ผู้เขียน หัวข้อ: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน  (อ่าน 9467 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เชิญร่วมงานมัสญิดแห่งใหม่ในภาคอีสาน
« ตอบกลับ #75 เมื่อ: ม.ค. 26, 2010, 07:10 AM »
0
 salam


(4)

พอเต็นท์ต้องถูกส่งคืนเทศบาลเมืองหลังวันศุกร์ที่สามตามสัญญา รุ่งขึ้นดาดาการีมตัดสินใจไปหานายช่างอดีตลูกน้องเก่า
ให้มาช่วยสร้างอาคารมัสยิดชั่วคราว “เขาเป็นคนพุทธนะ แต่เรารู้จักคุ้นเคยกันมานาน เคยทำงานด้วยกัน
“ให้เสร็จทันละหมาดศุกร์หน้านะ ราวๆ 5 วัน ที่ต้องสร้างอาคารให้แล้วเสร็จ” ผมย้ำและโน้มน้าวเขา “ผมต้องการที่สวดมนต์ด่วน
ช่างจะได้ทำบุญด้วยกัน เขามาเอาเต็นท์คืนแล้ว” “โอ้โหด่วนจัง แต่ก็ทำได้” นายช่างคนคุ้นเคยตอบรับการร้องขอจากหัวหน้างานเก่า
“ผมเป็นคนดูแล ออกแบบอาคาร เสาอาคาร กระเบื้อง ช่างเขาไปรื้อจากคอกวัวเก่าข้างบ้านมาทำ ค่าจ้างทั้งหมดตกราว 6,000 บาท”
ใครล่ะจะรู้? ตลอดระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียวสถานที่ละหมาดก็เปลี่ยนไปจากศุกร์ก่อนยังใช้เต็นท์เทศบาลกางอยู่เลย
แต่วันศุกร์นี้กลับมีอาคารชั่วคราวละหมาดกัน
“วันนั้นยังใช้เต็นท์อยู่เลยนะ วันนี้ดูซิมีอาคารละหมาดแล้ว” มุสลิมบางคนอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
“ต้องขอบคุณช่างคนนั้นที่ช่วยจนมีอาคารชั่วคราวของมุสลิมที่นี่” ผมคิดในใจแต่ไม่ได้บอกใครให้รู้ว่าตัวเองก็แอบซ่อนความดีใจ เก็บความตื่นเต้นอยู่คนเดียว
อาคารชั่วคราวถูกใช้เพื่อประกอบศาสนกิจประจำวันและวันศุกร์ มุสลิมจากหลายท้องที่เริ่มทยอยมาละหมาดและพบปะกันมากขึ้น
แต่...ตัวอาคารมีแค่เสาค้ำยันหลังคา ไม่มีพื้น ใช้ผ้ายางปูเอาไว้เท่านั้น อาจเรียกได้ว่า “ละหมาดบนดินกันเลย” ต่อมามีคนมาบริจาคซื้อกระเบื้องปูพื้น จนมัสยิดได้พื้นใหม่
ที่ใดก็ตามมีการสร้างมัสยิดเกิดขึ้นถือว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของชุมชน หลายคนหลายองค์กรเมื่อได้ข่าวว่ามีมัสยิดเกิดขึ้น
โดยเฉพาะภาคอีสานด้วยแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็ใคร่อยากจะมาเยี่ยมมาสัมผัสวิถีชีวิตมุสลิมที่นี่ ด้วยจิตใจกระตือรือร้น
มีอยู่วันหนึ่ง คณะดะอฺวะฮ์จากภาคใต้ โดยอาจารย์มุสตอฟา  ยี่งอ จากปัตตานี นักเผยแผ่ศาสนา ได้เดินทางมาเยี่ยมมุสลิมมหาสารคาม
อาจารย์มุสตอฟา เป็นคนริเริ่มชักชวน ประสานงานให้มูลนิธิส่งเสริมจริยธรรมปัตตานีเป็นผู้สนับสนุนก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่
“มัสยิดหลังใหม่เริ่มก่อสร้างในปี 2549 ใช้เวลาเกือบปีเต็มกว่าจะแล้วเสร็จ ทุกคนช่วยกันทั้งผู้หญิง ผู้ชาย” ความรู้สึกของดาดาการีม
สะท้อนออกมาเป็นคำพูดถึงทุกคนที่ช่วยกันจนมัสยิดนูรุ้ลเอี๊ยะห์ซานหลังปัจจุบันสร้างแล้วเสร็จอย่างตั้งใจ เตรียมพร้อมสำหรับพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
วันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2553
“ต่อไปเราจะมีที่ทำการของคณะกรรมการประจำมัสยิด มีโครงการสร้างกุโบร์ สร้างโรงเรียนสอนศาสนา และจัดทำกองทุน
ช่วยเหลือญาติมุสลิมที่เสียชีวิต” ฮัจญีอาลี กล่าวเสริมเพื่อให้เห็นว่ามุสลิมที่นี่ยังมีภาระหน้าที่อีกมากมายต้องทำขณะท่านสาละวนกับ
การเลือกรูปประกอบจัดทำหนังสืออนุสรณ์งานเปิดมัสยิดหลังใหม่อย่างจดจ่อ
“ปัญหาใหญ่ที่สุดคือความเป็นมุสลิม หลายคนต้องทิ้งศาสนาของตนเองไป เราต้องช่วยกันทำเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด ถ้าไม่อยากเห็นมุสลิม
สารคามหายไปเรื่อยๆ วันข้างหน้าเราไม่รู้หรอกจะเกิดอะไรขึ้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ดีกว่าเรา สุดท้ายขอฝากถึงทุกคนว่า
มัสยิดแห่งนี้ขอให้ทุกคนร่วมเป็นเจ้าของ”
“ผมใคร่ขอขอบคุณในความเมตตาของอัลลอฮ์ที่ได้ประทานทางนำและแนวทางให้ผมและมุสลิมมหาสารคามได้มีมัสยิด
บ้านของพระองค์บนผืนแผ่นดินนี้ ” ดาดาการีมกล่าวทิ้งทายก่อนการสนทนาของเราจะสิ้นสุดลงในที่สุด

.....วัสสลาม.......

บันทึกเมื่อวันพุธที่ 13 มกราคม 2553 
ณ บ้านเดวิต ในวันที่อากาศเริ่มหนาวลงอีกครั้ง


ขออัลลอฮฺทรงตอบรับการงานของผู้ร่วมก่อสร้างมัสญิดแห่งนี้ว่าเป็นการงานที่ดี และขอพระองค์ทรงตอบแทนแก่เขาเหล่านั้นด้วยเถิด

วัสสลาม

 

GoogleTagged