ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 79 สูเราะฮฺ อันนาซิอาต)  (อ่าน 4317 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 salam

คำอธิบายประกอบซูเราะฮฺ(R3.) อัน-นาซิอาต

ชื่อ : ชื่อซูเราะฮฺนี้ได้มาจากคำว่า “อัน-นาซิอาต” ( النازعات - บรรดาผู้ถอดถอน) ซึ่งเป็นคำเริ่มต้นซูเราะฮฺ
ระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺ : อับดุลลอฮฺ บิน อับบาส กล่าวว่า สูเราะฮฺนี้ได้ถูกประทานลงมาหลังจากซูเราะฮฺ อันนะบะอฺ เนื้อหาสาระของมันก็ยืนยันว่า มันเป็นซูเราะฮฺที่ได้ถูกประทานลงมาในช่วงแรก ๆ ที่มักกะฮฺ
เนื้อหาสาระ : เนื้อหาสาระของซูเราะฮฺนี้ก็คือการยืนยันเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตายและชีวิตโลกหน้า นอกจากนั้นแล้วมันยังได้เตือนถึงผลที่จะติดตามมาจากการปฏิเสธศาสนทูตของอัลลอฮฺด้วย ซูเราะฮฺเริ่มต้นด้วยการสาบานด้วยบรรดามลาอิกะฮฺผู้เอาวิญญาณไปในตอนตายและผู้ที่เร่งรีบปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลลอฮฺให้ลุล่วงไปและบรรดาผู้ควบคุมกิจการของจักรวาลตามพระประสงค์ของอัลลอฮฺ เพื่อให้แน่ใจว่าการฟื้นคืนชีพหลังความตายจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะบรรดามลาอิกะฮฺที่ถูกใช้มาเพื่อดึงเอาวิญญาณออกมาในวันนี้ก็สามารถที่จะเอาวิญญาณกลับมาในวันพรุ่งนี้ได้ และมลาอิกะฮฺที่ทำหน้าที่ตามคำบัญชาของอัลลอฮฺและควบคุมกิจการของจักรวาลในปัจจุบันนี้ก็สามารถที่จะทำให้ระบบของจักรวาลเกิดความปั่นป่วนได้ในวันข้างหน้าตามคำบัญชาของพระเจ้าองค์เดียวกัน และสามารถที่จะทำให้ระบบใหม่เกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
หลังจากนี้แล้ว ผู้คนก็ได้ถูกบอกว่า “งานที่สูเจ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยนั้นมิใช่เรื่องยากแต่ประการใดสำหรับอัลลอฮฺ พระองค์ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย เพียงแต่เขย่าครั้งเดียว ระบบของโลกก็จะปั่นป่วน และการเขย่าครั้งที่สองก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สูเจ้าปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในโลกใหม่ ในตอนนั้น คนที่ปฏิเสธเรื่องการฟื้นคืนชีพจะสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวและตาต้องถลนต่อสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้”



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ (ต่อ)

หลังจากนั้นก็มีการเล่าเรื่องราวของนบีมูซาและฟาโรห์อย่างย่อ ๆ เพื่อเป็นการเตือนผู้คนว่า “สูเจ้ารู้ดีว่าฟาโรห์ต้องพบชะตากรรมอย่างไรในการปฏิเสธศาสนทูตและปฏิเสธทางนำที่เขานำมา ซ้ำยังพยายามที่จะทำลายภารกิจของเขาด้วยกลอุบายและการหลอกลวง ถ้าหากสูเจ้าไม่ได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้และไม่เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตแล้วสูเจ้าก็จะต้องได้รับชะตากรรมเช่นเดียวกัน”
หลังจากนั้น ในอายะฮฺที่ 27 -33 ก็ได้มีการให้เหตุผลถึงเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตายและชีวิตในโลกหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ บรรดาผู้ปฏิเสธได้ถูกถามว่า “การให้สูเจ้าฟื้นคืนชีพขึ้นมากับการสร้างจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมด้วยดวงดาวอีกสุดคณานับนั้น อย่างไหนเป็นเรื่องยากกว่ากัน?" การให้สูเจ้าเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยสำหรับอัลลอฮฺ มันเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพระองค์ ดังนั้น หลังจากที่ได้ยกข้อโต้แย้งที่เด็ดขาดสำหรับความเป็นไปได้ในเรื่องโลกหน้ามาไว้ในประโยคหนึ่งแล้ว ก็ได้มีการเรียกร้องให้ผู้คนได้พิจารณาถึงแผ่นดินและปัจจัยยังชีพที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ในนั้นเพื่อเลี้ยงดูมนุษย์และสัตว์ ทุกสิ่งที่อยู่บนผืนแผ่นดินนั้นล้วนยืนยันว่ามันได้ถูกสร้างมาเพื่อเหตุผลอันยิ่งใหญ่เพื่อบรรลุถึงวัตถุประสงค์บางอย่าง ในการชี้ให้เห็นสิ่งดังกล่าว ได้มีการตั้งคำถามทิ้งไว้ให้ปัญญาชนไตร่ตรองดูเอาเองว่า การเรียกมนุษย์ไปสอบสวนหลังจากที่ได้มอบหมายหน้าที่และการรับผิดชอบให้แก่เขาไปแล้ว เป็นเรื่องที่มีเหตุผลกว่าการที่จะให้เขาตายไปโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร หลังจากที่ได้ทำชั่วทุกอย่างไปแล้วหรือไม่? แทนที่จะพูดถึงปัญหา ในอายะฮฺที่ 34 – 41 ได้มีการกล่าวว่า เมื่อวันโลกหน้าเกิดขึ้น อนาคตอันนิรันดรของมนุษย์ก็จะถูกกำหนดโดยเกณฑ์ตัดสินที่ว่า “คนไหนฝ่าฝืนอัลลอฮฺและถือว่าความสุขทางด้านวัตถุเป็นวัตถุประสงค์แห่งชีวิตของเขา และคนไหนที่กลัวจะไปยืนต่อหน้าอัลลอฮฺและละทิ้งการตอบสนองควมต้องการที่ไม่ถูกต้องของตัวเอง” นี่เป็นการให้คำตอบที่ถูกต้องแก่คำถามสำหรับทุกคนที่พิจารณาเรื่องนี้อย่างซื่อตรงและไม่ดื้อรั้นดันทุรัง เพราะเมื่อมนุษย์ได้รับอำนาจและความรับผิดชอบไปแล้ว สิ่งที่เหตุผลและศีลธรรมต้องการก็คือ เขาควรจะถูกเรียกตัวไปสอบสวนเพื่อตอบแทนรางวัลหรือถูกลงโทษสำหรับสิ่งที่เขาได้ทำไป
กล่าวโดยสรุป คำถามของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาแห่งมักกะฮฺเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าการฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นได้ถูกตอบไปแล้ว พวกเขาได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺเกี่ยวกับเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในการตอบคำถามนี้ได้มีการกล่าวว่า อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ รอซูลเพียงแต่มาเตือนว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าใครเชื่อก็จงปรับปรุงตัวเอง ถ้าใครไม่เชื่อก็จงประพฤติตนอย่างไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ แต่เมื่อเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้มาถึง คนที่รักชีวิตแห่งโลกนี้จะรู้สึกว่าพวกเขาได้อยู่ในโลกนี้เพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็จะตระหนักได้ว่าพวกเขาได้ทำลายอนาคตของพวกเขาไป เพียงเพื่อเห็นแก่ความสุขช่วงสั้น ๆ ในโลกนี้เท่านั้น


 อ้างอิง R1. The Noble Qur’an, English Translation of the meanings and commentary.
      Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.
      King Fahd Complex for the Printing of the Holy Qur’an. Madinah, K.S.A.

อ้าง อิง R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ มปป. จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ ส.วงศ์เสงี่ยม กรุงเทพฯ

อ้างอิง R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน ความหมายคัมภีร์ อัล-กุรอาน อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ธันวาคม 2539 ศูนย์หนังสืออิสลาม กรุงเทพฯ

อ้างอิง R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรอานแห่งนครมาดีนะฮ์

อ้างอิง R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์ (ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา) จุฬาราชมนตรี มูลนิธิต่วน สุวรรณศาสน์ พิมพ์ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อพระราชทานสถาบันต่าง ๆ ในพระราชวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐


หลังจากนี้จะเริ่มนำเสนอคำแปลตั้งแต่อายะฮฺแรก

วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 
 สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 1 - 7  



คำอ่าน[/b]
1. วัน..นาซิอาติฆ็อรฺกอ
2. วัน..นาชิฏอตินัชฏอ
3. วัสสาบิหาติสับหา
4. ฟัสสาบิกอติสับกอ
5. ฟัลมุดับบิรอติอัมรอ
6. เยามะตัรฺญุฟุรฺรอญิฟะฮฺ
7. ตัตบะอุฮัรฺรอดิฟะฮฺ


คำแปล R1.[/b]
1. By those (angels) who pull out (the souls of the disbelievers and the wicked) with great violence;
2. By those (angels) who gently take out (the souls of the believers);
3. And by those that swim along (i.e. angels or planets in their orbits, etc.).
4. And by those that press forward as in a race (i.e. the angels or stars or the horses, etc.).
5. And by those angels who arrange to do the commands of their Lord, (so Verily, you disbelievers will be called to account).
6. On the Day (when the first blowing of the trumpet is blown), the earth and the mountains will shake violently (and everybody will die),
7. The second blowing of the trumpet follows it (and everybody will be raised up),


คำแปล R2.[/b]
1. ขอยืนยันกับบรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่ทำการถอดถอน(ดวงวิญญาณของพวกเนรคุณ)อย่างรุนแรง
2. และบรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่ดึง(วิญญาณของคนมุอ์มิน)อย่างอ่อนโยน
3. และบรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่แหวกว่ายลงมาอย่างรวดเร็ว
4. ต่อมาก็บรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่นำ(วิญญาณ)ล่วงหน้าไป(สู่สถานที่พัก)อย่างจริงจัง
5. สุดท้ายก็บรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่ทำการบริหารการงาน
6. วันที่มีการเป่าสังข์ครั้งแรกจนทำให้แผ่นดินสะท้านสะเทือนรุนแรง(ทำให้ทุกสิ่งที่มีชีวิตสิ้นชีวิต)
7. แล้วตามติดมันด้วยการเป่าสังข์ครั้งที่สอง(ทำให้ทุกชีวิตฟื้นคืนชีพขึ้นมา)

คำแปล R3.[/b]
1. ขอสาบานด้วยบรรดา (มลาอิกะฮฺ)ผู้กระชากออกมาจากส่วนลึก
2. และดึงออกมาอย่างนุ่มนวล
3. และขอสาบานด้วยบรรดา (มลาอิกะฮฺ) ผู้ลอยล่องอยู่ (ทั่วท้องฟ้า)
4. แล้วรีบเร่ง (ปฏิบัติตามคำบัญชา) อย่างว่องไว
5. แล้งบริหารการงานต่าง ๆ (ตามคำบัญชาของพระเจ้า)
6. วันที่การสั่นสะเทือนจะทำให้เกิดการกระเทือนอย่างรุนแรง
7. และตามมาด้วยการสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง


คำแปล R4.[/b]
1. ขอสาบานด้วย (มะลาอิกะฮฺ) ผู้ฉุดกระชาก (วิญญาณของผู้ปฏิเสธศรัทธา) อย่างแรง
2. ขอสาบานด้วย (มะลาอิกะฮฺ) ผู้ชัก (วิญญาณของผู้ศรัทธา) อย่างแผ่วเบา
3. ขอสาบานด้วย (มะลาอิกะฮฺ) ที่แหวกว่ายในท้องนภากาศ
4. แล้วพวกเขา (มะลาอิกะฮฺ) ผู้รีบรุดหน้าไปอย่างว่องไว
5. แล้วพวกเขา (มะลาอิกะฮฺ) ผู้บริหารกิจการ
6. วันซึ่งการเป่าสังข์ครั้งแรกทำให้สั่นสะเทือน
7. การเป่าสังข์ครั้งสองจะติดตามมา


คำแปล R5.[/b]
๑. ขอสาบานกับบรรดามลาอิกะห์ที่ถอดถอนอย่างรุนแรงแก่ดวงวิญญาณของพวกกาฟิร จนเจ็บรวดร้าวทรมานอย่างที่สุด ผู้ทำหน้าที่นี้ได้แก่มลาอิกะห์อิสรออีล
๒. ขอสาบานกับบรรดามลาอิกะห์ที่ค่อย ๆ ดึงอย่างละมุนแก่วิญญาณของพวกมุอ์มินและวิญญาณจะออกไปจากร่างโดยไม่เจ็บทรมานแต่ประการทั้งปวง
๓. ขอสาบานกับบรรดามลาอิกะห์ที่แหวกว่ายลงมาอย่างมากมายจากฟากฟ้าตามคำบัญชาของอัลเลาะห์
๔. แล้วก็บรรดามลาอิกะห์ที่รีบรุดอย่างจริงจังในการนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปยังสถานที่พำนักอันแตกต่างกัน
๕. จากนั้นขอสาบานกับบรรดามลาอิกะห์ที่บริหารงานต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากอัลเลาะห์
๖. วันที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรงด้วยเสียงเป่าสังข์ครั้งแรกแล้วทุกสิ่งก็จะสิ้นชีพและสลายโดยพลัน
๗. ตามติดมาด้วยเสียงเป่าสังข์อีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่สอง แล้วทุกคนก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 21, 2010, 10:20 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 8 – 14

คำอ่าน[/b]
8.  กุลูบุย..เยามะอิซิว..วาญิฟะฮฺ
9.  อับศอรุฮาคอชิอะฮฺ
10. ยะกูลูนะ อะอิน..นาละมัรฺดูดูนะ ฟิลหาฟิเราะฮฺ
11. อะอิซากุน..นาอิซอมัน..นะคิเราะฮฺ
12. กอลูติลกะอิยัน..กัรฺเราะตุนคอสิเราะฮฺ
13. ฟะอิน..นะมาฮิยะซัจญเราะตู..วาหิดะฮฺ
14. ฟะอิซาฮุม..บิสสาฮิเราะฮฺ


คำแปล R1.[/b]
8. (Some) hearts that Day will shake with fear and anxiety.
9. Their eyes cast down.
10. They say: "Shall we indeed be returned to (our) former state of life?
11. "Even after we are crumbled bones?"
12. They say: "It would in that case, be a return with loss!"
13. But only, it will be a single Zajrah [shout (i.e., the second blowing of the Trumpet)]. (See Verse 37:19).
14. When, behold, they find themselves over the earth alive after their death,


คำแปล R2.[/b]
8. ในวันนั้นบรรดาหัวใจจะมีแต่ความพรั่นพรึง
9. บรรดาดวงตาของพวกเขาละห้อย(ด้วยความเศร้าตรมและหมดอาลัยใยดี)
10. พวกเขากล่าวว่า “พวกเราจะถูกส่งคืนกลับสู่สภาพเดิม(ในโลกดุนยา)อีกกระนั้นหรือ?”
11. “(จะเป็นไปได้)หรือ? (ที่เราจะฟื้นสู่สภาพเดิมอีก)ก็ในเมื่อพวกเราได้กลายเป็นดินที่เน่าเปื่อยไปแล้ว
12. พวกเขากล่าวว่า “(ถ้าเป็นเช่น)นั้น ก็เป็นการกลับคืนอันขาดทุนโดยพลัน”
13. เพราะที่แท้จริงนั้นมันเป็นเพียงเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
14. แล้วพวกเหล่านั้นก็(ถูกให้ฟื้นขึ้น)บนพื้นดินโดยพลัน

คำแปล R3.[/b]
8. หัวใจบางดวงในวันนั้นจะสั่นสะท้านด้วยความกลัว
9. พวกเขาจะมองเห็นแต่สิ่งหวาดหวั่น
10. พวกเขากล่าวว่า “เราจะถูกทำให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกกระนั้นหรือ?”
11. อะไรกัน เมื่อเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุพังไปแล้วกระนั้นหรือ?
12. พวกเขากล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็เป็นการกลับไปที่ขาดทุนชัด ๆ”
13. ในขณะที่แค่ตะโกนเพียงครั้งเดียว
14. พวกเขาก็จะออกมาปรากฏในทุ่งโล่ง

คำแปล R4.[/b]
8. ในวันนั้นดวงจิตทั้งหลายจะตระหนก
9. สายตาของพวกเขาจะละห้อย
10. พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราจะถูกให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีกกระนั้นหรือ ?
11. เมื่อเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุแล้วกระนั้นหรือ ?
12. พวกเขากล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นการกลับไปที่ขาดทุน
13. ความจริงมันเป็นเพียงเสียงก้อนครั้งเดียวเท่านั้น
14. แล้วเมื่อนั้นพวกเขาก็จะออกมายังที่ราบโล่ง


คำแปล R5.[/b]
๘. หัวใจทั้งหลายในวันนั้นจะมีแต่ความประหวั่นอย่างสุดประมาณได้
๙. บรรดาสายตาของพวกเขาละห้อยอย่างสิ้นหวัง
๑๐. พวกเขากล่าวว่า พวกเรานี้จะถูกส่งคืนกลับเข้าไปสู่สภาพดั้งเดิมอีกกระนั้นหรือ คือสภาพมีชีวิตเหมือนในสากลโลก
๑๑. เมื่อพวกเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุเปื่อยไปแล้วกระนั้นหรือ ที่พวกเราจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
๑๒. พวกเขากล่าวว่า การกลับไปสู่สภาพเดิมนั้น ก็จะเป็นการกลับที่ขาดทุนโดยพลัน ถ้าเป็นความจริง
๑๓. ณ ที่จริงมันนั้นเป็นเสียงแผด เป่าสังข์เพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น ทุกคนก็ฟื้นขึ้นจากสุสานโดยทั่วถ้วน ไม่เหลือไว้เลย
๑๔. แล้วพวกเขาก็ปรากฏตัวอยู่บนพื้นดินทันใด ในสภาพมีชีวิตอย่างครบถ้วนเหมือนเดิมทุกประการ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 15 – 19

คำอ่าน[/b]
15. ฮัลอะตากะหะดีษุมูสา
16. อิซนาดาฮุร็อบบุฮู บิลวาดิลมุก็อดดะสิฏุวา
17. อิซฮับอิลาฟิรฺเอานะ อิน..นะฮูเฏาะฆอ
18. ฟะกุลฮัลละกะอิลาอัน..ตะซักกา
19. วะอะฮฺดิยะกะอิลาร็อบบิกะ ฟะตัคชา


คำแปล R1.[/b]
15. Has there come to you the story of Musa (Moses)?
16. When his Lord called him in the sacred valley of Tuwa,
17. Go to Fir'aun (Pharaoh), Verily, He has transgressed all bounds (in crimes, sins, polytheism, disbelief, etc.).
18. And say to him: "Would you purify yourself (from the sin of disbelief by becoming a believer)",
19. And that I guide you to your Lord, so you should fear Him?

คำแปล R2.[/b]
15. เรื่องราวของ(นบี)มูซาได้มาถึงเจ้าแล้ว(มิใช่)หรือ?
16. เมื่อครั้งองค์อภิบาลของเขาได้เรียกเขา ณ หุบเขาบริสุทธิ์ “ฏุวา”
17. (โดยพระองค์ตรัสว่า) “เจ้าจงไปยังฟิรเอาน์เถิด เพราะแท้จริงเขาได้ล่วงละเมิด”
18. แล้วเจ้าจงพูดเถิดว่า “ท่านปรารถนาเปลื้องมลทนด้วยตัวเองไหม?”
19. “และข้าจะชี้นำท่านไปยังองค์อภิบาลของท่าน แล้วท่านก็จะได้เกรงกลัว(พระองค์ในที่สุด ท่านจะเอาไหม?)”


คำแปล R3.[/b]
15. เรื่องราวของมูซาได้มาถึงเจ้าแล้วมิใช่หรือ?
16. จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้เรียกเขาในหุบเขาฏุวา
17. (โดยกล่าวว่า) “จงไปหาฟิรฺเอาน์ แท้จริงเขาได้กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนแล้ว”
18. ดังนั้นจงบอกเขาว่า “ท่านจะไปสู่แนวทางที่จะทำให้บริสุทธิ์ไหม?”
19. และฉันจะนำท่านไปยังพระผู้อภิบาลของท่าน ทั้งนี้เพื่อที่ท่านจะได้เกรงกลัว (พระองค์)


คำแปล R4.[/b]
15. เรื่องราวของมูซาได้มาถึงได้มาถึงเจ้าแล้วมิใช่หรือ ?
16. ขณะที่พระเจ้าของเขาทรงเรียกเขาที่หว่างหุบเขาฏวาอันบริสุทธิ์
17. เจ้าจงไปหาฟิรเอานฺ เพราะเขาละเมิดฝ่าฝืน
18. แล้วจงกล่าวว่า ท่านประสงค์จะซักฟอกไหม ?
19. และจะให้ฉันนำท่านไปสู่พระเจ้าของท่านไหม ? เพื่อท่านจะได้ยำเกรง


คำแปล R5.[/b]
๑๕. เรื่องของนบีมูซาได้รู้มาถึงเจ้าแล้วมิใช่หรือ โอ้มุฮำมัด
๑๖. เมื่อพระผ็อภิบาลของเขาได้เรียกเขา ณ หุบเขาบริสุทธิ์ ฏุวา บริเวณภูเขาซีนา เพื่อแต่งตั้งให้เขาเป็นศาสนทูต
๑๗. และพระองค์ทรงตรัสแก่เขาว่า เจ้าจงไปยังฟิรเอาน์เถิดเพราะแท้จริงเขาได้ก่อการละเมิดต่ออธิปไตยของประชาชนโดยเฉพาะพยายามกดขี่ชาวอิสรออีลให้เป็นทาส
๑๘. แล้วเจ้าจงกล่าวแก่พวกเขาว่า ท่านประสงค์ที่จะชำระตนให้สะอาดจากความบาปต่าง ๆ ที่ได้กระทำไว้ไหม
๑๙. และฉันจะชี้นำท่านไปสู่พระผู้อภิบาลของท่าน เพื่อท่านจะได้ยำเกรงพระองค์ แล้วเลิกละความทรกรรมและความผิดที่เคยกระทำไว้




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 20 – 24

คำอ่าน[/b]
20. ฟะอะรอฮุลอายะตัลกุบรอ
21. ฟะกัซซะบะวะอะศอ
22. ษุม..มะอัดบะเราะยัสอา
23. ฟะหะชะเราะ ฟะนาดา
24. ฟะกอละอะนะร็อบบุกุมุลอะอฺลา

คำแปล R1.[/b]
20. Then [Musa (Moses)] showed him the great sign (miracles).
21. But [Fir'aun (Pharaoh)] belied and disobeyed;
22. Then he turned his back, striving hard (against Allah).
23. Then he gathered his people and cried aloud,
24. Saying: "I am your Lord, Most high",


คำแปล R2.[/b]
20. แล้วเขา(นบีมูซา)ได้แสดงสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ให้เขา(ฟิรเอาน์)ได้มองเห็น
21. ต่อมาเขาก็ว่าเป็นความเท็จ และเขาฝ่าฝืน (คำสอนของนบีมูซา)
22. หลังจากนั้นเขาก็หันหลังให้ โดยมุ่งพากเพียร(ที่จะต่อต้านนบีมูซา)
23. ต่อมา เขาได้ชุมนุม(ผู้คน)แล้วเขาก็ประกาศ
24. โดยกล่าวว่า “ข้าเป็นพระเจ้าอันสูงส่งของพวกเจ้า”


คำแปล R3.[/b]
20. แล้วมูซา (ก็ได้ไปหาฟิรฺเอาน์และ) ได้แสดงให้เขาเห็นถึงสัญญาณอันยิ่งใหญ่
21. แต่เขากลับปฏิเสธและดื้อรั้น
22. หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปคิดแผนการ
23. และประกาศเรียกผู้คนมาชุมนุมกัน
24. แล้วเขาก็กล่าวว่า “ฉันเป็นพระเจ้าสูงสุดของพวกเจ้า”


คำแปล R4.[/b]
20. แล้วมูซาก็แสดงให้เขาเห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่
21. แต่เขาได้ปฏิเสธและดื้อรั้น
22. แล้วเขาก็ผินหลังกลับหนีออกไปอย่างเร็ว
23. แล้วเขาก็ได้เรียกชุมนุม แล้วประกาศออกไป
24. แล้วกล่าวว่า ฉันคือพระเจ้าสูงสุดของพวกท่าน


คำแปล R5.[/b]
๒๐. จากนั้นเขา(นบีมูซา) ก็ได้แสดงสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ให้เขา(ฟิรเอาน์)ได้เห็นอย่างประจักษ์แจ้ง จนไม่มีข้อหักล้างใด ๆ ทั้งสิ้น
๒๑. แต่แล้วเขาก็ใส่ไคล้ความเท็จแก่นบีมูซาและเขาได้ฝ่าฝืน ไม่ยอมปฏิบัติตามคำประกาศของนบีมูซา
๒๒. หลังจากนั้นเขาก็หันหลังให้ ไม่ยอมศรัทธากับนบีมูซา เขาพากเพียรทำความเสียหายยิ่งขึ้น
๒๓. แล้วเขาก็ชุมนุมนักวิทยากลทั้งหลายแล้วประกาศ
๒๔. โดยกล่าวว่า ข้าเป็นพระเจ้าผู้สูงสุดของพวกเจ้า ไม่มีใครเป็นพระเจ้านอกจากข้าเท่านั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 25 – 26

คำอ่าน
25. ฟะอะเคาะซะฮุลลอฮุนะกาลัลอาคิเราะติวัลอูลา
26. อิน..นะฟีซาลิกะละอิบเราะตัลลิมัย..ยัคชา

 คำแปล R1.
25. So Allah, seized him with punishment for his last [i.e. his saying: "I am your Lord, Most high") (See Verse 79:24)] and first [(i.e. his saying, "O chiefs! I know not that you have a God other than me" (See Verse 28:38)] transgression.
26. Verily, in this is an instructive admonition for Whosoever fears Allah.

คำแปล R2.
25. จากนั้นอัลเลาะฮฺก็จัดการลงโทษแก่เขาเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างทั้งในอนาคตและในอดีต
26. แท้จริง นั้นย่อมเป็นข้อวินิจฉัยสำหรับผู้เกรงกลัว



คำแปล R3.
25. ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ทำลายเขาเพื่อเป็นการลงโทษทั้งในโลกหน้าและโลกนี้
26. แท้จริงในนั้นมีบทเรียนสำหรับคนที่เกรงกลัว


คำแปล R4.
25. ดังนั้นอัลลอฮฺจึงคร่าเขาเป็นการลงโทษที่เป็นแบบอย่างทั้งในปรโลกและในโลก นี้
26. แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ยำเกรงของอัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๒๕. ดังนั้น อัลเลาะห์จึงลงโทษเขาเพราะความผิดครั้งหลังได้แก่ที่เขาพูดว่า ไม่มีผู้ใดเป็นพระเจ้านอกจากเขา และความผิดครั้งแรกได้แก่ความดื้อรั้นไม่ศรัทธาในคำประกาศของนบีมูซา
๒๖. แท้จริงในเรื่องที่เกี่ยวกับนบีมูซาและฟิรเอาน์นั้นย่อมเป็นข้อคิดสำหรับผู้เกรงกลัวอัลเลาะห์ได้นำมาให้ไตร่ตรอง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 27 – 33
 


คำอ่าน[/b]
27. อะอัน..ตุม อะชัดดุค็อลก็อน อะมิสสะมาอุ บะนาฮา
28. เราะฟะอะสัมกะฮา ฟะเสาวาฮา
29. วะอัฆเฏาะชะลัยละฮา วะอัคเราะญะดุหาฮา
30. วัลอัร์เฎาะบะอฺดะซาลิกะดะหาฮา
31. อัคเราะญะมินฮามา...อะฮา วะมัรฺอาฮา
32. วัลญิบาละอัรฺสาฮา
33. มะตาอัลละกุม วะลิอันอามิกุม


คำแปล R1.[/b]
27. Are you more difficult to create, or is the heaven that He constructed?
28. He raised its height, and He has equally ordered it,
29. Its night He covers with darkness, and its forenoon He brings out (with light).
30. And after that He spread the earth;
31. And brought forth there from its water and its pasture;
32. And the mountains He has fixed firmly;
33. (To be) a provision and benefit for you and your cattle.


คำแปล R2.[/b]
27. พวกเจ้ามีกำเนิด(ทางกายภาพ)ที่แข็งแรงกว่า หรือว่าฟากฟ้า (แข็งแรงกว่า) พระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งนั้นมา (ทั้ง ๆ ที่แข็งแรงกว่าพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าที่อ่อนแอกว่า ก็ยิ่งไม่มีข้อน่าสงสัยใด ๆ)
28. (การสร้างฟ้านั้น) พระองค์ได้ทรงยกส่วนหนา (อันประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ นับแต่ชั้นบรรยากาศจนถึงชั้นสุญญากาศ และสูงขึ้นไป) ให้สูง แล้วทรงจัดระบบของมันอย่างสมดุล
29. และทรงให้กลางคืนของมันมืด และให้กลางวันของมันออกมา(ด้วยแสงของดวงอาทิตย์)
30. และภายหลังจากนั้น ทรงแผ่แผ่นดินออกกว้าง
31. พระองค์ทรงบันดาลให้มีน้ำและทุ่ง(หญ้า)เลี้ยงสัตว์ได้(เจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์)ออกจากมัน
32. และพระองค์ทรงปักบรรดาภูเขาไว้อย่างมั่นคง
33. ทั้งนี้เพื่ออำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าและแก่บรรดาปศุสัตว์ของพวกเจ้า


คำแปล R3.[/b]
27. (มนุษย์เอ๋ย) สูเจ้าเป็นสิ่งที่ยากแก่การสร้างหรือชั้นฟ้า? พระองค์สร้างมันขึ้นมา
28. พระองค์ทรงยกมันให้สูงขึ้นและทำให้มันสมดุล
29. และได้ปกปิดกลางคืนของมันไว้และได้นำกลางวันของมันออกมา
30. หลังจากนั้นพระองค์ก็ทำให้แผ่นดินแผ่กว้างออกไป
31. จากในนั้น พระองค์ได้ทำให้น้ำและทุ่งหญ้าออกมาจากมัน
32. และได้ทรงให้มีภูเขาปักแน่นอยู่ในนั้น
33. เพื่อเป็นแหล่งปัจจัยสำหรับสูเจ้าและปศุสัตว์ของสูเจ้า

คำแปล R4.[/b]
27. พวกเจ้าลำบากยิ่งในการสร้างกระนั้นหรือ ? หรือว่าชั้นฟ้าที่พระองค์ทรงสร้างมัน !
28. พระองค์ทรงยกให้มันสูงขึ้นแล้วทรง ทำให้มันสมบูรณ์
29. และทรงทำให้กลางคืนของมันมืดทึบ และทรงทำให้ความสว่างของมันออกมา
30. และหลังจากนั้นทรงทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบเรียบ
31. ทรงให้ออกมาจากแผ่นดินเป็นน้ำของมัน และทุ่งหญ้าของมัน
32. ส่วนเทือกเขานั้นทรงทำให้มันมั่นคง
33. ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยยังชีพสำหรับพวกเจ้า และสำหรับปศุสัตว์ของพวกเจ้า


คำแปล R5.[/b]
๒๗. พวกเจ้านั้นเป็นสิ่งถูกบันดาลมาอย่างแข็งแรงกว่ากระนั้นหรือ หรือว่าฟากฟ้าที่พระองค์ได้สร้างขึ้นมาจะแข็งแรงกว่า
๒๘. การสร้างฟากฟ้านั้นพระองค์ได้ทรงยกความหนาแน่นของมันให้สูงขึ้น ประกอบด้วยชั้นต่าง ๆแล้วได้ทรงบันดาลความสมดุลแก่มันในระบบแห่งจักรภพ
๒๙. และพระองค์ทรงบันดาลให้กลางคืนของมันมืดสนิท และทรงทำให้เวลากลางวันของมันออกมาปรากฏด้วยการขึ้นมาโดยดวงตะวัน
๓๐. และพระองค์แผ่แผ่นดินออกให้เป็นพื้นราบ เพื่อเป็นที่อาศัยของสัตว์และมนุษย์ภายหลังจากนั้น
๓๑. พระองค์ทรงบันดาลให้น้ำของมันและทุ่งหญ้าของมันออกมาจากมัน เพื่อเป็นอาหารแก่สัตว์ทั้งปวง
๓๒. และพระองค์ทรงปักภูเขาต่าง ๆ ไว้ในแผ่นดิน
๓๓. ทั้งหมดที่ทรงสร้างมานั้นเพื่อเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าและปศุสัตว์ของพวกเจ้า




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 34 – 41

คำอ่าน

34. ฟะอิซาญา..อะติฏฏอม..มะตุลกุบรอ
35. เยามะยะตะซักกะรุลอิน..สานุมาสะอา
36. วะบุรฺริซะติลญะหีมุลิมัย..ยะรอ
37. ฟะอัม..มามัน..เฏาะฆอ
38. วะอาษะร็อลหะยาตัดดุนยา
39. ฟะอิน..นัลญะหีมะฮิยัลมะอ์วา
40. วะอัม..มามันคอฟะมะกอมะร็อบบิฮี วะนะฮัน..นัฟสะอะนิลฮะวา
41. ฟะอิน..นัลญัน..นะตะฮิยัลมะอ์วา


คำแปล R1.
34. But when there comes the greatest catastrophe (i.e. the Day of recompense, etc.),
35. The Day when man shall remember what he strove for,
36. And Hell-fire shall be made apparent in full view for (every) one who sees,
37. Then, for him who Tagha (transgressed All bounds, in disbelief, oppression and evil deeds of disobedience to Allah).
38. And preferred the life of this world (by following his evil desires and lusts),
39. Verily, his abode will be Hell-fire;
40. But as for him who feared standing before his Lord, and restrained himself from impure evil desires, and lusts.
41. Verily, Paradise will be his abode.


คำแปล R2.
34. ต่อมา เมื่อวิกฤติการอันยิ่งใหญ่ (วันกิยามะฮฺ)ได้อุบัติขึ้น
35. เป็นวันที่มนุษย์จะได้สำนึกถึงสิ่งที่ตนเคยพากเพียรไว้(แต่โลกก่อน)
36. และนรกอันลุกโชน ถูกเปิดเผยให้ประจักษ์ชัดแก่ผู้ที่มองเห็น
37. ส่วนผู้ที่ล่วงละเมิด
38. และเห็นชีวิตทางโลกนี้สำคัญกว่า(ชีวิตในโลกหน้า)
39. แน่นอนนรกอันลุกโชน ก็จะเป็นที่อยู่ (ของพวกเขา)
40. และส่วนผู้ที่กลัวการยืน (รับการสอบสวน) ขององค์อภิบาลของเขา (ในวันกิยามะฮฺ) และเขาหักห้ามอารมณ์ให้พ้นจากกิเลสได้
41. แน่นอนที่สุด สวรรค์ย่อมเป็นที่พำนัก (ของเขา)


คำแปล R3.
34. ดังนั้นเมื่อความหายนะอันมหันต์เกิดขึ้น
35. วันที่มนุษย์จะนึกถึงสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้
36. และนรกจะถูกเปิดให้แก่ทุกคนได้เห็น
37. ดังนั้นผู้ที่ฝ่าฝืน
38. และชอบชีวิตแห่งโลกนี้
39. นรกจะเป็นที่พำนักของเขา
40. สำหรับผู้ที่เกรงกลัวต่อการไปยืนอยู่เบื้องหน้าพระผู้อภิบาลของเขาและยับยั้งตัวเองจากอารมณ์ใฝ่ต่ำ
41. สวรรค์จะเป็นที่พำนักของเขา


คำแปล R4.

34. ดังนั้นเมื่อความหายนะอันใหญ่หลวงได้เกิดขึ้น
35. เป็นวันที่มนุษย์จะนึกถึงสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้
36. และนรกหรือเปลวไฟจะถูกเผยให้แก่ผู้ที่มองมัน
37. ส่วนผู้ที่ละเมิดฝ่าฝืนนั้น
38. และเขาได้เลือกเอาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
39. ดังนั้นนรกหรือเปลวไฟคือที่พำนักของเขา
40. และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องหน้าพระเจ้าของเขา และได้หน่วงเหนี่ยวจิตใจจากกิเลสต่ำ
41. ดังนั้นสวนสวรรค์ก็จะเป็นที่พำนักของเขา

คำแปล R5.
๓๔. ครั้นต่อมาเมื่อมีมหาภัยอันยิ่งใหญ่ได้อุบัติขึ้นในปรภพ ซึ่งมนุษย์จะพากันฟื้นคืนชีพออกจากความตาย รอการสอบสวน
๓๕. ในวันซึ่งมนุษย์จะพากันใคร่ครวญถึงสิ่งที่ตนได้พากเพียรไว้แต่อดีต
๓๖. และนรกอัลยะฮีมอันลุกโชนก็ถูกเปิดเผยให้ประจักษ์ชัดแก่สายตาของผู้ที่มองเห็น
๓๗. ดังนั้นผู้ที่ล่วงละเมิดบทบัญญัติของอัลเลาะห์และไม่ศรัทธา
๓๘. และเขาได้เห็นชีวิตโลกนี้เป็นสิ่งสำคัญกว่าชีวิตในโลกหน้า
๓๙. แน่นอนที่สุด นรกอัลยะฮีมอันลุกโชนนั้นย่อมเป็นที่อยู่ของเขา
๔๐. และส่วนผู้ที่กลัวตำแหน่งของพระผู้อภิบาลของเขา ที่พระองค์ทรงบัญชาการสอบสวนความประพฤติ และเขายับยั้งอารมณ์ของเขามิให้ตามกิเลสของตน
๔๑. แน่นอนที่สุดสวรรค์ก็เป็นของเขา



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อันนาซิอาต อายะฮฺที่ 42 – 46
 

คำอ่าน
42. ยัสอะลูนะกะอะนิสสาอะติ อัยยานะมุรฺสาฮา
43. ฟีมะอัน..ตะมิน..ซิกรอฮา
44. อิลาร็อบบิกะมุน..ตะฮาฮา
45. อิน..นะมา..อัน..ตะมุน..ซิรุมัย..ยัคชาฮา
46. กะอัน..นะฮุม เยามะยะร็อวฺนะฮา ลัมยัลบะษู..อิลลาอะชียะตัน เอาฎุหาฮา


คำแปล R1.
42. They ask you (O Muhammad) about the Hour, - when will be its appointed time?
43. You have no knowledge to say anything about it,
44. To your Lord belongs (the knowledge of) the term thereof?
45. You (O Muhammad) are only a Warner for those who fear it,
46. The Day they see it, (it will be) as if they had not tarried (in this world) except an afternoon or a morning.


คำแปล R2.
42. พวกเขาจะถามเจ้าถึงกาลปาวสานของโลก ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด?
43. เจ้าอยู่ในฐานะใดหรือ? ในการที่จะกล่าวถึงมัน
44. ความรู้อันเป็นข้อยุติของมันนั้น เป็นขององค์อภิบาลของเจ้า (แต่เพียงผู้เดียว)
45. อันที่จริง เจ้ามีหน้าที่เพียงผู้ประกาศเตือน แก่ผู้ที่กลัวมันเท่านั้น (แต่ไม่มีหน้าที่แจ้งกำหนดของมัน)
46. (วันกิยามะฮฺ)คล้ายกับว่าพวกเขา ในวันที่พวกเขามองเห็นมันนั้น พวกเขามิได้พักพิงอยู่ (ในโลกดุนยาด้วยเวลานานเท่าใดเลย) นอกจากเพียงชั่วยามเย็นหรือยามเช้าของมันเท่านั้นเอง


คำแปล R3.
42. พวกเขาถามเจ้าว่า “ยามนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด?”
43. มันไม่ใช่เจ้าที่จะไปบอกเวลาของมัน
44. ความรู้เรื่องนี้อยูที่อัลลอฮฺเท่านั้น
45. เจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนคนที่เกรงกลัวมัน
46. วันที่พวกเขาเห็นมัน พวกเขาจะหวั่นกลัวราวกับพวกเขาได้อยู่(ในโลกหรือในสภาพของความตาย) แค่เพียงตอนเย็นหรือตอนเช้าของวันหนึ่งเท่านั้น


คำแปล R4.
42. พวกเขาจะถามเจ้าถึงยามอวสาน (วันกิยามะฮฺ) ว่า เมื่อใดเล่ามันจะเกิดขึ้น ?
43. ด้วยเหตุอันใดเจ้าจึงชอบกล่าวถึงมันนัก ?
44. ยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้นคือวาระ
45. ความจริงเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ตักเตือนแก่คนที่หวาดหวั่นมัน (วันกิยามะฮฺ) เท่านั้น
46. วันที่พวกเขาจะเห็นมัน (วันกิยามะฮฺ) ประหนึ่งว่าพวกเขามิได้พำนักอยู่โลกนี้เว้นแต่เพียงชั่วครู่หนึ่งของยามเย็น และยามเช้าของมันเท่านั้น


คำแปล R5.

๔๒. พวกเขาจะสอบถามเจ้าถึงเรื่องกาลปวสานโลกว่าเมื่อใดมันจะอุบัติขึ้น
๔๓. เจ้าอยู่ในฐานะอะไรที่จะระบุถึงมันเพื่อตอบแทนพวกเขา เพราะเจ้าก็ไม่รู้ว่ามันจะอุบัติเมื่อใด นอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น
๔๔. อันพระผู้อภิบาลของเจ้าคือความรู้อันเป็นที่สุดของมัน ว่าจะอุบัติเมื่อใด
๔๕. ที่จริงแล้วเจ้าเป็นเพียงผู้ประกาศเตือนแก่บุคคลที่เกรงกลัวมันเท่านั้น แต่ไม่มีหน้าที่ตอบว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด
๔๖. ในวันปรภพที่พวกเขาเห็น ประหนึ่งว่าพวกเขามิได้มีชีวิตอยู่ในโลกดุนยาโลกนี้ นอกจากเพียงยามเย็นหรือยามเช้าเท่านั้น


صدق الله العظيم     (ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ)
จบสูเราะฮฺที่ 79 อันนาซิอาต
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 09:02 AM โดย webmaster »

 

GoogleTagged