ผู้เขียน หัวข้อ: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา  (อ่าน 8007 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด

 
     



               
                     ความรักระหว่างมารดากับบุตรนั้นเป็นสายใยระหว่างมนุษย์ที่มีความเหนียวแน่นมั่นคงแทบจะมากที่สุดในบรรดาความรักที่มนุษย์สามารถมีให้ต่อกันได้ บททดสอบที่เกี่ยวข้องกับความรักที่มีต่อบุตรจึงมักเป็นบททดสอบยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของชีวิตมุสลิมะฮโดยเฉพาะเมื่อเธอทั้งหลายต้องเสียสละลูกผู้เป็นที่รักยิ่งไปในหนทางของอัลลอฮฺเมื่อเราได้อ่านได้ฟังเรื่องราวแห่งการเสียสละเหล่านั้นซึ่งปรากฏอยู่เรื่อยมาในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามตั้งแต่อดีตกาลตราบจนปัจจุบัน  ผู้ที่ไม่เคยเป็นแม่อาจไม่สามารถสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของการเสียสละลักษณะดังกล่าวได้มากเท่าผู้ที่มีสถานะเป็นแม่คนแล้ว หัวใจของมุสลิมะฮฺเหล่านั้นช่างเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และน่ายกย่องเกินจะกล่าวทั้งเรื่องราวของพวกเธอก็ล้วนมีชีวิตชีวาอย่างที่เราไม่เคยเบื่อจะฟัง

   ไม่นานมานี้มีข่าวชิ้นหนึ่งจากดินแดนฟิลัสฏีนรายงานว่า  พี่น้องมุสลิมที่โน่นได้รณรงค์สนับสนุนให้มุสลิมะฮฺมีความยินดีต่อการจากไปของลูกนาง  (ในตำแหน่งชะฮีด-อินชาอัลลอฮฺ)  โดยได้นำเสนอเรื่องราวของซอฮาบียะฮฺท่านหนึ่ง  ในฐานะต้นแบบของมารดาที่มีบทบาทอย่างมากในการปลุกปั้นให้ลูกของนางกระหายที่จะเข้าร่วมขบวนทัพแห่งญิฮาดซึ่งมีสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺเป็นรางวัลอันสูงสุด และนางเองก็มีความปลื้มปิติอย่างเหลือล้นที่ลูก ๆ ของนางได้จากไปบนเส้นทางที่อัลลอฮฺรักสายนี้ ซอฮาบียะฮฺท่านนั้นก็คือ ท่านหญิงคอนซาอฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮา

   ท่านหญิงคอนซาอฺ หรือชื่อจริงว่าตุมาฎิร บินติ อัมรฺ มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ใน 2 ยุคสมัยที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือยุคสมัยแห่งญาฮิลียะฮฺ  และยุคสมัยแห่งอิสลาม  นางเป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่สมัยญาฮิลียะฮฺ  และเฉกเช่นสตรีทั่วไปในสมัยนั้น  เมื่อนางทราบว่าน้องชายของนางได้เสียชีวิตลง นางก็ได้ร้องไห้รำพัน ตีโพยตีพาย คร่ำครวญราวกับว่าโลกนี้ไม่มีความหมายใด ๆ อีกแล้ว สำหรับนาง  แต่เมื่ออัลลอฮฺได้เมตตาให้นางได้สัมผัสกับอิสลาม  ความศรัทธาได้เปลี่ยนหัวใจของนางให้มีความเข้มแข็ง  โดยไม่มีร่องรอยของคอนซาอฺคนเดิมในสมัยญาฮิลียะฮฺ  เห็นได้จากการที่นางปลูกฝังให้ลูกของนางมีความกระหายที่จะออกญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ จนเมื่อถึงคราวสงครามกอดิซียะฮฺในสมัยท่านคอลิฟะฮฺอุมัร  ท่านหญิงคอนซาอฺก็ผลักดันให้ลูกชายทั้ง  4  ของนางออกไปร่วมกองทัพมุสลิมเพื่อต่อสู้อย่างแข็งขัน  จนกระทั่งพวกเขาทั้งหมดได้เป็นชะฮีดในสงครามครั้งนี้  เมื่อข่าวการจากไปของลูกชายทั้ง  4 มาถึง แทนที่นางจะคร่ำครวญ ตีโพยตีพายเฉกเช่นที่นางเคยกระทำครั้งสมัยญาฮิลียะฮฺ นางกลับกล่าวคำพูดที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกในความเด็ดเดี่ยวของนางไว้ว่า  “มวลการสรรญเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ  ผู้ทรงให้เกียรติฉันด้วยการตายของพวกเขา  และฉันหวังเหลือเกินว่า ผู้อภิบาลของฉันจะรวบฉันไว้กับลูก ๆ ของฉัน ภายใต้ร่มเงาแห่งความเมตตาของพระองค์  ในสวนสวรรค์อัน เป็นนิรันดร์”

   อะไรกันหนอ ที่ทำให้สตรีคนนึงที่เคยมีหัวใจอ่อนไหว ร้องไห้ ตีโพยตีพายต่อการจากไปของญาติมิตร กลับกลายเป็นคนที่เข้มแข็งและรื่นเริงอย่างสุดหัวใจต่อการจากไปของบุคคลที่รักยิ่งถึง ๔ คน จะเป็นอะไรไปได้ นอกจากความศรัทธาที่มั่นคงที่มีต่ออิสลาม!

จากสารมุสลิมะห์ ฉบับที่ 10 ซุลฮิจยะห์ 1430 พฤษภาคม  2552


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 25, 2010, 01:01 PM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 25, 2010, 03:56 PM »
0
ตอนอ่านตะเล็ม  อ่านเจอเรื่องราวนี้ แล้วประทับใจ
ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์นั้น ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ คือความหอมหวลในสวนสวรรค์
ขอให้เราเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ลิ้มรสมันด้วยเถิด อามีน

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 25, 2010, 05:28 PM »
0
ความรู้สึกเมื่อพวกญะฮูดสามารถฆ่าบรรดามูญาฮิดีนได้สำเร็จ พวกเขาอาจพากันดีใจ
แต่พวกเขาไม่อาจรับรู้ได้หรอกว่า แท้ที่จริงแล้วในความรู้สึกของบรรดาชูฮาดะอฺ 
....คือ ความดีใจ ปลาบปลื้ม เปรมปรีดิ์ ที่คนเหล่านี้ช่วยส่งให้พวกเขาได้ไปเจอกับพระเจ้าได้เร็วขึ้นนั่นเอง

 >> ญิฮาด :: แพ้ก็ชนะ พิชิตก็ชนะ    myGreat:



ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 25, 2010, 09:12 PM »
0

 >> ญิฮาด :: แพ้ก็ชนะ พิชิตก็ชนะ    myGreat:



v
v

Win all

 loveit:

ญะซากัลลอฮุคอยรอนผู้นำเสนอค่ะ...  ;D

วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ binti

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 261
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 26, 2010, 11:27 AM »
0
ไร้คำบรรยายจริงๆ myGreat:
อัสตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 26, 2010, 12:05 PM »
0

สารถึงเหล่ามารดาแห่งประชาชาติ จาก : อบู มุศอับ อัซ-ซัรกอวียฺ

อบู มุศอับ อัซ-ซัรกอวียฺ

(อดีตผู้นำมุญาฮิดีนแห่งสมรภูมิอิรัก ถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของทหารอเมริกัน ในเดือน มิถุนายน ๒๐๐๖ )

โอ้มารดาแห่งประชาชาติอิสลาม! พวกท่านอยู่ ณ ตำแหน่งใดกันในการสู้รบอันศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกท่านมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกองคาราวานของประชาชาตินี้อย่างไร พวกท่านไม่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ หลงเหลืออยู่อีกแล้วหรือ พวกท่านยอมปล่อยให้ลูก ๆของพวกท่านกระโจนเข้าสู่กับดักของฏอฆูต หรือพวกท่านพึงใจที่จะเป็นดั่งผู้ที่ทรยศต่อศาสนาด้วยการออกห่างจากการญิฮาดกระนั้นหรือ เราทั้งหลายได้เห็นแล้วว่าบรรดามุสลิมีนต่างละเลยจากม้าศึก และปลดอาวุธออกจากบ่า พร้อมทั้งกล่าวว่าไม่มีการญิฮาดอีกแล้ว ในยุคสมัยนี้

เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านกระนั้นหรือ ที่พวกท่านไม่ยอมส่งลูก ๆ เข้ามายังคบเพลิงอันลุกโชนของสมรภูมิที่จะทำให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความอบอุ่นของมัน รวมทั้งได้เป็นผู้ปกป้องศาสนาของอัลลอฮฺ ทำไมพวกท่านจึงไม่ช่วยกันกระตุ้นให้บรรดามุสลิมีนของพวกท่านกระโจนเข้าสู่สมรภูมิเพื่อต่อต้านบรรดาทรราช และยอม เสียสละจิตวิญญาณและชีวิตอันไร้ค่าไปในหนทางของอัลลอฮฺมีเรื่องราวของบรรดาหญิงมุชริก ซึ่งพวกนางต่างอยู่บนความเชื่อที่ผิด ๆ พวกนางเคยยื่นดินสอเขียนขอบตา ให้กับบรรดาชายหนุ่มที่ผินหลังให้กับการสู้รบ พร้อมกับกล่าวว่า

“พวกท่านก็แค่ผู้หญิงใน ร่างชายดี ๆ เท่านั้น !”


แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านเล่า (ที่พวกท่าน ไม่ยอมทำเช่นนี้) ทั้ง ๆ ที่พวกท่านต่างก็อยู่บนหนทางที่เที่ยงตรงจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด โอ้ หลานสาวของ อุมมฺ อิมาเราะฮฺจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด โอ้ หลานสาวของท่านหญิงซอฟียะฮฺ ท่านหญิงอัสมาอฺ และ อัล-คอนซาอฺ !!

แท้จริงแล้ว บรรดาภรรยาของมุญาฮิดต่างเลี้ยงดูลูกให้เติบโต มิใช่เพื่อจะให้เขามีชีวิตอยู่ดั่งคนทั่วไป แต่เพื่อให้เขาได้ร่วมรบ และถูกฆ่าไปในหนทางของอัลลอฮฺ แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะมีชีวิตนิรันดร์พร้อมกับอิสรภาพ (ในตำแหน่งชะฮีด) ซึ่งเป็นดั่งความหวังอันสูงสุดของพวกเราทุกคน

พวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่า ณ ขณะนี้ ประชาชาติของเรากำ ลังถูกเฉือนออกเป็นชิ้น ๆ ถูกจู่โจมตั้งแต่เหนือจรดใต้ ถูกรุกรานทั้ง ในดินแดนตะวันออกและตะวันตก จดหมายของน้องสาวของเราจาก ที่คุมขังของพวกทรราชยังมาไม่ถึงพวกท่านอีกหรือ หากพวกท่าน ได้ อ่านแล้วจินตนาการว่าพวกท่านต้องถูกทรมานเยี่ยงพวกนาง พวก ท่านย่อมปรารถนาให้บรรดาผู้ชายแห่งประชาชาตินี้ออกมาปลด ปล่อยพวกท่านเป็นแน่

มีบรรดาพี่สาวน้องสาวของมุญาฮิดีนในดินแดนแห่งแม่น้ำ ทั้งสอง (คืออิรัก) ได้เขียนจดหมายมาหาฉัน ขอร้องให้พวกนางได้ มีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อปกป้องศาสนาอันบริสุทธิ์นี้ พวกนางยืน ยันอย่างหนักแน่นที่จะเข้าร่วมในสมรภูมิรบ จดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งมาหลังจากที่บรรดามุญาฮิดีนจำนวนหนึ่งได้เสียชีวิตจากปฏิบัติ การณ์โจมตีเรือนจำอบู ฆอรีบ เพื่อปลดปล่อยมุสลิมะฮฺจากการถูกจองจำไว้ในเงื้อมมือของทรราชย์ มันถูกเขียนขึ้นโดยพี่น้องมุสลิมะฮฺ คนหนึ่งซึ่งใช้เลือดและน้ำตาของนางปนกับน้ำหมึก

อัลลอฮฺ ทรงรู้ดีที่สุด ว่าฉันมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อ ได้อ่านจดหมายฉบับนั้น ฉันเริ่มหลั่งน้ำตาโดยไม่สามารถควบคุมตัว เองได้ เมื่อนึกถึงสภาพของประชาชาติในตอนนี้ ความอัปยศได้ก่อ ตัวขึ้นในทุกดินแดนโดยไม่มีมุสลิมีนสนใจจะมารับภารกิจนี้ จนต้อง ปล่อยให้มุสลิมะฮฺออกมาทำหน้าที่แทน ช่างเป็นความอับอายอย่าง

ยิ่งสำหรับบรรดาลูกผู้ชายแห่งอุมมะฮฺอิสลามียะฮฺ ที่ปล่อยให้บรรดาผู้หญิงที่บริสุทธิ์และบอบบางต้องออกมารับหน้าที่นี้ ในขณะที่ตนเองยังคงหลับใหลอยู่ในบ้านและเล่นเกมส์ที่หาสาระใดไม่ได้ไปวัน ๆ

จาก สารมุสลิมะห์ฉบับที่ 11
อ่านประวัติของอบู มุศอับ อัซ-ซัรกอวียฺ คลิก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 28, 2010, 08:02 AM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 01:01 PM »
0
หัวใจของผู้ที่เป็นมูญาฮิดีน



เรียบเรียงโดย ฎอริก อัลญิฮาด
อัสลามูอาลัยกุม วาเราะฮฺมาตุลลอฮฺฮิ วะบารอกาตุฮฺ

เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามุสลิมหลายต่อหลายคนที่ยังคงคิดว่า“ชัยชนะ'' นั้นคือ การได้มาซึ่งวัตถุบนโลกใบนี้ การสามารถเอาชนะทางด้านกายภาพ การสามารถมีอำนาจเหนือฝ่ายตรงข้ามได้ แต่หารู้ไม่คำว่า “ชัยชนะ”นั้น มิใช่การเอาชนะที่เป็นรูปธรรมอย่างเดียว การที่เรายึดมั่นอยู่บนหลักการของอัลอิสลามก็เป็นชัยชนะ การที่เราได้ตายในหนทางของอัลลลอฮฺก็เป็นชัยชนะ แต่เราก็ต้องอย่าลืมว่า “ชัยชนะ” ที่เป็นรูปธรรมพร้อมๆกับยึดมั่นในสัจธรรมนั้นย่อมเป็นชัยชนะที่เหนือกว่า เพราะมันคือการที่เรามีชัยเหนือชัยฏอน มีชัยเหนือกุฟฟารฺ มีชัยเหนือฏอฆูต มีชัยเหนือความเท็จ และการมีชัยเหนือพวกกาฟิรีนและบรรดามุนาฟิกีนทั้งมวล เช่นนั้นแหละหัวใจของผู้ที่เป็นมูญาฮิดีนนั้นต้องมีความมั่นคง ถึงแม้ว่าชีวิตทั้งชีวิตของเขานั้นจะถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน และครหาจากพวกกาฟิรก็ตาม อันเนื่องจากการที่พวกเขามิแสวงหาชีวิตในโลกนี้เหมือนพวกมัน แต่กลับแสวงหาความตายเพื่อรางวัลในโลกหน้า

พวกท่านจะพบว่าบรรดามูญาฮิดีนนั้น มิอาจถูกล่อลวงด้วยกับทรัพย์สินอันมีค่าบนโลกใบนี้เลย พวกเขากลับยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อวิ่งไปหาความตายที่อยู่ตรงหน้า แต่หารู้ไม่ พวกเขามิได้ตายจากไปไหนหรอก พวกเราต่างหากที่กำลังรอความตายอย่างน่าอัปยศ !

“และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่าบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮฺนั้นตาย มิได้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขา ในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ” [3:169]

ซุบฮานัลลอฮฺ …


ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 01:03 PM »
0
กี่มากน้อยแล้วที่พี่น้องมูญาฮิดีนของเราได้รุดหน้าไปยังที่นั่นก่อนหน้าเรา เพียงเพราะพวกเขามีความบริสุทธิ์ใจ มีความอิคลาศในการแสวงหาความตาย ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้ประทานรางวัลให้แก่เขาด้วยกับความตายนั้น พวกเขามิได้มองหาสิ่งใดเพื่อที่จะเอามาปกป้องพวกเขาหรือเพื่อที่พวกเขาจะได้หลบซ่อนจากพวกศัตรูเลย แต่พวกเขากลับต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เขาปรารถนาไว้ พวกท่านยังคงจำได้ไหม?
ท่านคอลิด อิบนฺวะลีด ผู้ที่รับสมญานามว่า ซัยฟุลลอฮฺ หรือ ดาบของอัลลอฮฺ ท่านได้กล่าวไว้เช่นไรก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต

ท่านได้กล่าวว่า “”ฉันเคยเอาตัวของฉันกระโจนลงไปท่ามกลางหมู่ศัตรู จนกระทั่งฉันมั่นใจแล้วว่า ฉันไม่อาจกลับออกไปอย่างมีชีวิตเป็นแน่ แต่ดูนี่สิ ฉันกลับต้องมาตายอยู่บนเตียง ดังนั้นขออย่าได้ให้ดวงตาของผู้ขี้ขลาดได้หลับไหลเป็นอันขาด!”

อีกท่านหนึ่ง ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนฺรอวาฮะฮฺ เมื่อตอนที่ท่านเป็นแม่ทัพนำกองทัพมุสลิมเผชิญหน้ากับศัตรูในสงครามมุอฺตะฮฺ แล้วญาติของท่านก็ได้นำชิ้นเนื้อแห้งมาให้ท่านกิน เพื่อที่จะได้มีกำลังเผชิญกับสิ่งต่างๆในวันนั้น ท่านได้กล่าวไว้เช่นไร หลังจากที่ท่านได้หยิบมันมากินแค่หนึ่งคำ

ท่านได้กล่าวว่า “นี่ฉันยังอยู่บนโลกใบนี้นี่!” แล้วท่านก็ขว้างชิ้นเนื้อนั้นออกไป และได้เข้าไปต่อสู้จนกระทั่งท่านถูกฆ่าตาย

ซุบฮานัลลอฮฺ…



ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 01:05 PM »
0
บรรดามุอฺมินนั้นไม่ได้หวังสิ่งใดๆบนโลกใบนี้เลย พวกเขาพอใจชีวิตในโลกหน้ามากกว่าชีวิตในโลกนี้เสียอีก แม้กระทั่งการค้าขายและการทำมาหากินก็ไม่อาจทำให้เขามีพลังและกระตือรือร้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามพวกเขากลับรู้สึกมีพลังและกระปรี้กระเปร่าในการเคารพอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺซุบฮานะฮุวาตะอาลา ดั่งที่ท่านอุษมาน ผู้ที่เป็นทั้งตาบิอีนและมูญาฮิดท่านหนึ่ง เมื่อท่านถูกถามว่าในปีนี้เขาจะยังคงออกไปรบไหม ท่านตอบว่าอย่างไร?

ท่านตอบว่า “แน่นอน ฉันไม่อยากพลาดจากมันเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าฉันจะต้องอยู่เพื่อทำรายได้ถึงหนึ่งแสนดีนารฺก็ตาม”

อัลลอฮฺฮุอักบัรฺ !

ไม่มีอิบาดะฮฺใดๆอีกแล้วที่จะเทียบเท่ากับการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ แต่ยังมีมุสลิมหลายคนที่ยังคงคิดว่าการละหมาดและการถือศีลอดนั้นเป็นอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วในอิสลาม

ใช่ ! มันเป็นอิบาดะฮฺที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะหากมุสลิมคนใดปราศจากมันทั้งสองแล้ว ก็ไม่มีความหวังใดๆแล้วสำหรับเขา แต่…

ในการดิ้นรนต่อสู้จริงๆแล้ว ไม่มีอิบาดะฮฺใดที่จะเทียบเท่ากับการญิฮาด

จากศ็อฟวาน บินสะลีม : ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺได้ถามว่า “มีสักคนไหมในหมู่พวกท่านที่สามารถละหมาดและถือศีลอดโดยไม่หยุด” พวกเขากล่าวว่า “โอ้ อบูฮุร็อยเราะฮฺ ใครจะไปทำเช่นนั้นได้ล่ะ” เขาก็กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ผู้ซึ่งวิญญานของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ การนอนของมูญาฮิดนั้น ดียิ่งกว่าสิ่งนั้นเสียอีก”

หากนี่คือสถานะของมูญาฮิดีนในขณะที่เขาเพียงแค่นอนหลับอยู่ แล้วนับประสาอะไรกับการละหมาดของเขาล่ะ? สิ่งนี้มิใช่สิ่งที่ผู้คนควรแข่งขันกันกระนั้นหรือ มันมิใช่สิ่งที่ผู้คนควรร้องไห้เมื่อพลาดจากมันหรอกหรือ!

อบูฮุร็อยเราะฮฺได้กล่าวว่า มีชายคนหนึ่งมาหาท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)และกล่าวว่า “ขอท่านจงบอกฉันเถิดซึ่งการงานที่(มีการตอบแทน)เทียบเท่ากับการญิฮาด” ท่านนบีตอบว่า “ไม่มีการงานใดที่เทียบเท่ากับการญิฮาด” …แล้วท่านก็เสริมขึ้นมาว่า “ท่านทำได้ไหมล่ะ ในขณะที่มูญาฮิดได้ออกไปยังสนามรบ ท่านก็เข้าไปยังมัสยิดแล้วละหมาดโดยไม่ต้องหยุดและถือศีลอดโดยไม่หยุดเช่นกัน” ชายคนนั้นก็ตอบว่า “ใครจะทำเช่นนั้นได้ล่ะ” (บุคอรี-มุสลิม)

อิบนุอุมัรฺได้กล่าวว่า “การยืนในตำแหน่งที่เผชิญหน้ากับศัตรูนั้น ถึงแม้จะไม่มีการแกว่งดาบ ขว้างหอก หรือยิงธนูออกไป ก็ยังดีกว่าการละหมาดเป็นเวลาหกสิบปีโดยไม่กระทำความชั่วใดๆ” (อัลญามิอฺ)

ซุบฮานัลลอฮฺ…

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 01:07 PM »
0

พวกท่านดูมุสลิมในยุคนี้สิ เมื่อเขาต้องยืนหยัดในเรื่องสัจธรรม พวกเขาช่างเป็นคนที่เกรงกลัวต่อพวกุฟฟารฺเสียนี่กระไร!

นี่ถ้าหากชัยคุลอิสลามอิบนฺตัยมียะฮฺได้มาเห็นพวกเราในลักษณะนี้แล้วล่ะก็ ท่านคงจะรู้สึกอัปยศและกระอักกระอ่วนที่จะบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราเป็นแน่ เพราะครั้งหนึ่งท่านเคยกล่าวไว้ว่า
“เหล่าศัตรูของฉันจะสามารถทำอะไรฉันได้? ในเมื่อสวนสวรรค์นั้นอยู่ในหัวใจของฉัน ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนมันก็ไปกับฉัน การติดคุกของฉันก็คือการปลีกตัวทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ การประหารชีวิตฉันก็คือการมอบรางวัลชะฮีดแก่ฉัน การเนรเทศฉันออกจากดินแดน สำหรับฉันแล้วก็คือการได้ออกไปอพยพในหนทางของอัลลอฮฺ” นี่แหละคือคติพจน์ของท่าน นี่แหละคือคติพจน์ของมูญาฮิด !

อะไรจะเกิดขึ้นล่ะ เมื่อมูญาฮิดนั้นรู้ว่า สิ่งที่พวกเขาหวังจะได้รับจากอัลลอฮฺนั้น มิใช่อื่นใดนอกจากสวนสวรรค์ชั้นฟิรดาวส์?

พวกเขาจะเรียนรู้ศึกษามัน พวกเขาจะคิดถึงคำนึงถึงมัน พวกเขาจะพร่ำร้องเรียกหามัน  และขอมันต่ออัลลอฮฺให้โปรดประทานสิ่งนั้นแก่พวกเขา ด้วยกับเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาเป็นอะไรอื่นมิได้ นอกจากจะเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮฺทั้งในที่ลับและที่เปิดเผย

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 01:10 PM »
0
จากอบีฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮฺ : ท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลฯ) กล่าวว่า
 
“…แท้จริงในสวนสวรรค์มีอยู่หนึ่งร้อยชั้น อัลลอฮฺได้จัดเตรียมไว้แก่บรรดาผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ  ระยะห่างระหว่างสองชั้นเหมือนกับระยะห่างระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน ดังนั้นเมื่อพวกท่านต้องการร้องขอต่ออัลลอฮฺ  ก็จงขอชั้นฟิรดาวส์ซึ่งมันตั้งอยู่ใจกลางของสวนสวรรค์และเป็นชั้นสูงสุด  และข้างบนนั้นเป็นอะรัช (บัลลังก์) ของพระผู้ทรงเมตตาปราณี  และในนั้นจะมีแม่น้ำจากสวนสวรรค์ไหลพุ่งออกมา”  (บันทึกโดยบุคอรี)

เช่นนั้นแหละ เมื่อมูญาฮิดเป็นบ่าวที่ยิ่งใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺมากเท่าใหร่ เขาก็จะยิ่งรักการต่อสู้ในหนทางของพระองค์มากขึ้นเท่านั้น ดั่งที่ท่านคอลิด อิบนฺวาลีด ได้กล่าวไว้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตว่า “แม้ว่าฉันจะได้แต่งงานกับหญิงสวยงามที่ฉันรัก หรือแม้ว่าฉันจะได้รับข่าวดีเกี่ยวกับลูกชายที่เพิ่งถือกำเนิดของฉัน มันก็ยังเป็นที่รักแก่ฉันน้อยกว่าการที่ฉันได้ไปอยู่ท่ามกลางกองทัพในค่ำคืนอันหนาวเหน็บเพื่อรอการประจัญบานกับศัตรูในเช้าวันพรุ่งนี้ ดังนั้นฉันจึงแนะนำให้พวกท่านออกไปญิฮาดเถิด” (อิบนฺอัลมุบาร็อก)

 ด้วยเหตุนั้นมูญาฮิดต้องรีบเร่งสู่ความดีแม้ว่าการงานนั้นจะเป็นการออกไปต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺก็ตาม ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลาได้กล่าวว่า
“และกลุ่มชนแนวหน้าคือกลุ่มชนแนวหน้า พวกเขาเหล่านั้นคือบรรดาผู้ใกล้ชิด” [56:10-11]

อุษมาน บินอบีเซาดะฮฺ ได้กล่าวว่า “กลุ่มชนแนวหน้าที่ได้กล่าวไว้ในอายะฮฺข้างต้นก็คือ บุคคลแรกๆที่ออกไปญิฮาดและเป็นบุคคลแรกๆที่ออกไปละหมาด” (บันทึกโดยอิบนฺ อบีชัยบะฮฺ – เชื่อถือได้)

ดังนั้น ขอให้พวกท่านจงเป็นกลุ่มชนที่อยู่แนวหน้าในการรีบเร่งสู่สวนสวรรค์ชั้นฟิรดาวส์ของอัลลอฮฺกันเถิด
วะบิลลาฮิตเตาฟีก วัลฮิดายะฮฺ วัสลามูอาลัยกุม วาเราะฮฺมาตุลลอฮฺฮิ วะบารากาตุฮฺ

เค้าโครงจาก The Unjust Media
credit
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 27, 2010, 01:17 PM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด


Amir Khattab with his Son

จากมูญาฮิด อมีรค็อฏฏ็อบ (ชะฮีดแห่งชีชาน, อินชาอัลลอฮฺ) กล่าวไว้แก่ซอและห์ลูกชายคนโตของเขาขณะอายุเพียง 3 เดือนว่า ;

"ไม่ว่าที่ไหนและเวลาใดก็ตาม..จงมุ่งหน้าไปสู่ความตาย แล้วการมีชีวิตอยู่ก็จะเป็นของเจ้า"

..
"เจ้าอย่าได้ฝันถึงชีวิตที่สุขสบาย การดำเนินชีวิตที่สงบสุขในโลกที่ปกครองไปด้วยกุฟฟาร กุฟฟารจะตามไล่ล่าเจ้าให้เป็นส่วนหนึ่งของมัน...จงแสวงหาความรู้และท่องจำคัมภีร์ของอัลลอฮฺตั้งแต่เจ้าอายุยังน้อย จากนั้นจงเตรียมพร้อมและมุ่งหน้าสู่การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ !!"

(สท. (ส่งท้าย) เดิมทีคำฝากฝังนี้ถูกอัดเสียงใส่เทปไว้เป็นภาษาอาหรับ ต่อมามูญาฮิดีนคนอื่นจึงนำมาถอดความเป็นภาษาอังกฤษและถูกถ่ายทอดเป็นอักขระภาษไทยโดยพี่หนูดีคนเก่ง (ญะซากิลละห์ ค้อยร้อน))
อ่านประวัติของค็อฏฏ็อบ คลิก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 28, 2010, 08:16 AM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 04:50 PM »
0
เข้ามาขอบคุณ "น้องครูจริงใจ" ก่อน ไว้เคลียร์งานที่วุ่น ๆ ช่วงนี้เสร็จจะเข้ามาอ่านนะคะ  myGreat:

ญาซากิลลาฮุค็อยรอน  loveit:

little cat

  • บุคคลทั่วไป
Re: เธอคือความหวัง :: ต้นแบบแห่งมารดา
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 27, 2010, 05:45 PM »
0
 myGreat:

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด


ในขณะที่ชีวิตในดุนยาของเราดำเนินไป...วันแล้ว...วันเล่า...คืนแล้ว...คืนเล่า    เรื่องราว  ปัญหา และสรรพสิ่งต่าง ๆ แห่งดุนยาได้เข้ามาแบ่งปันพื้นที่ในชีวิตของเราเท่า ๆ หรืออาจมากยิ่งกว่าเรื่องราวแห่งอาคิเราะฮฺ  ดุนยายังคงทำให้เราสุขและทุกข์  ลิงโลดและว้าวุ่นใจ   สมหวังและผิดหวัง...ได้อยู่เรื่อยไป   

 
ช่วงเวลาเดียวกัน...ชีวิตคนอีกกลุ่ม1 ของอุมมะฮฺนี้ยังคงดำเนินไปในตลาดแห่งเสียงปืน  ตลาดที่พวกเขาได้ทำสัญญาซื้อขายกับผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  โดยมีชีวิตของพวกเขาเป็นสินค้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับสวนสวรรค์ของพระองค์   พวกเขาละทิ้งความสุขสบายที่ท้ายแถวเพื่อมุ่งหน้าสู่ความยากลำบากในแนวรบด้านหน้า  บางส่วนของพวกเขายังคงใช้วันและคืนอันหนักหนาไปในแนวรบทั้งบนภูเขา และท้องทะเลทราย  อีกบางส่วนของพวกเขาได้รับคัดเลือกแล้วให้ล่วงหน้าไปก่อนสู่ความสุขอันเป็นนิรันดร์  หากเรื่องราวของพวกเขายังคงมีชีวิตเสมอในหัวใจของคนที่อยู่เบื้องหลัง...คนที่หวังจะได้ร่วมกองคาราวานเดียวกับพวกเขา

หน้าประวัติศาสตร์อิสลามเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้กล้า...ลูกผู้ชาย...และอัศวิน  1ในบรรดาอัศวินเหล่านั้นเองที่เคยกล่าวไว้ว่า “หน้าประวัติศาสตร์อิสลามไม่เคยถูกเขียนขึ้น เว้นแต่ด้วยเลือดของชุฮะดาอฺ...เรื่องราวของชุฮะดาอฺ...และแบบอย่างของชุฮะดาอฺ”
 
เขา...ผู้กล่าวประโยคข้างต้น ไม่เพียงแต่‘กล่าว’เท่านั้น  หากยัง‘ทำ’ให้เห็นด้วยว่าคำกล่าวของเขานั้นเป็นความจริง หน้าประวัติศาสตร์อิสลลามยินดีต้อนรับเขาเฉกเช่นที่เคยต้อนรับบรรดานักสู้คนอื่นๆ ในทุกยุคสมัย

เขา...คือคนที่ผู้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการญิฮาดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข่าวกรองหรือนักวิจัย   มุญาฮิดีนหรือเอฟบีไอ...จะละเว้นที่จะพูดถึงประวัติ  ผลงาน และถ้อยคำของเขาไม่ได้เลย

เขา...คือคนที่นิตยสารไทม์ขนามนามว่าเป็น ‘ผู้คืนชีพให้แก่การญิฮาดแห่งศตวรรษที่20’ ในขณะที่อุซามะฮฺ บินลาดิน กล่าวว่า “หลังจากเขาแล้ว...มุสลิมะฮฺของประชาชาตินี้ก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่า  พวกเธอไม่สามารถให้กำเนิดบุรุษเยี่ยงเขาได้อีก”   
เขา...คือ คนที่รวมคน 2 ประเภทอันเป็นหัวใจของอุมมะฮฺนี้ นั่นคือ ‘อุละมาอฺ’ และ ‘มุญาฮิดีน’เข้าไว้ในตัวคน ๆ เดียว 
เขาคือ เชค อับดุลลอฮฺ อัซซาม...อาลิมที่บรรดาอุละมาอฺยกให้อยู่แถวหน้าในสนามความรู้  มุญาฮิดที่บรรดามุญาฮิดีนยกให้อยู่แถวหน้าในสนามการรบ

คลิกอ่านต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 28, 2010, 08:00 AM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

 

GoogleTagged