ผู้เขียน หัวข้อ: ชะรีฟหุเซนอรับขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ  (อ่าน 9238 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
อังกฤษนั้นได้ทำการประชุมลับกันฟรั่งเศษและการเข้าร่วมของรัซเซีย

ที่ลอนดอน ในการแบ่งเขต(ข้างบนที่กล่าวมา)แบ่งเป็นประเทศชาม และอีรักระหว่างทั้งสองประเทศ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ส่วนรูปของชะรีฟหุเซนก็มีอยู่ในหนังสือ

แต่จะเหมือนตัวจริงรึปล่าวผมไม่รู้นะครับ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
ฝากตรวจสอบคำผิดด้วยนะท่าน

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
ฝากตรวจสอบคำผิดด้วยนะท่าน

อัลหุเสน บิน อาลี อาลชะรีฟ (อัลฮาชิมีย์ ที่สืบต้นตระกูลมาจากท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ) เป็นกษัตริย์ปกครองหิญาซและทำการแข็งข้อกับอาณาจักรออตโตมาน หรืออุษมานียะฮฺด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษจริงตามข้อมูลที่ได้โพสต์ไว้ แต่ตระกูลนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลซาอุ หนำซ้ำตระกูลอาลชะรีฟกลับต้องทิ้งที่มั่นเมืองหิญาซ เนื่องจากพ่ายแพ้สงครามให้แก่อาลสุอูด และถูกขับออกจาหิญาซ จนสุดท้ายได้เดินทางไปยังอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดนพร้อมกับลูกชายทั้งสองที่ชื่อไฟซอล และอับดุลลอฮฺ และเสียชีวิตที่นั่น โดยที่อับดุลลอฮฺได้สถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งจอร์แดน ตามที่อังกฤษได้สัญญาไว้ ซึ่งอับดุลลอฮฺท่านนี้มีศักดิ์เป็นทวดของกษัตริย์อับดุลลอฮฺแห่งจอร์แดนคนปัจจุบัน

ข้อมูลเสริมครับ

        การประกาศตำแหน่งค่อลีฟะห์เหนือโลกอิสลามให้กับตนเอง ของ ชะรีฟ ฮุซัยน์ เป็นการประกาศแต่เพียงฝ่ายเดียวและมิได้แยแสต่อเหล่ากษัตริย์ บรรดาผู้นำตลอดจนนักวิชาการของโลกอิสลามแม้แต่น้อย ทำให้ทุกฝ่ายไม่พอใจต่อชะรีฟ ฮุซัยน์ และถือว่าชะรีฟ คือนักฉวยโอกาสที่กระทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

 

        การเป็นค่อลีฟะห์ของชะรีฟ ฮุซัยน์ จึงจำกัดอยู่เฉพาะในเขตแคว้นอัลฮิญาซ ซ้ำร้ายยังมีอายุยืนยาวเพียงแค่อายุ 7 เดือนเท่านั้น เพราะบัลลังก์ของชะรีฟต้องเผชิญกับการโจมตีจากกองกำลังของเจ้า ชายอับดุลอะซีส อิบนุ ซุอูด ซึ่งได้รับกำลังสนับสนุนจากอังกฤษ ในที่สุดชะรีฟ จำต้องสละราชบัลลังก์ให้กับเจ้าชายอะลีที่ 4 ผู้เป็นโอรส ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ราชอาณาจักรอัลฮาชิมียะห์ก็ล่มสลายลง อำนาจเหนือแคว้นอัลฮิญาซได้ผลัดเปลี่ยนสู่ซุลตอนอับดุลอะซีส อิบนุ ซุอูด ส่วนชะรีฟ อิบนุ อะลี ก็ได้รับการตอบแทนจากอังกฤษเฉกเช่นที่ "ซินิมมาร" (คือสถาปนิกผู้ควบคุมการก่อสร้างปราสาทอัลค่อวัรนักให้แก่กษัตริย์อันนัวะอ์ มาน อิบนุ อัมริอิลกอยซ์ ซึ่งเมื่อปราสาทสร้างเสร็จกษัตริย์อันนัวะมานก็ได้โยน ซินิมมาร ลงจากปราสาทจนถึงแก่ชีวิต) ได้รับโดยอังกฤษได้เนรเทศพระองค์สู่ไซปรัสและที่นั่นพระองค์ก็จบชีวิตลง

 

        ก่อนสิ้นชีวิต ชะรีฟ ฮุซัยน์ ได้กล่าวถึงความทุกข์ระทมของตนว่า : ข้าพเจ้าได้ละเลยไม่ตรึกตรองคำวิจารณ์ที่ข้าพเจ้าได้รับจากมุสลิมตุรกี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของข้าพเจ้าที่มีต่ออังกฤษ ซึ่งข้าพเจ้าพบว่าในการตอบรับข้อเรียกร้องของอังกฤษที่ให้ข้าพเจ้าประกาศการ ลุกฮือนั้นเป็นการรื้อฟื้นความรุ่งโรจน์ของชาวอาหรับและเป็นการสร้างความพึง พอใจต่อความรู้สึกของชาวมุสลิม แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ของสิ่งดังกล่าวคือการพบกับจุดจบของชาวอาหรับและตุรกีไป พร้อมๆ กัน (ตารีค อัดเดาละห์ อัลอะลียะห์ อัลอุษมานียะห์ 2/712)


อ้างจาก http://www.alisuasaming.com/index.php/writing/ottoman/429-ottoman8

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio

ศิษย์อ. อาลี มาเองเลย

นับถือๆ

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ครับผม

ตอนที่ผมลงชื่อกระทู้ตอนแรก ผมยังแปลไม่เสร็จนะครับ

ที่รีบลงเพระกลัวจะลืมแปลให้เสร็จ ตอนนี้ก็แปลเสร็จแล้ว

มีอะไรผิดพลาดก็บอกได้นะครับ

นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
นอกจาก ชะรีฟ อุเซน แล้วอย่าลืมว่าก็ยังมีปัจจัยภายในด้วยเช่นกัน


        ดร.เอียะฮ์ซาน ฮักกีย์ ได้กล่าวไว้ในภาคผนวดท้ายหนังสือ ตารีค อัดเดาละห์ อัลอะลียะห์ อัลอุษมานียะห์ หน้า 730 ว่า : ส่วนหนึ่งจากสาเหตุต่างๆ ที่นำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิอุษมานียะห์ได้แก่


        1. บรรดาซุลตอนได้อภิเษกสมรสกับสตรีต่างชาติเป็นจำนวนมาก ผลที่ตามมาคือ สตรีเหล่านี้สามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดของบรรดาซุลตอนผู้เป็นพระสวามี ตลอดจนมีส่วนร่วมในการแทรกแซงนโยบายทางการเมืองของอุษมานียะห์ที่มีต่อ มาตุภูมิของพวกนาง


        2. การมีพระสนมเป็นจำนวนมากที่บรรดาต่างชาติและผู้ปกครองต่างนำตัวพวกนางเข้า ถวายเป็นบาทบริจาริกาขององค์ซุลตอนจนดูเหมือนว่าพวกนางเป็นสินค้าหรือของ กำนัล ซึ่งเมื่อบรรดาซุลตอนเห็นว่าพวกนางมีจำนวนมากเกินในราชมณเฑียรและพระตำหนัก ชั้นใน (ฮ่ารอมลีก) บรรดาซุลตอนก็มักจะมอบนางบาทบริจาริกาเหล่านี้แก่เหล่าเสนาอำมาตย์หรือผู้ ที่ซุลตอนโปรดปรานเพื่อเป็นการให้เกียรติหรือเป็นรางวัลตอบแทนในการสร้าง ความดีความชอบ จึงเป็นเรื่องปกติที่สตรีเหล่านั้นจะมีอิทธิพลอยู่บ้างไม่มากก็น้อยต่อสามี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับราชสำนักในฐานะ ขุนนางชั้นสูง


        นอกจากนี้ยังเกิดความอิจฉาริษยาในระหว่างสตรีที่อาจเป็นภรรยาขุนนางแต่เดิม กับนางข้าไทที่เข้ามาใหม่ ซึ่งกรณีเช่นนี้ซุลตอนก็ไม่ได้รับการยกเว้น เพราะพระมเหสีหรือเจ้าจอมเดิมอาจจะไม่พอใจที่ซุลตอนโปรดปรานนางสนมคนใหม่ กอรปกับนางสนมตามธรรมเนียมของราชสำนักจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพระมเหสี หรือพระราชชนนีขององค์ซุลตอน แต่เนื่องด้วยนางสนม นางพระกำนัลที่เข้าสู่พระตำหนักชั้นในนั้นเป็นที่โปรดปราน ก็อาจทำให้นางสนมบางคนได้ใจ จึงอาจคิดกำเริบเสิบสานซึ่งจุดจบก็อาจจะถูกลอบวางยาพิษ หรือเสื่อมเสียต่างๆ นานา อันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในเกือบทุกราชสำนักของโลก


        3. การเข้ามาแทรกแซงเรื่องนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินของสตรีในวังหลวงบาง คนที่มักจะเสนอให้องค์ซุลตอนโปรดเกล้าให้บ่าว หรือขันทีบางคนกินตำแหน่งสำคัญๆ ในราชสำนัก ซึ่งโดยมากขาดความรู้ความสามารถในการรับราชการ และพวกบ่าวขันทีที่กินตำแหน่งเหล่านี้มักมีหน้าที่เป็นเพียงสายลับหรืออีกา คาบข่าวมารายงานแก่เจ้านายของตนซึ่งเป็นสตรีในวังหลวง


        ผลร้ายที่เกิดขึ้นตามาจึงเป็นอย่างที่เห็น กล่าวคือ การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวเพราะขุนนางขาดความรู้ความสามารถ และความลับทางราชการรั่วไหล ตลอดจนมีหนอนบ่อนไส้ในราชสำนัก (อนึ่ง สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในราชสำนักอุษมานียะห์ข้างต้นปรากฏชัดเจนในช่วงที่ จักรวรรดิอุษมานียะห์อ่อนแอ ส่วนในช่วงต้นสมัยจักรวรรดินั้นก็พอมีให้เห็นแต่ไม่รุนแรงเท่ากับยุคปลาย จักรวรรดิ)



(อ้างแล้ว)

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ราชวงซอูด ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษในการต่อสู้

ดังที่บังดีนี่ยะฮฺได้โพสเอาไว้ข้างต้น

 เพราะบัลลังก์ของชะรีฟต้องเผชิญกับการโจมตีจากกองกำลังของเจ้า ชายอับดุลอะซีส อิบนุ ซุอูด ซึ่งได้รับกำลังสนับสนุนจากอังกฤษ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
ครับผม

ตอนที่ผมลงชื่อกระทู้ตอนแรก ผมยังแปลไม่เสร็จนะครับ

ที่รีบลงเพระกลัวจะลืมแปลให้เสร็จ ตอนนี้ก็แปลเสร็จแล้ว

มีอะไรผิดพลาดก็บอกได้นะครับ



แค่อยากจะบอกว่า ชะรีฟหุเสน ถือกำเนิดที่อิสตันบูล (ไม่ใช่ชาวหิญาซโดยกำเนิด) สังกัดมัซฮับหะนะฟี ขณะที่แข็งข้อกับอาณาจักรอุษมานียะฮฺ และตั้งตนเป็นเจ้าเมืองหิญาซ และเกิดขึ้นก่อนที่ราชวงศ์ซาอุจะครอบครองหิญาซ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับราชวงศ์ซาอุที่มีพื้นเพเดิมทางตอนกลางของประเทศซาอุดีอาระเบียปัจจุบัน และสังกัดมัซฮับหันบะลีย์
ดังนั้นหัวข้อกระทู้ที่ตั้งไว้ว่า "ชะรีฟหุเซน (ราชวงศ์) ซาอุ ขับไล่รัฐอุษมานียะฮฺโดยความร่วมมือของอังกฤษ" จึงไม่น่าจะถูกต้อง

อย่าลืมว่า  เมื่อกองทัพวะฮาบีได้ทำสงครามเข่นฆ่ามุสลิมมากมายที่ถูกฮุกุ่มเป็นกาเฟรตามทัศนะของมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮาบ  ต่อมากองทัพวะฮาบีก็พ่ายแพ้แก่กองทัพมุฮัมมัด อะลี บาชา (แห่งคอลีฟะฮ์อุษมานียะฮ์) และทำการตั้งผู้ปกครองทางมาจากคอลีฟะฮ์อุษมานียะฮ์  และเมื่ออังกฤษมีอำนาจ  จัดสรรปันส่วนที่ดินให้แก่พวกยิวเพื่อตั้งรัฐแล้ว  อังกฤษก็ได้สนับสนุนร่วมมือสถาปนาให้ราชวงศ์ซาอุขึ้นมาเป็นผู้ปกครองแค้วนฮิยาซอีกครั้ง  ดังนั้นชารีฟหุเสน ได้ปกครองฮิญาซฺนั้น  ไม่ใช่ราชวงศ์ซาอุ  แต่เหตุใดราชวงศ์ซาอุ ขึ้นมาครองราชอีกครั้ง  นั่นก็เพราะว่าอังกฤษให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ tholib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
แต่ที่เลยเถิดไปกว่า นั้นก็คือ  เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  บอกว่า  ใครที่ไม่เชื่อว่าค่อลิฟะฮ์อุษมานียะฮ์เป็นกาเฟร  เขาย่อมเป็นกาเฟรด้วย!

น่ากลัวครับบัง เอามาจากไหนครับ

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
ใจเย็นๆ ครับพี่น้อง

กำลังอ่านเพลินๆ อย่าได้ให้เสียจังหวะ

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ใช่ครับบัง

การกล่าวหาว่าฝ่ายหนึ่งเป็นกาฟิร ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็น

ผลที่ได้รับมันน่ากลัวซะจริงๆในวัันตอบแทน
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ Al-Ainawi

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 53
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ราชวงซอูด ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษในการต่อสู้

ดังที่บังดีนี่ยะฮฺได้โพสเอาไว้ข้างต้น

 เพราะบัลลังก์ของชะรีฟต้องเผชิญกับการโจมตีจากกองกำลังของเจ้า ชายอับดุลอะซีส อิบนุ ซุอูด ซึ่งได้รับกำลังสนับสนุนจากอังกฤษ

ยังจะเถียง... ถ้าจะเอาอย่างที่คุณดีนิยะฮฺว่า ก็เปลี่ยนหัวข้อเป็นว่า "ราชวงศ์ซาอุขับไล่ชะรีฟหุเซนโดยความร่วมมือของอังกฤษ" สิ  ไม่ใช่หัวข้อตามที่คุณจั่วไว้

คราวหลัง ถ้าจะกล่าวหาใครก็น่าจะศึกษาให้รอบคอบเสียก่อน กล่าวหามั่วๆแบบนี้ อย่างมากก็เป็นได้แค่การประจาญตัวเองให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีกึ่นเพียงไหน เท่านั้นแหละ

อ้อ... ล็อคกระทู้เถอะ หรือไม่ก็ลบกระทู้เสีย จะได้ไม่อายคนอื่นเขา  อัสตัฆฟิรุลลอฮฺ

จะเป็นชารีฟฮูเซ็น หรือ ราชวงศ์ของซาอุ ก็ต่างร่วมมือกับอังกฤษเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และให้ความช่วยเหลือกับอังกฤษเข่นฆ่าคนอาหรับ และยึดดินแดนไป ข้อมูลตรงนี้เชคริฎอพูดในเชิงปฏิเสธในบรรยายของท่านว่าเป็นข้อมูลเท็จซึ่งมาจากพวกฝรั่ง และ พวกชีอะห์รอฟิดอฮ  เพราะฉนั้นบังบาชีรต้องการนำเสนอว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจริง ซึ่งมาจากคนอาหรับซึ่งเป็นผู้แต่งหนังสือเอง และหนังสือที่ได้นำเสนอไปนั้นเป็นหนังสือที่ผมใช้เรียนซึ่งเป็นของกระทรวงศึกษาธิการประเทศสหรัฐเอมิเรสซึ่งใช้เรียนทุกโรงเรียน และในหนังสือนั้นมี مراجع  บทอ้างอิงจากหนังสือที่คนอาหรับแต่งขึ้นเองทั้งหมด 54 เล่ม โดยไม่มีหนังสือเล่มใดเป็นของฝรั่ง หรือแปลมาจากฝรั่งเลย

ดังนั้นผมอยากรู้ว่าสิ่งที่เชคริฎอกล่าวในบรรยายในเชิงปฏิเสธข้อมูลที่อาจาร์ยกอเซ็มนำเสนอว่ามาจากฝรั่ง มาจากชีอะห์รอฟิดอฮ  เชคริฎอเอามาจากไหนครับ?
ผมไม่รู้ว่าบัง Get นั้นเป็นลูกศิษย์เชคริฎอหรือเปล่าแต่มารยาทและคำพูดนั้น ผมบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่มารยาทอันดีงามของอิสลามแน่นอน ถ้าหากบังคิดเหมือนเชคริฎอว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลเท็จ ท่านสามารถอ้างอิงข้อมูลที่ท่านเห็นว่าถูกต้องได้ วัสสลาม
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 07, 2010, 09:18 AM โดย Al-Ainawi »
ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลกนี้ เว้นเเต่ต้องสรรเสริญอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
เเต่สูเจ้าตั่งหากที่ไม่เข้าใจมัน

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
แต่ที่เลยเถิดไปกว่านั้นก็คือ  เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  บอกว่า  ใครที่ไม่เชื่อว่าค่อลิฟะฮ์อุษมานียะฮ์เป็นกาเฟร  เขาย่อมเป็นกาเฟรด้วย! 


การที่มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  จะฮุกุ่มค่อลีฟะฮ์อิสลามอุษมานียะฮ์ว่าเป็นกาเฟร  เป็นไปได้มาก  เพราะใครไม่ตามมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ก็จะถูกประกาศสงครามหมด  โดยถูกฮุกุ่มว่าเป็นพวกมุชริกีน  พวกกาฟิรีน

นึกว่าเอามาจากหนัย   ที่แท้มาจากขี้เลื่อยนี่เอง

ก็ลองไปอ่านจากหนังสือ อัดดุรร้อร อัสสะนียะฮ์  ในบทว่าด้วยเรื่องญิฮาด ซิ  อ่านแล้วเจอเองแหละ  แต่นายสับสน อ่านไม่ออกแปลไม่เป็นเลยหาไม่เจอหรือเปล่า?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 07, 2010, 10:13 PM โดย As-Zaleek »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

จะเป็นชารีฟฮูเซ็น หรือ ราชวงศ์ของซาอุ ก็ต่างร่วมมือกับอังกฤษเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และให้ความช่วยเหลือกับอังกฤษเข่นฆ่าคนอาหรับ และยึดดินแดนไป ข้อมูลตรงนี้เชคริฎอพูดในเชิงปฏิเสธในบรรยายของท่านว่าเป็นข้อมูลเท็จซึ่งมาจากพวกฝรั่ง และ พวกชีอะห์รอฟิดอฮ   เพราะฉนั้นบังบาชีรต้องการนำเสนอว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจริง ซึ่งมาจากคนอาหรับซึ่งเป็นผู้แต่งหนังสือเอง และหนังสือที่ได้นำเสนอไปนั้นเป็นหนังสือที่ผมใช้เรียนซึ่งเป็นของกระทรวงศึกษาธิการประเทศสหรัฐเอมิเรสซึ่งใช้เรียนทุกโรงเรียน และในหนังสือนั้นมี مراجع  บทอ้างอิงจากหนังสือที่คนอาหรับแต่งขึ้นเองทั้งหมด 54 เล่ม โดยไม่มีหนังสือเล่มใดเป็นของฝรั่ง หรือแปลมาจากฝรั่งเลย

ดังนั้นผมอยากรู้ว่าสิ่งที่เชคริฎอกล่าวในบรรยายในเชิงปฏิเสธข้อมูลที่อาจาร์ยกอเซ็มนำเสนอว่ามาจากฝรั่ง มาจากชีอะห์รอฟิดอฮ  เชคริฎอเอามาจากไหนครับ?

 



เชคริฎอ บิดเบือนประวัติศาสตร์ แล้วใส่ไคล้ให้พวกฝรั่งและชีอะฮ์  หรือ  คนอาหรับผู้แต่งหนังสือประวัติศาสตร์เรื่องนี้ (แต่ง 54 เล่มแน่ะ)  เป็นผู้บิดเบือน
น่าคิดนะคะ  ::)
หรือจะคิดไปแล้ว  ::)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 07, 2010, 10:25 AM โดย al-firdaus~* »

 

GoogleTagged