ญะซากัลลอฮุคอยรอน ผู้นำเสนออีกรอบ...
เข้ามาเพื่ออ่านอีกรอบ แล้วก็เพื่อจะขุดค่ะ...
อ่านรอบนี้ทำให้คิดได้หลังจากที่ทดท้อกับบางอย่างจนอยากหันหลังให้สังคม...
เพราะทั้งเหนื่อยและท้อ พ่อก็ยังผลักดันอยู่ว่า ให้สู้สิ จะถอยทำไม
หากเหนื่อยก็แค่พัก หายเหนื่อยก็สู้ต่อ...แต่อย่าหนี...เพราะต่อให้หนีผู้คนไปอยู่บนยอดเขาสูง
ก็ใช่จะหนีตัวเองได้...เพราะทุกวันที่เราสู้อยู่ มันไม่ใช่แค่ศัตรูของอิสลาม
แต่เป็นศัตรูที่ซ่อนเร้นในหัวใจเราด้วย...หากเราแพ้ตัวเอง เราก็ไม่อาจสู้กับอะไรได้เลย...
ยังเคยบ่นกับพ่อว่า...ที่นี่มันเมืองผี มีแต่คนหลอกลวงหนู พ่อจะให้อยู่ทำไม...
อยู่ไปก็ดีแต่โดนเขาหลอก เขาดูถูก เขาเย้ยหยัน จะทำอะไรก็แสนจะลำบากไปหมด
มีแต่คนขัดแข้งขัดขาตลอด...พ่อไม่รู้หรอกว่าเดินอยู่บนหนทางของอัลลอฮฺ ในสถานที่ที่เป็นเมืองผีน่ะ
มันแสนจะลำบาก...และบั่นทอนกำลังใจหนูอยู่ทุกวัน...
แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อ ที่ไม่เคยเรียกร้องให้ลูกกลับไปสู่อ้อมกอดเลย...
ก็ยังให้เราต่อสู้และฝ่่าฟันอยู่อย่างนี้ พร้อมกับบอกว่า...ความอดทนในวันนี้
จะเปลี่ยนเป็นความเข้มแข็งในวันหน้า คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะเป็นผู้รอดพ้น...
อัลลอฮฺรักบรรดาผู้เข้มแข็ง...และยึดมั่นอยู่บนหนทางของพระองค์ แม้มันจะมีอุปสรรคแค่ไหน
แต่คนเข้มแข็งเขาจะไม่มานั่งบนและร้องไห้ ท้อแท้แบบนี้...
พอบอกว่า หนูจะกลับบ้าน...พ่อก็บอกว่า บ้านที่แท้จริงของเราไม่ได้อยู่ที่ดุนยา...
และเราไม่ควรร้องขอความตายเพราะต้องการจะหนีความอ่อนแอของตัวเอง...
พอได้อ่านบทความทั้งหมดในกระทู้นี้ จึงทำให้แจ้งใจแล้วว่า...
สิ่งที่พ่อหวังจากเราก็คือ ต้องการให้เราเป็นบ่าวที่เข้มแข็งของอัลลอฮฺ
เพื่อวันที่เรามีลูก เราจะได้สอนลูกของเราให้เข้มแข็งและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความโหดร้าย
ป่าเถือนในยุคสุดท้ายของดุนยา...
เพราะแน่นอน...ลูกหลานของเราย่อมต้องได้เจออะไรที่หนักหนากว่าเราอีกหลายเท่านัก...
หากเราอ่อนแอ แล้วเราจะเลี้ยงลูกของเราให้เข้มแข็งได้อย่างไร...
เพราะสำหรับคนที่สู้ในหนทางของอัลลอฮฺจนตัวตาย...
แพ้ก็ชนะ พิชิตก็ชนะ
วัสลามค่ะ