salam
ขอบคุณผู้รู้ที่ช่วยให้มุสลิมะฮฺอย่างข้าน้อยได้ตระหนักค่ะ...

คือเคยได้ถามเกี่ยวกับกรณีเรื่องการเรียนวิชาป้องกันตัว
จากอาจารย์ในเว็บว่าเหมาะสมหรือไม่
และจะเข้าข่ายเบี่ยงเบนทางเพศหรือเลียนแบบผู้ชายหรือเปล่า
เพราะว่าศาสตร์ด้านนี้ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายจะเรียนกัน
คำตอบที่ได้คล้ายกับของพ่อ คือ ตัวองค์ความรู้นั้นไม่แบ่งแยกเพศ
ซึ่งอนุญาตให้กระทำได้ แต่ห้ามเจตนาว่าเลียนแบบผู้ชาย
และเวลาฝึกก็ต้องรักษาระเบียบเกี่ยวกับการแต่งตัวของมุสลิมะฮ์ด้วยน่ะค่ะ...
ซึ่งท่านอาจารย์ในเว็บแห่งนี้ยังเคยบอกอีกด้วยว่า...
"แม้เราจะฝึกวิชาป้องกันตัว แต่อย่าลืมว่า ผู้ที่คุ้มครองเรา คืออัลเลาะฮ์
ถ้าหากแม้วิชาป้องกันตัวเก่งแค่ใหนก็ตาม
หากพระองค์ไม่ทรงคุ้มครอง วิชาอะไรก็นำมาป้องกันตัวไม่ได้หรอก
แต่เรามีสิทธิ์ในการฝึก แต่จิตใจต้องคำนึงอยู่เสมอว่า
อัลเลาะฮ์อยู่กับเรา อัลเลาะฮ์ทรงเห็นเรา พระองค์ทรงคุ้มครองเราอยู่
ดังนั้น เวลาออกจากบ้านหรือหอพัก ก็ให้กล่าวสั้นๆว่า "บิสมิลลาฮ์"
ในขณะกล่าวหัวใจต้องรำลึกถึงอัลเลาะฮ์
และมั่นใจว่าอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่ทรงคุ้มครองเรา แค่นี้เราก็ปลอดภัยแล้ว
หรือจะกล่าวแบบยาว ๆ ก็จะดี คือ
"บิสมิลลาฮ์ ตะวักกัลตุ้ อะลัลลอฮ์ ลาเฮาล่าวะลากู้วะต้าอิลลาบิลลาฮ์"

ค่ะ..ข้าน้อยก็คนนึงที่ร่ำเรียนศาสตร์ด้านนี้...
คำว่าวิชาป้องกันตัวนั้น พ่อมักสอนเสมอว่า...
อาวุธที่ดีที่สุด และเรามีติดตัวมาแต่กำเนิด คือ สมอง และสติปัญญา
นั่นคืออาวุธที่ใช้ป้องกันตัวเองได้เมื่อยามมีภัยเสมอ
หากไม่จำเป็นหรือถึงที่สุด ก็ให้หลีกเลี่ยงการปะทะกัน
เพราะการปะทะกัน รังแต่จะเจ็บกันทั้งสองฝ่าย
โดยให้นึกถึงตอนที่เรายกกำปั้นชกต้นกล้วย เรานั้นไม่รู้หรอกว่า
ต้นกล้วยมันจะเจ็บหรือเปล่าหรือจะเจ็บสักแค่ไหน
แต่ที่เรารู้คือ เราเจ็บ!! มันจึงกลายเป็นว่า
เราทำร้ายผู้อื่นในขณะที่เราก็ทำร้ายตัวเราเองด้วย
ท่านจึงสอนว่่า เราต้องใช้อาวุธที่ดีที่สุดก่อน
และก็ใช้วาจาด้วยสติปัญญาให้เกิดประโยชน์ เรื่องกำลังเอาไว้หลังสุด
เมื่อไม่สามารถเลี่ยงหรือหลบหลีก หลีกหนีได้แล้วจริงๆ
เพราะว่า เมื่อถึงที่สุดหรือหมดทางอื่นแล้วเราก็ต้องงัดกำลังขึ้นมาต่อสู้
ซึ่งผู้หญิงนั้นในทางกำลังจะอ่อนแอกว่าชาย ท่านจึงให้หลีกเลี่ยง
ที่จะใช้กำลังต่อสู้ นอกจากหมดทางแล้ว...
ที่ผ่านมา พ่อไม่ได้ฝึกให้ข้าน้อยรู้จักศิลปะป้องกันตัวด้วยการใช้กำลัง
เพียงอย่างเดียว แต่ท่านสอนและฝึกศิลปะการใช้สมอง วาจา ท่าทาง
บุคลิก การวางตัวเพื่อให้ปลอดภัยในสถานการณ์ที่เราคาดไม่ถึง
หรือถูกทดสอบจากอัลลอฮฺตาอาลา...
และการเรียนวิชาป้องกันตัว หาได้เรียนไปเพื่ออื่นใดไม่
เพราะศัตรูหรือผู้ที่ทำร้ายหรือรังแกผู้หญิง
หาใช่ใครอื่นใดไม่ แต่เป็น ผู้ชายนั่นแหล่ะ

ในเมื่อเราไม่สามารถอยู่แต่ในบ้านของเราเองได้ตลอดเวลา
เมื่อออกไปผจญกับโลกภายนอก มันจึงต้องมีวิชาเอาไว้ป้องกันตัวเอง
จากภัยที่มาจาก ผู้ชาย เพราะผู้ชายในโลกนี้ไม่ได้มีแค่มุสลิม
ผู้ชายทุกคนมิใช่คนดีมีศีลธรรม ผู้ชายทุกคนมิใช่ผู้ที่ให้เกียรติผู้หญิง...
และเราไม่รู้ว่่า ทุกก้าวที่เราเดินออกจากบ้านไป เราจะเจออะไรบ้าง
และที่ข้าน้อยเรียนนั้นก็เพื่อป้องกันตนจากผู้ชายที่ไม่ได้อนุมัติแก่เรานั่นเองค่ะ...
และดั่งที่พ่อและอาจารย์กล่าวไว้ตอนต้นว่า
ต่อให้เรามีวิชาป้องกันตัวดีสักแค่ไหน เก่งสักแค่ไหน
หากอัลลอฮฺไม่ทรงคุ้มครอง วิชาอะไรก็นำมาป้องกันตัวไม่ได้...
และให้เราขอความคุ้มครองจากพระองค์ ผู้ทรงสร้างเราและสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง...
ด้วยหัวใจแน่วแน่และมั่นคงต่อพระองค์...อินชาอัลลอฮฺ ปลอดภัย...
ซึ่งตั้งแต่เรียนมา ก็ยังไม่เคยต้องยกกำปั้นยัดปากใครเลยค่ะ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
และก็คิดว่า หากไม่ถึงที่สุดจริงหรือหมดทางสู้ด้วยวิธีอื่นแล้วจริงๆ
ก็คงไม่ยกกำปั้นให้ใครได้ชิมอย่างแน่นอนค่ะ...
เพราะรสชาติมันไม่อร่อยเหมือนกับอาหารที่ปรุงเองด้วยมือน่ะค่ะ

เพราะถ้าเราทำเขาเจ็บ มีหรือที่เขาจะไม่ทำเราเจ็บด้วย...
ปล.การเรียนนั้น หากพ่อและพี่ชายสอนให้เรา ในบ้านเรือนเรา
คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรใช่มั้ยคะ
เพราะชายดังกล่าวเราไม่สามารถแต่งงานด้วยได้ตลอดกาล...
และหากมีคู่ต่อสู้เป็นต้นกล้วย เราคงไม่โดนข้อหาทำร้ายร่างกายใคร
ใช่มั้ยคะ
ป.ลิงอีกที....การเรียนวิชาพวกนี้ หากต้องการใช้ในชีวิตได้จริงๆ
เราต้องพร้อมที่จะสู้ได้ในทุกชุดที่เราสวมใส่อยู่แล้ว
เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อใดภัยจะมาถึงตัว อินชาอัลลอฮฺ
ก่อนออกจากบ้าน ชุดที่เลือกใส่ก็ต้องพร้อมที่จะลุยหรือพร้อมที่จะสู้เช่นกันค่ะ
ต่อให้เป็นกระโปรงบานก็ตามแต่ ไม่พรื่อเลย ด้วยสมองและสองมือ

และด้วยใจที่แน่วแน่ต่อเอกองค์ผู้ทรงปกป้องคุ้มครองเราอย่างแท้จริง...
อินชาอัลลอฮฺ...
วัสลามค่ะ