ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดความรู้แด่มุสลิมะฮ์ ตอน มุสลิมะฮ์กับการตั้งครรภ์~*  (อ่าน 10049 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

 salam

ถามเกี่ยวกับน้ำที่หลั่งออกมาของหญิงมีครรภ์ค่ะ ไม่ทราบว่าเวลาละหมาดจะใช้ได้ไหมคะ ถ้าเกิด...

1.ในขณะที่ยืนละหมาดอยู่ แล้วน้ำดังกล่าวไหลออกมา เราต้องไปอาบน้ำละหมาดมาละหมาดใหม่ไหมคะ?
2.น้ำที่ว่ามีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่ขุ่น ไม่ทราบว่าเป็นน้ำอะไร เพราะจะไหลออกมาทุกวัน เป็นบางครั้ง?
3.ในกรณีนี้จะต้องมีการอาบน้ำยกหะดัษหรือเปล่าคะ?  oh:



http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=5680.msg74447;topicseen#new


แอบไปอ่านเจอ แล้วนึกเป็นห่วงแกมสงสัยค่ะ
ไม่ขอตอบเรื่องการอาบน้ำยกหะดัษในกรณีนี้นะคะ ไว้ให้บัง al-azhary ตอบ  :laugh:
แต่อยากทราบว่า ขณะนี้ตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้ว
กลัวว่าน้ำที่ไหลออกมา จะเป็นน้ำคร่ำ โดยปกติแล้วน้ำคร่ำจะใส ไม่ขุ่น ไม่มูก ไม่เหนียว
ซึ่งแตกต่างจากตกขาวแน่นอน
ซึ่งถ้าเป็นน้ำคร่ำ ถือว่าอาจเป็นอันตรายได้นะคะ
ทางที่ดีไปพบแพทย์สูติฯ เพื่อตรวจหาสาเหตุดีกว่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 22, 2010, 07:00 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam

อยากทราบอายุครรภ์จัง เพราะอาการเหมือนน้ำคร่ำรั่ว

ทางที่ดีไปพบสูตินรีแพทย์เร็วที่สุด ถ้าอายุครรภ์มากกว่า 28 สัปดาห์

และน้ำคร่ำรั่วไม่มากนัก ต้องนอนสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่บนเตียง(Absolute bed rest) เพื่อไม่ให้น้ำคร่ำรั่วมากขึ้น

ขณะเดียวกันต้องดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายสร้างน้ำคร่ำให้พอเพียงที่จะหล่อเลี้ยงทารก

เมื่อไรก็ตามที่ทำ ultrasound แล้วพบว่าเด็กสมบูรณ์ดี โดยเฉพาะปอด ก็อาจต้องยอมให้คลอด

แต่ถ้าอายุครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์ การพยากรณ์โรคไม่ดี(สำหรับลูก) คุณแม่ไม่เป็นอะไร

กรณีน้ำคร่ำรั่ว ไม่ต้องอาบน้ำยกหะดัษครับ การละหมาดอาจต้องถึงกับนอนละหมาด

วัสสลาม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ใช้วิธีเดียวกับเลือดเสียได้หรือเปล่า อุดไม่ให้น้ำนั่นออกชั่วคราว เช็ดล้างให้สะอาดแล้วอาบน้ำละหมาดเสร็จก็ไปละหมาด
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
อุดยังงัย sad: sad:
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ Bubbly

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 17
  • เพศ: หญิง
  • สักวันฉันจะเป็นเทเลทับบี้ส์
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
4 เดือนอ่ะค่ะ ไม่น่าจะใช่น้ำคร่ำ
แต่แปลกตรงที่ มันต่างจากตกขาวคือ
มันมีน้ำใสๆ ปนมาด้วย (ปกติไม่เคยเป็น)
เพิ่งจะมาเป็นตอนท้อง แล้วก็เพิ่งมีตอนช่วงที่ตั้งครรภ์ได้3เดือนค่ะ
ว่าจะถามหมอหลายทีแล้วก็ลืมทุกที  mycry
ทุกคำพูด และทุกๆ การกระทำของเราจะถูกสอบสวน

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam

หลักการวินิจฉัยโรคเบื้องต้น คือ การซักประวัติและการตรวจร่างกาย ประวัติบางอย่างต้องซักตัวต่อตัว

ประวัติแค่นี้สงสัยจะไม่พอ และการตรวจร่างกาย อย่างน้อยที่สุดต้อง ดู คลำ เคาะและฟัง

และยังต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วย ถ้ายังไม่แน่ใจผลวินิจฉัย

อยากให้คุณ bubbly พบกับแพทย์จริง ๆ อย่างน้อยก็ให้แน่ใจว่า น้ำที่ไหลออกมานั้นไม่ใช่น้ำคร่ำหรือน้ำปัสสาวะ

เพราะหุก่มในการทำความสะอาดเพื่อละหมาดต่างกัน และการพยากรณ์โรค(prognosis)ก็ต่างกัน

ถ้าไปพบแพทย์ เก็บตัวอย่างน้ำที่ว่านั้นใส่กระบอกพลาสติกเล็ก ๆ ไปด้วยเลยก็จะดี แต่ต้องเก็บใหม่ ๆ นะครับ

ด้วยความเป็นห่วง

วัสสลาม

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
ไปหาหมอดีที่สุด
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

สงสัยคะ ??
1. ทำไมในขณะตั้งครรภ์ มารดาจึงต้องหย่านมบุตร (ลูกอ่อน) ด้วยคะ
2. หลังจากคลอดบุตร ประจำเดือนจะไม่มาเป็นระยะเวลากี่เดือน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นคะ

ญาซากัลลอฮุค็อยรอน กาษีรอน  loveit:

วัสสลามุอะลัยกุม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam

salam

สงสัยคะ ??
1. ทำไมในขณะตั้งครรภ์ มารดาจึงต้องหย่านมบุตร (ลูกอ่อน) ด้วยคะ
2. หลังจากคลอดบุตร ประจำเดือนจะไม่มาเป็นระยะเวลากี่เดือน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นคะ

ญาซากัลลอฮุค็อยรอน กาษีรอน  loveit:

วัสสลามุอะลัยกุม

1. ขณะตั้งครรภ์มารดามีความเครียดทั้งกายและใจ การให้นมบุตรแต่ละวันต้องใช้พลังงานประมาณ 500-600 แคลอรี

ในขณะเดียวกันที่การตั้งครรภ์ก็ต้องการอาหารที่พอเพียงเพื่อการเจริญของทารกในครรภ์ คุณแม่จึงควรสงวนพลังงานไว้สำหรับลูกในท้อง

ส่วนลูกอ่อนนั้น เมื่อถึงคราวตั้งครรภ์คนต่อไปก็อายุมากพอที่จะกินอาหารอื่นนอกจากนมแม่ได้แล้ว นอกจากนี้ การดูดนมแม่จะกระตุ้นให้

ต่อมใต้สมองส่วนหลังหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน ฮอร์โมนนี้ทำให้น้ำนมหลั่งและมดลูกหดตัว อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการแท้งได้

2. จากข้อหนึ่ง ฮอร์โมนออกซิโตซิน ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว และยังทำให้รังไข่ชะลอการตกไข่ ดังนั้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงทำให้ไม่มีการตกไข่

และทำให้ไม่มีประจำเดือน ลูกที่เลี้ยงด้วยนมแม่ที่ใช้วิธีธรรมชาติ(ดูดจากเต้า)จะทำให้แม่มาประจำเดือนช้า มีรายงานว่าบางรายนานถึง 18 เดือนหลังคลอด

แต่ถ้าไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประจำเดือนจะมาเร็ว บางคนเดือนครึ่งหลังคลอด ประจำเดือนก็มาแล้ว การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จึงเป็นการคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติวิธีหนึ่ง

แม้จะไม่ได้ผลเต็มร้อย

วัสสลาม

ออฟไลน์ Bahebak

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 262
  • Live and Learn
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
4 เดือนอ่ะค่ะ ไม่น่าจะใช่น้ำคร่ำ
แต่แปลกตรงที่ มันต่างจากตกขาวคือ
มันมีน้ำใสๆ ปนมาด้วย (ปกติไม่เคยเป็น)
เพิ่งจะมาเป็นตอนท้อง แล้วก็เพิ่งมีตอนช่วงที่ตั้งครรภ์ได้3เดือนค่ะ
ว่าจะถามหมอหลายทีแล้วก็ลืมทุกที  mycry

อัสลามุอะลัยกุมฯ

ขอตอบในฐานะที่ มีอาการคล้ายกันในช่วงที่ตั้งครรภ์
ช่วงตั้งครรภ์ เรียกได้ว่าแทบจะตลอด 9 เดือน
เวลาที่นั่งยอง หรือก้มอย่างรวดเร็ว มันรู้สึกได้ว่าเหมือนมีน้ำใส ๆ บางทีก็ขุ่นนิด ๆ ไหลออกมา
ซึ่งมั่นใจว่า ไม่ใช่ปัสสาวะและไม่ใช่น้ำคร่ำ
เคยถามคุณหมอ ท่านก็ถามกลับว่า แล้วปวดท้องไหม? ซึ่งเราก็ไม่ได้ปวดท้อง
คุณหมอท่านว่า คงไม่เป็นอะไร
ซึ่งจริงๆ  เราอยากรู้มากกว่านี้ แต่ไม่กล้าถามหมอมากมาย ท่านว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไร (ก็ได้)
(คือ...คุณหมอท่านนี้ เรียกได้ว่า ปากเชือดคอ แต่น้ำใจปราศรัย แห่ง รพ. ปัตตานี ใครที่เคยฝากครรภ์ที่รพ.ปัตตานีและฝากพิเศษกับคุณหมอท่านนี้คงทราบสรรพคุณดี)

ซึ่งมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ ไม่เป็นไร ทารกแข็งแรง ปรกติทุกอย่าง

แต่ในแต่ละบุคคล ไม่เหมือนกัน
ถึงอย่างไรก็ตามแต่แนะนำว่า ให้ปรึกษาคุณหมอ ดีที่สุดค่ะ


วัสลามุอะลัยกุมฯ
...We love Allah.We love Nabi.We're muslims...

ออฟไลน์ Bubbly

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 17
  • เพศ: หญิง
  • สักวันฉันจะเป็นเทเลทับบี้ส์
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ตกลงว่าจะไปปรึกษาหมอ ได้้ความยังไงจะมาสาธยายอีกที ค่ะ Oops:
ทุกคำพูด และทุกๆ การกระทำของเราจะถูกสอบสวน

ออฟไลน์ Bahebak

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 262
  • Live and Learn
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ตกลงว่าจะไปปรึกษาหมอ ได้้ความยังไงจะมาสาธยายอีกที ค่ะ Oops:



ถ้าเป็นไปได้ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอถึงวันที่หมอนัดค่ะ

ช่วงตั้งครรภ์ ถ้าเกิดอะไรผิดปรกติขึ้นแม้แต่เพียงน้อยนิด ให้คิดเสมอว่า "อย่านิ่งนอนใจ" (เชียว) นะคะ
...We love Allah.We love Nabi.We're muslims...

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 salam




การเปลี่ยนแปลงในช่วงสามเดือนแรก ของการตั้งครรภ์นั้นเป็นอย่างไร

(มุสลีมีนก็ควรรู้นะคะ เพื่อรับมือกับอาการของภรรยาได้ทันท่วงที  loveit:)

นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย ในสัปดาห์ที่สองที่เกิดการตกไข่  และปฏิสนธิขึ้นในสัปดาห์ที่สามจะมีการฝังตัวของตัวอ่อนบริเวณโพรงมดลูก  หลังจากนั้น ตัวอ่อนจะเริ่มเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

-สัปดาห์ที่ 6 ขนาดจะประมาณเม็ดส้มเขียวหวานหรือประมาณ 4-5 มิลลิเมตร เริ่มตรวจพบการเต้นของหัวใจทารก เริ่มมีการสร้างแขนขา
-สัปดาห์ที่ 8 ขนาดประมาณผลสตอเบอรี่หรือประมาณ 22-24 มิลลิเมตร ซึ่งในสัปดาห์นี้ตัวอ่อนจะมีลักษณะเหมือนทารกมากขึ้นแต่ยังไม่สมบูรณ์ ศีรษะโตกว่าลำตัว เริ่มมีนิ้วมือนิ้วเท้า ใบหู  --สัปดาห์ที่ 10 ขนาดทารกประมาณลูกมะนาวหรือประมาณ 4 cm เริ่มมีการสร้างอวัยวะสำคัญมากขึ้น หากมีสิ่งกระตุ้นทารกสามารถอ้าปาก ขยับนิ้วมือและเท้าได้
-สัปดาห์ที่ 12 ขนาดทารกในครรภ์จะยาวประมาณนิ้วก้อยหรือประมาณ 6-7 cm นิ้วมือนิ้วเท้าเห็นชัดเจน อวัยวะเพศเริ่มแยกได้ว่าเป็นเพศหญิงหรือชายและมีเคลื่อนไหวของทารกให้เห็น
-สัปดาห์ที่ 14 ขนาดทารกในครรภ์จะยาวประมาณครึ่งฝ่ามือหรือประมาณ 8-10 cm  เมื่อถึงระยะนี้อาการของคุณแม่ที่พบในระยะแรกของการตั้งครรภ์ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปโดย

-ถ้าเคยมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือแพ้ท้องมาก  พอถึงสัปดาห์นี้อาการต่างๆ จะทุเลาลง
-อาการปัสสาวะบ่อยจะไม่ถี่เหมือนในช่วงแรกของการตั้งครรภ์
-อาจจะมีปัญหาเรื่องท้องผูก  เนื่องจากการเคลื่อนตัวของอุจจาระในลำไส้ช้าลงเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
-จะรู้สึกว่าคลำยอดมดลูกได้  เหนือกระดูกหัวหน่าว
-เต้านมขยายขึ้นและอาจเจ็บเมื่อสัมผัส
-น้ำหนักตัวของคุณแม่เมื่อถึงระยะนี้จะเพิ่มเพียงเล็กน้อยประมาณ 1 กิโลกรัม  โดยในบางรายที่มีอาการแพ้มาก อาจไม่เพิ่มเลยก็ได้

 

คุณแม่จะปฏิบัติตัวอย่างไรในช่วงไตรมาสแรก?

 แน่นอนการปฏิบัติตัวของคุณแม่ในช่วงไตรมาสแรก  สิ่งแรกที่ย้ำให้ต้องปฏิบัติคือ
“ เข้ารับการฝากครรภ์ในสถานบริการ คลินิก หรือโรงพยาบาล ทันทีเมื่อทราบว่าทีการตั้งครรภ์ ”  ซึ่งจะมีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องของคุณแม่ดังนี้

กินอาหารที่สดใหม่  โดยมีสารอาหารที่ครบถ้วนทั้งห้าหมู่ ปริมาณอาหารในแต่ละมื้อลดลงแต่เพิ่มมื้ออาหารบ่อยครั้งขึ้น
อาจมีอาหารว่างช่วงสายหรือบ่ายเพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารมัน หรือย่อยยากเพราะอาจทำให้อาเจียนมากขึ้น งดอาหารที่ไม่สะอาด ดิบ หรือปรุงไม่สุก
สำหรับคุณแม่ที่มีอาการอาเจียนมากจนน้ำหนักลด อาจรับประทานน้ำหวานระหว่างมื้ออาหาร เพราะย่อยง่ายดูดซึมเร็ว ช่วยให้พลังงานและลดการอ่อนเพลียได้
สำหรับยาแก้แพ้ท้องที่ใช้ได้แก่ วิตามินบีหก ขนาด 50 มิลลิกรัม รับประทานช่วงเช้าและก่อนนอน หรือ ไดเมนไฮดริเนต(Dimenhydrinate)ขนาด 50 มิลลิกรัม
รับประทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง ครั้งและหนึ่งเม็ด หากมีอาการมากให้ได้ถึงวันละสามเวลา อาจพบอาการข้างเคียงคือ ง่วงซึม ปากแห้งได้

หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ในคุณแม่ที่มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก ไม่รับประทานอาหารจนอิ่มหรือแน่นเกินไป
ค่อยๆรับประทานอาหารช้าๆ แบ่งให้อาหารแต่ละมื้อให้น้อยลง การย่อยจะเกิดได้ดีขึ้น
ลดความผิดปกติจากการที่น้ำย่อยไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารทำให้แสบบริเวณหน้าอก
ไม่ควรนอนพักทันทีหลังรับประทานอาหารใหม่ๆ หากอาการเป็นมากอาจรับประทานยาลดกรดในกระเพาะจะช่วยลดอาการนี้ได้

ฝึกหัดออกกำลังกายในระหว่างมีครรภ์ อาจใช้การเดินออกกำลังหรือสามารถว่ายน้ำได้
หากมีหน้ามืดเป็นลมเมื่อต้องยืนนานๆ ควรแก้ไขโดยการยืนสลับเท้าไปมาเพื่อให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
ร่วมกับการหายใจเข้าออกยาวๆ ลึกๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
หากเป็นจากการคลื่นไส้และอาเจียนมาก แนะนำเรื่องการแบ่งมืออาหารเพิ่มขึ้นและรับประทานน้ำหวานเพิ่มเติม

ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะจะเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ดังนั้นการเดินทางโดยรถประจำทางไกลๆ ควรหลีกเลี่ยงอาจจำเป็นต้องกลั้นปัสสาวะนานๆ

ป้องกันอาการท้องผูกโดยดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้หรืออาหารที่มีกากเส้นใยสูง

เลือกซื้อชั้นในที่พยุงทรงได้ดี เนื่องจากจะมีการขยายและคัดของเต้านม จะทำให้ผ่อนคลายไม่อึดอัด
อาจทาเบบี้ออยล์หรือครีมช่วยลดการแตกของผิวหนังบริเวณเต้านมได้

ตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์ หากพบฟันผุ สามารถอุดฟันได้
ควรหลีกเลี่ยงการถอนฟันหากทำได้ควรรักษาหลังคลอดบุตรแล้ว

การมีเพศสัมพันธ์สามารถมีได้ตามปกติ  ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันได้แก่
เลือดออกจากโพรงมดลูกหรือภาวะแท้งคุกคาม

การปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันอื่นๆ เหมือนปกติ แต่การเคลื่อนไหวต้องระมัดระวังเรื่องการโดนกระแทกบริเวณหน้าท้อง การหกล้มและการก้มยกของหนัก
หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น หากไม่สบายควรปรึกษาแพทย์และแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่าตั้งครรภ์ เพื่อแพทย์จะได้เลือกใช้ยาอย่างเหมาะสมโดยไม่เป็นอันตรายกับทารกในครรภ์
ท่านั่ง ท่ายืน ท่านอน ที่เหมาะสมยังคงเหมือนกับปกติ ก่อนการตั้งครรภ์


mylovefamily.com



ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
จริงหรือที่แม่เป็น 'เหงือกอักเสบ' ลูกจะคลอดก่อนกำหนด!




เมื่อพูดถึงโรคเหงือกอักเสบ เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ง่าย และรุนแรงกว่า เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนซึ่งมีผลต่อเหงือก และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เชื้อโรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบต่อสุขภาพช่องปากอย่างเดียว ยังมีงานวิจัยออกมาว่า โรคเหงือกอักเสบมีความสัมพันธ์กับการคลอดก่อนกำหนด และภาวะทารกมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานที่เกิดจากการติดเชื้อในช่องปากด้วย
      
      
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ "ผศ.ทญ.พิณทิพา บุณยะรัตเวช" ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาปริทันตวิทยา อธิบายว่า การคลอดก่อนกำหนด และทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์นั้น เป็นปัญหาสำคัญที่อาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ โดยทั้งนี้ มีความพยายามในการหาสาเหตุ และวิธีป้องกัน แต่ยังไม่สามารถลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้มากนัก
      
      
จนเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ได้มีการเสนอว่า เชื้อโรคที่อยู่ในช่องปากของคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจจะมีการกระจายสู่ร่างกาย และมีผลทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติได้ ซึ่งโรคปริทันต์อักเสบ (โรคเหงือกอักเสบที่ลุกลามจนถึงขั้นมีการทำลายกระดูกที่รองรับฟัน สมัยก่อนเรียก รำมะนาด) เป็นโรคที่มีสาเหตุหลักจากคราบจุลินทรีย์ ร่องเหงือกที่ลึกจากการเป็นโรคจึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคปริมาณมาก ทำให้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ทำในหลายกลุ่มประชากรพยายามศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโรคปริทันต์อักเสบ กับการเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ในการตั้งครรภ์ดังกล่าว แต่ผลที่ได้ยังมีการขัดแย้งกันอยู่
      
       "ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ค่ะ ว่าโรคเหงือกอักเสบจะทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ จำเป็นต้องรอดูข้อมูลงานวิจัยที่มีความชัดเจนมากกว่านี้ต่อไป" ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาปริทันตวิทยากล่าว
      
      
 อย่างไรก็ดี ผศ.ทญ.พิณทิพา บอกว่า การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องที่จะละเลยไม่ได้ในแม่ตั้งครรภ์ ดังนั้นควรจำกัดคราบจุลินทรีย์โดยการแปรงฟัน และใช้อุปกรณ์เสริมช่วย เช่น ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ ซึ่งคราบจุลินทรีย์ที่ว่านี้ ไม่ใช่เศษอาหาร แต่เป็นเชื้อโรคที่ปกติจะลอยอยู่ในน้ำลายแล้วค่อยๆ มาสะสมอยู่บนผิวฟัน
      
       "การแปรงฟัน จะช่วยจำกัดคราบนี้ออกไป แต่หากแปรงฟันไม่สะอาด โดยเฉพาะตามคอฟันใกล้ขอบเหงือก หรือซอกฟัน คราบนี้จะเริ่มมีแร่ธาตุมาเกาะ และกลายเป็นหินน้ำลาย (แต่ก่อนเรียกหินปูน) ในที่สุด ที่สำคัญควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินน้ำลาย หรือรักษาโรคเหงือกก่อน เพราะถ้าเหงือกเริ่มอักเสบอยู่บ้างแล้วจะใช้วิธีแปรงฟันให้สะอาดเท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอ"
      
      
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ช่วงเวลาที่จะทำฟันได้ แนะนำว่า ควรจะเป็นไตรมาสที่ 2 (ประมาณสัปดาห์ที่ 13-21 ของการตั้งครรภ์) แต่ถึงกระนั้นควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าปล่อยไว้จนเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
      
       "ปัญหาในช่องปากหลักๆ แล้ว คือโรคฟันผุ และโรคเหงือก ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้สามารถป้องกันได้ง่ายๆ โดยการแปรงฟันให้สะอาด และใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม เช่น ไหมขัดฟัน จากนั้นลดปริมาณอาหารกลุ่มแป้ง และน้ำตาล และไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก รวมทั้งขูดหินน้ำลาย (หินปูน) เป็นการป้องกันไม่ให้เป็นโรคเหงือกอักเสบจนลุกลามไปถึงโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้มักจะไม่พบอาการในเบื้องต้น กว่าจะเริ่มมีอาการมักจะลุกลามไปมากแล้ว ทำให้การรักษายุ่งยาก เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายสูง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอาจจะเก็บฟันไว้ไม่ได้" ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาปริทันตวิทยาทิ้งท้าย


forparentsbyparents.com

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด



salam


เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรกันบ้างค๊ะ?   



 
สตรีมีครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ควรหลีกเลี่ยงจากการถือศีลอด

สำนักข่าวกัลฟฺนิวส์ – มีความพยายามที่จะชักชวนให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก หลีกเลี่ยงจากการถือศีลอด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทารกในระยะอายุครรภ์ดังกล่าวต้องการโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาการ


อิสลามระบุยกเว้นการถือศีลอดแก่คนชรา ผู้ป่วย สตรีมีครรภ์ หรือมารดาที่ต้องเลี้ยงลูกอ่อน รวมทั้งเด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ

ดร.ฮาลีมา โมฮัมมัด แพทย์นรีเวชแห่งคลินิก Aster กล่าวว่า ถึงแม้จะมีการห้ามไว้แต่สตรีมีครรภ์บางคนก็ยังอยากจะถือศีลอด ซึ่งเป็นเรื่องไม่แนะนำให้ทำ แต่ถ้าจะถือศีลอดก็จะต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยถ้ารู้สึกอ่อนเพลียก็ควรละศีลอดในทันที

เธอแนะนำว่าหญิงมีครรภ์ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารมัน และดื่มนมไขมันต่ำเป็นประจำ รวมทั้งควรกินอินทผลัมซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยเพื่อช่วยไม่ให้ท้องผูก ที่สำคัญคือต้องดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

ซาฟีก อะลี โภชนากรประจำโรงพยาบาลเวลแคร์ กล่าวว่า สตรีมีครรภ์ควรเพิ่มอาหารอย่างน้อย 300 แคลอรี่ หากต้องการถือศีลอดก็ต้องเฉลี่ยอาหารให้เหมาะในช่วงมื้อซาโฮร์ ช่วงละศีลอด และอาหารค่ำ และควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมากๆ 

muslimthai.com
 

 

GoogleTagged