ผู้เขียน หัวข้อ: หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)  (อ่าน 21209 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พ.ย. 26, 2006, 05:54 AM »
0
بارك الله فيكم جميعا إخواني الأفاضل

ออฟไลน์ al-bazrah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 8
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พ.ย. 27, 2006, 11:36 PM »
0
กฎที่ 3

 

الاختلاف في الحقيقة الواحدة، إن كثر، دل على بعد إدراك جملتها ثم هو إن رجع لأصل واحد، يتضمن جملة ما قيل فيها كانت العبارة عنه بحسب ما فهم منه، وجملة الأقوال واقعة على تفاصيله. واعتبار كل واحد له على حسب مثاله منه علما، أو عملا، أو حالا، أو ذوقا، أو غير ذلك.

 

ความแตกต่างในแก่นแท้อันเดียวกัน ถึงแม้ว่า (ความแตกต่างนั้น) จะมากมาย มันบ่งบอกถึงความห่างไกลในการรับรู้ถึงบทสรุปรวมยอดของมัน (ฮากีเกาะฮ์นั้น) และถ้ามัน (ความแตกต่างนั้น) กลับไปหารากฐานอันเดียวกันซึ่งครอบคลุมถึงสิ่งที่ถูกกล่าวเกี่ยวกับมัน (ฮากีเกาะฮฺ) ทั้งหมดนั้น การให้คำอธิบาย ( العبارة ) ถึงสิ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถูกเข้าใจจากมัน  และคำกล่าวต่างๆ (ทรรศนะ) ทั้งหมดนั้นก็ล้วนตกอยู่ในรายละเอียดของมัน และการให้การอธิบายของแต่ละคนต่อสิ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวอย่างของเขาจากสิ่งนั้น (ในลักษณะของ) ความรู้ หรือการกระทำ หรือสภาพ หรือรสสัมผัส หรืออื่นจากนี้

 

والاختلاف في التصوف من ذلك، فمن ثم ألحق الحافظ أبو نعيم رحمه الله بغالب أهل حليته عند تحليته كل شخص، قولا من أقوالهم يناسب حاله قائلا: وقيل إن تصوف كذا.

 

และความแตกต่างในตะเซาวุฟก็เป็นเช่นดังกล่าว ด้วยเหตุนี้เอง ท่านอัลฮาฟิซฺ อบูนุอัยม์ (ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่าน) ได้ผนวกให้กับส่วนมากของบรรดาผู้คนแห่งความเลอเลิศของเขา (ในหนังสือ حلية الأولياء ) ในขณะที่ท่านทำการแจกแจงลักษณะอันเลอเลิศนั้น ท่านได้ผนวกคำพูดจากบรรดาคำพูดต่างๆ ของพวกเขาที่เหมาะสมกับสภาพของบุคคลนั้นโดยกล่าวว่า: และมีคนกล่าวว่า แท้จริงนั้นตะเซาวุฟนั้น เป็นอย่างนี้.

 

فأشعر أن من له نصيب من صدق التوجه، له نصيب من التصوف، وأن تصوف كل أحد صدق توجهه فافهم.

 

ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกเหมือนว่า ผู้ใดก็ตามที่มีส่วนของความสัจจริงแน่วแน่ในการมุ่งไป (สู่อัลลอฮฺตะอาลา) เขาก็มีส่วนในตะเซาวุฟ และแท้จริงแล้วตะเซาวุฟของแต่ละคนนั้นก็คือ ความสัจจริงแน่วแน่ในการมุ่งไปเขาเขานั่นเอง โปรดเข้าใจ. (ดูหนังสือ ก็วาอิด อัตตะเซาวุฟ หน้า 21-22 )

 

กฎข้อที่ 2

ออฟไลน์ al-bazrah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 8
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พ.ย. 27, 2006, 11:54 PM »
0
กฎข้อที่ 2 และ 3 นั้นมีความต่อเนื่องกัน และสาระสำคัญจากทั้งสองข้อนั้น ก็คือ แก่นแท้จริงๆ ของตะเซาวุฟก็คือความสัจจริงในการมุ่งสู่อัลลอฮฺตะอาลา (อย่างที่คุณอัซฮารีย์ได้อธิบายในกฎที่ 2 ) ด้วยเหตุนี้เอง ความแตกต่างในการให้คำนิยามตะเซาวุฟจึงไม่ได้ขัดแย้งกันเองแต่อย่างใด เพราะแต่ละคำนิยามเหล่านั้นก็กลับไปหารากฐานอันเดียวกัน นั่นก็คือ ความสัจจริงในการมุ่งสู่อัลลอฮฺ และทุกๆ คำนิยามของตะเซาวุฟที่มีส่วนมาจากรากฐานอันนี้ก็เป็นตัวบอกรายละเอียดต่างๆ ของตะเซาวุฟ   ซึ่งเราก็สามารถจะรู้รายละเอียดของตะเซาวุฟได้จากคำนิยามต่างๆ เหล่านี้.  วัลลอฮุ อะอฺลัม

ป.ล. หากการให้ความหมายผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะ

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พ.ย. 28, 2006, 02:58 PM »
0
:D ผมขอติดตามอ่านด้วยคนนะครับ.ชอบมากๆเลย

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พ.ย. 28, 2006, 04:23 PM »
0
จากก่ออิดะฮ์ที่ 3 เราจะทราบได้ว่า  ท่านชัยค์ อะหฺมัด ซัรรูก  ได้อธิบายถึง ฮิกมะฮ์หรือเคล็ดลับเบื้องหลังของคำนิยามตะเซาวุฟที่มีมากมายถึง 2000 คำนิยาม ว่า  การที่มีคำนิยามแตกต่างกันมากมายที่อยู่ภายใต้แก่นแท้(ฮะกีกัต)เดียวกันนั้น ย่อมชี้ถึงความยิ่งใหญ่หรือความสำคัญของแก่นแท้ดังกล่าวนั้น อีกทั้งยังอยากต่อการรอบรู้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง  เนื่องจากเป้าหมายของตะเซาวุฟนั้น คือ "อัลเลาะฮ์" เท่านั้น  และพระองค์เองก็ไม่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างไรประโยชน์  แต่จุดมุ่งหมายที่สูงส่งไปกว่านั้นก็คือ  

وما خلقت الجن والإنس إلا ليعبدون

ท่านอิบนุอับบาสให้ความหมายว่า"และข้าฯไม่ได้สร้างญินและมนุษย์มา นอกจากเพื่อพวกเขารู้จักข้าฯ" หมายถึง  เพื่อพวกเขาได้มะริฟัตต่อข้าฯ ดังนั้น แก่นแท้ของความเป็นบ่าว ก็คือการรู้จัก(มะริฟัต)ต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา  และบ่าวจะไม่รู้จักพระองค์ได้อย่างไร? ในเมื่อทั้งหมดนั้น มาจากพระองค์ และต้องหวนกลับไปสู่พระองค์  

إن إلى ربك المنتهى

"แท้จริง ไปสู่ผู้อภิบาลของเจ้านั้น คือเป้าหมาย"

โดยที่พระองค์ ไม่ทรงสิ้นสุด  ทรงเป็นองค์แรกโดยไม่มีจุดเริ่มตน  ทรงเป็นสุดท้ายโดยไม่มีการสิ้นสุด  ทรงไม่มีขอบเขต  ไม่สามารถจินตนาการต่อพระองค์ได้  และสติปัญญาย่อมคิดไปไม่ถึง

ولا تدركه الأبصار وهو يدرك الأبصار

"บรรดาดวงตาทั้งหลาย  ไม่สามารถสัมผัสพระองค์ได้ แต่พระองค์ทรงหยั่งถึงบรรดาดวงตาทั้งมวล"

ดังนั้น  "อัลเลาะฮ์" จึงเป็นฮะกีกัตอันยิ่งใหญ่และสูงส่งที่เป็นเป้าหมายของวิชาตะเซาวุฟ  ดังนั้น  ผู้ใดที่สามารถรับรู้ฮะกีกัตได้อย่างทั่วถึงบ้าง  ยิ่งกว่านั้น  ผู้ใดบ้างล่ะที่จะทราบสักส่วนหนึ่งของมันได้ นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น  เพราะฉะนั้น  ทุกคนสามารถรู้จักตะเซาวุฟได้ตามแต่ปริมาณความรู้ที่เขาได้รับ  การปฏิบัติที่เขาได้บากบั่น  สถานะภาพทางจิตใจที่เขาได้ดำรงค์อยู่  และการลิ้มรสที่เขาได้สัมผัส

فَكَشَفنا عَنكَ غِطاءَكَ فَبَصَرُكَ اليَومَ حَديد

? แล้วเราก็จะเปิดฝากั้นของเจ้าออกไป ดังนั้น การมองเห็นของเจ้าในวันนี้จะแหลมคม(ชัดเจน)ยิ่งนัก? (กอฟ 22)

ท่านอิบนุอะฏออิลและหฺ (ร.ฏ.) กล่าวว่า

إذا فتح لك باباَ للتعرف عليه ، فأعلم أنما هو الذى أراد أن يتعرف عليك

"เมื่อพระองค์ทรงเปิดให้แก่ท่านกับประตูเพื่อการทำความรู้จักต่อพระองค์นั้น  ท่านจงรู้เถิดว่า แท้จริงพระองค์ได้ทรงประสงค์ที่จะทำการรู้จักกับท่านแล้ว"

ดังนั้น  ในก่ออิดะฮ์ที่ 3 นี้  แม้คำนิยามตะเซาวุฟจะมีความหลากหลาย  ด้วยปริมาณที่เขาได้รับจากการรู้จัก(มะริฟัต)ถึงแก่นแท้อันนี้ซึ่งตราบใดที่เขาได้หวนกลับไปสู่รากฐานเดียวกัน นั่นก็คือความสัจจริงในมุ่งสู่อัลเลาะฮ์ ตะอาลา หรือมีความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์  การเผยถึงความเป็นตะเซาวุฟย่อมขึ้นอยู่กับความเข้าใจอันลึกซึ้งของรากฐานดังกล่าว  ดั้งนั้น  บทสรุปคำกล่าวของตะเซาวุฟจึงมีหลายหนทาง ทั้งที่มีเป้าหมายเดียวกัน  ก็อุปมาดังเพชรอัญมณีที่ทอแสงระริบระยับงดงามหลายหลากสีที่ชวนเพ่งพิศ  แต่แก่นแท้ที่มาของมันนั้นก็คือสิ่งเดียวกัน  

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

والذين جاهدوا فينا لنهدنهم سبلنا

"และบรรดาบุคคลที่ทำการต่อสู้(มุญาฮะดะฮ์)ในเรา แน่นอน เราจะชี้นำพวกเขากับหลายหนทาง"  วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธ.ค. 06, 2006, 06:44 PM »
0
กฏข้อที่ 4

ท่านอิมาม ชัยค์ ซัรรูก (ร.ฏ.) กล่าวว่า


صدق التوجه مشروط بكونه من حيث يرضاه الحق تعالي وبما يرضاه ولا يصح مشروط بدون شرطه : ولا يرضي لعباده الكفر ، فيلزم تحقيق الإيمان  " وإن تشكروا يرضه لكم ، فلزم العمل بالإسلام

ความแน่วแน่สัจจริงในการมุ่งสู่อัลเลาะฮ์  ถูกวางเงื่อนไข  ด้วยกับเงื่อนไข ที่พระองค์ทรงพอพระทัย และด้วยสิ่งทำให้พอพระทัยกับพระองค์  และสิ่งที่ถูกวางเงื่อนไขนั้นจะใช้ไม่ได้หากปราศจากเงื่อนไขของมัน  "และพระองค์ไม่ทรงพอพระทัยต่อบ่าวของพระองค์กับการกุฟร" (ซุมัร 7) ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องมีอีม่านอย่างแน่แฟ้น "หากพวกท่านกตัญญูรู้คุณ(ด้วยการปฏิบัติอิบาดะฮ์)  พระองค์ก็จะทรงพอพระทัยมัน(การรู้คุณ)นั้น แก่พวกท่าน"  ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องปฏิบัติด้วย(รุ่กุ่น)อิสลาม" (ซุมัร 7)

فلا تصوف الا بفقه ، إذ لا تعرف أحكام الله الظاهرة إلا منه ، ولا فقه إلا بتصوف ، إذ لا عمل إلا بصدق وتوجه . ولا هما إلا بإيمان ، إذ لا يصح واحد منهما بدونه ، فلزم الجميع لتلازمها في الحكم ، كتلازم الأرواح للأجساد ، إذ لا وجود لها إلا فيها ، كما لا كمال له الا بها ، فأفهم

ดังนั้น  ย่อมไม่มีตะเซาวุฟ นอกจาก ด้วยฟิกห์(ปฏิบัติตามรุ่กุนอิสลาม)  เนื่องจากบรรดาฮุกุ่ม(การการกระทำ)ภายนอกต่าง ๆ (จากบัญญัติ)ของอัลเลาะฮ์นั้น จะไม่ถูกรู้จัก เว้นแต่มาจากฟิกห์ , และหลักฟิกห์ย่อมไม่มีนอกจาก ด้วยตะเซาวุฟ  เนื่องจากไม่มีการปฏิบัติใด(ที่จะสำฤทธิ์ผล) นอกจากด้วยความสัจจริงและมุ่งต่ออัลเลาะฮ์  และทั้งสองจากไม่มีนอกจากด้วยอีม่าน  เนื่องจากอันหนึ่งอันใดจากทั้งสองจะไม่สำฤทธิ์ผลโดยปราศจากอิม่าน  ดังนั้น  ทั้งหมดจึงความจำเป็น  เนื่องจากมันมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับบทบัญญัติ  ซึ่งอุปมาดัง  ความสัมพันธ์ของวิญญานที่มีต่อร่างกาย  เนื่องจากวิญญานจะไม่มีนอกจากในร่างกาย  เฉกเช่นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ให้กับมันนอกจากด้วยกับวิญญานนั้น  ดังนั้นท่านโปรดเข้าใจ

ومنه قول مالك رضي الله عنه " من تصوف ولم يتفقه فقد تزندق ، ومن تفقه ولم يتصوف فقد تفسق ، ومن جمع بينهما فقد تحقق "

ส่วนหนึ่งจากมัน ก็คือคำกล่าวของท่านอิมามมาลิก (ร.ฮ.) ที่ว่า "ผู้ใดที่มีตะเซาวุฟแต่ไม่มีฟิกห์  แน่นอน เขาย่อมเป็นผู้นอกศาสนา , และผู้ใดที่มีฟิกห์แต่ไม่มีตะเซาวุฟ แน่นอน เขาย่อมเป็นคนชั่ว , และผู้ใดที่รวมระหว่างทั้งสอง แน่นอน  เขาย่อมบรรลุสัจจะธรรม"

قلت : تزندق الأول : لأنه قال بالجبر الموجب لنفي الحكمة والأحكام

ข้าพเจ้า(คือท่านอิมามอัซซัรซูก)ของกล่าวว่า

 "บุคคลแรกที่ออกนอกศาสนานั้น เพราะเขาได้กล่าวทัศนะที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์เลือกการกระทำ ที่นำไปสู่การปฏิเสธเคล็ดลับ(ในการสั่งใช้ให้ปฏิบัติความดีและห้ามความชั่ว)และหลักการต่าง ๆ ในเชิงปฏิบัติ"

وتفسق الثاني : لخلو عمله عن صدق التوجه الحاجز عن معصية الله تعالي وعن الإخلاص المشترط في العمل لله

"บุคคลที่สองที่เป็นคนชั่วนั้น  เพราะการปฏิบัติของเขาปราศจากความแน่วแน่สัจจริงในการมุ่งสู่อัลเลาะฮ์ที่มาปิดกันการฝ่าฝืนต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา และ(การปฏิบัติของเขาปราศจาก) ความบริสุทธิ์ใจที่เป็นเงื่อนไขในการปฏิบัติอะมัลเพื่ออัลเลาะฮ์

وتحقق الثالث : لقيامه بالحقيقة فى عين التمسك بالحق فأعرف ذلك

"บุคคลที่สามที่บรรลุถึงสัจจะธรรมนั้น เป็นเพราะเขาได้ดำรงไว้ซึ่งแก่นแท้แห่งความสัจจริง  ในตัวตนของการยึดมั่นด้วยกับอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ดังนั้น  ท่านโปรดทราบสิ่งดังกล่าว"  ดู  ก่อวาอิด อัตตะเซาวุฟ  หน้า 22

ป.ล. หากการให้ความหมายผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะ และทำการอธิบายด้วยครับ  และโอกาสต่อไป ผมจะเข้ามาช่วยนำเสนออธิบายครับ อินชาอัลเลาะฮื
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธ.ค. 07, 2006, 08:24 AM »
0
หลังจากที่ท่าน  ชัยค์ อิมาม  อะหฺมัด ซัรรูก (ร.ฏ.) ได้ทำการอธิบายคำนิยามของตะเซาวุฟ และกล่าวว่ามันมีถึง 2000 คำนิยาม  และคำนิยามทั้งหมดนั้น  มีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็คือ  การมุ่งมั่นแน่วแน่ไปสู่อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  และในกฏตะเซาวุฟข้อที่สี่นี้  ท่าน อิมาม อะหฺมัด ซัรรูก  ได้จำกัดเป้าหมายที่ว่าให้ "มีความสัจจริงแน่วแน่มุ่งต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา" นั้น  ต้องมีเงื่อนไขว่า  อัลเลาะฮ์ทรงพอพระทัยจากมันและเป็นสิ่งที่ทำให้อัลเลาะฮ์ทรงพอพระทัยด้วย  (รายละเอียด  ค่อยอธิบายต่อ อินชาอัลเลาะฮ์ เพราะเวลาหมด )    และคุณ al-bazrah  หายไปใหนแล้ว  คงมีภาระกิจรัดตัว  ว่าง ๆ ก็เข้ามาช่วยอธิบายนะครับ เพราะกระทู้นี้มันเป็นของคุณ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2006, 08:53 PM »
0
ตะเซาวุฟนั้นคือตำแหน่ง "อัลอิหฺซาน"

การมุ่งมั่นแน่วแน่ไปสู่อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ( صدق التوجه ) ณ ที่นี้  ชี้ถึง  ตำแหน่ง อัลอิหฺซาน  เสมือนที่มีหะดิษรายงานว่า

أَنْ تَعْبُدَ اللَّهَ كَأَنَّكَ تَرَاهُ، فَإِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ

"คือการที่ท่านได้อิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์  เสมือนกับท่านได้เห็นพระองค์  ดังนั้น หากท่านไม่เคยเห็นพระองค์  แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเห็นท่าน" รายงานโดย บุคอรีย์และมุสลิม

ดังนั้น  การเห็นพระองค์ ณ ที่นี้  ไม่ใช่เห็นด้วยดู  แต่ให้เห็นด้วยจิตใจ  ตั้งจิตใจให้มีสมาธิและจับจิตมุ่งต่อพระองค์  นั่นแหละเขาเรียกว่า الشهود (อัชชุฮูด) "การประจักษ์เห็นหรือรู้แจ้งเห็นจริง"   

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า

 إِنَّ فِي ذَلِكَ لَذِكْرَى لِمَن كَانَ لَهُ قَلْبٌ أَوْ أَلْقَى السَّمْعَ وَهُوَ شَهِيدٌ

"แท้จริงในสิ่งดังกล่าวนั้น  ย่อมเป็นข้อเตือนสติสำหรับผู้ที่หัวใจสำนึกและหัวใจรับฟัง  โดยที่เขาย่อมรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว"

ดังนั้น  หัวใจนั้น ก็สามารถได้ยิน  , การได้ยินของหัวใจคือการอิลฮาม(ดลใจ) , และหัวใจก็จะประจักษ์เห็น  และการที่หัวใจได้ประจักษ์เห็นนั้นแหละ  เขาเรียกว่า  ประจักษ์แจ้งเห็นจริง ( البصيرة )

เพราะฉะนั้น  ผู้ที่รู้แจ้งเห็นจริงนั้น  เมื่อได้ได้สงบนิ่งก็ตาม  แต่หัวใจของเขาได้ยินอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  หมายถึง  หัวใจของเขาเฝ้าคำนึง  รำลึกต่ออัลเลาะฮ์  ตะอาลา   แล้วพระองค์ก็จะทำให้เขาได้ยินกับสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้ยิน 

และผู้ใดที่ตั้งจิตมองด้วยตาใจไปยังอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  แน่นอน  พระองค์ก็จะทำให้เขาได้ประจักษ์เห็นในสิ่งที่ผู้อื่นไม่เห็น

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า

وَكَذَلِكَ نُرِي إِبْرَاهِيمَ مَلَكُوتَ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَلِيَكُونَ مِنَ الْمُوقِنِينَ

?และเช่นนั้นเอง  เราทำให้อิบรอฮีมมองเห็นอาณาจักรแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน และเพื่อให้เขามีความมั่นใจ? (อัล ? อันอาม 75)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2006, 02:05 PM »
0
อัลเอี๊ยะหฺซาน  คือ แก่นแท้(ฮะกีกัต)ของอีมาน  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

يا حارثة لكل حق حقيقة ، فما حقيقة إيمانك ، قال : يا رسول الله ، عافت نفسى عن الدنيا ، فأظمأت نهاري وأسهرت ليلى ، وكأني أرى عرش ربى
بارزا ، وكأنى أرى أهل الجنة وهم يتزاورون ، وكأني أري أهل النار وهم يتعاوون ، قال : يا حارثة ، عرفت فالزم

"โอ้  หาริษะฮ์  ให้กับทุก ๆ สัจจะธรรมนั้น ย่อมมีแก่นแท้ของมัน  ดังนั้น  อะไรคือแก่นแท้อีมานของเจ้าหรือ?  เขากลาวว่า  โอ้  ร่อซูลุลเลาะฮ์  จิตใจของฉันสละจากดุนยา  ฉันหิวกระหายในตามกลางวัน(ถือศีลอด) และอดหลับนอนในยามค่ำคืน(ละหมาดยามค่ำคืน) และเสมือนกับว่าฉันได้เห็นบันลังก์ของผู้อภิบาลของฉันอย่างชัดเจน  และเสมือนกับฉันได้เห็นชาวสวรรค์  ต่างเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกัน  และเสมือนกับว่าฉันเห็นชาวนรกกำลังร้องโอดครวญ  ดังนั้น  ท่านนบี(ซ.ล.) จึงกล่าวว่า  โอ้  หาริษะฮ์  เจ้าได้รู้จัก(มะริฟะฮ์)แล้ว  ดังนั้น เจ้าจงดำรงมั่นเถิด"

และตำแหน่งเอี๊ยะหฺซานนี้  นักปราชญ์ตะเซาวุฟ เขาเรียกว่า "ฮะกีกัต"
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ธ.ค. 16, 2006, 06:12 AM »
0
หากผู้ใดใจร้อน ๆ แล้วเข้ามาในกระดานเสวนาตะเซาวุฟอิสลามแล้ว  ทำให้จิตใจเย็นลงได้เยอะจริง ๆ ครับ  อัลฮัมดุลิลาห์

ออฟไลน์ อายะฮ์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2006, 04:59 AM »
0
ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทน คุณ al-bazrah ผู้ตั้งกระทู้ดี ๆ เช่นนี้ครับ  جزاك الله
สานุศิษย์

ออฟไลน์ อิดริส

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 77
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ธ.ค. 27, 2006, 02:13 PM »
0
เจ้าของกระทู้นี้หายไปไหนครับอยากให้นำเสนอต่อ ชอบอ่านมาก ๆ หนังสือพระเจ้าที่แท้จริงของเจ้าหญิงดอกไม้หาซื้อจากไหนครับแบบว่าอยากอ่าน ส่งมาให้อ่านฟรีได้ไหมเคอะ
การเงียบคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ธ.ค. 27, 2006, 03:25 PM »
0
เจ้าของกระทู้นี้หายไปไหนครับอยากให้นำเสนอต่อ ชอบอ่านมาก ๆ หนังสือพระเจ้าที่แท้จริงของเจ้าหญิงดอกไม้หาซื้อจากไหนครับแบบว่าอยากอ่าน ส่งมาให้อ่านฟรีได้ไหมเคอะ

นั่นน่ะซิครับ   เจ้าของกระทู้ไปใหน?  จึงทำให้กระทู้ไม่ขับเคลื่อนสักเท่าไหร่  ทั้งที่เป็นกระทู้ที่ดีเยี่ยมกระทู้หนึ่งเลยทีเดียว  กระทู้นี้ผมขอเป็นผู้พลอยโดยสารล่ะกัน  สงสัยเจ้าของกระทู้มีภาระกิจระยะยาวน่ะครับ  :)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ม.ค. 05, 2007, 08:27 PM »
0

بارك الله فيكم جميعا إخواني الأفاضل

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักตะเซาวุฟ (ก่อวาเอ็ด อัตตะเซาวุฟ)
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ม.ค. 13, 2007, 10:11 PM »
0
อัลเอี๊ยะหฺซาน ต้องมีเงื่อนไข ด้วยการมีอีหม่านอย่างแท้จริง

การมีความสัจจริงแน่วแน่มุ่งต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา นั้น คือตำแหน่งเอี๊ยะหฺซาน  ซึ่งต้องมีเงื่อนไข จากสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงพอพระทัยและด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยให้กับปวงบ่าวของพระองค์  นั่นก็คือ  ต้องมีอีมาน

ولا يرضي لعباده الكفر

"และพระองค์ไม่ทรงพอพระทัยต่อบ่าวของพระองค์กับการกุฟร" (ซุมัร 7)

นั่นคือ ตำแหน่งของ

أن تؤمن بالله وملائكته وكتبه ورسله واليوم الأخر والقدر خيره وشره

"การที่ท่านศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์ , บรรดามะลาอิกะฮ์ , บรรดาคำภีร์ , บรรดาร่อซูลของพระองค์ , วันสิ้นโลก , และการกำหนดสภาวะความดีและความชั่วมาจากพระองค์"

บรรดาอุลามาอ์ซูฟีย์  ได้เรียกคำว่า "อิหม่าน" ตามศัพท์เชิงวิชาการของพวกเขาว่านี้  "ต่อรีเกาะฮ์"  ซึ่งต่อรอเกาะฮ์(อีหมาน)จะทำการเชื่อม ชะรีอัต(อิสลาม)ด้วยกับฮะกีกัต(เอี๊ยะหฺซาน)  ซึ่งอีหม่าน(ต่อรีเกาะฮ์)นี้ คือเงื่อนย่อมเป็นเงื่อนไขให้กับทั้งสอง(คืออิสลามกับเอี๊ยะหฺซานหรือชะรีอัตกับเอี๊ยะหฺซาน) ดังนั้น  การอีหม่านจึงจำเป็นต้องเกี่ยวพันกับเอี๊ยะหฺซาน

การอีหม่านย่อมไร้ผลหากไม่ปฏิบัติชาริอัตของอิสลาม

การบรรลุถึงอีหม่านนั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้ นอกจากการปฏิบัติด้วยการ  อิสลาม

وإن تشكروا يرضه لكم

 "หากพวกท่านกตัญญูรู้คุณ(ด้วยการปฏิบัติอิบาดะฮ์)  พระองค์ก็จะทรงพอพระทัยมัน(การรู้คุณ)นั้น แก่พวกท่าน"

ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องมีการกล่าวปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และมุฮัมมัดคือศาสนทูตของพระองค์ , ดำรงละหมาด , จ่ายทานซะกาต , ถือศีลอดร่อมะฏอน , และทำฮัจญ์ที่บัยตุลลอฮ์ สำหรับผู้สามารถเดินทาง  นี้คือตำแหน่ง ชะรีอัต

ดังนั้น  ชาริอัต คือ การทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ (อิสลาม)  ต่อรีกัตคือการมุ่งต่อพระองค์ (เอี๊ยะหฺซาน) และฮะกีกัต คือ การเห็นแจ้งประจักษ์ต่อพระองค์  หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า  ชาริอัต เพื่อปรับปรุงภายนอก(อิบาดะฮ์ด้วยอวัยวะภายนอก)  ต่อรีกัต คือปรับปรุงหัวใจ  และฮะกีกัตเพราะปรับปรุงจิตวิญญาน 

ดังนั้น  ตะเซาวุฟจะมีขึ้นไม่ได้นอกจากต้องปฏิบัติฟิกห์  และการอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ จะมีขึ้นไม่ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติขึ้น

وأتوا البيوت من أبوابها

"และพวกเจ้าจงเข้าบ้านทางประตูของมัน"

นี้คือประตูของปวงบ่าว  ที่ต้องเข้าทางประตู  แล้วประตูของกษัตริย์ล่ะท่านจะคิดว่าอย่างไร?  แล้วยิ่งประตูของพระเจ้าผู้ปกครองกษัตริย์ทั้งหลาย  ย่อมต้องเข้าให้ถูกทางและถูกต้อง

ไม่ว่า เราจะเรียก  อิสลาม ว่า ชะรีอัต  เรียกอีหม่าน ว่า ต่อรีกัต และเรียกเอี๊ยะหฺซาน ว่า ฮะกีกัต  ย่อมไม่ปัญหา เนื่องจากมันเป็นแค่การเรียกคำศัพท์เฉพาะของปวงปราชญ์สาขานั้น ๆ

ซึ่งบรรดาปวงปราชญ์มีมติว่า

لا مشاحة فى الإصطلاحات

"ไม่มีการขัดข้องในการเรียกศัพท์เชิงวิชาการ"
 
วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged