ผู้เขียน หัวข้อ: ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิมชาวเขมรมา เก็บภาพมาฝากครับ  (อ่าน 4317 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ

 salam



ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://www.muslim2world.com/board/index.php?showtopic=62

ปล.ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ถ่ายจากกล้องมือถือ

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
  ดะวะห์วิถีมุสลิมแขมร์

ไม่ไกล แต่กว่าจะไปถึง!

เส้นทางหมายเลข 304 สู่กบินร์บุรี เลี้ยวขวาเข้าสระแก้ว แล้วหยุดพักที่มัสญิดสร้างใหม่ที่" ลาลาสาธิต" บอกว่าเป็นโครงสร้างในลีลาวัฒนานคร
แกงเผ็ดเนื้อฟักทองหอมกลิ่นเครื่องเทศ อาหารรับรองมื้อเที่ยงที่เจ้าบ้านจัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศกัมพูชา ด่านพรมแดนอรัญประเทศ  ตลาดโรงเกลือ ที่เลื่องลือ

สถานกงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ROYAL CONSULATE GENERAL OF CAMBODIA ตั้งอยู่บนฝั่งชายแดน ไทยเป็นที่ทำvisa ด้วยเงินอเมริกัน20ดอลล่าร์ บวกกับเงินไทยอีก 100บาท

เจ้าหน้าที่ด่านไทยถามว่า ช่วงนี้ทำไมเห็นคนไทยที่ใว้เคราและแต่งชุดแบบนี้ออกไปเขมรกันเป็นกลุ่มๆ

ด่านตรวจคนขาออกฝั่งไทยเต็มไปด้วยคนไทยและคนต่างชาติ แต่ที่มีมากเห็นจะเป็นคนไทย พอผ่านอออกไปสู่ประเทศกัมพูชา คนไทยกระจายออกไปขึ้นรถที่มาจอดรอรับ เป็นการบริการของบ่อนกาสิโน การพนันที่ถูกกฎมนุษย์แต่ผิดกฎพระเจ้า

พื้นที่ว่างระหว่างชายแดนไทยกับด่านตรวจคนเข้าเมืองเขมร ได้รับการพัฒนาด้วยอาคารที่ทันสมัย ผังเมืองที่เป็นระเบียบ สะอาด สมเป็นเมืองนอกจริงๆ……….ไม่ใช่บ้านนอกแบบฝั่งไทย

ชายแดนเขมรเต็มไปด้วยบ่อนกาสิโนที่นักลงทุนไทยร่วมทุนกับคนสิงคโปร์ แล้วร่วมกันสร้างฝันไห้เป็นจริง ให้สระแก้ว วัฒนานคร เป็นประตูแห่งดินแดนอาชญากรรมของประเทศไทย ที่เป็นบ้านเกิดของนักการเมืองคนเด่นในระบอบประชาธิปไตย
ตรงด่านคนเข้าเมืองเขมร มีเพียงฝรั่งตาสีฟ้า นุ่งขาสั้น ไม่ถึงสิบคน กับคนไทยที่ใว้เคราเก้าคนยื่นARRIVAL CARD และ DEPARTURE CARD

ยี่สิบวันเท่านั้นที่จะอนุญาตให้พักอยู่ในราชอาณาจักร กัมพูชา สำหรับคนไทยอย่างยู

ตื่นตาตื่นใจ เมื่อออกมายืนเปรียบเทียบระหว่างอาคารที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองของเขมรกับความโอ่อ่าของอาคารกาสิโน ต่างอยู่คนละขั่วสำนึกคิด

คนแขมร์ประเมินค่าคนไทยเพียงแค่บ่อนกาสิโน ด้วยคนไทยส่วนใหญ่ที่ไปเยี่ยมเขมรเป็นนักพนันมากกว่านักอนุรักษ์วัฒธรรม คิดถึงบ่อนมากกว่าแหล่งอายธรรมโลกโบราณ

คนแขมร์จึงได้แต่สัมผัสคนไทยที่ไร้สำนึกทางศีลธรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ ถึงตรงนี้ไม่แปลกใจที่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกแห่งความไม่ไว้วางใจ จนถึงกับทำลายทรัพย์สินของนักลงทุนไทย……

TOYOTA CAMRY  LE. พวงมาลัยซ้าย ไม่มีป้ายทะเบียนสีน้ำเงิน รถมือสองจากญี่ปุ่นในราคาไม่เกินหนึ่งแสนบาทไทย อยู่ในสภาพที่จะพิชิตเส้นทางแห่งความวิบาก ซึ่งเป็นสายหลักที่ติดต่อกันกับเมืองหลวงพนมเปญ

    ต่อรองกันที่สนนราคาสองร้อยบาท ด้วยกับราคาน้ำมันเบนซินลิตรละสามสิบแปดบาทกว่า  กับระยะทางประมาณสี่ร้อยกิโลเมตรที่ต้องใช้เวลาเดินทางกว่าห้าชั่วโมง

 กว่าจะออกจากด่านก็สามโมงเย็น นั่งวิบากไปตามถนนหลวงมาถึงศรีโสภนเป็นเวลากว่าสี่โมงเย็น พอห้าโมงเย็น รถได้มาแวะร้านขายอาหารคนจีนที่พระตะบอง พวกเราคนไทยดื่มกาแฟแก้เมื่อย ในขณะที่ทางร้านได้บริการอาหารเป็นข้าวแกงให้คนขับ  ร้านนี้ประดับด้วยตอไม้มะค่าแกะสลัก โต๊ะเก้าอี้มากกว่าสิบชุดทำด้วยไม้มะค่า ดูเหมือนว่าจะจัดไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าพนมเปญมาพักแวะ
เป็นเวลาทุ่มกว่าๆรถวิ่งมาถึงโพธิสัตย์ แล้ววิ่งเลยไปที่กำปงชนัง กำปงสะปรือ และพอเวลาสี่ทุ่ม รถก็วิ่งมาจอดที่มัสญิดอัลอะลา ที่มีความหมายว่าสูงส่ง ในตำบลเปรปรา เมืองหลวงที่มีชื่อว่า กรุงพนมเปญ

อาหารมื้อแรกในแดนเขมรตอนสี่ทุ่มครึ่ง แกงเนื้อ 3-4ชิ้นราดข้าว นั่ง3คนเป็นวงกินกันในถาด ย้อนนึกระหว่างทางที่ผ่านมามองเห็นชาวแขมร์ล้วนแล้วแต่ยากจน  …….อาหารมื้อนี้ยืนยันได้ ไม่อยากจะบอกว่า ความจริงแล้วแค่น้ำแกงข้นคลุกเครื่องเทศราดลงบนข้าวสวยที่มากกว่า 25% BROKEN.

หลับคืนแรกในแดนเขมร ญาติห่างๆเคยบอกให้ฟังว่าพวกคนใว้เครา ชอบเดินทางไปพักแรมตามมัสญิด ''เห็นนอนเกลือก นอนกลิ้ง ครั้นนิ่งก็หลับ แต่พอขยับก็แดก หิวกิน ง่วงนอน ร้อนอาบน้ำ"

มีผู้กล่าวว่า ออกดะวะฮ์เป็นยาขนานเอกของผู้สูงอายุ

หลังอาหารเช้า เดินทางไปที่ท่าอากาศยานพนมเปญรอรับอาวุโสจากอินเดียและไทย เพื่อเดินทางไปกำปงจาม ด้วย TOYOTA LANDCUCISE แวะพักระหว่างทางพร้อมอาหารมื้อเที่ยงที่ มัสญิดอัลเอี๊ยะซาน หมู่บ้านพุมระกา

ก่อนที่กลุ่มที่มีทั้งคน อินเดีย คนอียิปต์ คนฝรั่งเศส คนสิงค์โปร์ คนไทย คนเขมร จะจากท่าอากาศยานเพื่อเดินทาง ได้ยืนล้อมวงยกมือขอดุอาอ์....ภาพแขมร์จากชายแดนถึงสนามบิน เรื่องราวที่ทำให้"น้ำตา"ไหลอาบแก้ม....สงสารเขมร!

อาหารกลางวันมื้อนี้ จัดเตรียมจากฝั่งไทยเพื่อผู้อาวุโสทั้งไทยเทศ ด้วยกับข้าวหอมมะลิเรียงเม็ดสวย ลูกชิ้นผัดพริกแกงเครื่องเทศรสอร่อย ไก่นิกเก็ตชิ้นเขื่อง กะบาบเนื้อรสหรูสูตรอินเดีย พร้อมกับโรตีจิ้มแกงเนื้ออย่างดีของพี่น้องแขมร์ที่เตรียมใว้ต้อนรับเป็นการเฉพาะ ผลไม้ที่เป็นมะม่วงสุกหวาน กล้วยหอมเปลือกเขียว กาแฟร้อนใส่นม น้ำเย็นใส จากน้ำใจคนจน คนแขมร์....

บ่ายโมงครึ่ง เริ่มเดินทางต่อเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง"ภุมเตีร"  ระยะทางประมาณห้าสิบกิโลเมตร ถนนลูกรังที่คละคลุ้งด้วยฝุ่นหนา จับทับบนใบหน้าของผู้คนสองฝั่งทาง สร้างความรำคาญให้ผู้คนเดินทาง แม้จะนั่งในรถติดแอร์
ตกบ่ายสองโมงต้องเอารถลงเรือข้ามโขง และพอบ่ายสามโมง ก็มาถึงมัสญิดที่จัดนัดรวมตัวสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ "วิถีชีวิตอิสลาม"



ข้าวแขมร์ไม่เคยเต็มเม็ด

คนเขมรนั่งล้อมวงกินข้าวที่เตรียมมา มองลงไปที่วงเห็นปลาหวานต้มเค็มหั่นเป็นชิ้น วางรอบกองข้าวเป็นวงกลม ไข่เจียววางปะบนกลางกองข้าว เกลือเม็ด พริกแดง แตงกวา
บางวงเห็นปลาแห้งไม่ถึงสิบตัว และบางวงก็เป็นปลาต้มแถมด้วยมะม่วงสุกหั่นชิ้นบางๆเรียงวางไม่มากกว่าสิบชิ้น

..................เทข้าวเม็ดหักจากห่อใบตอง" ปลายข้าว"
พริกหั่น ซอยหอมแดง เกลือก้อน ผงชูรส เครื่องแกงอย่างดีคลุกเคล้าให้เข้ากัน..........

บรรจงเทใส่หม้อน้ำใสมีกลิ่นใอเปรี้ยวของสับปะรดผสมแตงกวาดอง ฝานเป็นชิ้นบางๆเห็นเนื้อใส และมะม่วงเปรี้ยวซอยเป็นชิ้นบางเรียว ประดับกลางกองผักบุ้งริมฝั่งโขงมีสีเขียวสดแซมด้วยเศษเนื้อติดใขมันลอยฟูฟ่องไปกับกองฟอง

หม้อดำ...........ขยับฟืนให้ไฟพัดโหมกระหน่ำ จนน้ำในหม้อเต้นระริกไหว

มือหยาบกร้านหยิบทับพีพลาสติกแกว่งไกวไปจนทั่วหม้อ.........รอน้ำเดือดอีกครั้งแล้วค่อยๆยกลงจากเตาที่ทำด้วยอิฐบล็อกสามก้อน
ตักทั้งน้ำทั้งเนื้อราดลงบนข้าวที่มีเพียงเสี้ยวเม็ด ซุปแขมร์กับข้าวจ้าวที่ไม่เคยเต็มเม็ดให้ใด้กินกัน

กินข้าวเพียงสองมื้อ ตอนสิบโมงเช้าและสี่โมงเย็น ส่วนอาหารเช้ากินขนมปังท่อนแข็งฝรั่งเศส ที่ต้องซื้อแป้งสาลีจากเมืองไทย
อาหารเช้าที่นำมาจัดเลี้ยงผู้มาเยือนเป็นขนมปังฝรั่งเศสเสริฟพร้อมยำปลากระป๋องจากฝั่งไทย ขนมซาลาเปาทอดกับขนมใข่หงษ์ที่สอดใส้ไม่เข้มข้นเท่าใข่หงษ์ใทยตามด้วยชาหวานไร้นม ผลไม้เป็นกล้วยหอมเปลือกเขียวที่มีรสปร่าเปรี้ยว

ชาวไทย ชาวแขมร์ ในฐานะผู้ศรัทธาต่างล้างมือทั้งสองพร้อมบ้วนปาก นั่งรออาหารวางที่พื้นพร้อมผ้าปูรอง นั่งล้อมวงในท่านั่งชันเข่าสูง จิ้มเกลือด้วยนิ้วนางขวาแตะที่ปลายลิ้น อาหารสำหรับสองพอกินได้ถึงสี่คน กินให้ใด้สามส่วนที่เป็นอาหาร น้ำและอากาศ กินเมื่อหิวอิ่มเมื่อนึกจะอร่อย ด้วยนมเปรี้ยว โรตี ไซตูน อินทผลัม

ในเขมรมีเรื่องเล่าที่สร้างให้เป็นมุมมองตามที่ใจปรารถนา....มองในแง่พัฒนา มุ่งมั่นจะให้เขมรไปเป็นอะไร?เมื่อหนึ่งบาทไมยเท่ากับร้อยเรียล

ใช้เงินหนึ่งแสนสองหมื่นเจ็ดพันเรียล เพื่อนั่งเรือโดยสารข้ามโขง ซ้อนมรถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวตลาดสด ซื้อก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใส่เศษเนื้อที่ไรัรส น้ำแข็งใสไสใส่น้ำหวาน น้ำอัดลมยี่ห้อของเขมร ได้ผ้าขาวม้าเขมรมาสองผืน" ให้คิดถึงเขมรแดง "

"ไม่เห็นผู้ชายเขมรใช้ผ้าขาวม้าพันคอเลย  "

คนแขมร์หน้าคล้ายคนไทย หรือคนไทยหน้าคล้ายคนแขมร์ ใครมาก่อนใคร?

มองย้อนนึกไปถึงคนในชุมชนบ้านครัว คนสี่แยกบ้านแขก คนพญาไท เลยไปถึงคนหนองจอก มีนบุรี คนชายแดนภาคใต้.......
สายพันธุ์เดียวกัน พูดทั้งภาษาจามและภาษาแขมร์

คนแขมร์กับคนไทย ไม่ต่างกัน มองไม่ออก แต่ถ้ารู้จักแยกแยะก็พอจะบอกใด้ว่า " คนแขมร์ไม่มีพุง คนไทยพุงโต "

คนแขมร์ไม่รักคนใทยเท่าคนมาเลย์ที่ไม่ใช่คนมลายูในฝั่งไทย

คนแขมร์รักคนสยาม.......ต่าวรอว่าเมื่อใดหนอ?" คนสยามจะแวะมาเยี่ยมมาเยือนชาวแขมร์เสียที "

แขมร์มุสลิมในกำปงจาม ต่างมีความรักและความผูกพันกับผู้มาเยือนจากฝั่งไทย ให้ความรักและความใว้วางใจ

ทุกสายตามองผู้มาเยือนด้วยสายตาแห่งความยกย่องในฐานะผู้อวุโสของชาวแขมร์

ชาวแขมร์ในกำปงจามมีความรักคนไทยด้วยเพราะต่างมีศรัทธาในหนึ่งเดียวกัน หวังดีต่อกันเสมอมา

เสียมเรียบ  จังหวัดที่ตั้งของอณาจักรขอมโบราณ อาณาจักรพระนคร มีปราสาทนครวัด เมืองนครธม เนื้อที่รวม 6,875ไร่ สุดยอดความมหัศจรรย์แห่งศิลปะเขมร อัญมณีแห่งศิลบะเขมร หนึ่งมหัศจรรย์เจ็ดอันดับแรกของโลก เป็นสัญลักษณ์แห่งเอกภาพที่สะท้อนถึงมรกดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ในอดีต ที่คนต่างชาติต่างพากันภูมิใจ ไปตั้งบ่อนกาสิโนติดชายแดนไทย สำหรับชาวแขมร์ในวันนี้ ได้เพียงแค่เป็นอดีตของอณาจักรเขมรโบราณ "เป็นตัวเอกนวนิยายโลก  "

ราชมรรคา ROYAL ROAD ถนนสร้างเป็นตาข่ายครอบคุมเส้นทางในอณัติของอาณาจักรพระนคร ที่ไทยสมัยสุโขทัยใช้เส้นทางนี้รับอิทธิพลเขมร และในช่วงศตรวรรษที่14-15อาณาจักรอยุธยาของชาวสยามใช้เส้นทางนี้นำทหารหลายหมื่นนาย เข้าโจมตีนครนครธม ใจกลางของอณาจักรพระนคร หมดสภาพการเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจจนล่มสลายกลายเป็นตำนานแห่งความปวดร้าว เงียบหายไปสองร้อยกว่าปี ในช่วงนี้เขมรไม่อยู่กับไทยก็อยู่กับเวียดนามและท้ายสุดก็เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส

สุโขทัยถือเป็นศูนย์กลางในระดับภูมิภาคที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ของอณาจักรพระนคร มีอำนาจเหนือเมืองพิมายในที่ราบสูงภาคตะวันเฉียงเหนือของไทย สู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและอาณาจักรบริเวณเมืองลพบุรี

ศิลปะและสถาปัตยกรรมของอาณาจักรอยุธยาได้ผสมผสานวัฒธรรมจากแหล่งต่างๆมีทั้งละโว้ ลพบุรี เขมร สุโขทัย พม่าและมอญ
อาณาจักรพระนครและระบบชลประทานอันเยี่ยมยอด ที่เกื้อกูลอาณาจักรโบราณแห่งนี้  เริ่มเสื่อมถอยด้วยเพราะผู้คนต่างไร้ซึ่งจิตวิญญาน
นโยบายLONG STAY กัมพูชาสร้างโรงแรมระดับห้าดาวในจังหวัดเสียมเรียบ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชั้นหนึ่งจากยุโรป ไม่ใช่กุ้ยยิวอเมริกันตามตรอกซอยถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ

ไทยมีใจแบ่งปันสร้างถนนชายแดนไทยถึงเสียมเรียบให้นักท่องเที่ยวที่พักในไทยได้ไปกลับกัมพูชา-ประเทศไทยในวันเดียวกัน..........ใครจะไปยอม... ANGKOR!

คัดลอกจากหนังสือ คนขายเครา หน้า 105-117
มีต่อ
เมืองที่ไร้ทางเท้า
เรือที่ไร้ท่า
มัสญิดที่ไร้ธรณี
พัดแขมร์กับการเผยแผ่อิสลาม


ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ

 
เมืองที่ใร้ทางเท้า
เรือที่ไรัท่า
มัสยิดที่ไร้ธรณี
 



  เส้นทางหลวงจากชายแดนไทยสู่เมืองหลวง รถวิ่งสวนกันด้วยสภาพแห่งความวิบากสลับกับสภาพดีๆให้เห็นเป็นระยะ.......

พวงมาลัยซ้าย ขับชิดขวา กับผู้คนที่จำเป็นต้องนิยมมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานสองล้อ รถม้าเทียมเกวียน รถไถนา ที่ต่างคนก็ใช้เส้นทางตามสภาพแห่งอารมณ์ตน บีบแตรดังๆกันตลอดทาง

บ้านเรือนไม้สลับอิฐ ปลูกเรียงถี่ห่างตามเส้นทาง บ้านที่ไม่มีนอกชาน บ้านใต้ถุนสูงที่ให้บันไดเป็นความต่างของฐานะ

ชุมชนที่มีตลาดสด แผงที่ผื้นดิน มีกองขยะที่ถมทับน้ำมันเบนซินในขวดเเป๊ปซี่ นำแข็งก้อนที่กองกับพื้นดิน

รักชาติด้วยการปักธงชาติใว้หน้าบ้าน ที่ให้ต้นตาลเป็นต้นไม้ประจำชาติ ป้ายปักเป็นระยะตลอดทุกเส้นทางที่รถผ่านอ่านจนจำขึ้นใจ

CAMBODIAN PECPLE'S PARTY"

รถชะลอความเร็ว หลบหลุมใหญ่กลางถนนตรงที่ป้ายปัก มีม้าลากรถ คนแขมร์ยืนฟาดแส้เร่งควบม้าให้แซงรถ ได้เห็น " ยิ้มแบบแขมร์"

ถนนที่ไม่มีเส้นแบ่ง ไม่มีไหล่ถนน ไม่เห็นหลักปักบอกกิโล ไม่เห็นเสาไฟฟ้า แต่เห็นเสาทีวีบนหลังคาบ้าน เห็นร้านค้ามีแบตเตอรี่เก่าตั้งเต็มร้าน..............

ถนนลูกรังริมฝั่งโขง ทอดตัวสู่ท่าเรือเฟอรี่ ท่าเรือเป็นไปตามสภาพฟดูกาล ทำให้นึกย้อนถึงความขัดแย้งทางความคิดของคนเขมรที่ดูเหมือนจะยังไม่จางหาย

สภาพท่าเรือเฟอรี่ข้ามโขง ให้นึกย้อนเห็นการต่อสู้ทางความคิด สู้ความขัดแย้ง การช่วงชิง การเข่นฆ่าและการสู้รบที่เป็นศึกภายในที่ยืดเยื้อส่งถึงวิถีชีวิตแขมร์ในวันนี้

เรือไม้บรรทุกรถยนต์ได้สองคันพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ได้นับสิบ กับผู้คนทั้งชาวไทยชาวแขมร์ได้กว่ายี่สิบ ที่มองหามาตรฐานแห่งคุณภาพไม่พบ.......ระบบรักษาความปลอดภัยจึงเป็นเอกเทศขึ้นอยู่กับพื้นหลังประสบการณ์ของผู้ที่โดยสารเป็นสำคัญ

เรือไม้บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ที่นับวันคนแขมร์ต้องรักษาสุดชีวิต......

คงมีสักวันที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้แขมร์ยิงตัวตาย เพราะปวดร้าวกับการบุกรุกผืนป่าของนายทุนต่างชาติที่มีสัญชาติไทย....

เหมือนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไทยยิงตัวตาย เพราะปวดร้าวกับการบุกรุกของคนไทยเชื้อสายจีน

สองฝั่งโขง วิถีริมฝั่ง ความแปรปรวนของสายน้ำ เกาะกลางโขง เมฆ ผืนดินใต้ของ ตลาดริมโขง กำปงจาม ศาสนา ล้วนแตเป็นองค์ประกอบแห่งการพัฒนาที่ต้องคิดคำนึง

เรือบรรทุกรถข้ามลำน้ำโขง ทำจากไม้เนื้อแข็ง FERRY DOMESTIC CAMBODIA เรือข้าามฟากจากภูมิปัญญาของชาวแขมร์ เป็นหัวใจแห่งการสัญจรของผู้คนสองฝั่งโขงที่เรียบง่าย

ไม่ต้องให้รายละเอียดแห่งการรักษาความปลอดภัย ถ้ามีภัยกลางโขง.......สำหรับผู้โดยสารอย่างคนไทย......ที่ไม่มีชาติไหนจะได้มีโอกาสเช่นชาตินี้

กลางสายน้ำโขงในหน้าร้อน ริมฝั่งเป็นชายหาดสวยแตกต่างจากเกาะกลางทะเลฝั่งอันดามัน เสเน่ห์ของชายฝั่งโขงให้อารมณ์แห่งการต่อสู้
ถ้าตั้งรีสอร์ทได้และถ้าจัดงานคืนบลูมูนได้ UNSEEN CAMBODIAN ทีเดียว

สายน้ำที่สร้างตลิ่งให้สูงชัน บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนที่เต็มไปด้วยความแปรปรวนของกระแสน้ำ.........

โขงลดจนเห็นตลิ่งเป็นผ่าชัน  เห็นผืนดินใต้โขงเป็นเนินราบจนกว้างใหญ่สุดสายตา แซมด้วยเวิ้งน้ำที่ยังลดไม่สุดพื้ดิน
วังวนแห่งท้องน้ำ สู่ตำนานริมฝั่งโขง

ผิวน้ำโขงมองไม่เห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยเหมือนสายน้ำเจ้าพระยา สายน้ำโขงสร้างอารมณ์แห่งความช่วงชิงที่เต็มไปด้วยความรุนแรง

ยามอาทิตร์ตกดินเห็นภูเขาเมฆสีดำก่อตัวสูงเสียดฟ้า เร่งสร้างความร้อนและความอบอ้าวคละคลุ้งไปทั่วลานหาดริมฝั่งโขงจนเหงื่อไคลรินไหลไปทั่วทั้งไบหน้าที่กร้านชีวิต

วิถีที่มีแต่ฟ้าแรงแดด เม็ดเหงื่อสร้างความเหนียวเหนอะหนะ......ข่มตาให้หลับเพื่อได้คลายไอร้อน ขอเพียงแต่ลมพัดเอื่อยๆผิวหนังที่ชุ่มเหงื่อ......เป็นความเย็นที่ CLASSIC จริงๆ

สายโขงกับริมฝั่งที่พรั่งพรูด้วยกลุ่มผู้ศรัทธาอย่างแรงกล้า เรือหยุดกลางเกาะ กลุ่มคนต่างทยอยขึ้นจากเรือสู่ฝั่ง
ผืนทรายริมฝั่งโขงเป็นเนินน้ำตาลให้เขาเหล่านั้น วักน้ำมาชะโลมหน้าแขนขา ทำความสะอาด แล้วพร้อมใจกันยืนเรียงเป็นแนวแถว ก้มกราบให้หน้าผากแนบแอบชิดผืนทราย ด้วยกับความมั่นใจในพระเจ้าเสมอมา

ภาพชาวแขมร์ เกาะกลางลำน้ำโขง ต่างภักดีต่อพระเจ้าไม่นานเขาเหล่านั้นก็ต่างลงเรือวิ่งสวนกระแสโขงขึ้นไปตามแรงศัทธา

                                                                         "  มีพลังอำนาจเบื้องบนคุ้มครองแขมร์"
 


ที่มา: หนังสือ คนขายเครา  

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
  พัดแขมร์กับการเผยแผ่อิสลาม 
 
คนแขมร์โบกพัดที่ทำด้วยกระดาษแปะโครงไม้ไผ่ในราคาสองบาทไทย สร้างความเย็นกายในพื้นที่ที่มีการรวมตัวเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่

" วิถีอิสลามภายใต้ธรรมนูญชีวิต "

สร้างสิ่งเสียสละอันยิ่งใหญ่ เพื่อความปรารถนาของท่านศาสดาสุดท้าย ให้ประชาชาติของท่าน " ทำงานศาสดา "

คนแขมร์พยายามที่จะเข้าไปมีส่วมร่วมกับการสร้างบรรยากาศในการร่วมตัว เพื่อให้เกิดการเสียสละทรัพย์สิน เรือนร่างและเวลาของตนออกไปในหนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้า

คนแขมร์ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า " เราชาวแขมร์ขอร่วมตัวกันเพื่ออัลลอฮ์ ตะอาลา และผู้เป็นศาสดาสุดท้ายแห่งพระองค์ "

คนแขร์กำหนดเป้าหมายการใช้ชีวิตในโลกนี้ เพื่ออัลลอฮ์ ตะอาลา คนแขมร์ตระหนักเห็นถึงมวลเหล่าซอฮาบะฮ์ที่อัลลอฮ์ ตะอาลา ให้เขาได้รับความสำเร็จในศึกสงครามบาดัร ด้วยเพราะเขาเหล่านั้นต่างมี " มุมมองเดียวกัน "

คนแขมร์ทุ่มเทไปกับการเสียสละในงานศาสดา เพื่อจะสนองตอบความต้องการที่จะผูกพันกับความเมตตาของอัลลอฮ์ ตะอาลา

คนแขมร์มีหัวใจมุ่งมั่นประกาศความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ ตะอาลา ทุกถ้อยคำภาษาที่กล่าว พระองค์ทรงพร้อมการตอบรับ

ยามใดที่ชาวแขมร์ลุ่มหลงต่อโลก อัลลอฮ์ ตะอาลา ให้ความตกต่ำและไร้เกียรติ ดั่งอดีตกาล

หัวใจคนแขมร์เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่แห่งอัลลอฮ์ ตะอาลา เพราะการเสียสละออกไปในหนทางแห่งพระองค์ ไม่ยอมให้ความยิ่งใหญ่ของสิ่งอื่นใดมาแทนที่ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ จนเป็นความเชื่อมั่นที่เกอดขึ้นในทุกดวงใจของชาวแขมร์ผู้ศรัทธา

ชาวแขมร์มีศรัทธาที่แท้จริง เพราะเขาเหล่านั้นมีความมั่นใจและเชื่อในสิ่งที่อัลลอฮ์ ตะอาลา ได้ทรงบอกใว้

" สายตามองเห็น สวนทางกับความเชื่อมั่นที่เป็นคำบอกกล่าวของอัลลอฮ์ ตะอาลา "

เสียสละเพื่อแสวงหาอีมานโดยยากีนกับคำสั่งและแบบอย่างของท่านศาสดา มั่นใจต่ออัลลอฮ์ แล้วจะได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ชาวแขมร์กำหนดเป้าหมายการร่วมตัวครั้งนี้เพื่อสร้างเป็นกระบวนการทางความคิด แสวงหาความสำเร็จ

ชาวแขมร์ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่พยายามที่จะใช้ความคิดเพียงเพื่อสำเร็จในโลกนี้เท่านั้น

สำหรับโลกหน้า ชีวิตหลังความตาย ชาวแขมร์ต่างใช้ความคิดเพื่อให้เกิดเป็นความพยายามที่จะได้รับความสำเร็จและสิ่งนั้นก็คือ "ศาสนา"
ด้วยกับอัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงปรารถนาให้ชาวแขมร์ทุกคนได้รับความพยายาม แล้วพระองค์ก็ทรงสัญญาว่าจะให้คนแขมร์ได้รับทางนำ ซึ่งจะเป็นแนวทางแห่งความสำเร็จที่แท้จริง

ชาวแขมร์ต่างเรียกร้องให้กลุ่มชนของเขาได้รักษาพันธสัญญาที่อัลลอฮ์  ตะอาลา ได้ทรงเรียกร้องให้ศรัทธาได้ใช้ความพยายามรักษาพันธสัญญาทั้งสี่ อันได้แก่การภักดีต่ออัลลอฮ์ การดำรงชีพในรูปแบบของท่านศาสดาสุดท้าย การมุ่งมั่นทำความดีต่อตนเองและต่อ
สังคม

ชาวแขมร์รวมตัวกันเพื่อใช้ความพยายามที่จะให้ความคิดของเขามุ่งเรียกร้องความยิ่งใหญ่แห่งอัลลอฮ์ ตะอาลา แทนความยิ่งใหญ่แห่งโลกวัตถุ เพราะความคิดที่เกี่ยวกับวัตถุ เป็นความคิดที่ยังแต่จะสร้างสิ่งเสียหาย

ชาวแขมร์ตระหนักเสมอว่า ความคิดที่มุ่งเรียกร้องมนุษย์ได้รู้จักอัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นความคิดที่ถูกทิศถูกทาง

ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทุกเสียงเรียกร้องให้มนุษย์ได้รู้จักความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ จึงเป็นการดะวะฮ์ให้รู้จักพลังอำนาจ สร้างเป็นความเชื่อมั่นในความยิ่งใหญ่ของพระองค์เหนือทุกสรรพสิ่งทั้งมวล

ชาวแขมร์ได้บอกกล่าวให้กลุ่มชนของตนเข้าใจถึงการที่ อัลลอฮ์ ตะอาลา ส่งเหล่าบรรดาอัมบียะฮ์และรอซูลพร้อมคำภีร์ลงมาประกาศให้มวลมนุษย์ชาติได้รู้จักความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่ทรงสร้างมนุษย์มาด้วยความสดสวยงดงาม ทรงให้ความเมตตา และอัล-กรุอานคำภีร์เล่มสุดท้าย เนื้อหาเป็นการดะวะฮ์มนุษย์ให้รู้จักพระองค์

ชาวแขมร์ทำการดะวะฮ์อีมานสำหรับผู้ที่เป็นมุสลิม และดะวะฮ์อิสลามสำหรับผู้ที่มิใช่มุสลิม นับเป็นภารกิจแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

ชาวแขมร์ทำการดะวะฮ์ถึงความยิ่งใหย่ของอัลลอฮ์ ตะอาลา เพื่อให้ความยิ่งของพระองค์เข้าสู่หัวใจ

หัวใจที่มีความเกรงกลัว อัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นรากฐานการมุ่งสู่ความดีงาม มีความคิดเพื่อแสวงหาความเมตตาจากพระองค์ ภายใต้การเคลื่อนไหวขององค์ประกอบต่างๆในรูปแบบ ที่ท่านศาสดาสุดท้ายได้พูด ได้ปฏิบัติและให้ความเห็นชอบเมื่อหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ชาวแขมร์เรียกร้องให้มวลมนุษยชาติได้ออกไปแสวงหาอีหม่าม ด้วยการเรียนรู้อิสลามภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นมัสญิด บ้านของอัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นเวลาถึงสี่เดือนในทุกปี

เขาต่างตอกย้ำให้กลุ่มชน ชุมชน สังคมและประเทศชาติคน มุ่งเข้าสู่การงานของท่านศาสดาสุดท้าย ซึ่งจะได้รับการยกย่อง และได้รับเกียรติจาก อัลลอฮ์ ตะอาลา

เขาต่างมุ่งเน้นให้กลุ่มชนของเขาได้ทำการเสียสละทรัพย์สิน เรือนร่างและเวลาให้หมดไปกับการทำงานของศาสดา ซึ่งอัลลอฮ์ ตะอาลา จะทรงให้ความรักและทรงให้เกียรติอย่างสูงส่ง

อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงเลือกชาวแขมร์ให้ทำงานศาสนาบนหน้าแผ่นดิน

อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงสั่งชาวแขมร์มาบนหน้าแผ่นดินเพื่อประกาศให้ชาวโลกได้กราบไหว้พระองค์แทนสิ่งที่ถูกสร้าง ให้ผู้คนพ้นพันธนาการจากบ่าวของพระองค์ไปสู่พระองค์

ชาวแขมร์ได้รับการขัดเกลาด้วยกับงานดะวะฮ์ เพราะพระองค์ประสงค์ให้ชาวแขมร์ได้สวรรค์ของพระองค์

พระองค์ทรงเรียกร้องให้มนุษย์ได้เข้าสู่สวรรค์ พระองค์จึงเป็นผู้ทรงเรียกร้อง ผู้ที่งานดะวะฮ์จึงทำงานของ อัลลอฮ์ ตะอาลา ด้วยกับการเรียกร้องให้มนุษย์เข้าสู่พระพักตร์ของพระองค์

สถานภาพแห่งการเป็นดาอี อัลลอฮ์ ตะอาลา จะทรงให้ฮิดายัตแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง

พ่อค้าที่ดาอี การค้าขายของเขาเป็น " อัสบาบฮิดายัต "

เกษตรที่เป็นดาอี  การเพาะปลูกของเขาเป็น " อัสบาบฮิดายัต "

ลูกจ้างที่เป็นดาอี  การบริหารงานของเขาเป็น " อัสบาบฮิดายัต "

ข้าราชการที่เป็นดาอี  การรับราชการของเขาเป็น " อัสบาบฮิดายัต "

นายจ้างที่เป็นดาอี  การจ้างงานและข้อตกลงของเขาเป็น " อัสบาบฮิดายัต "

คหบดีที่เป็นดาอี  หลักทรัพย์ของเขาเป็น" อัสบาบฮิดายัต "

ผู้ปกครองที่เป็นดาอี  การตัดสินของเขาเป็น" อัสบาบฮิดายัต "

ท่านนบีสุดท้าย ได้ปลูกฝั่งยากีนให้กับมวลเหล่าซอฮาบะฮ์

ซอฮาบะฮ์ เรียนอีหม่ามในนครมักกะฮ์เป็นเวลาถึงสิบสามปี เขาต่างยืนหยัดบนความอดทน

ซอฮาบะฮ์ เรียนอีหม่ามด้วยกับการทำดะวะฮ์ โดยมีสวรรค์เป็นเป้าหมาย ซึ่งจะผ่านชีวิตหลังความตาย สภาพในวันโลกหน้า และวันแห่งการถูกสอบสวน

"ยากีนจะเกิดขึ้นได้จากงานดะวะฮ์"

มุสลิมมีอีหม่ามที่อ่อนแอ สนามแห่งการเรียนอีหม่ามชั้นสูงคือการทำงานดะวะฮ์ อิลัลลอฮ์

ประวัติศาสตร์สร้างบทเรียนแห่งการเรียนรู้ อุทาหรณ์แห่ง"สงครามบะดัร"ให้ชาวแขมร์ได้รู้ถึงพลังอำนาจแห่งความช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้งลับ ส่วนสำหรับ "สงครามอุฮูด" บ่งบอกให้เป็นอุทาหรณ์แก่ชาวแขมร์ ที่ได้ละทิ้งซุนนะห์ของท่านนบีมูฮัมหมัด ซ.ล
บนส่งท้ายที่คนแขมร์ได้บอกเล่าแก่กลุ่มชนของตนในวาระแห่งการรวมตัวครั้งนี้ว่า โลกถูกสร้างมาเพื่อมนุษย์ สร้างมนุษย์มาเพื่อโลกหน้า จงลำบากเพื่อศาสนา พยายามเพื่อศาสนา

มนุษย์ไม่มีความพยายามและลำบากกับศาสนา มนุษย์จึงมีค่าต่ำกว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง
มนุษย์มีสภาพดุจดังสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ไม่สนใจในความเป็นมนุษย์ เหมือนสัตว์เดรัจฉานมันต่างก็ไม่สนซึ่งกันและกัน
พลังอำนาจแห่งพระองค์ถูกซ่อนใว้ในสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง อันเป็นเหตุให้มนุษย์เข้าใจว่ามันเป็นลักษณะของสิ่งนั้น แต่แท้จริงเป็นการกำหนดของพระองค์

เราต้องเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงสร้างแล้วให้พลังอำนาจอยู่ในตัวมัน เราต้องมีหัวใจที่มุ่งมั่นต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา มิใช่มุ่งมั่นในสิ่งที่ถูกสร้าง
เราต้องทำงานศาสนาบนพื้นฐานแห่งความเชื่อมั่น งานดะวะฮ์เป็นงานแห่งการแปลี่ยนแปลง อัลลอฮ์ ตะอาลาทรงพอใจต่อความตั้งใจของเราเสมอ

พันธสัญญาตามที่กล่าว " ขอมีเพียงพระองค์" ยอมรับแห่งความเป็น" พระผู้เป็นเจ้า"แห่งพระองค์

พระนามของพระองค์ "อัลลอฮ์ ตะอาลา " ตระหนักชัดถึงความเป็นผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงปกปักรักษา ผู้ทรงได้ยินและผู้ทรงเห็น
สำนึกในทุกขณะว่า ทุกการกระทำ ทุกความคิด ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  พระองค์ทรงได้ยิน ทรงเห็น ทรงเฝ้าจับตามองและทรงให้มีการบันทึก

ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงให้" นัฟซู"ติดตัวมากับบ่าวที่พระองค์ทรงสร้าง ดังนั้นการชำระล้างความสะอาดทั่วงทั้งเรือนร่างและจิตวิญญาณ เป็นภาระของผู้ศรัทธาในพันธสัญญา

"วิถีชีวิตแบบอิสลาม "กลีบดอกไม้แห่งคำสอนของอิสลามเป็นสิ่งที่ต้องค้นหา!

อัลลอฮ์ ตะอาลา  เป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างจักรวาล พระองค์สัญญาว่า" ผู้ศรัทธาเท่านั้นจะเป็นตัวแทนสืบช่วงบนหน้าแผ่นดิน"
พระองค์ทรงยืนยันในการเป็นผู้ได้รับชัยชนะเหนือบรรดาผู้ไม่ศรัทธา พระองค์จะให้ความช่วยเหลือ พระองค์ทรวสัญญาว่าจะรักษาเกียรติและให้มีอำนาจเหนือผู้อื่น

" พลังอำนาจเป็นของ อัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นของศาสดาสุดท้ายและสำหรับผู้ศรัทธา"

" เจ้าอย่าเพิ่งท้อแท้และเสียใจ เจ้าเป็นผู้สูงส่งยิ่งหากเจ้านั้นศรัทธา หน้าที่ของเราคือผู้ให้การช่วยเหลือแก่ผู้ศรัทธา"

ด้วยมั่นคงในศรัทธา พระองค์สัญญาจะให้เป็นตัวแทนบนหน้าแผ่นดิน พร้อมยืนยันจะให้ชัยชนะด้วยกับการให้ความช่วยเหลือด้วยกับการให้การรักษา ความมีเกียรติ มีอำนาจ ขออย่าท้อแท้และสิ้นหวัง

KHMER PEOPLE.
ประชาชาวแขมร์

"แขมร์วิถี " ในสังคมเกษตรกรรม ต้องระวังการย่างก้าวสู่สังคมอุตสาหกรรม ไม่ใช่เครื่องชี้วัดความก้าวหน้าและความมั่นคงในประเทศ ซึ่งผสมผสานไปพร้อมกับสังคมเทคโนโลยี

วิถีแขมร์รากหญ้ามีแต่ฟ้าแรงแดด แต่ต่อจากนี้ไปจะเป็นสังคม" ศรัทธาวิถี"

ปัญญาถูกควบคุมด้วยแรงศรัทธา สู่การสร้าง " ศรัทธาสังคม"สังคมที่ผู้คนใช้ศาสดานำหน้าการดำเนินชีวิต.....สังคมแห่งผู้มีศรัทธา

คนแขมร์จะอยู่ในแนวหน้าของความเจริญทั้งทางด้านจิตใจ ศิลธรรมและการอยู่ดีมีสุข ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในโลกไร้พรหมแดนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เพราะปรัชญาการดำเนินชีวิตของคนในสังคมให้คุณค่าของศีลธรรมสูงกว่าคุณค่าของปัจจัยวัตถุ ทรัพย์สินเงินทองและความอยู่รอด
คนแขมร์คนมีศาสนา เจ้าของอารยธรรมโบราณที่มีอิทธิพลเหนือผืนแผ่นดินสยาม

คนแขมร์มีสายโลหิตเดียวกันกับคนไทย นับแต่นี้ต่อไปจะไม่มีคำว่า "พรมแดน" เพราะต่างมี "วิถีอิสลาม" ภายใต้อุดมการณ์ที่มี อัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นเป้าหมาย มีแบบอย่างของท่านศาสดาสุดท้ายมี อัล-กุรอาน เป็นธรรมนูญชีวิต มีการญิฮาดเป็นแนวทาง มีความเสียสละในหนทางของอัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นความใฝ่ฝันอันสูงส่ง
 


ที่มา: หนังสือ คนขายเครา  

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
ขอบคุณครับ เพิ่งรู้ว่าที่เขมรก็มีมุสลิม :o :o :o
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ มาลิกกุ๊กกิ๊ก

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 451
  • เพศ: ชาย
  • คนความรู้น้อย
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
เคยดุรายการตอนรอมฎอนอ่ะ มี รร ฮาฟซด้วย

เจ๋งดี

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
salam
ขอบคุณครับ เพิ่งรู้ว่าที่เขมรก็มีมุสลิม :o :o :o


เด็กมุสลิมเขมรเข้ามาเรียนปอเนาะแถวสามจังหวัดภาคใต้เยอะเหมือนกัน
แต่งงานกับคนไทยก็เยอะ (พ่อตายกลูกสาวให้ แบบว่า เป็นเด็กฮาฟิซ ท่องจำอัลกุรอาน จบอาเหล่มอ่ะ)
มุสลิมเขมรที่มัรกัสยะลา อ่านอัลกุรอานได้ไพเราะ หลายคน  myGreat:
 

ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ


เดือนเมษานี้จะมีโยรที่ภุมเตรียอีกครั้งนะครับ ใครจะไปเตรียมตัวได้

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
สงสัยต้องหาเวลาไปบ้างแล้ว
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ

<a href="http://www.muslim2world.com/p.swf" target="_blank" class="new_win">http://www.muslim2world.com/p.swf</a>

การกูซารีอิจญติมะอฺภุมเตรีย วันที่ 23-25 เม.ย. 53

ประชากรมุสลิมประเทศเขมรมีประมาณเจ็ดแสนคน มีมัสยิด และสุเหร่า(บะแล) ประมาณ 600  อิจญติมะอฺภุมเตรียครั้งนี้มีผู้ที่มาร่วมโยรทั้งหมดประมาณ 40,000 คน พี่น้องที่เดินทางมาจากต่างประเทศ มี 858 คน จากประเทศ

Thailand 405 คน
Vietnam 340 คน
Malaysia 68 คน
Indonisia 8 คน
Singapore 6 คน
France 7 คน
India 18 คน
Bangladesh 3 คน
Laos 3 คน
Total 858 คน

สรุปจำนวนญามาอัตที่ได้ยังไม่แน่นอน แต่เฉพาะญามาอัตไทยที่ไปทำงานก่อนอิจญติมะอฺมี
ประมาณ 30 ญามาอัต จากภาพที่เห็นพี่น้องชาวเขมรเริ่มให้ความสนใจ ลุกขึ้นทำงานมากขึ้น
เวลาบะยาน หรือตัชกีล พวกเค้าจะนั่งจนกระทั่งจบมัจญลีด ไม่ลุกหนีไปไหน ในงานมีข้าราชการ
ระดับสูง มาร่วมหลายท่าน รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน นายพันที่เป็นมุสลิมก้อมาร่วม เร็วๆ นี้จะ
มีการจัดญามาอัตชูรอของเขมรไปที่นีซอมุดดีน

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขอบคุณที่เก็บภาพมาฝากครับ ดูแล้วได้บรรยากาศมาก

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
 salam
ผมก้อเคยไปเยี่ยมมาครั้งนึง แต่คงเปนคนละที่
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ falook

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 25
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • My Twitter

เข้าไปดูภาพเพิ่มเติม ตามลิงค์ที่ muslim2world ไม่เห็นมีภาพให้ดูเลย  :-[

ออฟไลน์ falook

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 25
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • My Twitter

แหะๆ ดูภาพในสไลด์แล้ว
ขอบคุณที่เก็บภาพมาฝากกัน ... คนเขมร ก็ไม่ต่างอะไรจากชาวไทย นั่นเพราะ...
เรามีอิสลามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  smile:

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
อัลหัมดุลิลลาฮฺ + ญะซากัลลอฮฺ = อัลลอฮุอักบัรฺ mycry loveit:

 

GoogleTagged