มิใช่เรื่องแปลกถ้าใครมองว่าเราไม่สวย...
เพราะฮิญาบมิได้ถูกส่งมาเพื่ออื่นใด
เว้นแต่เพื่อให้ความสวยได้รับการปกป้อง...
มิใช่เรื่องแปลกถ้าไม่มีชายใดหลงใหลยามได้มอง
เพราะนั่นแสดงว่าสิ่งที่ได้รับการปกป้องมันถูกปกปิดเอาไว้เป็นอย่างดี...
ส่วนอันนี้เพิ่งคิดได้เมื่อวาน คิดเสร็จเอาลงเลย
เพราะไปเดินห้างกับรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ต่างศรัทธากัน...
ทั้งๆที่ไม่ชอบเดินห้างเลยจริงๆ เดินแทบขาขวิดไม่คิดซื้ออะไรสักอย่าง
ไม่มีอะไรทิ่มตาหรือเตะตาจนอยากเสียตังค์ในกระเป๋า(ทั้งๆที่ของออกเต็มห้าง)
ถ้าเป็นสมัยก่อน คงช้อปแหลก...แต่พอความอยากหายไปอะไรๆก็ง่ายขึ้น
เสื้อผ้าหน้าผมไม่ต้องทำอะไรกับมันให้มากนัก เอาให้ขรึมๆทึมๆเข้าไว้
ผมก็แค่รวบไว้ไม่ให้ยุ่ง ปิดท้ายด้วยแฟชั่นสาวอิสลาม (ฮิญาบสีทึมๆนั่นแหล่ะ)
เดินไปไม่มีใครมองมานั่นแหล่ะดี
...กลืนไปกับสถานที่เหมือนมดดำบนหินดำเลย
พี่กับน้องเขาพาเข้าห้องเสื้อ ก็ส่ายหน้า ไม่เอา ที่ใส่อยู่โอเชแล้ว...
แต่ด้วยความหวังดี...พี่เขาแนะนำว่าควรเปลี่ยนแนวบ้าง...
เพิ่มความสดใสไฉไลหน่อย อย่าปล่อยให้ชีวิตมีแต่ความมืดดำสิ
มันไม่สวยและไม่ดูดี...ไม่อินเทรน....
เลยบอกพี่เขาไปว่า ถ้าจะแต่งให้สวยหนูไม่สวมฮิญาบหรอกพี่
ชุดดำๆนี่ก็คงไม่ใส่เหมือนกัน...ต้องลายๆสีเจ็บๆ เดินไปไหนใครๆก็มอง
โน่นไง...ทางโน้นเลย (ว่าพร้อมชี้มือไปทางห้องเสื้อสไตล์สาวอัฟริกาใต้)
รับรองว่าสวยสะดุดทุกสายตา...
พี่เขายอมให้หนึ่ง...พาไปแวะเวียน เดินไปเดินมาในร้านรองเท้า
กะจะล่อตังค์ในกระเป๋าเรา เวียนเป็นรอบที่เท่่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ทั้งรุุ่นพี่ทั้งรุ่นน้องยังเลือกไม่ถูก...เราเองก็ไม่เลือกเพราะไม่ถูกใจสักคู่...
พอไปร้านเครื่องประดับจอดสนิทที่พวกตุ้มหู
คนขายแนะนำตุ้มหูให้คนอื่นหมดยกเว้นเราคนเดียว...
เขาคงรู้ว่าเราคงไม่ซื้อของเขาชัวร์ๆ เพราะมองไปไม่เห็นติ่งหูเรา...
คอเราก็ไม่เห็น...จะล่อให้ซื้อคงยาก....เราเลยไม่ใช่เป้าหมายของเขา
แต่เขาดันทำหน้าแปลกใจและตกใจเมื่อเราดันชี้ไปที่เครื่องประดับชิ้นนึง
เป็นสร้อยคอให้น้องเขา...แล้วน้องเขาถามว่า...มันคืออะไร
เราเลยอธิบายวิธีทำเครื่องประดับแนวนั้นให้น้องเขาฟัง...
คนขายมองเราเปลี่ยนไปเลย...มีเชียร์เราด้วย...แต่เราไม่ซื้อ...
ตังค์เราไม่ให้ใคร...
เข็มกลัดเสื้อจะซื้อไปทำไม ได้ของขวัญมาแล้วหลายชิ้น...
เพราะเหมือนว่าทุกคนจะมองเห็นว่า เครื่องประดับที่เราใส่คือเข็มกลัดเท่านั้น
เลยเหมือนนัดซื้อเข็มกลัดกันมาให้เป็นของขวัญจนใส่ไม่ทัน
(อัลฮัมดุลิลลาฮฺ)
สรุปว่าขลุกอยู่ในร้านเครื่องประดับอยู่นานจนแสบตาไปหมด
เพชรแท้เพชรเทียมส่องประกายจนอยากจะหาแว่นดำใส่เหมือนคนขาย
ล๊อตเตอรี่เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป...
แล้วสุดท้าย...เราก็เดินออกมาโดยไม่เสียตังค์สักบาท...
พี่เขาก็เหมือนยังไม่ยอมเลิกล้มความต้ังใจที่จะล่อลวง
ตังค์ในกระเป๋าเราให้ได้เหมือนอย่างแต่ก่อน
แต่รอบนี้เราไม่หวั่นไหว...สุดท้ายและท้ายสุดเลยกลับบ้านมือเปล่า...
พี่เขาก็เลยบอกว่า...แต่งตัวแบบนี้มันไม่สวยรู้มั้ย
ไม่เห็นมีอะไรให้ชวนมองเลย...
ก็เลยแจกแจงไปอย่าให้เสียว่า...
หนูเคยชอบทำทุกอย่างเพื่อเรียกร้องความสนใจมาตั้งแต่เด็ก
จนอายุยี่สิบต้นๆ เพิ่งจะมาเลิกไปไม่กี่ปีนี้เอง...
ไม่อยากกลับไปทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว มันเสียเวลาและมันเปลืองทรัพยากร
ของโลกเกินไป (มาแนวเดียวกับอีโก้คาร์)...
อยากเปลี่ยนตัวเอง...ถ้ามุดดินดำน้ำหายตัวในอากาศได้รับรองว่าทำไปแล้ว...
ก็เลยโดนใบสั่งจองคานมาพร้อมเสาสำหรับเอาไว้วางคานอีกสี่ต้น
(จริงๆสองต้นก็น่าจะพอแล้ว ทำไมต้องเสริมความแกร่งกันขนาดนั้น)
พี่เขาสั่งให้เสร็จสรรพ บอกว่าอีกไม่นานก็ได้ขึ้นไปนอนบนนั้นชัวร์...
เลยหัวเราะ บอกว่า...ดีออก...อยู่บนนั้นคงนอนหลับสบาย ไม่มีใครรบกวน
ลมก็ออกจะเย็น วิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ต้องแย่งอากาศหายใจกับคนข้างล่าง...
นั่นคือที่มาของคำที่ไม่คมตรงด้านบนค่ะ.....
...ใครว่าฮิญาบทำให้โลกคนสวมใส่แคบ...จริงๆแล้วมันทำให้เราเห็นโลก
ได้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม...หลุดออกมาจากปลอกคอที่มองไม่เห็น...
และสบายกว่าเดิมหลายเท่านัก...ลองดูจิ...แล้วคุณจะกดไลค์ให้ฮิญาบ
ด้วยหัวใจทั้งดวง...
^^