ผู้เขียน หัวข้อ: ฉันผิดเอง...  (อ่าน 1251 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
ฉันผิดเอง...
« เมื่อ: มิ.ย. 03, 2017, 01:04 AM »
0

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์

“ฉันผิดเอง” เป็นอีกหนึ่งถ้อยคำที่บางครั้ง บางสถานการณ์ก็เอื้อนเอ่ยออกมา
ได้ยากยิ่งนัก…ยิ่งเอ่ยออกมาด้วยใจจริงยิ่งเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญ
จนบางครั้งต้องรวบรวมเอาความเข็มแข็งทั้งหมดที่มีอยู่ ณ ห้วงเวลานั้น
เพื่อเปล่งถ้อยคำดังกล่าวออกไป…ด้วยจิตสำนึกอันแท้จริง…มิใช่การแสร้งพูด…
เพื่อให้ตัวเองดูดี…หรือเพื่อยุติปัญหาลง…ชั่วคราว…

หลายครั้งเราก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า “อารมณ์” ที่เข้ามาครอบงำ
ได้ทำให้ “สติปัญญา” อันเฉียบแหลมบกพร่อง จนเป็นศูนย์ กลายเป็น “เสียศูนย์”
จนทำให้เกิดการ “สูญเสีย” ขึ้นในที่สุด

การต้องยอมรับว่าตัวเองผิด ดูจะเป็นเรื่องหิน…ที่มนุษย์ทั่วไป…ทำได้ไม่บ่อยนัก
อาจจะเพราะว่ามนุษย์เรามีกลไกอันซับซ้อนในการปกป้องตัวเอง
ด้วยการพยายามผลักใสคว่ามผิดหรือข้อผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นออกไปให้พ้นตัว
เป็นอันดับแรกก่อน โดยมิอาจแบกรับความผิดพลาดนั้นๆได้ในทันทีทันใด…

เช่นร่างกายคนเราที่มีกลไกในการปกป้องตัวเองจากเชื้อโรค ก็เพื่อให้ร่างกาย
ปลอดภัยจากโรคร้ายต่างๆ แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว เชื้อโรคก็ยังสามารถย่ำกราย
เข้ามาจนได้ก็ตาม…นั่นเพราะว่าร่างกายคนเราคือรังของโรค และโลกนี้
ก็คือรังของโรคต่างๆ…แต่ทว่าคนเราก็ยังคงเฝ้าพยายามแสวงหาวิธีการต่างๆนาๆ
เพื่อแก้ไขเยียวยารักษาโรคต่างๆให้หาย…หรือบรรเทาลุเลาลง…
ก็เพื่อให้ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปได้…

ในขณะที่ “จิตวิญญาณ” ของเราเองก็เฝ้าปรารถนาความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
อารมณ์ของคนเราจึงมักจะพยายามผลักใสสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายที่ทำให้รู้สึกแย่ๆ
ออกไปให้พ้น เช่นเมื่อเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้นมา…อารมณ์ของเรา
จะรีบผลักใสความผิดนั้นๆออกไปในทันทีทันใดเป็นอันดับแรก…เพื่อเป็นการ
ปกป้องตนออกจากสิ่งแย่ๆเหล่านั้น ไม่ปรารถนาจะแบกรับหรือยอมรับมันเข้ามาได้

แต่ไม่ว่าจะพยายามผลักใสอย่างไร…ความผิดพลาดนั้นๆก็ยังคงอยู่ต่อไป
เนื่องจากการผลักใสมิใช่การแก้ไขปรับปรุงความผิดพลาดนั้นๆ
ให้กลายเป็นความถูกต้องนั่นเอง…ความผิดนั้นๆจึงยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูก
จึงยังคงเป็นความผิดอยู่เช่นนั้น…

การไม่ยอมรับว่าเรานั้นทำผิด…จึงกลายกลับเป็นการชักนำโรคร้ายมาสู่จิตวิญญาณ
ของเราโดยไม่รู้ตัว…โรคร้ายที่ว่าก็คือ การพยายามหาข้ออ้างต่างๆมาแก้ต่าง
การพยายามหาเหตุผลมากมายเพื่อที่จะนำมากล่าวโทษกันและกัน…
นำไปสู่การพยายามจับผิดเพื่อที่จะได้ตำหนิต่อกันได้ถนัดขึ้น…
สุดท้ายจึงกลายเป็นการตำหนิผู้อื่นว่าเป็นคนผิดทั้งหมด…ส่วนตนเองนั้นคือ
ผู้บริสุทธิ์ที่กำลังถูกอีกฝ่ายอธรรม…ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วนั้น…ตนเองก็มีส่วน
ผิดในความผิดพลาดนั้นๆอยู่ด้วย…นั่นจึงกลายเป็นว่าบรรดาความผิดต่างๆ
ที่เราได้ก่อเอาไว้จะยังคงอยู่คู่เราต่อไป…และจะทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมันไม่เคยได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง…

ฉะนั้น…เมื่อเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น สิ่งที่เราควรตรวจสอบเป็นอันดับแรกคือ
การตรวจสอบตัวเองเพื่อมองหาความผิดพลาดที่ตนเองมีส่วนผิดในข้อผิดพลาดนั้นๆ
เมื่อใช้เวลาพิจารณาใคร่ครวญจนค้นพบความผิดของตนเองแล้ว
ก็จงยืดอกเพื่อรับผิดและจงเร่งรีบที่จะรับผิดชอบต่อความผิดนั้นๆ ด้วยการสำนึกผิดและทำการแก้ไขปรับปรุงให้ความผิดนั้นๆ
กลายเป็นความถูกต้องเสีย…ความผิดพลาดนั้นๆจะได้หมดไป…
และมลายหายไปในที่สุด…หลังจากที่มันได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

แต่ถ้าไม่มีกระบวนการในการตรวจสอบตัวเอง ก็จะไม่มีการค้นพบข้อผิดพลาด
ของตัวเอง…จึงไม่มีการสำนึกผิดในความผิดนั้นๆทำให้ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข…
เลยทำให้บรรดาข้อผิดพลาดนั้นๆก็จะยังคงอยู่ไม่หายไปไหน…
แล้วจิตวิญญาณของเราจะบริสุทธิ์จากความผิดนั้นๆได้อย่างไรกัน…

ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อิสลามพยายามปลูกจิตสำนึกให้มนุษย์รู้จักสำนึกผิด
ต่อความผิดพลาดต่างๆ…แล้วแก้ไขปรับปรุง…พยายามไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำๆอีก
นั่นเพราะไม่มีใครที่จะไม่เคยทำผิดพลาดเลยในชีวิต…ทุกคนล้วนทำผิดกันได้ทั้งนั้น
เพียงแต่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา เราจะยืดอกรับอย่างผู้ที่สำนึกผิด
หรือว่าผลักใสมันอย่างไร้ความรับผิดชอบกันแน่…

และไม่แปลกใจเลยที่ความผิดจะได้รับการให้อภัยเมื่อผู้กระทำความผิด
ได้สำนึกผิดด้วยใจจริง และได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น…

ไม่แปลกที่ “การเตาบะฮ์” คือ ประตูทางรอด

ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“ลูกหลานอาดัมทุกคนย่อมมีความผิดและบรรดาผู้มีความผิดที่ดีเลิศนั้น
คือ บรรดาผู้เตาบะฮ์”
(รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์ หะดิษลำดับที่ 4250.
ดู อิบนุ มาญะฮ์, สุนันอิบนุมาญะฮ์, ตะห์กีก :  มุฮัมมัด ฟุอาด อับดุลบากีย์
(ไคโร : ดารุ เอี๊ยะห์ยาอิล กุตุบิลอะร่อบียะฮ์), เล่ม 2, หน้า 1420.)

และ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“ผู้สารภาพผิดจากบาป เสมือนว่าเขาไม่มีบาปใดๆ”
(รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์, หะดิษลำดับที่ 4251)

ท่านอิมามอิบนุอะฏออิลลาฮ์ ได้กล่าวว่า

“เมื่อบาปหนึ่งได้เกิดขึ้นแก่บ่าว ความมืดมนก็จะเกิดขึ้นพร้อมกับเขาด้วย
ดังนั้น อุปมาความชั่ว ที่ประหนึ่งไฟและความมืดมนคือควัน
อุปไมยดังผู้ที่จุดไฟ (หุงต้ม) ในบ้านเป็นเวลา 70 ปี ท่านจะไม่เห็นบ้าน
กลายเป็นสีดำดอกหรือ?! เฉกเช่นเดียวกัน หัวใจก็จะเป็นสีดำด้วยการทำความชั่ว
ดังนั้นหัวใจจะไม่สะอาดนอกจากด้วยการเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮ์ เพราะความตกต่ำ
ความมืดมน (ในจิตใจ) และฮิญาบ (ปิดกั้นหัวใจจากอัลลอฮ์) จะเกิดขึ้น
พร้อมกับการทำบาป ฉะนั้น หากท่านเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ร่องรอยของบาปทั้งหลาย
ก็จะหายไป” (อะห์มัด บิน มุฮัมมัด อิบนุ อะฏออิลลาฮ์, ตาญุลอะรุซ อัลฮาวี
ลิตะฮ์ซีบ อันนุฟูซ (มักตะบะฮ์ มุฮัมมัด อะลี ศุบัยห์์), หน้า 4.)

และ อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

“แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้เตาบะฮ์และทรงรักผู้ทำตนให้สะอาด”
(อัลบากอเราะฮ์ : 222)

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

“และผู้ใดไม่ทำการเตาบะฮ์ พวกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้อธรรม”
(อัลหุญะร็อต :11)

ดังนั้น การยอมรับผิด การสำนึกผิดจึงเป็นสิ่งดีงามที่อิสลามส่งเสริมให้ปฏิบัติ
เป็นนิสัยหรือเป็นกิจวัตรประจำวัน…

ดังแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กระทำไว้
ซึ่งท่านได้กล่าวว่า

“แท้จริงหัวใจของฉันจะถูกทำให้พร่ามัว ฉันจึงทำการขออภัยโทษ (อิสติฆฟารฺ)
ต่ออัลลอฮ์ในหนึ่งวันถึง 100 ครั้ง”
(รายงานโดยมุสลิม, หะดิษลำดับที่ 2702. ดู อันนะวาวีย์, ชัรห์ ศ่อฮีห์มุสลิม, เล่ม9,
หน้า 73.)

ขอขอบคุณหนังสือ “อัตเตาบะฮ์ ก้าวแรกของผู้ศรัทธา”
ของ อาจารย์อารีฟีน แสงวิมาน ที่ทำให้หัวใจได้รับแสงอันอบอุ่น
และให้ข้อมูลที่ส่งผลดีต่อหัวใจอย่างมากมาย…

ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนท่าน…


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged