ผู้เขียน หัวข้อ: ชะรีฟหุเซนอรับขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ  (อ่าน 9163 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

subson

  • บุคคลทั่วไป
ประวัติศาสตร์ มีไว้ศึกษาเป็นบทเรียน  ไม่ใช่มีไว้เถียงหรือโจมตี

นี่หรือ ผู้รู้ แห่งประชาชาติ อิสลาม     


***** ท่านนบี คงภูมิใจ กับสิ่งที่พวกคุน ขวนขวาย ซิน

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ประวัติศาสตร์ มีไว้ศึกษาเป็นบทเรียน  ไม่ใช่มีไว้เถียงหรือโจมตี

นี่หรือ ผู้รู้ แห่งประชาชาติ อิสลาม     

***** ท่านนบี คงภูมิใจ กับสิ่งที่พวกคุน ขวนขวาย ซิน



ผู้รู้แห่งประชาชาติอิสลาม มีหน้าที่   แก้ข้อใส่ไคล้ต่อเรื่องราวที่มีผู้บิดเบือน
อีกนัยยะหนึ่งก็คือ  กระชากตัวตนที่แท้จริงในแนวทางบิดเบือนนั้นๆ

subson

  • บุคคลทั่วไป
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
 ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว

แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
 เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
 แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
 เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร

นี่คือกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไปสำหรับใช้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด
ขอให้เราดูตัวอย่างของกรณี “อายะฮฺจากชัยฏอน” ซึ่งถูกนายซัลมาน รุชดี ผู้อื้อฉาวนำไปใช้ประโยชน์ในทางเสียหายและมุ่งร้าย
 ซัลมาน รุชดีไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสูญญากาศ แต่เขาพบมันในหนังสือประวัติศาสตร์
 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการทำให้มันดูถูกต้องน่าเชื่อถือ  ทำไม?
เหตุผลนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะเขามีแผนการอะไรบางอย่าง และมีความปักใจเชื่อตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว

ดังนั้น เมื่อบุคคลใดก็ตามที่กล่าวหาคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบหลักฐานของตนที่นำมาใช้กล่าวหา
ว่ามีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ และที่ทำไปเช่นนั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ชอบ...
บุคคลเช่นนั้นมีความผิดไม่น้อยไปกว่าซัลมาน รุชดีและน้ำหมึกของเขา

จงอย่าให้ความเป็นศัตรูที่ท่านมีต่อคนๆ หนึ่งเป็นเหตุจูงใจเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านจะว่าคนนั้นคนนี้มีความผิด

“ ….. และจงอย่าให้การเกลี่ยดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน “ ( อัลมาอิดะฮ 5:8
)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 07, 2010, 11:22 AM โดย สับสน »

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
 ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว

แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
 เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
 แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
 เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร

นี่คือกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไปสำหรับใช้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด
ขอให้เราดูตัวอย่างของกรณี “อายะฮฺจากชัยฏอน” ซึ่งถูกนายซัลมาน รุชดี ผู้อื้อฉาวนำไปใช้ประโยชน์ในทางเสียหายและมุ่งร้าย
 ซัลมาน รุชดีไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสูญญากาศ แต่เขาพบมันในหนังสือประวัติศาสตร์
 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการทำให้มันดูถูกต้องน่าเชื่อถือ  ทำไม?
เหตุผลนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะเขามีแผนการอะไรบางอย่าง และมีความปักใจเชื่อตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว

ดังนั้น เมื่อบุคคลใดก็ตามที่กล่าวหาคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบหลักฐานของตนที่นำมาใช้กล่าวหา
ว่ามีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ และที่ทำไปเช่นนั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ชอบ...
บุคคลเช่นนั้นมีความผิดไม่น้อยไปกว่าซัลมาน รุชดีและน้ำหมึกของเขา

จงอย่าให้ความเป็นศัตรูที่ท่านมีต่อคนๆ หนึ่งเป็นเหตุจูงใจเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านจะว่าคนนั้นคนนี้มีความผิด

“ ….. และจงอย่าให้การเกลี่ยดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน “ ( อัลมาอิดะฮ 5:8
)



บทความที่คุณสับสนยกมานี้ มันเป็นกรณีของ มุอาวิยะฮฺวางยาพิษสังหารท่านหะซันจริงหรือไม่ ?
แหม๊ ๆ ไม่อ้างอิงเรยน๊า...;D


กรณีของกระทู้นี้ หลักฐานต่างๆ เราต้องศึกษาจากประวัติศาสตร์ที่แท้จริง... 
ความถูกต้องที่แท้จริง คือการที่เราได้รับรู้ประวัติศาสตร์จากคนอาหรับ แท้ๆ 
ที่สำคัญเชื่อถือได้ซะด้วยสิ


ออฟไลน์ Al-Ainawi

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 53
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
 ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว

แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
 เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
 แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
 เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร

นี่คือกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไปสำหรับใช้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด
ขอให้เราดูตัวอย่างของกรณี “อายะฮฺจากชัยฏอน” ซึ่งถูกนายซัลมาน รุชดี ผู้อื้อฉาวนำไปใช้ประโยชน์ในทางเสียหายและมุ่งร้าย
 ซัลมาน รุชดีไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสูญญากาศ แต่เขาพบมันในหนังสือประวัติศาสตร์
 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการทำให้มันดูถูกต้องน่าเชื่อถือ  ทำไม?
เหตุผลนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะเขามีแผนการอะไรบางอย่าง และมีความปักใจเชื่อตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว

ดังนั้น เมื่อบุคคลใดก็ตามที่กล่าวหาคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบหลักฐานของตนที่นำมาใช้กล่าวหา
ว่ามีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ และที่ทำไปเช่นนั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ชอบ...
บุคคลเช่นนั้นมีความผิดไม่น้อยไปกว่าซัลมาน รุชดีและน้ำหมึกของเขา

จงอย่าให้ความเป็นศัตรูที่ท่านมีต่อคนๆ หนึ่งเป็นเหตุจูงใจเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านจะว่าคนนั้นคนนี้มีความผิด

“ ….. และจงอย่าให้การเกลี่ยดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน “ ( อัลมาอิดะฮ 5:8
)

ไปบอกเชคริฏอสิ ท่านสับสน
ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลกนี้ เว้นเเต่ต้องสรรเสริญอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
เเต่สูเจ้าตั่งหากที่ไม่เข้าใจมัน

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
 ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว

แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
 เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
 แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
 เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร
]


ตำราที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เล่มนี้เป้นทำตาที่ถูกค้นคว้าขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบแน่นอน
เนื่องจากเป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ ดังนั้น ผู้แต่งต้องละเอียดรอบคอบ
ในการค้นคว้า เพราะประวัติศาสตร์นี้มีความเกี่ยวข้องถึงความสัมพันธฺอันดีระหว่างประเทศอาหรับด้วยกัน
ดังนั้น หากว่าผู้แต่งไม่มีความละเอียดรอบคอบตามที่ถูกกล่าวอ้างมาแล้ว แน่นอนว่าตำราเล่มนี้
ต้องไม่ถูกนำมาใช้สอนในโรงเรียนหรือในมหาลัย และแน่นอนว่าตำราที่ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น ต้องได้รับการรับรอง
จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ ดังนั้นเมื่อมีการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของ
ประเทศนั้นๆ ก็แสดงว่า ถือเป็ฯตำราที่น่าเชื่อถือ









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 07, 2010, 01:48 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

subson

  • บุคคลทั่วไป


ตำราที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เล่มนี้เป้นตำราที่ถูกค้นคว้าขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบแน่นอน
เนื่องจากเป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ  ดังนั้น ผู้แต่งต้องละเอียดรอบคอบ
ในการค้นคว้า เพราะประวัติศาสตร์นี้มีความเกี่ยวข้องถึงความสัมพันธฺอันดีระหว่างประเทศอาหรับด้วยกันดังนั้น หากว่าผู้แต่งไม่มีความละเอียดรอบคอบตามที่ถูกกล่าวอ้างมาแล้ว แน่นอนว่าตำราเล่มนี้
ต้องไม่ถูกนำมาใช้สอนในโรงเรียนหรือในมหาลัย และแน่นอนว่าตำราที่ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น ต้องได้รับการรับรอง
จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ ดังนั้นเมื่อมีการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของ
ประเทศนั้นๆ ก็แสดงว่า ถือเป็ฯตำราที่น่าเชื่อถือ

อืม  มิน่า  ตำราชีอะที่ด่าซอฮาบะฮฺ ด่าภรรยาท่านนบี  ถึงยังมีอยู่ในปัจจุบัน  เพราะคิดกันยังงี้นี่เอง

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮฺ ------>               เป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ ------->              ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ ------->               ได้รับการรับรอง จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ
 







****อยู่ใต้รักแร้ชีอะจิงๆ












ออฟไลน์ Al-Ainawi

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 53
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
พูดลอยๆเด็ก3ขวบก็พูดได้ ถ้ามีจริงช่วยอ้างอิงหน่อยสิบัง หนังสืออะไร ใครเขียน ประเทศอะไรรับรอง เอารูปมาให้ดูด้วยนะ

ถ้าทำไม่ได้เนี่ย บ้านผมเขาเรียกว่า เก่งเเต่ปาก
ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลกนี้ เว้นเเต่ต้องสรรเสริญอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
เเต่สูเจ้าตั่งหากที่ไม่เข้าใจมัน

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด


อืม  มิน่า  ตำราชีอะที่ด่าซอฮาบะฮฺ ด่าภรรยาท่านนบี  ถึงยังมีอยู่ในปัจจุบัน  เพราะคิดกันยังงี้นี่เอง

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮฺ ------>               เป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ ------->              ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ ------->               ได้รับการรับรอง จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ
 







****อยู่ใต้รักแร้ชีอะจิงๆ





คุณ สับสน ครับ มันจะเหมือนกันได้อย่างไรละครับ ในเมื่อที่ท่านยกมานั้นเป็นตำราของชาวชีอะฮฺที่ไม่กินเส้นกับ
อะฮฺลิสสุนนะฮฺฯ มาแต่เดิมแล้ว และประเทศอิหร่านก็ไม่กินเส้นกับประเทศซาอุฯ และ ประเทศที่เป้นชาวสุนนีย์อยู่แล้ว
ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศอิมิเรต ที่เป้นสุนนีย์มาแต่เดิมและคววมสัมพันธ์ทางการฑูตต่อระหว่างทั้งสองประเทศนี้
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย และนี่ก็เป้นการค้นคว้าทางวิชาการในสายอะลิสสุนนะฮฺเองฯ ไม่มีชีอะฮฺมาเกี่ยวข้องเลย
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ wahaba

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 219
  • สร้างรูปร่างให้พระเจ้าคือความเชื่อของวะฮาบีและยิว
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
วะฮาบีหรือเปล่าอยู่ใต้ รักแร้ชีอะ 

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด


อืม  มิน่า  ตำราชีอะที่ด่าซอฮาบะฮฺ ด่าภรรยาท่านนบี  ถึงยังมีอยู่ในปัจจุบัน  เพราะคิดกันยังงี้นี่เอง

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮฺ ------>               เป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ ------->              ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น

ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ ------->               ได้รับการรับรอง จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ
 







****อยู่ใต้รักแร้ชีอะจิงๆ





คุณ สับสน ครับ มันจะเหมือนกันได้อย่างไรละครับ ในเมื่อที่ท่านยกมานั้นเป็นตำราของชาวชีอะฮฺที่ไม่กินเส้นกับ
อะฮฺลิสสุนนะฮฺฯ มาแต่เดิมแล้ว และประเทศอิหร่านก็ไม่กินเส้นกับประเทศซาอุฯ และ ประเทศที่เป้นชาวสุนนีย์อยู่แล้ว
ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศอิมิเรต ที่เป้นสุนนีย์มาแต่เดิมและคววมสัมพันธ์ทางการฑูตต่อระหว่างทั้งสองประเทศนี้
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย และนี่ก็เป้นการค้นคว้าทางวิชาการในสายอะลิสสุนนะฮฺเองฯ ไม่มีชีอะฮฺมาเกี่ยวข้องเลย

สุดท้ายก็สับสนอีกตามเคย
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขอความสันติจงมีแด่ทุกท่าน  เรื่องนี้คงจะไปกันใหญ่แล้ว  ขอให้ท่านอัซฮารี ท่านบาชีร อัยนาวีและทุกท่าน ยุติหัวข้อนี้ก่อนนะครับ
วัสลาม

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 salam

การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ถ้าหากว่าเป็นความจริงจะไปแปลกอะไรที่เราจะรับรู้ เรียนรู้เพื่อที่จะได้ทราบที่มาที่ไป เรียนรู้เพื่อที่จะปรับปรุงตนเอง แต่ขอให้นำเสนอโดยไม่มีอคติ นำเสนอจากเอกสารที่อ้างอิงได้ ซึ่งในกระทู้นี้ ผู้นำเสนอก็ได้บอกตำราอ้างอิงชัดเจน และตำราก็ได้มีใช้การเรียนจริงในประเทศอมิเรต ซึ่งความถูกต้องของข้อมูลนั้น ก็น่าที่จะไว้ใจได้ "อัลลอฮ์ทรงรู้ยิ่ง"

แล้วเราจะเรียนจากตำรานี้บ้างมิได้เหรอครับ?

ส่วนพี่น้องที่ไม่พอใจกับเนื้อหาเล่มนี้ ก็ต้องอดทนอ่าน จะต้องกล้ายอมรับ ถ้าหากว่ามันเป็นความจริง! แล้วถ้าหากว่าตรวจสอบว่า ไม่จริง ก็ให้ช่วยกันนำเสนอข้อมูลที่ท่านมีอยู่ เพื่อจะได้แบ่งปันความรู้ที่มีให้พี่น้องได้อ่านกัน เพื่อจะได้ให้มีความเข้าใจกันและกัน

"วัลลอฮุอะลัม"



เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

subson

  • บุคคลทั่วไป
ประวัติศาสตร์สอนประชาชาติอิสลามว่า   มุสลิมตกต่ำเพราะขัดแย้งกันเอง  บ้าอำนาจ  ไม่อยู่ในกรอบ

นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้จากประวัติศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็น อุษมานียะ  อับบาซียะ อัยยูบี  ฯลฯ


อะไรคือเป้าหมายและประโยชน์ของประวัติศาสตร์????                        ดูเหมือนพวกคุนยังเป็นประเภท ไก่ได้พลอยอยู่นะ



ลองเข้าห้องน้ำแล้วนั่งลงบนโถส้วม   ทำใจสักพักแล้วถามตัวเองว่า

"ตั้งกระทู้  เพื่ออัลลอฮ หรือไม่      ตั้งมาด้วยความบริสุทธ์ใจปราศจากอคติจิงหรือไม่    อะไรที่ได้รับจากกระทู้นี้   ข้อดีข้อเสีย อันหนัยมากกว่ากัน"

ผู้รู้ที่สอนผู้อื่น เพียงต้องการคำชม  ยังถูกคว่ำหน้าลากเข้านรก    แล้วผู้รู้ที่สอนคนอื่น เพื่อโจมตี เพื่อความสะใจ  สร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิมเลวร้ายยิ่งกว่ามิใช่หรือ??



  ประวัติศาสตร์ในอัลกุรอานมีมากมาย ถึง70%  มันคงไม่เพียงพอ สำหรับพวกคุน  ประวัติการล่มของบรรดาคอลีฟะ มันคงไม่เพียงพอกับพวกคุน

ประวัติศาสตร์ นอกอัลกุรอาน เป็นเพียงเรื่องเสริมเท่านั้น   มัวแต่เจาะลึกประวัติศาสตร์โดยที่ฮาดิษยังอ่านไม่หมด  (ระวังโดนโจมตีเหมือนเชคบินบาซนะ  ขนาดท่านตาบอกยังโดนโจมตี แล้วพวกคุนตาดี ระวังๆๆ)

พูดง่ายๆคือ   จัดลำดับความสำคัญ แล้วทำที่สำคัญที่สุดก่อน   นี่คือแนวทางดะวะของท่านนบี







****รีบอ่านเร็วๆ   เพราะสิ่งที่ผมโพสน์ในกระทู้ อ.กอเซ็ม กับ เชคริฎอ  ถูกลบออกไปเกลี้ยง    สงสัยกลัวรุ่นหลานจะรู้ใต๋  เลยแอบๆลบ   ระวังจะโดนลบออกนะรีบอ่านเร็ววววว

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
ประวัติศาสตร์สอนประชาชาติอิสลามว่า   มุสลิมตกต่ำเพราะขัดแย้งกันเอง  บ้าอำนาจ  ไม่อยู่ในกรอบ

นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้จากประวัติศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็น อุษมานียะ  อับบาซียะ อัยยูบี  ฯลฯ


อะไรคือเป้าหมายและประโยชน์ของประวัติศาสตร์????                        ดูเหมือนพวกคุนยังเป็นประเภท ไก่ได้พลอยอยู่นะ



ลองเข้าห้องน้ำแล้วนั่งลงบนโถส้วม   ทำใจสักพักแล้วถามตัวเองว่า

"ตั้งกระทู้  เพื่ออัลลอฮ หรือไม่      ตั้งมาด้วยความบริสุทธ์ใจปราศจากอคติจิงหรือไม่    อะไรที่ได้รับจากกระทู้นี้   ข้อดีข้อเสีย อันหนัยมากกว่ากัน"

ผู้รู้ที่สอนผู้อื่น เพียงต้องการคำชม  ยังถูกคว่ำหน้าลากเข้านรก    แล้วผู้รู้ที่สอนคนอื่น เพื่อโจมตี เพื่อความสะใจ  สร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิมเลวร้ายยิ่งกว่ามิใช่หรือ??



  ประวัติศาสตร์ในอัลกุรอานมีมากมาย ถึง70%  มันคงไม่เพียงพอ สำหรับพวกคุน  ประวัติการล่มของบรรดาคอลีฟะ มันคงไม่เพียงพอกับพวกคุน

ประวัติศาสตร์ นอกอัลกุรอาน เป็นเพียงเรื่องเสริมเท่านั้น   มัวแต่เจาะลึกประวัติศาสตร์โดยที่ฮาดิษยังอ่านไม่หมด  (ระวังโดนโจมตีเหมือนเชคบินบาซนะ  ขนาดท่านตาบอกยังโดนโจมตี แล้วพวกคุนตาดี ระวังๆๆ)

พูดง่ายๆคือ   จัดลำดับความสำคัญ แล้วทำที่สำคัญที่สุดก่อน   นี่คือแนวทางดะวะของท่านนบี







****รีบอ่านเร็วๆ   เพราะสิ่งที่ผมโพสน์ในกระทู้ อ.กอเซ็ม กับ เชคริฎอ  ถูกลบออกไปเกลี้ยง    สงสัยกลัวรุ่นหลานจะรู้ใต๋  เลยแอบๆลบ   ระวังจะโดนลบออกนะรีบอ่านเร็ววววว







قَالَ اللهُ تَعَالى : أَتَأْمُرُوْنَ النَّاسَ بِالْبِرِّ وِتَِنْسَوْنَ أَنْفُسَكُمْ وَأَنْتُمْ تَتْلُوْنَ الْكِتَابَ أَفَلا تَعْقِلُوْنَ

صَدَقَ اللهُ الْعَظِيْمُ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 08, 2010, 08:27 AM โดย As-Zaleek »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

 

GoogleTagged