ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์นั้นโง่ - ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน  (อ่าน 2713 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด

 salam

alhumdulillah พึ่งกลับเข้ามาในบริษัทฯ
ตอนกำลังมอเตอร์ไซค์อยู่นั้นนึก ทฤษฎีใหม่ได้ที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นขัดแย้งกัน
คล้ายๆกับทฤษฎีวงกลม (ของอัลอัค) แต่ก็ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะใช้ชื่อว่าทฤษฎีอะไร
(อาจ จะมีคนคิดได้แล้วก็ได้)

คือ มนุษย์นั้นโง่และอธรรม (มาจากอัลกุรอาน)
หากเราลองพิจารณาดูแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
การที่เราไม่สามารถมองเห็นภาพจริงได้นั้นมันเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะสมองเรามักจะสร้างภาพลวงตาขึ้นมาเสมอ
หากเราลองพิจารณาสิ่งที่มองเห็น
สิ่งที่คิดได้ การที่เราจะรู้ตัดสินว่าสิ่งที่เราคิดได้นั้นมันจริงแท้นั้น
มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ความรู้ในสมองจะทำให้ง่ายขึ้น

อะไรที่มันจริงแท้และชัดเจน
หากมองดูด้วยตาแล้วพิจารณากันหลายๆคน
ถึงแม้จะเกิดต่างที่
ประสบการณ์ต่างกัน
หากมีพื้นฐานความรู้เดียวกัน ย่อมตัดสินได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากมองไปที่สีขาวสะอาด
แล้วให้คนทั่วโลกที่รู้ว่านี่คือสีขาวสะอาดมาพิจารณาตัดสิน ทุกคนก็จะบอกว่ามันคือสีขาว
เช่นเดียวกันกับที่พระเจ้ามีองค์เดียว และชื่ออัลเลาะฮ์ อันนี้ก็จริงแท้และชัดเจนเช่นกัน

และสืบเนื่องมาจากมนุษย์นั้นโง่นั่นเอง
สมองของมนุษย์ย่อมมีขีดจำกัดในการที่ไปถึงคำตอบ อันเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
แน่นอนมันย่อมมีบางสิ่งที่สมองอาจพิจารณาได้ความเห็นที่แตกต่างกัน
ตามประสบการณ์การเรียนรู้ของแต่ละคน
และความเห็นแต่ละอย่างนั้นอาจจะถูก หรืออาจจะผิด
แล้วแต่ความเห็นที่พิจารณาแตกต่างกันออกไปนั้นเอง

เช่นเดียวกับที่เราเห็นภาพลวงตา
สมองของเราคิดได้ดังสิ่งที่เราเห็น แต่ไม่ใช่ความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ
จริงอยู่ที่ความรู้จะช่วยให้เรามอง เห็นภาพจริง
แต่ความรู้ที่แท้จริง อันจะทำให้ทุกๆคนพิจารณาว่ามันเป็นจริงนั้นมันมีหรือไม่
ผมหมายถึง ความรู้ของมนุษย์จะนำพาให้สติปัญญาของมนุษย์ไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ ?

ตัวอย่าง สีขาวที่หากคนนึงบอกว่าเป็นสีเทา
แน่นอนคนส่วนใหญ่ก็ต้องพิจารณาแล้วบอกได้เลยว่ามันเป็นสีขาวนะ คุณอาจะต้องไปตรวจสายตาว่าเป็นตาบอดสีหรือไม่
แต่ถ้าหากมันเป็นทั้งสีขาว และสีเทา ขาวก็ไม่ขาว เทาก็ไม่เทา
สมองเราจะบอกว่าเป็นสีอะไร
มันจะแยกออกมาเป็นสีขาวฝ่ายนึง สีเทาฝ่ายนึง สีใหม่ที่ตั้งขึ้นมาฝ่ายนึง
กับฝ่ายที่ยอมรับทั้ง 3 สีหรือไม่ ?

ดังนั้นผมคิดว่า มันยังมีขอบเขตที่มนุษย์ไม่สามารถไปถึงได้อยู่
เพราะเหตุนั้นมันจึงทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด
เพราะถ้าหากความคิดของคนใดคนหนึ่งชี้ว่าถูกต้องที่สุดแล้วไทร้
เพราะเหตุใดคนกลุ่มอื่นที่มีพื้นฐานความรู้เหมือนกันนั้น ถึงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป ?
แสดงว่านั่นยังเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่สุดใช่หรือไม่ ?

วัสสลาม
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์นั้นโง่ - ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เม.ย. 21, 2010, 04:36 PM »
0
 salam

ขอแจมด้วยคนนะคะ...

หากเราสังเกตดีๆ หัวของเราจะอยู่ตรงกลางระหว่างหูทั้งสองข้าง
ไม่ว่าสิ่งที่เราได้ยินมานั้น สมองจะแปลความว่าอย่างไร และใจเราต้องการอยากจะเอียงไปด้านใด
แต่คำว่ามโนธรรมจะคอยตะโกนบอกเราค่ะว่า อะไรควรและอะไรไม่ควร
คนที่มีมโนธรรมมากกว่าอธรรม ก็จะไม่ต้องเหนื่อยกับการต่อสู้ระหว่างมโนธรรมกับอธรรมในใจเรามากนัก

และหากคนในสังคมมีมโนธรรมมากกว่าอธรรม เหตุใดกันที่เราจะต้องเหนื่อยกับการต่อสู้กับอธรรม
บางครั้งเราก็ต้องย้อนมาหาตัวเราว่าระหว่างมโนธรรมกับอธรรม ในตัวเราและคนในสังคมที่เราอยู่อะไรมันมีมากกว่ากัน

เคยคิดเสมอค่ะว่า โลกมีแค่สองด้าน หรือมีแค่สองฝั่ง ดำขาว ดีชั่ว
ส่วนสีเทานั้น เกิดจากความปะปนของดำกับขาว หรือดีกับชั่ว
มนุษย์ธรรมดาอย่างเราคงหนีไม่พ้น เพราะในตัวเรามีทั้งดีและชั่ว หรือเรียกเป็นสีก็คือ มีทั้งดำและขาว
มันอยู่ที่ว่า เมื่อคนอื่นมองมาที่เรา เขาจะเห็นเราเป็นสีอะไร เห็นเป็นสีดำหรือสีขาว
หรือเห็นเราเป็นคนดีหรือคนเลว ไม่ข้างใดก็ข้างนึง แต่การที่ความดีกับความชั่ว
หรือสีดำกับสีขาวมันผสมกัน เราก็เลยเรียกว่าสีเทา แต่สีเทาเองก็มีระดับความเข้มเหมือนกันค่ะ
หากว่าเราผสมสีขาวลงไปมากกว่าสีดำ เราก็จะเห็นสีเทามีแนวโน้มไปทางขาว
หากว่ามีสีดำมากกว่าขาว เราก็จะเห็นสีเทาดังหล่าวมีแนวโน้มไปทางดำ
สายตาเราไม่ได้เอียงหรอกค่ะ เพราะอย่างน้อยๆเราก็ยังบอกได้ว่า สีเทาที่เราเห็นนั้น
สีดำกับสีขาว อะไรมีปริมาณมากกว่า...

การเป็นมนุษย์สีขาวมันยากค่ะ เพราะว่า เราย่อมต้องเปื้อนฝุ่นเปื้อนโคลน
และการที่จะเป็นสีดำสนิทก็ไม่ง่ายเช่นกันค่ะ เพราะว่า เราย่อมต้องเปื้อนชอล์กเปื้อนฝุ่นอยู่ดี

แต่เราสามารถเติมสีขาวหรือสีดำลงไปในจิตใจเราได้ค่ะ

แม้วันนี้มันจะมีสีดำมากว่าสีขาว แต่หากเราหมั่นเติมสีขาวลงไปเยอะๆและบ่อยๆ
วันนึงสีเทาที่ว่าก็จะขาวขึ้นได้ แม้จะไม่ได้ขาวบริสุทธิ์ด้วยเพราะเราไม่สามารถเอาสีดำที่เราหรือใครที่เราเคยพบเจอเติมให้เราออกไปได้
แต่สีดำมันจะจางลงได้ด้วยสีขาวที่เราคอยหมั่นเอามาเติมลงไป

ตรงกันข้าม สีขาวก็สามารถค่อยๆจางหายไปได้ด้วยหากเราหมั่นเติมสีดำลงไปบ่อยๆเช่นกันค่ะ
มันยากจะตอบได้ว่าจุดจบของคนๆหนึ่งจะดีหรือเลว ตราบเท่าที่เขายังไม่ตาย

วัลลอฮุอะลัม

ความคิดแตกแยก อาจเกิดจากใจที่สับสน หากเรามั่นใจว่าสีเทาที่เราเห็นนั้นมันมีแนวโน้มไปทางดำหรือขาว
บวกกับมโนธรรมและอธรรมในใจของเราที่มีอยู่แต่เดิมจะเป็นตัวกระซิบให้เราโน้มเอียงไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งจนได้ค่ะ
เราจึงต้องหมั่นตรวจสีในใจเราเสมอว่า ตอนนี้ดำกับขาวอะไรมีปริมาณมากกว่ากัน
เพราะสีในใจของเราจะคอยกระซิบให้เราโน้มเอียงไปหาฝั่งของมัน
หากเรามีมโนธรรมในใจมากกว่าอธรรม เราจะไม่เหนื่อยกับการจะตัดสินว่าอะไรดีอะไรชั่ว อะไรดำอะไรขาวมากนัก
และเราก็จะมองคนอื่นออกว่าเป็นสีอะไร เพราะเป็นคุณสมบัติของสีขาวค่ะ ที่ไม่ว่าสีอะไรป้ายลงไปก็แยกแยะได้
ต่างจากสีดำที่ไม่ว่าสีอะไรผสมลงไปก็ยากจะแยกแยะได้ และสีขาวเท่านั้นค่ะที่สามารถทำให้สีดำเจือจางได้ดี

ดังนั้น ทุกครั้งที่มีข้อขัดแย้งกัน เราจึงมักหาคนผิดคนถูก ฝั่งที่ผิดฝั่งที่ถูกอยู่เสมอ
จนอาจลืมมองไปว่า ทั้งสองฝั่งก็มีทั้งผิดทั้งถูกอยู่ด้วยกันก็ได้ อย่างน้อยๆ หูของเรายังมีสองข้าง
เราสามารถฟังหูไว้หูได้ การฟังกันและกันอาจช่วยให้เราเข้าใจกันมากขึ้นได้ก็ป็นได้ค่ะ
ขอแค่เราอย่าปิดหูปิดตา เข้าข้างหูข้างใดข้างนึงเสียจนลืมฟังเสียงของหูอีกข้างนึง
มโนธรรมจะช่วยเราไม่ให้สับสนและช่วยเราแยกแยะถูกผิดได้ค่ะ
แค่เราหมั่นเติมมันลงในหัวใจ เราอาจไม่ต้องเหนื่อยและสับสนในการอยู่กับความวุ่นวายของดุนยามากนัก  อินชาอัลลอฮฺ



ยาวประจำ ยาวสม่ำเสมอ ขอมาอัฟคนอ่านด้วยนะคะ  hehe

ขอความสันติสุขจงมีแค่พี่น้องทุกๆคน

วัสลามค่ะ
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

aku malayu

  • บุคคลทั่วไป
Re: มนุษย์นั้นโง่ - ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เม.ย. 21, 2010, 05:00 PM »
0
ในยุคปัจจุบันข้อมูลข่าวสารจากสื่อประเภทต่าง ๆ มีอิทธิพลมากมายต่อพวกเรา ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ และต่อโลก จนแซงอิทธิพลอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว ยิ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เราได้รับข่าวสารอย่างมากมายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้เรารู้มากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เครื่องหมายแสดงว่าเราเก่งขึ้น หรือมีความรู้มากขึ้น เพราะข่าวสารต่าง ๆ ที่เราได้รับนั้นใช่ว่าจะเป็นความจริง อย่างที่เราได้รู้ บางเรื่องมีความจริงครึ่งเดียว บางเรื่องนิดเดียว หรือบางเรื่องไม่มีความจริงเลย แต่ผู้ส่งหรือสาร(เนื้อหา,ข้อมูล)ที่เราได้รับนั้นช่างน่าเชื่อถือ จนเราเชื่อว่าเป็นจริงอย่างไม่มีข้อสงสัย
นั่นก็เพราะว่ามีการสร้างหลักฐาน สร้างเหตุผล สร้างพยาน ทั้งด้านเอกสาร ด้านบุคคล ด้านสถานที่ จากนั้นก็นำมาผสมผสานกับจินตนาการของตน แล้วร้อยเรียงผูกเรื่องราวและเหตุผลหลักฐานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ให้สอดคล้องสมเหตุสมผลให้น่าเชื่อถือมากที่สุด ใช้ระยะเวลาและกระบวนการในการปล่อยข่าว การลือ การโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อล้างสมอง จนถึงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นปี สิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปี ก็จะกลายเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนเล่าต่อ ๆ กันไปในที่สุด  เรียกว่า ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ซึ่งความหมายที่ให้ไว้ คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่น ๆ เพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทฤษฎีสมคบคิดนี้เริ่มรู้จักและใช้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๓ (๑๐๑ ปีพอดี) จนกลายเป็นคำพูดติดปากของกลุ่มนักคิด นักวิชาการ และบุคคลทั่วไป มาจนทุกวันนี้ เหตุผลทั้งหมดนั้นก็เพียงแค่หวังว่าผู้ที่รับข่าวสาร หรือรับรู้เรื่องราวนั้น จะใช้ข้อมูลที่ได้รับเป็นปัจจัยในการตัดสินใจที่จะดำเนินกิจกรรมทั้งด้านส่วนตัว ด้านสังคม องค์กรต่าง ๆ รวมถึงการกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศ และทิศทางของโลก มาเข้าทางหรือเข้าสู่แนวทางที่พวกเขาต้องการ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจ เพื่อลบล้างความน่าเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งเพื่อความมั่นคง จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างมีผลประโยชน์ ต้องโทษตัวเราเองที่เชื่อเขา ไม่ตรวจสอบ ไม่ศึกษาปรึกษาพิจารณาให้ถ้วนถี่ หลายเรื่องราวบนโลกเกิดขึ้นจากขบวนการนี้ ซึ่งทำให้แบ่งแยกผู้คนบนโลกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกเชื่อว่าเป็นจริง อีกฝ่ายไม่เชื่อ นั่นไม่ใช่ความจริง ผู้คนทั้งสองฝ่ายนี้ถกเถียงและอ้างเหตุผลต่าง ๆ มาหักล้างกันอยู่ตลอดเวลา ผู้เขียนเก็บเป็นบันทึก เอาเฉพาะเรื่องที่ท่านผู้อ่านรู้จักดี ประมวลสรุปมาแค่ ๒ เรื่อง ครับ
เรื่องแรก ยานอพอลโล่ ๑๑ ไม่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ การเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกโดยนีล อาร์มสตรอง เมื่อ ๒๐ ก.ค.๒๕๑๒ ในโครงการอพอลโล่ขององค์การนาซ่านั้น เขาว่าสร้างขึ้นในโรงถ่ายภาพยนต์ โดยการสนับสนุนของซีไอเอ ข้อกล่าวหานี้ยิ่งมีการพูดถึงมาก หลังจากที่มีภาพยนตร์เรื่อง Capricorn One ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนาซ่าหลอกลวงชาวโลก โดยการสร้างภาพการลงจอดของยานอวกาศที่ดาวอังคารออกฉาย จากนั้นก็มีทั้ง หนังสือ บทความ บทเพลง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนาซ่าหลอกลวงว่าได้ไปเหยียบดวงจันทร์ออกมาอีกมากมาย แล้วทำไมอเมริกาต้องทำอย่างนั้น กลุ่มทฤษฎีสมคบคิด เขาสรุปแรงจูงใจในการสร้างภาพของอเมริกาไว้หลายข้อยกตัวอย่างเช่น
หนึ่ง เพื่อเบนความสนใจของชาวโลกจากเรื่องสงครามเวียดนาม เพราะอเมริกาจะลุยเวียดนาม
สอง สงครามเย็น ค่ายโซเวียตสร้างยานสำรวจอวกาศก่อน แต่ค่ายอเมริกาชนะเพราะเหยียบดวงจันทร์ก่อน มีประเทศต่าง ๆ มาขอเข้าพวกมากมายเพราะฉันแน่กว่า
สาม หลังเหยียบดวงจันทร์ อเมริกาได้ขอบริจาคเงินเพื่อต่อยอดโครงการนี้จากประชาชน และองค์กร ต่าง ๆ ได้มากมาย แต่ก็เอาไปทำสงครามเวียดนาม
สี่ อเมริกากลัวว่าโครงการนี้จะล่ม เลยถ่ายทำภาพไว้ก่อนที่โรงถ่ายหนัง
แล้วข้อสังเกต หรือข้อโต้แย้ง นั้นก็มีมากเหมือนกัน สรุปให้บางข้อก็แล้วกันครับ เช่น
หนึ่ง สัญลักษณ์กากบาทกลางเลนส์กล้องในภาพทำไมอยู่หลังภาพวัตถุ ไม่เห็นทับด้านหน้าของวัตถุในภาพเลย
สอง คุณภาพของภาพถ่ายดีเกินไป แม้ถ่ายในอวกาศ
สาม ด้านหลังภาพทุกภาพมืด ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แต่ไม่เห็นมีแสงดาวซักดวง
สี่ ภาพถ่ายต่างพื้นที่แต่ทำไมวิวด้านหลังเหมือนกันทุกที่
ห้า ภาพถ่ายมีมากเกินไป เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีของกล้องถ่ายรูปในสมัยนั้น และกับเวลาที่อยู่บนดวงจันทร์ (มีมากกว่าพันรูปครับ)
หก เงาของวัตถุที่อยู่ด้วยกัน แต่เงาสูงต่ำไม่เท่ากัน และมีหลายเงาเกินไป เพราะน่าจะมีดวงอาทิตย์ดวงเดียวส่องแสง แต่นี่เหมือนมีสปอร์ตไลท์ส่องหลายดวงหลายทาง
เจ็ด ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าโลกถึง ๑ ใน ๖ แต่รอยเท้าในรูปถ่ายบุ๋มมากเกินไป
แปด รถสำรวจที่เอาขึ้นไปด้วยคันใหญ่เกินไป สูบลมยางก็คงไม่ได้เพราะแรงดันจะทำให้ยางระเบิดแน่นอน
เก้า บนดวงจันทร์น่าจะไม่มีลม แต่ทำไมธงชาติอเมริกาโบกสะบัดปลิวไสวสวยงามสง่า
เรื่องที่สอง เหตุการณ์ ๙๑๑ (ตึกเวิร์ลเทรดถล่มเมื่อ ๑๑ ก.ย.๒๕๔๔) ทฤษฎีสมคบคิดนั้นบอกว่าตึกไม่ได้ถล่มเพราะเครื่องบินชน แต่เป็นทางอเมริกาเองที่จงใจทำให้มันถล่ม เพื่อสร้างสถานการณ์อ้างผู้ก่อการร้ายแล้วเข้าไปยึดประเทศเหล่านั้น เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แบบที่ต้องการน้ำมันในอิรัก มีการอ้างหลักฐานโต้แย้งการถล่มของตึกมากมาย พอจะสรุปเป็นบันทึกมารับใช้ท่านผู้อ่านได้ เช่น มีคนได้ยินเสียงระเบิดเป็นจุด ๆ หลายครั้ง เหมือนกับที่เขาใช้ระเบิดรื้อถอนตึก เพราะว่าเครื่องบินชนด้านขวา ก็น่าจะเอนและพังลงทางด้านขวาเหมือนต้นไม้ แต่นี่ถล่มลงมาตรง ๆ เหมือนกับมีการระเบิดตัดฐานตึก
ตึกหลังที่ ๓ ที่ใกล้เคียงกันก็ถล่มด้วยทั้งที่ไม่โดนชน และโครงสร้างไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้ง ตึกนี้ก็ถล่มลงมาตรง ๆ เหมือนกัน และตึกนี้เป็นสถานที่ใช้เก็บเอกสารหลักฐานสำคัญด้านเศรษฐกิจ การเงิน ของอเมริกา หลายอย่างครับ สงสัยว่าเพื่อทำลายหลักฐานอะไรหรือเปล่า
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมบอกว่าตึกทั้ง ๓ ไม่น่าจะถล่มในเวลารวดเร็วขนาดนั้น เพราะถ้าเป็นไฟไหม้น่าจะค่อย ๆ ถล่มทีละชั้น และใช้เวลานาน เพราะตึกอื่น ๆ ทั่วไปบางแห่งไฟไหม้ตั้ง ๑๐– ๒๐ ชั่วโมง ยังไม่ถล่มเลย แค่เสียหายเป็นชั้น ๆ ไป แต่นี่เพียงไม่กี่นาทีก็ถล่มหมดเลย อีกอย่างเหล็กโครงสร้างจะละลายได้ต้องใช้ความร้อนถึง ๑,๕๐๐ องศา เครื่องบินชนตึกน่าจะเกิดความร้อนเพียง ๘๐๐ – ๙๐๐ องศา สาเหตุที่ตึกถล่มจึงน่าจะเกิดจากการใช้ระเบิดตัดฐานตึกมากกว่าและที่สำคัญจากการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกาเองพบว่าประมาณ ๔๒ % เชื่อว่ารัฐบาลตัวเองเป็นคนจัดทำขึ้นครับ
...เพราะฉะนั้นขอให้มุสลิมเราทุกคนจงเสพข้อมูลให้รอบด้านนะครับ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบัน...วัสลาม

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์นั้นโง่ - ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เม.ย. 21, 2010, 08:54 PM »
0
สรุปคือ มนุษย์นั้นโง่ ดังนั้นเราอย่าคิดว่าเราฉลาด และอย่าคิดว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกแล้ว...
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์นั้นโง่ - ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เม.ย. 29, 2010, 11:36 AM »
0
ถ้าไม่ดง่ก่อนแล้วจาฉลาดได้ไง
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

 

GoogleTagged