ผู้เขียน หัวข้อ: แกะรอยศาสดา (นบีซอลิฮ) --><--  (อ่าน 2627 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
แกะรอยศาสดา (นบีซอลิฮ) --><--
« เมื่อ: ก.พ. 09, 2010, 08:40 PM »
0

 salam
เรื่องราวของนบีซอลิฮฺ
     หลังจากที่พวกอ๊าดได้ถูกทำลายแล้ว ชนเผ่าษะมูดก็ได้ขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อ ชนเผ่าษะมูดก็เป็นพวกเคารพบูชารูปปั้น ยิ่งคนพวกนี้มีความมั่งคั่งทางวัตถุมากขึ้นเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งความชั่วมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับชาวอ๊าด ชนเผ่าษะมูดได้สร้างอาคารขนาดใหญ่ไว้บนทุ่งราบและขุดเจาะภูเขาทำเป็นที่อยู่อาศัยอย่างสวยงาม เนื่องจากคนชั่วได้เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน การกดขี่ขูดรีดและความเป็นเผด็จการจึงแพร่ระบาดไปทั่วแผ่นดินด้วยเช่นกัน
     ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ให้ซอลิฮฺซึ่งเป็นคนหนึ่งในชนเผ่าษะมูดเป็นนบี ชื่อของนบีผู้นี้คือซอลิฮฺ อิบนุอุบัยด์ อิบนุมาซิฮ์ อิบนุอุบัยด์ อิบนุฮาดิรฺ อิบนุษะมูด อิบนุอาซิรฺ อิบนุอีร็อม อิบนุนูฮฺ นบีซอลิฮฺได้เรียกร้องผู้คนของเขาให้หันมาสักการะอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียวและไม่เอาสิ่งใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระองค์ในการเคารพสักการะในขณะบางคนได้เชื่อเขา แต่ส่วนใหญ่กับไม่เชื่อและยังทำร้ายเขาทั้งวาจาและการกระทำ นบีซอลิฮฺจึงได้บอกพวกเขาว่า : “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะอัลลอฮฺ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์” (กุรอาน 11:61)
     นบีซอลิฮฺเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความเฉลียวฉลาด ความบริสุทธิ์และความดี ผู้คนให้ความเคารพเขาอย่างมากก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะมีวจนะมายังเขา คนของนบีซอลิฮฺเคยกล่าวกับเขาว่า :“ซอลิฮฺเอ๋ย ท่านเป็นคนที่ในหมู่พวกเราคาดหวังไว้มาจนกระทั่งขณะนี้ แล้วท่านมาห้ามพวกเราไม่ให้พวกบรรพบุรุษของเราเคารพสักการะมาก่อนกระนั้นหรือ? พวกเราชักจะสงสัยเหลือเกินถึงสิ่งที่ท่านกำลังเรียกร้องพวกเราไป” (กุรอาน 11:62)

ชนเผ่าษะมูดต้องการที่จะเคารพสักการะเทวรูปองค์เดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคารพสักการะโดยไม่มีเหตุผลและไม่มีข้อพิสูจน์ และถึงแม้ข้อพิสูจน์ของสิ่งที่นบีซอลิฮฺนำมาเป็นที่ชัดเจน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็เชื่อเขาพวกเขาสงสัยในคำพูดของนบีซอลิฮฺโดยเขาคิดว่าเขาถูกทำเสน่ห์จะพวกเขาเห็นว่านบีซอลิฮฺไม่ยอมหยุดการเผยแผ่สั่งสอน ด้วยความกลัวว่าคนที่ปฏิบัติตามเขาจะมีมากขึ้นพวกเขาได้พยายามที่จะขจัดนบีซอลิฮฺโดยให้เขาทำงานที่สำคัญเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ นั่นคือ การให้เขาแสดงปาฏิหาริย์โดยการให้เอาอูฐตัวเมียที่ไม่เหมือนใครออกมาจากภูเขา
     อัลลอฮฺได้ประทานปาฏิหาริย์แก่นบีซอลิฮฺ ดังนั้น ผู้คนของเขาจึงได้เห็นอูฐตัวเมียขนาดใหญ่ไม่เหมือนใครปรากฏออกมาจากทางด้านภูเขา นักอรรถาธิบายคัมภีร์กุรอานได้กล่าวว่าชาวษะมูดได้รวมตัวกันในสถานที่ชุมนุมแห่งหนึ่งและนบีซอลิฮฺได้มาบอกพวกเขาให้ศรัทธาในอัลลอฮฺโดยเตือนพวกเขาให้นึกถึงความโปรดปรานที่พระองค์มีต่อพวกเขา
     หลังจากนั้น พวกเขาก็ชี้ไปยังที่หินก้อนหนึ่งและเรียกร้องว่า “จงขอพระเจ้าของท่านให้ทำอูฐตัวเมียขึ้นมาสักตัวหนึ่งซึ่งตั้งท้องสิบเดือน รูปร่างสูงและสวยงามออกมาจากภูเขาให้เราดูซิ”
นบีซอลิฮฺได้ตอบว่า “นี่ ถ้าอัลลอฮฺได้ส่งอะไรก็ตามที่ท่านร้องขอมายังพวกท่านตามที่ต้องการ พวกท่านจะเชื่อในสิ่งที่ฉันนำมายังพวกท่านและศรัทธาในสิ่งที่ฉันนำมาหรือไม่?”พวกเขาตอบว่า “ศรัทธาซิ”
     ดังนั้น นบีซอลิฮฺจึงได้ถือว่าพวกเขาสัญญาในเรื่องนี้ หลังจากนั้น เขาก็วิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ประทานสิ่งที่คนเหล่านั้นร้องขอ อัลลอฮฺได้ทรงบัญชาให้ภูเขาที่ห่างอยู่ไกลออกไปแยกออกและมีอูฐตัวเมียท้องสิบเดือนตัวใหญ่ออกมาจากภูเขานั้น ทุกคนประหลาดใจเมื่อได้เห็นเพราะมันเป็นความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่และเป็นหลักฐานที่ชัดเจนต่อสายตาของทุกคน
     ผู้คนของนบีซอลิฮฺจำนวนหนึ่งเชื่อแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงดึงดันปฏิเสธ อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า:“และเราได้ส่งอูฐตัวเมียมาเป็นสัญญาต่อพวกษะมูด แต่พวกเขาได้ปฏิบัติต่อมันอย่างเหี้ยมโหด”(กุรอาน 17:59) และพระองค์ยังได้ทรงกล่าวว่า : “ชาวฮิจญร์ก็ปฏิเสธบรรดารอซูล และเราได้ส่งสัญญาณของเราให้พวกเขาได้เห็น แต่พวกเขาก็ยังไม่สนใจต่อสิ่งนี้” (กุรอาน 15:80-81)

มีเรื่องราวบอกเล่ามากมายมาตั้งแต่โบราณเกี่ยวกับเรื่องอูฐตัวนี้และลักษณะอันมหัศจรรย์ของมัน กล่าวกันว่าอูฐตัวนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์เพราะภูเขาหินได้แยกออกและมันได้ออกมาจากรอยแยกของหินพร้อมกับลูกๆของมัน บางคำบอกเล่าก็กล่าวว่าอูฐตัวเมียนี้ได้ดื่มน้ำทั้งหมดในบ่อในวันเดียวและสัตว์อื่นๆไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงบ่อน้ำได้ บางคำบอกเล่าก็อ้างว่าอูฐตัวนี้ได้ให้น้ำนมเพียงพอสำหรับทุกคนได้ดื่มและในวันเดียวกันนั้นเองมันก็ดื่มน้ำจมหมดโดยไม่เหลือไว้ให้แก่ผู้คนเลย
     ในตอนแรกชาวษะมูดรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นอูฐตัวเมียออกมาจากภูเขาหิน มันเป็นอูฐที่สวยงาม มีน้ำนมพอสำหรับผู้คนทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กนับพันคน ถ้าหากมันนอนในสถานที่แห่งใด สัตว์อื่นๆก็จะออกไปจากสถานที่แห่งนั้น นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่อูฐธรรมดา แต่เป็นสัญญาณหนึ่งของอัลลอฮฺ มันอาศัยอยู่ทามกลางผู้คนของนบีซอลิฮฺโดยที่บางคนเชื่อในอัลลอฮฺในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงดื้อรั้นและดึงดันปฏิเสธ
     ไม่นานนักผู้คนก็หันความเกลียดชังนบีซอลิฮฺไปยังอูฐตัวนั้นและเริ่มวางแผนที่จะกำจัดมันอย่างลับๆนบีซอลิฮฺกลัวว่าคนเหล่านั้นจะฆ่ามัน ดังนั้น จึงได้เตือนคนเหล่านั้นว่า : “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงระวังให้ดี นี่คืออูฐตัวเมียของอัลลอฮฺ เป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกท่าน ดังนั้น จงปล่อยให้มันหากินตามลำพังในแผ่นดินของอัลลอฮฺ และจงอย่าแตะต้องมันด้วยเจตนาร้าย มิฉะนั้น พวกท่านจะได้รับการลงโทษในไม่ช้า” (กุรอาน 11:64)
     ผู้คนของนบีซอลิฮฺได้ปล่อยให้อูฐกินหญ้าและดื่มน้ำอย่างอิสระเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว ในหัวใจของพวกเขามีแต่ความเกลียดชังมัน อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวอย่างมหัศจรรย์ของมันก็ยังทำให้ที่ผู้ปฏิบัติตามนบีซอลิฮฺยังคงมีความศรัทธาในอัลลอฮฺแต่ไม่นานนัก บรรดาผู้ปฏิเสธก็เริ่มบ่นว่าอูฐตัวใหญ่มหึมานี้ได้ดื่มน้ำส่วนใหญ่ไปเกือบหมดและทำให้ฝูงปศุสัตว์ต้องตกใจ
     ดังนั้น พวกเขาจึงได้วางแผนฆ่าอูฐตัวนั้นและขอร้องผู้หญิงของพวกตนให้ชักชวนผู้ชายคนหนึ่งลงมือฆ่าอูฐตัวนั้น สะดู๊ก บินติมะฮฺยา ซึ่งเป็นผู้หญิงในตระกูลร่ำรวยและมีชื่อเสียงได้เสนอตัวให้แก่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่ามัสรออี อิบนุมะฮฺร็อจญ์ ถ้าหากเขาฆ่าอูฐตัวนั้น อะนิซาแก่คนหนึ่งได้เสนอลูกสาวของนางให้แก่ชายหนุ่มที่ชื่อกุดัรฺ อิบนุสะลัฟ เป็นสิ่งตอบแทนแก่เขาฆ่าอูฐตัวนั้น แน่นอนชายหนุ่มเหล่านี้ได้รับข้อเสนอที่เย้ายวนใจ ดังนั้น พวกเขาจึงได้หาคนอื่นอีก 7 คนที่จะมาช่วย

คนเหล่านี้เฝ้าติดตามอูฐอย่างใกล้ชิดเพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของมัน วันหนึ่งขณะที่อูฐตัวเมียนี้มาดื่มน้ำที่บ่อน้ำแห่งหนึ่ง มัสรออีได้ใช้ธนูยิงไปที่ขาของมัน อูฐได้พยายามที่จะหนี แต่มันก็ถูกยิงซ้ำด้วยธนูอีก หลังจากนั้น กุดัรฺได้ตามอูฐไปและใช้ดาบฟันที่ขาของมัน เมื่ออูฐล้มลง เขาก็ใช้ดาบแทงมันจนตายพวกที่ลงมือฆ่าอูฐได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ ชาวเมืองได้ร้องเพลงและแต่งกวีสรรเสริญพวกเขาคนพวกนี้เยาะเย้ยนบีซอลิฮฺด้วยความโอหัง แต่นบีซอลิฮฺก็ได้เตือนพวกเขาว่า : “จงสนุกสนานรื่นเริงไปอีกสามเถอะ หลังจากนั้น การลงโทษก็จะมายังพวกท่าน” นบีซอลิฮฺหวังว่าคนเหล่านั้นจะเห็นความโง่เขลาของตนเองและเปลี่ยนแปลงท่าทีของพวกเขาก่อนที่จะหมดเวลาสามวัน “ทำไมต้องสามวันด้วย ?” พวกเขาถาม “เอาการลงโทษมาให้เร็วกว่านี้สิ”
     ดังนั้น นบีซอลิฮฺจึงได้ตอบพวกเขาว่า : “ผู้คนของฉันเอ๋ย ทำไมพวกท่านต้องรีบเร่งไปหาความชั่วแทนที่จะไปหาความดีเล่า ? ทำไมพวกท่านจึงไม่วิงวอนขอการอภัยโทษต่ออัลอลฮฺเพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตาเล่า?”พวกเขาตอบว่า : “เราเห็นว่าท่านและผู้ปฏิบัติตามท่านเป็นตัวนำความชั่วมาสู่เราต่างหาก”อัลลอฮฺได้ทรงเล่าว่าเรื่องราวของคนพวกนี้ว่า: “และยังพวกษะมูด เราได้ส่งซอลิฮฺพี่น้องของพวกเขา โดยเขาได้กล่าวว่า "จงเคารพภักดี อัลลอฮฺ’ แต่พวกเขาได้แตกออกเป็นสองพวกที่โต้แย้งกัน” ซอลิฮฺได้กล่าวว่า "หมู่ชนของฉันเอ๋ย ทำไมพวกท่านจึงรีบเร่งเพื่อความชั่วก่อนความดีเล่า ? พวกเขากล่าวว่า "เราถือว่าท่านและคนที่อยู่กับท่านเป็นลางร้าย" ซอลิฮฺกล่าวว่า ‘ลางร้ายของพวกท่านมาจากอัลลอฮฺ ความจริงแล้ว พวกท่านเป็นหมู่ชนที่กำลังถูกทดสอบ ในเมืองนั้นมีผู้นำ 9 คนที่สร้างความเสียหายในแผ่นดินและไม่ได้ทำสิ่งใดให้ดีขึ้นพวกเขากล่าวซึ่งกันว่า "ขอให้พวกเราสาบานด้วยอัลลอฮฺว่า เราจะโจมตีซอลิฮฺและครอบครัวของเขาในตอนกลางคืน แล้วหลังจากนั้นเราจะบอกผู้คุ้มครองของเขาว่าเราไม่ได้อยู่ในตอนที่ครอบครัวของเขาถูกฆ่า เราพูดความจริง"
     ดังนั้น พวกเขาจึงได้วางแผน และเราก็วางแผนด้วยเช่นกันโดยที่พวกเขาไม่รู้ จงดูว่าผลสุดท้ายของแผนการของพวกเขาเป็นอย่างไร เราได้ทำลายพวกเขาและ คนของพวกเขาจนหมดสิ้น และนั่น บ้านของพวกเขาได้พังทลายลงมาเพราะผล แห่งการทำชั่วของพวกเขา แท้จริงแล้ว ในนั้นมีสัญญาณสำหรับหมู่ชนที่มีความรู้ และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาและผู้สำรวมตนจากความชั่วให้รอด” (กุรอาน 27:45-53)

พวกเขาวางแผนฆ่านบีซอลิฮฺและคนในครอบครัวของท่านด้วย ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า:ดังนั้น พวกเขาจึงได้วางแผน และเราก็วางแผนด้วยเช่นกันโดยที่พวกเขาไม่รู้ (กุรอาน 27:50)แต่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยนบีซอลิฮฺและผู้ศรัทธาให้พ้นจากแผนการร้ายของคนเหล่านั้นด้วยการให้นบีซอลิฮฺและผู้ศรัทธาย้ายไปอยู่ที่อื่น
     สามวันหลังจากคำเตือนของนบีซอลิฮฺ เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าได้ดังกัมปนาทกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ตามมาด้วยแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทำลายผู้คนและแผ่นดินที่อยู่อาศัยทั้งหมด แผ่นดินได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและทำลายทุกสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในนั้นทั่วบริเวณแห่งนั้นมีแต่เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวของผู้คนที่ต้องเผชิญกับความตายคนแล้วคนเล่าโดยอาคารบ้านเรือนอันสูงใหญ่แข็งแรงและที่อยู่อาศัยที่ขุดลงไปในหินภูเขาไม่สามารถคุ้มครองพวกเขาได้ อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า:และแก่หมู่ชนษะมูด เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขา คือ ซอลิฮฺ เขากล่าวว่า “หมู่ชนของ
ฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺ เพราะพวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ข้อพิสูจน์
ชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านแล้ว นี่คืออูฐตัวเมียของอัลลอฮฺเป็นสัญญาณสำหรับพวกท่าน จงปล่อยให้มันหากินตามลำพังในแผ่นดินของอัลลอฮฺ จงอย่าแตะ
ต้องมันด้วยเจตนาชั่วร้ายใดๆ มิฉะนั้น การลงโทษอันเจ็บปวดจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน
จะคร่าพวกท่าน และจงนึกถึงเมื่อครั้งที่พระองได้ทรงทำให้พวกท่านเป็นผู้สืบทอดการปกครอง
ต่อจากพวกอ๊าดและได้ทรงตั้งหลักแหล่งพวกท่านในแผ่นดินอย่างมีเกียรติ และได้ทรงทำให้
พวกท่านสามารถสร้างปราสาทบนที่ราบและสกัดภูเขาเป็นบ้าน ดังนั้น จงนึกการแสดงอำนาจของอัลลอฮฺและจงอย่าแพร่ความเสียหายขึ้นบนแผ่นดิน”
     บรรดาหัวหน้าผู้โอหังของหมู่ชนได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาจากหมู่ชนที่ถูกกดขี่ว่า “พวกท่านรู้แน่หรือว่าซอลิฮฺเป็นรอซูลจากพระผู้อภิบาลของเขา?” พวกเขาตอบว่า “แท้จริง เราศรัทธา
ในสาส์นที่ถูกส่งมากับเขา” แต่บรรดาผู้โอหังกล่าวว่า “เราปฏิเสธสิ่งที่พวกท่านศรัทธา”แล้วพวกเขาก็ได้ฆ่าอูฐตัวเมียนั้น และขัดขืนต่อพระบัญญัติของพระอภิบาลของพวกเขาและ กล่าวท้าทาย “ซอลิฮฺเอ๋ย จงนำการลงโทษที่ท่านขู่สำทับเรามาซิ ถ้าหากว่าท่านเป็นหนึ่งในบรรดารอซูล”
     ดังนั้น ความหายนะอันรุนแรงฉับพลันจึงได้คร่าชีวิตของพวกเขา ยังผลให้พวกเขานอนคว่ำ
หน้าตายในบ้านของพวกเขาเอง ดังนั้น ซอลิฮฺจึงหันห่างไปจากพวกเขาและกล่าวแก่พวกเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันได้นำสาส์นของพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่านและฉันได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อผลดีของพวกท่านเอง แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพวกท่านไม่ชอบผู้แนะนำสิ่งที่ดี” (กุรอาน 7:73-79)
     ผู้คนทั้งหมดได้ถูกทำลายก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น สำหรับผู้ที่ศรัทธาในคำสอนของนบีซอลิฮฺนั้นได้รับความปลอดภัยเพราะพวกเขาได้ออกไปจากสถานที่แห่งนั้นแล้ว
     อิบนุอุมัรฺได้กล่าวว่าขณะที่ท่านนบีมุฮัมมัดเดินทางผ่านที่อยู่อาศัยของพวกษะมูดในตอนที่กองทัพไปยังสมรภูมิตะบู๊กนั้น ท่านได้หยุดอยู่กับผู้คนที่นั่น ผู้คนได้ไปเอาน้ำจากบ่อที่ชาวษะมูดเคยดื่มมาใส่ถังหนังของตนและทำขนมปังโดยใช้น้ำจากบ่อนั้นแต่ท่านนบีได้สั่งคนเหล่านั้นให้เทน้ำออกจากถุงหนังของพวกเขาทิ้งและให้นำขนมปังที่เตรียมไว้ไปให้อูฐกิน หลังจากนั้น ท่านนบีก็ได้ไปกับพวกเขาจนกระทั่งมาถึงบ่อน้ำที่อูฐตัวเมียของนบีซอลิฮฺเคยมาดื่มน้ำ ท่านได้เตือนคนของท่านถึงเรื่องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้คนที่ได้ถูกทำลายไปโดยกล่าวว่า “ฉันกลัวว่าพวกท่านทั้งหลายอาจจะได้รับเคราะห์กรรมจากสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขา ดังนั้น จงอย่าไปเกี่ยวข้องกับพวกเขา


 เอามาจากเว็บไทยมุสลิมดอทคอม
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

 

GoogleTagged