อัลบุคอรีย์กล่าวว่า
268 - حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ بَشَّارٍ قَالَ حَدَّثَنَا مُعَاذُ بْنُ هِشَامٍ قَالَ حَدَّثَنِى أَبِى عَنْ قَتَادَةَ قَالَ حَدَّثَنَا أَنَسُ بْنُ مَالِكٍ قَالَ كَانَ النَّبِىُّ - صلى الله عليه وسلم - يَدُورُ عَلَى نِسَائِهِ فِى السَّاعَةِ الْوَاحِدَةِ مِنَ اللَّيْلِ وَالنَّهَارِ ، وَهُنَّ إِحْدَى عَشْرَةَ . قَالَ قُلْتُ لأَنَسٍ أَوَكَانَ يُطِيقُهُ قَالَ كُنَّا نَتَحَدَّثُ أَنَّهُ أُعْطِىَ قُوَّةَ ثَلاَثِينَ . وَقَالَ سَعِيدٌ عَنْ قَتَادَةَ إِنَّ أَنَسًا حَدَّثَهُمْ تِسْعُ نِسْوَةٍ
ความหมาย "อะนัส บิน มาลิกเล่าว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมเคยเวียนต่อบรรดาภริยาของท่านท้งหมด (มีเพศสัมพันธ์กับพวกนาง) ในเวลาเดียวจากกลางคืนและกลางวัน และพวกนางมีทั้งหมดสิบเอ็ดท่าน" เกาะตาดะฮฺได้ถามอะนัสว่า "ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมมีความสามารถขนาดนั้นเลยหรือ?" อะนัสตอบว่า "พวกเราเคยพูดคุยกันว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้รับการประทานพลังเท่ากับชายสามสิบคน" และสะอีดได้เล่าจากเกาะตาดะฮฺว่า อะนัสได้เล่าแก่พวกเขาว่า พวกนางมีทั้งหมดเก้าท่าน"
อัลบุคอรีย์กล่าวว่า
4556 - حَدَّثَنِى إِبْرَاهِيمُ بْنُ الْمُنْذِرِ حَدَّثَنَا أَبُو ضَمْرَةَ حَدَّثَنَا مُوسَى بْنُ عُقْبَةَ عَنْ نَافِعٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ - رضى الله عنهما - أَنَّ الْيَهُودَ جَاءُوا إِلَى النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - بِرَجُلٍ مِنْهُمْ وَامْرَأَةٍ قَدْ زَنَيَا ، فَقَالَ لَهُمْ « كَيْفَ تَفْعَلُونَ بِمَنْ زَنَى مِنْكُمْ » . قَالُوا نُحَمِّمُهُمَا وَنَضْرِبُهُمَا . فَقَالَ « لاَ تَجِدُونَ فِى التَّوْرَاةِ الرَّجْمَ » . فَقَالُوا لاَ نَجِدُ فِيهَا شَيْئًا . فَقَالَ لَهُمْ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ سَلاَمٍ كَذَبْتُمْ ( فَأْتُوا بِالتَّوْرَاةِ فَاتْلُوهَا إِنْ كُنْتُمْ صَادِقِينَ ) فَوَضَعَ مِدْرَاسُهَا الَّذِى يُدَرِّسُهَا مِنْهُمْ كَفَّهُ عَلَى آيَةِ الرَّجْمِ ، فَطَفِقَ يَقْرَأُ مَا دُونَ يَدِهِ وَمَا وَرَاءَهَا ، وَلاَ يَقْرَأُ آيَةَ الرَّجْمِ ، فَنَزَعَ يَدَهُ عَنْ آيَةِ الرَّجْمِ فَقَالَ مَا هَذِهِ فَلَمَّا رَأَوْا ذَلِكَ قَالُوا هِىَ آيَةُ الرَّجْمِ . فَأَمَرَ بِهِمَا فَرُجِمَا قَرِيبًا مِنْ حَيْثُ مَوْضِعُ الْجَنَائِزِ عِنْدَ الْمَسْجِدِ ، فَرَأَيْتُ صَاحِبَهَا يَجْنَأُ عَلَيْهَا يَقِيهَا الْحِجَارَةَ .
ความหมาย "จากอับดุลลอฮฺ บิน อุมัร เล่าว่า ชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้พาชายชาวยิวคนหนึ่งพร้อมกับสตรีชาวยิวอีกนางหนึ่งที่ได้ทำซีนา (ผิดประเวณี) กัน ไปหาท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ดังนั้น ท่านนบีจึงถามพวกเขาว่า "พวกท่านสำเร็จโทษอย่างไรต่อผู้ที่กระทำซีนาในหมู่พวกท่าน?" พวกเขาตอบว่า "พวกเราจะทาหน้าของคนทั้งสองให้ดำ แล้วก็โบยทั้งสอง" ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจึงถามต่อว่า "พวกท่านไม่พบบัญญัติให้ขว้างด้วยหินในเตารอตดอกหรือ?" พวกเขาตอบว่า "พวกเราไม่พบสิ่งใดเลยในเตารอต" อับดุลลอฮฺ บิน สะลามจึงกล่าวแก่พวกเขาว่า "พวกท่านโกหก พวกท่านจงนำเตารอตมาแล้วอ่านมัน ถ้าพวกท่านเป็นคนสัจจริง" ดังนั้นครูที่สอนเตารอตในหมู่พวกเขาจึงได้เอามือวางไว้ (ปิด) บนอายะฮฺที่ว่าด้วยการขว้าง แล้วเริ่มอ่านโองการก่อนที่จะถึงมือของเขา และโองการหลังจากนั้น และไม่ได้อ่านโองการที่ว่าด้วยการขว้าง ดังนั้น อับดุลลอฮฺ บิน สะลาม จึงเอามือของเขาออกจากโองการที่ว่าด้วยการขว้าง (ที่เขาได้ปกปิดไว้) แล้วกล่าวว่า "แล้วนี่มันอะไรกัน?" หลังจากที่พวกเขาเห็นดังนั้น พวกเขาจึงกล่าวว่า มันคือโองการที่ว่าด้วยการขว้าง" ดังนั้น ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจึงได้ออกคำสั่งให้ (ลงโทษ) บุคคลทั้งสอง (ด้วยการขว้าง) ดังนั้น ทั้งสองจึงถูกขว้าง ณ สถานที่ใกล้กับสถานที่ที่ใช้วางศพในมัสยิด และฉันเห็นผู้ชายเอนกายไปทางผู้หญิงเพื่อที่จะปกป้องนางจากก้อนหิน"