทำให้ตะวันตกโจมตีตุรกีอย่างไม่ลดละ
พวกเขาเพิ่งยุติการโจมตีเมื่อตุรกีได้ขจัดระบอบคอลีฟะฮฺ
และปิดโรงเรียน สถาบันต่าง ๆ ของอิสลาม
และต่อมาคำกล่าวที่ว่า ศาสนาแห่งรัฐาธิปัตย์ คือ อิสลาม
ได้ถูกลบออกไปจากรัฐธรรมนูญเมื่อนั้นการโจมตีจึงยุติลง


ครั้งหนึ่งเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ
ได้แถลงถึงปัญหาเกี่ยวกับตุรกีในรัฐสภาอังกฤษ
มี ส.ส. จำนวนมากที่คัดค้านการให้เอกราชแก่ตุรกี
ด้วยเกรงว่าตุรกีจะกลับมามีอำนาจ และโจมตีตะวันตกอีกครั้ง
รัฐมนตรีต่างประเทศได้ตอบโต้ว่า

“เราได้ทำลายตุรกีอย่างสิ้นซากแล้ว มันจะไม่เกิดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง
แล้วเพราะเราได้คร่าชีวิตของอิสลามและคอลีฟะฮฺแล้ว”



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 16, 2010, 04:43 PM »
0


แผนการที่ 2 การลบล้างอัลกุรอ่าน


ดังที่เราได้ทราบจากเนื้อเพลงปลุกใจของชาติตะวันตกในตอนต้นแล้วว่า
พวกเขาจะต่อสู้อย่างสุดกำลัง เพื่อลบล้างอัลกุรอ่าน
เพราะพวกเขาตระหนักว่าอัลกุรอ่านเป็นที่มาของพลังแห่งประชาชาติอิสลาม
และนี่คือคำยืนยันของแกลดสโตน (GLADSTONE) อีกครั้งหนึ่ง
ที่เขาได้ยืนยันว่า

“ตราบใดที่อัลกุรอ่านยังอยู่ตราบนั้นตะวันตกไม่สามารถมีชัยชนะ
เหนือตะวันออกได้ หากแต่ตะวันตกนั่นเองที่จะไม่มีความสงบ (ปลอดภัย)”



อดีตผู้ปกครองชาวฝรั่งเศสในอาณานิคมอาหรับคนหนึ่ง
ได้กล่าวปราศรัยในโอกาสครบรอบ หนึ่งร้อยปีแห่งการยึดครองอาณานิคม
ของตนว่า

“เราจะต้องลบล้างอัลกุรอ่านที่เป็นภาษาอาหรับจากชาวแอลญีเรีย
เราจะต้องทำลายภาษาอาหรับออกจากลิ้นของพวกเขา
ในที่สุดเราก็สามารถยึดรองเขาได้”



และผู้นำตะวันตกคนหนึ่งชื่อ วิลเลี่ยม เจฟอร์ด (WILLIAM JERFORD) ได้กล่าวว่า

“เมื่ออัลกุรอ่านและเมืองมักกะฮฺได้หายไปจากสายตาของชาวอาหรับ
นั่นแหละเราจะได้เห็นชาติอาหรับมุ่งสู่อารยธรรมตะวันตก
และพวกเขาจะหันห่างจากมูหัมหมัด และคำสอนของเขา”



มิชชั่นนารีคริสเตียนชื่อ ตอกเลย์ (TOKLEY) กล่าวว่า

“เราจะต้องใช้อัลกุรอ่าน มันเป็นอาวุธที่ดีเลิศที่เราจะใช้ต่อสู้กับอิสลาม
และเราจะต้องชี้แจงแก่ มุสลิมว่า ความจริงในอัลกุรอ่านนั่นไม่ใช่ของใหม่
และสิ่งใหม่ที่ปรากฏในอัลกุรอ่านนั้นไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด”



พวกเขาได้ครหาอัลกุรอ่านด้วยความมุสาต่าง ๆ นานา
พวกเขาส่วนมากปฏิเสธว่า ท่านนบีมูหัมหมัดได้รับวะฮฺยูจากอัลลอฮฺ
พวกเขาได้โจมตีอย่างเหลวแหลกต่อสัญญาณต่าง ๆ
แห่งการประทานวะฮฺยูซึ่งมักจะเห็นชอบโดยซอฮาบะฮฺ


บางคนมีทัศนะว่าสัญญาณการประทานวะฮฺยู
(พฤติกรรมของท่านนบีในขณะรับวะฮฺยูนั้น)
ที่จริงแล้วที่จริงแล้วเป็นการแสดงอาการทางโรคจิตอย่างหนึ่ง
ที่สร้างความเจ็บปวดแก่นบี


และมีทัศนะว่าวะฮฺยูนั้นเป็นผลของการละเมอเพ้อฝันของท่าน
และบางคนกล่าวว่าวะฮฺยูนั้นเป็นอาการทางโรคจิตอย่างหนึ่งของท่าน
(ขออัลลอฮฺทรงให้พวกเราห่างไกลจากการหลงทางนี้)


ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งหมดที่เป็นยิวและคริสเตียนจึงยอมรับว่า
การมีอยู่ของศาสดาต่าง ๆ คัมภีร์เตารอต (โตราห์)
บทบาท และคำสอนของศาสดาต่าง ๆ เหล่านั้นเหนือกว่าท่านนบีมูหัมหมัด

ฉะนั้นการแสดงออกถึงการปฏิเสธของพวกเขาจึงมิใช่สิ่งอื่นใด
นอกจากทัศนะที่เต็มไปด้วยความอคติทางศาสนา
ที่มีอยู่ในหัวใจลำเอียงอย่างพวกบาทหลวงและมิชชันนารี่

แม้กระนั่นก็ตามเมื่อพวกเขาค้นพบสัจธรรมในอัลกุรอ่าน
โดยเฉพาะเรื่องราวต่าง ๆ ของประชาชาติในยุคก่อน ๆ
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่คนที่ไม่ได้รับการศึกษา เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก
อย่างมูหัมหมัดจะรอบรู้ พวกเขาก็พยายามหาเหตุผลอื่น ๆ
พอทำเนาและพยายามวาดภาพพจน์ด้วยความเขลาเบาปัญญา
ของตัวเองออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความจริง
ในกุรอ่านที่บ่งบอกถึงการค้นพบทางวิทยาศาสตร์
ที่ยังไม่เคยค้นพบมาก่อนหน้านี้
พวกเขาก็พยายามหาเหตุผลมาปฏิเสธอีกจนได้


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 16, 2010, 05:02 PM »
0

แผนการที่ 3 ทำลายระบบจริยธรรม ความคิด
ความสัมพันธ์ระหว่างมุสลิมกับพระเจ้า
และการปล่อยพวกเขาไปตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ



แผนการที่ 3 มีความสอดคล้องต้องกันกับนโยบายของผู้นำตะวันตกคนหนึ่ง
คือ ซามูเอล ซูวัยเมอร์ (SAMUEL ZUWAIMER)
ขณะเดียวกันก็เป็นประธานสมาคมมิชชั่นนารีด้วย
เขาได้กล่าวในสภาคองเกรสมัลกิส ในปี 1953 ว่า

“ที่จริงแล้วหน้าที่ของมิชชั่นนารี่ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาล
ให้ทำงานในประเทศมุสลิมนั้น ไม่ใช่เพื่อเชิญชวนมุสลิมให้เข้ารับนับถือ
ศาสนาคริสหรอก เพราะพวกเขาก็มีศาสนาและระบบความเชื่อถือของเขาอยู่แล้ว
ภาระหน้าที่ของพวกท่าน คือ ให้พวกเขาหันเหออกจากอิสลามเท่านั้น
และคลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับพระผู้เป็นเจ้า
ตลอดจนทำให้พวกเขาขาดความสนใจต่อมารยาท จริยธรรม
ที่เขาเคยยึดถือมาตลอด...”



“ท่านทั้งหลายจงเตรียมความคิดต่าง ๆ ที่จะให้แก่โลกอิสลามให้พร้อม
เพื่อให้พวกเขายอมรับในวิธีการต่าง ๆ ที่ท่านทั้งหลายได้ดำเนินการ คือ
เพื่อเพิกถอนวิญญาณออกจากเรือนร่างของมุสลิม
ท่านทั้งหลายได้โปรดเตรียมไว้ให้พร้อมซึ่งกองกำลังของหนุ่มสาว
ที่ปราศจากความผูกพันกับพระเจ้า ด้วยวิธีการเช่นนี้
ที่ท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จในการหันเหมุสลิมออกจากอิสลาม
แต่ก็มิได้ หมายความว่าพวกเขาจะเข้ารับนับถือศาสนาคริสแต่อย่างใด
โอ้บรรดานักเผยแพร่ทั้งหลาย จงทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด...”



และแล้วก็เกิดชนอิสลามรุ่นใหม่ที่เป็นไปตามความต้องการของจักรวรรดินิยม
พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าที่หลักที่สำคัญของพวกเขา
พวกเขาชอบพักผ่อนปล่อยเวลาอย่างไร้สาระ
พวกเขาชอบอยู่เฉย ๆ และแสวงหาสิ่งสนองตอบต่อความต้องการ
ของอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา แม้แต่การศึกษาก็มีเป้าหมายเพื่อเรื่องเซ็กส์
การแสวงหาทรัพย์ก็เพื่อเป้าหมายดังกล่าว
และแม้แต่เขามีตำแหน่งสูงเขาก็ใช้ตำแหน่งเพื่ออารมณ์เช่นกัน


หากเรามองสังคมปัจจุบัน เราก็สามารถเห็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจนว่า
มันเป็นไปตามความต้องการ หรือแผนการของพวกเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น

จงสังเกตชนรุ่นใหม่ว่าจริยธรรมของพวกเขาเลวทรามลงแค่ไหน
มีเพียงชื่ออิสลามเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวของพวกเขา
แต่วิญญาณ พฤติกรรม และวิถีชีวิตของพวกเขามิใช่มุสลิมเสียแล้ว


บทบาทในการทำลายจริยธรรมประชาชาติอิสลามนั้น
หาใช่ว่าถูกทำลายโดยชาวตะวันตกอย่างเดียวเท่านั้น
แต่เป็นเจ้าของประเทศเองซึ่งถูกหล่อหลอมด้วยสีสันจากตะวันตก
บุคคลเหล่านี้แหละที่ทำงานเพื่อทำลายชาติของตนเอง
โดยผ่านสถาบันการศึกษา หนังสือพิมพ์ ละคร ภาพยนตร์ แฟชั่นการแต่งกาย
และพวกเขาพยายามสร้าง คิดค้นกิจกรรมการกีฬาและการละเล่น
ที่สร้างความเพลินเพลินจนกระทั่งลืมพระผู้เป็นเจ้า
ตลอดจนหันห่างผลักไสพวกเขาจากประตูมัสยิด สุเหร่า
ห่างไกลจากมัจลิสอิลมีย์ และการศึกษาอิสลาม

สถาบันเหล่านี้แหละที่เป็นเสมือนโรงงานที่ผลิตชนรุ่นใหม่
เป็นผู้นำแนวความคิดที่จะนำไปสู่ความเสื่อมทราม
โดยอาศัยหน้ากากแห่งความเจริญและทันสมัย

พวกเขาเหล่านั้นถูกเตรียมพร้อมสำหรับการรับใช้ตะวันตก
ในการเดินตามรอยของนักบูรพาคดีที่ได้หว่านล้อมทางเดินให้แก่พวกเขา
และพวกมิชชั่นนารี่ที่สร้างความวุ่นวาย สับสนแก่ประวัติศาสตร์อิสลาม
บีบคั้นบทบาทของมันในประวัติศาสตร์ระดับชาติ
สร้างความรู้สึกต่ำต้อยแก่ประชาชาติอิสลาม


มิชชันนารี่ตอกเลย์ (TAKLAY) ได้กล่าวว่า

“เรา จำเป็นต้องสนับสนุนให้มีการสร้างสถาบันการศึกษาในแนวตะวันตก
เพราะปัจจุบันนี้มีมุสลิมจำนวนมากที่การศรัทธาของพวกเขา
เกิดความเคลือบแคลง ต่ออิสลาม และอัลกุรอ่าน
สืบเนื่องมาจากพวกเขาได้ทำการศึกษาตำราต่าง ๆ ของตะวันตก
และศึกษาภาษาต่างประเทศมาก”



ลอร์ดโครเมอร์ ได้อธิบายถึงภาพพจน์ของยุทธวิธีที่จัดระบบโดย ฝรั่งเศส
อังกฤษ และฮอลแลนด์ แก่ประเทศอิสลาม เขาได้กล่าวว่า

“เยาวชน ที่ได้รับการศึกษาจากอังกฤษและตะวันตก
พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่าง วัฒนธรรมและจิตใจของพวกเขา
กับประเทศชาติของพวกเขา ในขณะเดียวกันพวกเขาก็พบอุปสรรค
ในการเป็นสมาชิกของสังคมที่พวกเขาได้รับการศึกษามา
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงโซซัดโซเซ”



นี่คือเป้าหมายอย่างแท้จริงที่ชาวตะวันตก (กระทำกับมุสลิม)
ไม่ว่าจะในระดับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย
หรือการฝากนักเรียนไปสู่ประเทศยุโรปหรือประเทศอื่นๆ

นักเขียนคนหนึ่งชื่อ โจบราน ได้ยืนยันว่า
เยาวชนที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนต่าง ๆ ของอเมริกา
จะได้เป็นสมุนของอเมริกา

นักศึกษาที่สังกัดอยู่ในโรงเรียนซูซุยติก
พวกเขาจะเป็นทูตของฝรั่งเศสอย่างแน่นอน
ในขณะที่นักศึกษาที่สังกัดในสถาบันการศึกษาของรัสเซีย
เขาจะได้เป็นตัวแทนของ รัสเซีย


ทัศนะดังกล่าวมีความถูกต้อง เพราะประเทศตะวันตก
ได้ทำสงครามกับประเทศตะวันออกโดยเฉพาะอิสลาม
ด้วยการส่ง ผู้เชี่ยวชาญ มิชชันนารี่ นักบูรพาคดี นักหนังสือพิมพ์
และสร้างศูนย์กลางที่ใหญ่โตในทุกเมืองหลวงของประเทศมุสลิม
โดยเน้นเป้าหมายเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของพวกเขาให้แก่ชาวเมืองนั้น ๆ

แผนการที่เลวร้ายนี้ได้แทรกซึมไปยังโรงเรียน มหาวิทยาลัย
ศูนย์วัฒนธรรมต่าง ๆ สถาบันสาธารณสุข หนังสือพิมพ์ วิทยุ
โทรทัศน์ วีดีโอและภาพยนต์


การเคลื่อนไหวของกลุ่มนิยมตะวันตกที่อันตรายนี้
ได้มีการทำงานกันอย่างเป็นระบบ เพื่อเข้าไปอยู่ในทุกส่วนแห่งคุณค่าอิสลาม
คุณค่าของอิสลามที่บริสุทธิ์ถูกกล่าวหาว่าเป็นวัฒนธรรมที่ล้าสมัย
และภายในระยะเวลาอันนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่ของพวกเขา
ก็ผูกขาดการบริหารหนังสือ พิมพ์ต่าง ๆ
ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านอิสลาม

สื่อมวลชนเหล่านี้แหละที่พวกเขาได้ใช้อย่างเต็มที่เพื่อที่จะแบ่งแยกความคิด
และจิตใจของมุสลิมออกจากคำสอนของอิสลามทุกรูปแบบ

จากคุณค่าที่วางอยู่บนพื้นฐานหลักเตาฮีด ศีลธรรม
และความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และพวกเขาได้บรรจุสารพิษแห่งการปฏิเสธ
เข้าสู่สมองอันว่างเปล่านั้น

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้เทคนิคบิดเบือนให้เกิดความคลุมเครือ
กล่าวคือ การทำโครงการซึ่งมีลักษณะภายนอกเป็นอิสลาม
แต่แก่นแท้ คือ การบิดเบือนมุสลิมให้ไขว้เขวจากอิสลาม
เช่น การประกาศใช้ชื่อ อิสลาม ในโครงการต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ดำเนินการ


พวกเขามิได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้น หากแต่เราเคยอ่านพบในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ
ที่ตีพิมพ์โดยคนกลุ่มนี้ พวกเขาได้เสนอเรื่องที่ใช้ชื่ออิสลาม
แต่เนื้อหาโจมตีอิสลาม

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เกิดหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่งที่มีชื่ออิสลาม
แต่เนื้อหาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากหนังสือพิมพ์อื่นทั่ว ๆ ไป
ซึ่งเต็มไปด้วยรูปภาพที่ไม่ได้ส่อแสดงถึงบุคลิกภาพแห่งอิสลามแม้แต่น้อย

ที่จริงแล้วการเกิดมาของหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารต่าง ๆ นี้
มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน คือ เพื่อทำลายจริยธรรม
ตลอดจนการให้สารพิษทางความคิดแก่มุสลิม
และกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตัวเองในขณะเดียวกันด้วย
และเบื้องหลังของเขามีนักการเมืองซึ่งคอยหวังผลประโยชน์
จากการทำงานของสื่อมวลชน
เพื่อเพิ่มพลังอิทธิพลและรักษาเก้าอี้ของตนเองให้คงอยู่ต่อไป

แต่ ในขณะเดียวกันก็มีนิตยสารที่ตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายที่บริสุทธิ์
เพื่อเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อิสลามที่แท้จริง
และต่อต้านสิ่งมุงกัรทั้งหลายทุกรูปแบบที่ปรากฏ
ในที่สุดสำนักพิมพ์เหล่านั้นก็จะสูญหายไปที่ละสำนัก ๆ
หนำซ้ำยังถูกตีตราว่ามีความงมงาย และสร้างความแตกแยกแก่สังคม

หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่พวกกาฟิรจากตะวันตกอยู่เบื้องหลัง นับวันจะเติบโต
และสามารถยืนหยัดอยู่ได้ พวกเขาได้ดำเนินการในทุกรูปแบบและทุกแง่มุม

ช่วงแรกของขบวนการเหล่านี้ชาวตะวันตกเป็นผู้ทำงานเอง
แต่ต่อมาภาระหน้าที่เหล่านี้ถูกมอบหมายให้กับนักเรียนมุสลิม
เพื่อให้เจ้าของประเทศยอมรับโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

นักเรียนเหล่านี้แหละที่มีบทบาทในการนำเผยแพร่ปรัชญาสมัยใหม่ ๆ
สู่ชาวพื้นเมืองโดยที่พวกเขาหารู้ไม่ว่าขบวนการสมัยนิยม
(MODERNISM) นั้นเป็นขบวนการต่อต้านศาสนาและคุณค่าแห่งจิตวิญญาณ


ตามทัศนะของมัรยัม ญะมีละฮฺ ในหนังสือของเธอ

“อิสลามและมอร์เดริ์นนิสม์” ว่า

“หากจะเปรียบขบวนการมอร์เดริ์นนิสม์ก็เป็นเสมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง
และกิ่งก้านของมันก็คือลัทธิต่าง ๆ อันประกอบด้วย คอมมิวนิสต์ สังคมนิยม
ทุนนิยม ฟาสซิสต์ เป็นต้น”



ลักษณะของขบวนการสมัยนิยม (MODERNISM) มีสาระสำคัญ ดังนี้


1. การปฏิเสธวันปรโลก บาปบุญ และวันแห่งการตอบแทน เป็นต้น
    ฉะนั้นจึงสนับสนุนให้มนุษย์มีความสนุกสนาน เพลิดเพลินทางร่างกาย
    และวัตถุเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าแห่งอะกีดะฮฺและจริยธรรม

2. บูชาในความคิดและเหตุผลของมนุษย์
    อำนาจทางวิทยาศาสตร์ถูกทำให้เหนืออำนาจของพระเจ้า

3. ชาตินิยม เป็นลักษณะสำคัญของขบวนการนี้
    ซึ่งมันได้ให้การยกย่องและหยิ่งทะนงต่อประชาคมของตัวเอง
    และปลูกฝังความรู้สึกเกลียดชังแก่กลุ่มอื่น ๆ

4. มอร์เดริ์นนิสม์ พยายามที่จะทำลายระบบครอบครัว
(ลดบทบาทสถาบันครอบครัว)

คาร์ล มาร์กซ์ ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า

“เราต้องสนับสนุนให้มนุษย์กำจัดระบบครอบครัวให้สูญสิ้น
ด้วยวิธีการ 3 ประการ คือ


* ขยายโรงงานอุตสาหกรรม
* ขยายสังคมเมือง
* ให้สิทธิเสรีภาพแก่สตรี”


ทั้ง 3 ประการ นั้นมีความเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน
โดยนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การทำลายสถาบันครอบครัว

เมื่อโรงงานอุตสาหกรรมได้เปิดรับคนเข้าทำงานและให้ค่าแรงงานที่คุ้มค่า
ทำให้สตรีจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่เมือง
และเมื่อทั้งสามี ภรรยา ต่างออกทำงานนอกบ้าน
ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว เช่น ปัญหาการหย่าร้าง ครอบครัวขาดความอบอุ่น
เพราะต่างคนต่างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน


เมื่อบิดาไม่สามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีและสมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะในด้านการอบรม เลี้ยงดูและการให้ความรักแก่ลูกของตน
แม้พวกเขาจะส่งศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรืออนุบาลก็ตาม
สถาบันเหล่านั้นไม่สามารถที่จะให้ความอบอุ่นได้เท่าเทียมที่พ่อแม่หยิบยื่นให้
สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของเด็กและนี่คือต้นเหตุที่สำคัญที่ทำให้เยาวชน
ขาดจริยธรรม ซึ่งมีผลต่อสังคมโดยส่วนรวม


สโลแกนเรียกร้องสิทธิของสตรีก็มีบทบาทอีกเช่นกัน
ในการทำลายสถาบันครอบครัวให้ อ่อนแอลง
สตรีปัจจุบันมักจะคล้อยตามกับสิ่งล่อใจ นิตยสารบันเทิงและสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
ที่สนับสนุนให้ต่อต้านขนบธรรมเนียมประเพณี
แม้ภายนอกเราเห็นถึงการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ
สามารถให้ความเป็นธรรมแก่สตรีได้
แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันได้ทำลายวิถีชีวิตของสตรีเองต่างหาก
เพราะสตรีเองกลายเป็นเครื่องมือทางการค้าธุรกิจ
เพื่อกอบโกยผลกำไรของกลุ่มประโยชน์ (นายทุน) ด้วย วิธีการต่าง ๆ
เช่น การโฆษณากิจการโสเภณี เป็นต้น

นี่แหละนี่สาเหตุที่นำไปสู่ความเสื่อมทรามทางด้านจริยธรรมของสังคม
ทำให้เกิดบุตรนอกสมรส โรคทางเพศ การกดขี่ การเข่นฆ่า
และอาชญากรรมอื่น ๆ



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 16, 2010, 05:18 PM »
0
แต่ละแผนแยบยลมากๆ เหลี่ยมจัดจริงๆ ไหนน้อง dho_dho  ลองว่ามาต่อสิครับ มีไรอีก...
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Axiom

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 31
  • เพศ: ชาย
  • Gives thanks to ALLAH
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 17, 2010, 01:13 PM »
0
นี่เพิ่งแค่สามแผน ก้อรู้สึกหงุดหงิดแระ

สงสัยถ้าครบสิบ คงทำให้ผมคลั่ง

(((ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานความพินาศให้กับมัน)))

ออฟไลน์ XO5--->>>SuNsHinE +_____+

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 179
  • เพศ: หญิง
  • I AM A MUSLIMAH
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 12:03 AM »
0
ยิว 

go to HELL  !!!!

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 06:56 PM »
0

 salam

มาอัฟด้วยจริงๆค่ะ ไม่ได้ตั้งใจให้ค้างๆแบบนี้
กะจะโพสให้หมดทีเดียวตั้งแต่วันนั้น
แต่โพสไปโพสมา เนตเล่นไม่ได้ซะเฉยๆ
เหตุเพราะโดนตัดสัญญาณ (ลืมจ่ายตังค์ให้เค้า เล่นเพลินไปหน่อย) แหะๆ...
ตอนแรกก็คิดว่าจ่ายไปแล้วนะ แต่พอลองไปค้นๆใบเสร็จดู แป่ว... hehe
ถึงว่า...ทำไมเงินเรามันเหลือในบัญชีเยอะกว่าปกติ (ค่าเนตนี่เอง)...  Oops:


งั้นมาต่อแผนต่อไปกันค่ะ... ;D

 
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 07:02 PM »
0


แผนการที่ 4 แผนการทำลายเอกภาพมุสลิม


มิชชันนารี่คนหนึ่ง ลอเรนซ์ บราวน์ ได้กล่าวว่า

“หากประเทศมุสลิมในโลกอาหรับมีความสามัคคีเป็นเอกภาพกัน
แน่นอนพวกเขาจะกลายเป็นซุงโลกขึ้นมาทันที
แต่หากพวกเขาแตกแยกกันพวกเขาก็จะกลายเป็นสิ่งไม่มีค่าใด ๆ
และไม่มีอิทธิพลใด ๆ อีกเลย ปล่อยให้อาหรับและมุสลิมแตกแยกกันเถิด
เผื่อว่าอำนาจจะได้หลุดไปจากพวกเขา”



ความเป็นเอกภาพของมุสลิมทั้งโลกเป็นสิ่งที่ตะวันตกเกรงกลัวยิ่งนัก
เพราะพลังของมุสลิมนั้นตะวันตกไม่สามารถต้านทานได้
ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ความจริงข้อนี้ด้วยการสองอภิมหาอำนาจโลก
โรมันและเปอร์เซียถูกโค่นล้มอย่างราบคาบมาแล้ว


ในปี 1907 ได้ มีการประชุมใหญ่ทั่วประเทศตะวันตก
ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นักปรัชญา นักการเมือง
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีของอังกฤษเป็นประธาน ในการปราศรัยเขาได้กล่าวว่า

“อารยธรรม ตะวันตกถูกโจมตีต้องประสบกับความเสียหาย
และสาบสูญไปในที่สุด ฉนั้นเราต้องหาวิธีการที่ได้ผล
เพื่อผดุงไว้ซึ่งอารยธรรมของเราจากความเสียหาย”



การประชุมดังกล่าวนั้นมีผลสรุปว่า จะต้องมีการวางแผนการ
ให้มีการจัดตั้งกลุ่ม สมาคม ชมรม หรือองค์กรใด ๆ ในประเทศตะวันออกไกล
เพราะหากประชาชาติอิสลามมีความเป็นเอกภาพแล้ว
จะเป็นอันตรายต่ออนาคตของตะวันตก

และในการประชุมสมัชชาดังกล่าวอีกเช่นกัน ได้มีมติเอกฉันท์ว่า
จะต้องสร้างประเทศกลุ่มชาตินิยมตะวันตก ในประเทศตะวันออกของคลองสุเอซ
เพื่อต่อต้านอาหรับมุสลิม และสร้างความแตกแยกให้แก่กลุ่มโลกอาหรับ


ด้วยเหตุนี้เองอังกฤษจึงได้ร่วมมือกับยิว เพื่อต่อสู้ร่วมกัน
ในการสถาปนาประเทศอิสราเอลในแผ่นดินปาเลสไตน์
จากประการดังกล่าวนี้โยงใยไปสู่การประกาศอิสรภาพจากความเป็นอาหรับ
และอิสลาม ได้มีการกล่าวถึงสโลแกนต่าง ๆ ที่มีการกล่าวขานกันว่า
อาหรับ อารยธรรมเมดิเตอร์เรเนียน และอียิปต์มีความสัมพันธ์กัน
และเป็นส่วนหนึ่งของตะวันตก ได้มีการเผยแผ่ความคิดเหล่านี้โดยผ่านสื่อมวลชน
สร้างความรู้สึกชาตินิยมขึ้นมาใหม่ ชาตินิยมฟาโรห์ โพเนเชียน
และอัสซีเรียน ซีเรีย อิรัค ชาตินิยมเผ่าพันธ์ กลุ่ม เผ่า ได้เริ่มก่อตัวขึ้นมา

ทันใดนั้นประเทศที่ปกครองด้วยความร่วมมือของสมุนของมันก็ร้อนเป็นเชื้อเพลิง
ปลุกพลังชาตินิยมขึ้นมาทำลายเอกภาพของประชาชาติทันที

โปป ซีมอน (POPE SIMON) กล่าวว่า

 “เอกภาพของประชาชาติอิสลามนั้นเป็นความหวังสูงสุดของประชาชาติของมัน
และมันเป็นวิถีทางที่จะทำให้เขาหลุดออกจากอำนาจตะวันตก
(โซ่ตรวนของตะวันตก) ณ จุดนี้เองบทบาทของมิชชันนารี่จึงมีความสำคัญมาก
ในการตัดทอนพลังของมุสลิม ด้วยเหตุนี้เอง เราสมควรที่จะขัดขวางกระแส
ความเป็นเอกภาพของพวกเขาด้วยขบวนการมิชชันนารี”




"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 07:10 PM »
0


แผนการที่ 5 สร้างความเคลือบแคลงแก่มุสลิมต่อศาสนาของพวกเขา


ในหนังสือ "สภาของผู้ทำงานเพื่อพระคริสต์” ได้เขียนว่า

“มุสลิมได้อ้างว่าคำสอนของอิสลามนั้นจะครอบคลุม
ในการสนองตอบแก่สังคมมุสลิม ในทุกแง่มุม ฉะนั้นมิชชันนารีจะต้องต่อต้านอิสลาม
ด้วยอาวุธทางความคิดและจิตวิญญาณ”


เพื่อเป้าหมายดังกล่าวนั้น นักบูรพาคดีจึงได้มุ่งวิเคราะห์เจาะจงอิสลามว่า
พวกเขาได้ศึกษาอิสลามอย่างลึกซึ้ง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ส่ง
มิชชันนารี่คริสเตียนไปสู่ประเทศมุสลิมทั่วประเทศ
โดยผิวเผินแล้วพวกเขาส่งไปทำหน้าที่แห่งมนุษยธรรม เช่น การสร้างโรงพยาบาล
ศูนย์สงเคราะห์ประชาชน เป็นต้น แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันเป็นเบ้าหลอม
ที่จะบิดเบือนหลักอะกีดะฮฺของประชาชาติอิสลาม

พวกเขาได้หว่านโรยความดีนั้นไว้ จนกระทั่งถึงระดับหนึ่ง
ประชาชาติได้ติดบุญคุณ ก็จะรู้สึกผูกพัน
ในวิธีนั้นแหละถึงเวลาที่จะต้องจูงใจบังคับให้พวกเขาเปลี่ยนศาสนาหรือเป็นมุรตัด

กิจกรรม อีกอย่างหนึ่งของพวกเขา คือ การปราศรัย บรรยายทางวิชาการ
ในสถาบันการศึกษาระดับสูง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ และกรมวิชาการ และทีพวกเขาถูกเชื้อเชิญโดยฝ่ายที่มีอำนาจที่มีความสึกต่อต้านอิสลาม โดยมีเป้าหมายที่จะกีดกั้นการฟื้นฟูอิสลาม เราคงจะทราบกันดีอยู่แล้วในเรื่องนี้

ความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลามแผ่ขยายกว้างขวางในสถาบันการศึกษาระดับสูง
จนก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทียนต่อญาฮีลียะฮฺที่มีอยู่ก่อนแล้ว
กลุ่มนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่อิสลามดั้งเดิม ในการปราบปรามกลุ่มเหล่านี้
ฝ่ายผู้ปกครองก็ได้เชื้อเชิญนักบูรพาคดีซึ่งก่อนนี้เคยมีเชื้อเสียงในหน้าหนังสือพิมพ์
ในนามนักคิดอิสลามที่มีชื่อเสียง พวกเขาเหล่านั้นได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหา
ที่พวกเขาไม่อาจดำเนินการได้ นักคิดดังกล่าวนั้นอันตรายอย่างที่สุด
และเป็นปฏิปักษ์ต่ออิสลาม

สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาระดับสูงในประเทศอาหรับ
เช่น ไคโร ดามัสกัส แบกแดด ราบัต ลาฮอร์ การาจี อาลีฆา
และ (ไม่ยกเว้น) มาเลเซีย

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เสนอบทความและข้อเขียนของพวกเขา
ในหนังสือต่าง ๆ ดร.มุสตอฟา อัลคอลิดีย์ ได้เขียนในหนังสือของท่าน
Missionaries and Twipenalisme ว่า

“บรรดา มิชชันนารี่คริสเตียน ได้ยืนยันว่าพวกเขาสามารถควบคุม
หนังสือพิมพ์ของอียิปต์ เพื่อถ่ายทอดแนวคิดของคริสเตียน
และการบรรจุข้อเขียนนั้น พวกเขาเป็นผู้ออกทุนเอง”


นอกจากนี้แล้วพวกเขายังได้จัดทำสารานุกรม Encyclopedia of Islam
ในภาษาต่าง ๆ พวกเขาได้สอดแทรกข้อมูลปลอม ยาพิษ
และการฉ้อฉลต่ออิสลาม ซึ่งน่าเป็นที่น่าเวทนาที่สารานุกรมดังกล่าวนั้น
กลายเป็นแหล่งอ้างอิงของนักวิชาการของพวกเรา
ได้นำข้อมูลมาใช้ในการอ้างอิงและการวิเคราะห์


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 07:15 PM »
0


แผนการที่ 6 ทำลายเอกภาพของโลกอาหรับ


โมโร เบอเกอร์ ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขาชื่อ “โลกอาหรับ” ว่า

“ประวัติศาสตร์ได้บอกไว้ว่า พลังของอาหรับก็คือพลังของอิสลาม
ฉะนั้นจงทำลายล้างอาหรับให้เสื่อมลง ความเสื่อมของพวกเขานั้นเองแหละ
ที่จะทำลายอิสลาม” (อีกครั้งหนึ่ง)”



แผนการนี้เป็นแผนการที่เด่นมากในขณะนี้ เราจะสังเกตเห็นได้จากโลกอาหรับว่า
ประเทศเหล่านั้นถูกล้อเลียนโดยมหาอำนาจตะวันตกเพียงใด
พวกเขาทำสงครามด้วยกันเองในขณะเดียวกันที่ผู้กอบโกยกำไรจากการขายอาวุธ
คือ ประเทศตะวันตก

การศึกษาภาษาอาหรับ กลับไม่ได้รับความสนใจ
ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาต้องการสร้างชนรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ภาษาอัลกุรอ่าน
และแยกตัวออกจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์
และความรู้เกี่ยวกับอิสลามที่แท้จริง


สำหรับชาวอาหรับที่วางรากฐานอยู่บนพื้นฐานอิสลาม และอัลกุรอ่าน
ถูกค้นพบว่า รากฐานของระบบชีวิตของชาวอาหรับนั้นยากที่จะเปลี่ยนแปลง
หรือรับวัฒนธรรมภายนอก (ต่างชาติ) ด้วย

เหตุนี้เองที่ทำให้ฝ่ายปรปักษ์ได้มุ่งความพยายามของพวกเขา
ไปสู่การทำลายรากฐานดังกล่าว และพวกเขาได้เปลี่ยนเข็มของชาวอาหรับ
ไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งนำไปสู่การทำลายเอกลักษณ์ของตัวเอง
ตลอดจนบังคับพวกเขาให้เปิดโอกาสให้กับอิทธิพลจากต่างชาติ
ฉะนั้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้นี่เองที่ประเทศเหล่านั้นจึงตกเป็นอาณานิคมทางความคิดไป


โมโร เบอเกอร์ ได้ยืนยันในหนังสือของเขาว่า

“ความระวังของเราต่อโลกอาหรับ และที่เราได้ให้ความสนใจต่อพวกเขานั้น
มิใช่เพราะปีโตรเลี่ยมที่พวกเขามี หากแต่เพราะอิสลามที่เขามีต่างหาก”

“ภาระหน้าที่ต่อสู้กับอิสลามก็เพื่อที่จะขัดขวางการเกิดมาของภาคีอาหรับ
เพราะพลังของกลุ่มอาหรับ จะเคียงข้างพลังของอิสลาม...
การแผ่ขยายของอิสลามได้สร้างความแปลกประหลาดแก่เรา
ที่อิสลามสามารถแผ่ขยายในอัฟริกาอย่างงายดาย...”



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 18, 2010, 07:29 PM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 07:23 PM »
0


แผนการที่ 7 สร้างรัฐเผด็จการในโลกอาหรับ


นักบูรพาคดีชาวอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อ ดับบลิว เค สมิธ (W.K.SMITH)
ซึ่งเป็นปราชญ์ผู้ปราชเปรื่อง ได้กล่าวว่า

“หากปลดปล่อยมุสลิมให้อิสระ (ให้เอกราชแก่ประเทศมุสลิม)
และให้พวกเขาอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
อิสลามจะครอบครองประเทศนั้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นโดยระบอบเผด็จการเท่านั้นที่สามารถขัดขวาง
การเผยแผ่ขยายของอิสลามได้”



บรรณาธิการนิตยสารไทม์ (TIMES) ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขา
 “การเดินทางของเอเชีย” ให้ผู้เสนอแนะแก่ผู้นำอเมริกา
เพื่อให้สร้างรัฐเผด็จการทหาร เพื่อที่จะได้ขัดขวางการขยายตัวของอิสลาม
ต่อประชาชาติของเขา และพวกเขามีความหวาดกลัวว่า
มันจะขยายอิทธิพลถึงโลกตะวันตก วัฒนธรรมและอาณานิคมของเขา

แม้ว่าประเทศตะวันตกจะให้เอกราชแก่ประเทศมุสลิมก็ตาม
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นมิได้หมายความว่าเป็นเอกราชที่สมบูรณ์
เพราะสิ่งที่พวกเขาได้สร้าง (ทอดทิ้ง) ไว้ ในรูปของระบบกฎหมาย
ปรากฎชัดว่ายังเป็นประโยชน์แก่พวกเขา ข้าทาสที่พวกเขาได้ฝากความไว้
ได้ทำหน้าที่ให้แก่พวกเขาต่อไป ทั้งที่พวกนั้นเป็นลูกหลานก็ตาม

ระบอบประชาธิปไตยที่พวกเขาได้ตกทอดเอาไว้นั้นก็เพียงพอแล้ว
ที่จะทำลายล้างอะกีดะฮฺของประชาชาติอิสลาม
เพราะความหมายของประชาธิปไตยก็คือการยึดถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ตัดสิน
กล่าวคือ ทุกคนในท้องที่มีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตน
และสามารถคิดค้นกฎหมายตามความต้องการของพวกเขา

ที่ผ่านมาแล้วนั้น เราได้วิเคราะห์ 2 ระบบที่กล่าวมา เราสรุปได้ว่า
ระบบเซคคิวลาริสม์ (SECULARISM) เป็น การปลดปล่อยมนุษย์
จากการสักการระบูชา การจำนน และเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ
ตลอดจนถึงลักษณะทางจริยธรรมที่มีอยู่แล้ว ทำให้มนุษย์ตกเป็นทาสของตัวเอง
โดยไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบต่อผู้อื่นทั้งสิ้น

และในขณะเดียวกันที่ระบบชาตินิยม (NATIONALISM) กลับสร้างความตระหนี่
หยิ่งยะโสและเห็นแก่ตัว และมองผู้อื่นอย่างดูแคลน

หลังจากนั้นก็เกิดระบบประชาธิปไตย ยิ่งเพิ่มความหยิ่งยะโสให้กับมนุษย์
ที่ถูกมอมเมาด้วยชาตินิยมอยู่แล้วเข้าไปอีก
แทนที่ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าพวกเขาเขาได้สร้างกฎหมายอื่นขึ้นมา
บรรดาผู้มีอิทธิพลได้ใช้รัฐบาล และกองกำลังความเข้มแข็งทุกอย่าง
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่พวกเขาได้วางไว้ นี่คือ ระบอบเผด็จการ
ซึ่งประเทศมุสลิมส่วนมากกำลังดำเนินการ รวมทั้งมาเลเซียด้วย


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 07:28 PM »
0


แผนการที่ 8 แยกมุสลิมออกจากการครอบครองอุตสาหกรรม
และ มอมเมาสินค้าจากตะวันตก



ในปี 1952 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ได้ชี้แจงว่า

“เราจะอำนวยทุกสิ่งทุกอย่างตามที่โลกอิสลามปรารถนา
และเราจะกระตุ้นมิให้พวกเขา ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี
จนกระทั่งพวกเขายืนขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าหากเราล้มเหลวในจุดประสงค์นี้
อันหมายถึงการปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในความล้าหลังและความโง่เขลา
และความรู้สึกมีปมด้อย แน่นอนที่เดียวว่าเราจะต้องเผชิญอันตรายอย่างใหญ่หลวง
โลกอาหรับและพลังทั้งมวลของอิสลามที่ยิ่งใหญ่และอันตรายนั้น
จะทำลายโลกตะวันตก และบทบาทชี้นำโลกที่อยู่ในมือของพวกตะวันตก
ก็จะต้องยุติลง”

“โลกมุสลิมมีความเป็นตัวของตัวเอง พวกเขามีมรดกตกทอดเป็นของเขาเอง
และมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง พวกเขามีความสามารถ
ในการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมใหม่ ๆ ให้แก่โลก
โดยไม่ต้องอาศัยจากตะวันตกเลย เมื่อใดที่พวกเขาสามารถสร้างตนเอง
ทางด้านอุตสาหกรรมที่ขวางกั้นแล้ว ไม่ใช่ด้วยความเข้มแข็งของพวกเขากระนั้นหรือ
ที่ทำให้โลกตะวันตกพ่ายแพ้ หลับใหลในฤดูกาลประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา”



ด้วยเหตุนี้พวกตะวันตกพยายามที่จะกดขี่ทางด้านอุตสาหกรรม
ของประชาชาติอิสลาม นี่แหละเป็นปัจจัยให้พวกเขาร่วมมือกันทำงานกับเรา
โดยมีเป้าหมายเพื่อระบายสินค้าที่พวกเขาผลิตขึ้นมา
และซื้อของจากเราไปในราคาที่ต่ำมาก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 18, 2010, 07:29 PM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 07:39 PM »
0


แผนการที่ 9 กำจัดบรรดานักคิดอิสลาม และ ทำลายขบวนการเคลื่อนไหว
ของประชาชาติมุสลิมให้สิ้นสุดลง



จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสามารถและความพยายาม
ของบรรดานักคิดอิสลามนั่นเอง ที่จะปลุกร้าวประชาชาติอิสลาม
ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ดังที่เราสามารถเห็นได้จากการเกิดขึ้นมา
ของบรรดานักคิดรุ่นใหม่ และนักต่อสู้เพื่ออิสลาม
พวกเขากลับมาทบทวนกันใหม่ถึงบทบาทของการญิฮาด
เพื่อที่จะเรียกร้องให้อิสลามกลับมาใหม่ให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นสิทธิของมัน
หลังจากที่อิสลามได้หายไปเป็นเวลานานพร้อม ๆ กับความตกต่ำ
ของประชาชาติมุสลิม และความคร่ำครึของนักปราชญ์ อุลามาอฺ
และนี่เป็นสิ่งที่น่าหวั่นกลัวของชาวตะวันตก ดังที่ได้รับการยอมรับโดยอดีตนายก
รัฐมนตรีอิสราเอล เบน โกเรียน (BEN GORIEN)

“บรรดาสิ่งที่เราเกรงกลัว ก็คือการกำเนิดมุหัมหมัดคนใหม่ในโลกอิสลาม”

และเอ เอ กิ๊บ ได้เขียนในหนังสือของเขาว่า

“ขบวนการอิสลามได้เปลี่ยนแปลงรูปใหม่ จากธรรมดากลายเป็นรูปใหม่
ที่น่าเกรงขาม มันผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ชนิดไม่มีสัญญาณขึ้นมาให้เห็นเลย
มันได้สร้างความงงงวยแก่ผู้ที่เฝ้าสังเกตมัน ขบวนการอิสลามมิเคยสูญสิ้น
อะไรจะเกิดขึ้นหากมี ซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบีย์ คนใหม่ได้กำเนิดขึ้นมา”



เช่นเดียวกับนักบูรพาคดี มอนเตอร์โกเมอรี่ วัตต์ (MONTEGOMERY WATT)
ได้แสดงความวิตกกังวลในหนังสือ London Times ว่า


“เมื่อมีผู้นำที่มีความเหมาะสมและความเชี่ยวชาญได้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับอิสลาม
มันเป็นไปได้ที่ศาสนานั้นจะผุดขึ้นมากลายเป็นพลังทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่
ในโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง”


เพราะเกิดเกิดใหม่ของอิสลามนั้น หมายถึง เคราะห์กรรมของชาวตะวันตก
ที่ต้องประสบภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวง ซึ่งอาจจะต้องถึงวาระสุดท้ายของพวกเขา
ความรู้สึกหวาดผวา และวิตกกังวลนี้ถูกเปิดเผยโดย
อดีตผู้ปกครองประเทศเผด็จการโปรตุเกสว่า

“ข้าพเจ้ามีความวิตกว่า จะมีผู้นำใหม่เกิดขึ้นในหมู่มุสลิม
ซึ่งจะต่อต้านการเคลื่อนไหวของเรา และจะต่อต้านเราอีก”



จากหลักฐานดังกล่าว ตะวันตกจึงได้ร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายในการทำลายล้าง
ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่ออิสลามโดยการสังหารผู้นำของพวกเขา
แม้ว่าพวกเขามิได้มีส่วนร่วมโดยตรงในแผนการดังกล่าว
แต่สมุนรับใช้ของพวกเขานั่นแหละที่เป็นผู้ปฏิบัติการ
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเข้มงวดในทุกหนทุกแห่งที่มีขบวนการอิสลามเคลื่อนไหวอยู่


เราคงไม่เคยลืมเหตุการณ์การปฏิบัติการของอังกฤษ ในการเข่นฆ่าผู้นำ
และทำลายขบวนการของ เชคมุหัมหมัด อับดุลวาฮับ ในคาบสมุทรอาหรับ
ขบวนการของเชค อุษมาน และโฟดิโอในประเทศไนจีเรีย
และขบวนการมะฮฺดีแห่งซูดาน แล้วเราไม่เคยเห็นดอกหรือ
ถึงการปฏิบัติการของพวกเขาที่ได้เชิดหุ่นรัฐบาลอียิปต์ ที่เซคคิวลาร์
(แบ่งแยกศาสนจักรออกจากอาณาจักร) โซเซียลิสม์ (สังคมนิยม) เอียงซ้าย
คอมมิวนิสต์เพื่อทำลายขบวนการอิควานนุลมุสลีมูน


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 แผนการตะวันตกทำลายล้างอิสลาม !!!
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 08:02 PM »
0

แผนการที่ 10 ทำลายสตรีและขยายสังคมเสรี


แผนการที่ 10 เป็นแผนการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
จากบรรดาแผนการที่ตะวันตกทำลายอิสลาม
ได้รับคำยืนยันอย่างภาคภูมิใจจาก แอนท์ มาลีคัม (Ant Maligam) ว่า

“เราประสบความสำเร็จในการรวบรวมบรรดาหญิงสาว (นักเรียนหญิง)
ในระดับมัธยมและระดับสูงทุกชั้นปี ในวิทยาลัยตะวันตกในไคโร
ไม่มีที่ใดที่เราสามารถรวบรวมหญิงสาวมุสลิมได้มากเท่านี้
เพราะไม่มีวิธีการใดที่ใกล้กว่านี้อีกแล้วในการทำลายป้อมปราการอิสลาม”



การแทรกแซงทางการศึกษาเป็นวิธีการที่ได้ผลที่สุดของตะวันตก
ในการลบล้างอะกีดะฮฺอิสลาม ในขณะเดียวกันก็เบี่ยงเบนพวกเขา
ให้หันออกจากอิสลาม บางคนต้องออกจากสามี หรือเพื่อน ๆ
พวกเขาใช้สตรีเป็นเครื่องมือในการทำลายเอกลักษณ์ของสังคมมุสลิม

หากเราพิจารณาจากแฟ้มประวัติศาสตร์แล้ว เราจะพบกับความเสื่อมเสีย
และความล่มสลายของชาติใดชาติหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง
ซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยสตรีเป็นเหตุเสมอ

เราจะพบเห็นบ่อย ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ
ในเรื่องการมั่วสุมกับสตรีของบุคคลระดับประเทศ
ในที่สุดก็ต้องเสียตำแหน่งของตัวเองไป เช่นเดียวกันกับประเทศมาเลเซีย
มันช่างสอดคล้องกันเหลือเกินกับคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า

“จะไม่มีภัยพิบัติใดสำหรับชาย หลังจากฉัน (เสียชีวิต) ยิ่งไปกว่าสตรี”


จากการรายงานข่าวจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนรายงานว่า
พวกผู้นำยิวได้เปิดทางให้หนุ่มอาหรับได้สังคมกับหญิงชาวยิว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายหาด และสนับสนุนให้หญิงชาวยิว
ได้ผิดประเวณีกับหนุ่มอาหรับ และในเขตพื้นที่ที่มีมุสลิมเป็นส่วนใหญ่
ก็จัดส่งภาพยนตร์ลามก สร้างสถานอาบอบนวด ดิสโก้เธค

ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเพื่อทำลายจริยธรรมของประชาชาติอิสลาม
และทำให้พวกเขาได้ละเลยจากสนามแห่งการญิฮาด
แผนการข้อนี้สอดคล้องกับกฎบัตรของยิวข้อที่ 6 ตราไว้ว่า

“เรา (ยิว) จะ เล่นบทบาทในการทำลายเยาวชนที่ไม่ใช่ยิว
โดยพ่นสารพิษเข้าไปในความคิดของเขา ด้วยทฤษฎีและหลักการต่าง ๆ
จนในที่สุดสตรีจะเป็นเครื่องมือในการบำเรอผู้ชาย
ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม”



แต่สิ่งที่ทำให้เรารูสึกหดหู่ใจเป็นอย่างหนักก็คือ
ผู้ที่ไหลไปตามกระแสแห่งความหลอกลวงนี้
มิใช่เฉพาะสตรีที่ไม่มีความรู้ทางศาสนาเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงสตรีที่มีความรู้เรื่องศาสนาด้วย


อาจเป็นเพราะว่าอิสลามที่พวกเขายึดถือเป็นอิสลามสมัยใหม่เสียแล้ว
ซึ่งมันมีท่าทีประการหนึ่งว่าเหมาะสมกับทัศนคติทางโลกนิยม
ที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางแถบทุกตารางนิ้ว


นักคิดอย่าง กอเซ็ม อามีน , เชคคอลิด มูหัมหมัด คอลิด ,
ดุรรียะฮฺ ศอฟิก ลุตฟี , อัซซัยยิด ฏอฮา ฮูเซ็น , ซัยยิด อามีร อาลี ,
เมาลานา มูหัมหมัด อาลี ลาโฮร์ , ซิยาร์ โกคัลป์ , มุสตาฟา เคมาล อตาเตริก ,
อดีบะตุซซะมาน วาฮานี , ราเด็น อัดเจง การ์ดนี , อัซ ซัยยิด เชค อัลฮาดี
และคนอื่น ๆ ที่เป็นพวกสมัยนิยม เช่นเดียวกับบรรดาอูลามาอฺ
ที่อยู่ในตำแหน่งรัฐบาลจัดให้ บุคคลเหล่านี้แหละที่เป็นตัวจักร
ในการปลดปล่อยสตรีภายประชาชาติอิสลาม
และความพยายามของพวกเขาได้รับการปรบมือจากบรรดาผู้ปฏิเสธ
จากมิตรชาวตะวันตก เช่น ซามูเอล สุวัยเมอร์ , เคนเนช แครก ,
วิลเฟรด คอนเวล , และบุคคลอื่น ๆ จากนักบูรพาคดี


.....จบค่ะ..........


ที่มา: FWmail (นานแล้วนะคะ คาดว่าน่าจะประมาณต้นปีที่แล้ว พอดีเซฟเอาไว้)


อ่านจบแล้วหลายๆท่านอาจเกิดคำถามอย่างที่ข้าน้อยถามอยู่ก็ได้ว่า

ใครเขียนบทความนี้ขึ้นมา? เขามีจุดประสงค์อะไรหรือ?
เขาอยู่กลุ่มไหนหรือ?
ซึ่งแรกๆก็คิดไปสารพัด แต่ ณ ตอนนี้ เกิดความคิดว่า มันช่วยไม่ได้จริงๆ
เพราะเราก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือได้อ่านแล้ว และได้เห็นอะไรมากขึ้น
และสำหรับข้าน้อย เนื้อหาในบทความนี้จะผิดหรือถูกประการใด
ข้าน้อยไม่รู้ได้ เพราะความรู้ไม่มีมากพอที่จะแย้งได้น่ะค่ะ...
รู้แค่ว่า มันเป็นเพียงแค่ มุมมองและความคิดเห็นของคนเขียน

ซึ่งหากเราต้องการค้นหาความจริงในโลกนี้แล้ว
สัจธรรมนั้นคือ อัลกุรอาน


ส่วนจุดประสงค์ของคนโพสที่นำมาโพส ก็หวังเพียงแค่
ให้มีคนอ่านมัน ฟังไว้หูนึงแล้วเผื่อไว้สักหู ในแบบรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

ที่สำคัญ เนื่องจากบทความข้างต้น มีส่วนที่กล่าวถึงศัตรูของอิสลามเรา...
นั่นก็คือ ยิวและคริสต์ ที่ความเป็นจริง ณ ปัจจุบันเขากำลังรุกเราอยู่...

ส่วนบุคคลในวรรคสุดท้ายที่เจ้าของบทความ(ที่ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร)
ได้ระบุชื่อไว้นั้น ข้าน้อยไม่รู้จักประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของท่านเหล่าน้ัน..
และหากพี่น้องท่านใดรู้จักและอยากร่วมเสวนาเพื่อให้เราได้รับความรู้...
จะยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ...เพราะนั่นคือเป้าหมายสูงสุดในการโพสบทความนี้
ไม่อยากเก็บไว้อ่านและคิดเอาเองเสร็จสรรพอยู่คนเดียว
แต่อยากฟังจากอีกหูนึงที่ข้าน้อยเผื่อเอาไว้น่ะค่ะ...
ว่าพี่น้องที่ผ่านเข้ามาอ่านบทความนี้แล้วคิดเห็นเป็นประการใด ;D


หากผิดพลาดประการใด ชี้แนะด้วยนะคะ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 18, 2010, 08:12 PM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged