ทุกศาสนาร่วมกันทำบุญประเทศอีกแล้วครับท่าน

[rayes]

จริงๆแล้วผมเรียกผิดเอง เปลี่ยนคำในประโยคมากกว่า ทีแรกผมว่าจะไม่จี้แล้วนะ แต่ไม่เป็นไร ผมเอามาให้ดูhttp://app.tisi.go.th/standardization/definition.html  ทีนี้เป็นคิวของทั่นอาจานต้องเอาหลักฐานมายืนยันแล้วครับว่า ที่บอกว่า ไม่ได้ก็อปมา แต่พิมพ์มาจากหนังสือนั้น เอามาจากหนังสือเล่มไหน หน้าที่เท่าไหร่  ส่วนที่ผมยกมานั้น หากทั่นอาจานไม่เอาหลักฐานมายืนยันหักล้าง คือ เป็นไปตามนั้นนะครับ


 
อย่าหาว่าเซ้าซี้เลยนะครับ ผมถามหลายครั้งแล้ว แต่ทั่นอาจาน ยังอมภูมิ ยังไงก็อย่าลืม ขยายความด้วยนะครับ ว่าประโยคคำนิยามที่ก็อปมายันไว้ เกี่ยวข้องกับการมีคนของจุฬาไปรวมงานอย่างไร และ ครบองค์ประกอบตามคำนิยามหรือไม่ในการที่จะเรียกว่า  จุฬาได้สร้างมาตรฐานเอาไว้..  .และช่วยรบกวนกลับไปอ่านใหม่นะครับ ว่า ที่ก็อปมานั้นหัวข้อจริงๆแล้ว การมาตรฐาน หรือ ว่าการสร้างมาตรฐานกันแน่..   

[laliklalee]

ไม่เป็นไรครับคุณเรียกผิดเอง ผมถือว่าเป็นการออกตัว ยืดอกยอมรับผิดของคุณก็แล้วกัน ไม่ถือสา

จริงๆแล้วก็เป็นสาเหตุนี้เองที่ทำให้ท่าน Rayes เข้าใจว่าผมเบี่ยงเบน ตบตา ด้วยการเปลี่ยนคำว่า "การมาตรฐาน" เป็น "การสร้างมาตรฐาน" จริงๆแล้วก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรขนาดที่ความหมายเปลี่ยนกระมังครับ แต่เพื่อความสบายใจ ก็ขอนำเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมาให้คุณ Rayes ในการทำความเข้าใจในโอกาสต่อไป

"การมาตรฐาน"นั้นตามหลักไวยากรณ์ไทยไม่ถูกต้องเท่าไหร่ครับ เพราะ"มาตรฐาน (Standard)" เฉยๆก็เพียงพอ เพราะไม่ใช่อาการนาม ส่วนคำว่า "สร้างมาตรฐาน"ต่างหากครับที่ต้องมีคำว่า "การ"มาอยู่ข้างหน้าเป็น "การสร้างมาตรฐาน" เพราะเป็นอาการนาม ทีนี้มาดูคำในภาษาอังกฤษที่อยู่ในวงเล็บที่สอดคล้องกันครับ (Standardization) สังเกตุดูครับว่ามี -ization ต่อท้ายอยู่ ฝรั่งเขาเรียกว่า Suffix (ถ้าสนใจนิยามคำนี้อีกก็ลองใช้ google ดูแล้วกันนะครับ) ใช้ต่อเติมนามเพื่อสื่อความหมายว่า ทำให้เป็นตามคำนามที่อยู่ข้างหน้า เช่น ถ้าข้างหน้าเป็นคำว่า Islam ก็จะเป็น Islamization คือการทำให้เป็นอิสลาม อย่างที่ตะวันตกกลัวกันนักกลัวกันหนา ( Islamophobia สังเกตุไหมครับ -phobia ก็เป็น suffix อีกความหมายหนึ่ง แปลว่ากลัว หวาดวิตก) หรือคำว่า westernization ที่แปลว่าการทำเป็นตะวันตก หรือ เลียนแบบฝรั่งที่คนหลายคนกำลังทำอยู่นั่นเอง

หากท่าน Rayes จะเลือกก๊อปมาจากแหล่งนั้นโดยไม่กลั่นกรองหรือขัดเกลาใดๆ มีนิสัยชอบยกมาทั้งดุ้นเลย ก็จำเป็นต้องอ้างอิงครับ ส่วนถ้าเรานำมาขัดเกลาแล้วเป็นของเราก็ไม่ต้องอ้างอิงก็ได้ครับ ตามหลักการอ้างอิงที่คุณเองอาจไม่ได้เรียนมา ก็ไม่เป็นไรครับ ศึกษากันได้ครับ ค่อยเป็นค่อยไป

อ้อ..ที่ถามผมว่าผมยกมาจากหนังสือเล่มใดหน้าไหนนั้น ก้อขอบอกว่าเป็นแผ่นพับของ กิจกรรมสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ของ โรงเรียนแห่งหนึ่ง อยู่ในหน้าที่ 1 เลยครับ คงนึกภาพแผ่นพับออกนะครับ ผมตรวจสอบความหมายทางอินเตอร์เน็ทด้วยวิธีการน่าจะแบบเดียวกันกับ Rayes แล้วเห็นว่าความหมายตรงกัน ส่วนความหมายนั้นท่านจะเห็นว่าไม่เกี่ยวกับจุฬาที่สร้างมาตรฐานเอาไว้เพราะไม่ครบองค์ประกอบ ก็เป็นทรรศนะส่วนตัวของท่านเองครับ ส่วนทรรศนะกระผมเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการสร้างมาตรฐานแบบหนึ่ง เพราะองค์ประกอบที่ผมใช้นั่นง่ายตามคำนิยามครับ ไม่ได้ต้องใส่มตรฐานท่าน Rayes เข้าไปด้วยขนาดที่ว่าเป็นมาตรฐานที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว หรือเปลี่ยนจากคนๆนี้ไม่ได้แล้ว หรือ ถ้าจุฬาคนนี้สร้างจริงต้องมาตั้งแต่จุฬาคนก่อนๆ อะไรนั่น ผมขอถือว่านั่นเป็นมาตรฐานคุณ Rayes ก็แล้วกันครับ ที่จุฬาอาจไม่เข้าข่ายเป็นธรรมดา  

[rayes]

จริงๆแล้วก็เป็นสาเหตุนี้เองที่ทำให้ท่าน Rayes เข้าใจว่าผมเบี่ยงเบน ตบตา ด้วยการเปลี่ยนคำว่า "การมาตรฐาน" เป็น "การสร้างมาตรฐาน" จริงๆแล้วก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรขนาดที่ความหมายเปลี่ยนกระมังครับ

ตอนแรกบอกว่าหนังสือ พอผมถามชื่อหนังสือ บอกว่าแผ่นพับ สรุปว่าเอาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ คือ มีการเปลี่ยนคำใหม่นั่นเอง ส่วนที่ทั่นอาจานยกมาอธิบายแก้เขินต่างๆนานานั้น ผมไม่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญนะครับ

ส่วนทรรศนะกระผมเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการสร้างมาตรฐานแบบหนึ่ง เพราะองค์ประกอบที่ผมใช้นั่นง่ายตามคำนิยามครับ

 
ตอนนี้ทั่นอาจานตอบผมได้หรือยังละครับ ว่า ว่าประโยคคำนิยามที่ทั่นอาจานก็อปมายันไว้ เกี่ยวข้องกับการมีคนของจุฬาไปรวมงานอย่างไร และ ครบองค์ประกอบตามคำนิยามหรือไม่ในการที่จะเรียกว่า  จุฬาได้สร้างมาตรฐานเอาไว้.. 
 

[laliklalee]

จะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อประเด็นสำคัญกลับมองว่าไม่สำคัญ เมื่อประเด็นไม่สำคัญกลับสำคัญ ประเด็นคำว่า"แผ่นพับ" ไม่ใช่ "หนังสือ" กลับมาสำคัญอีกแล้วใช่ไหมครับ?

[rayes]

สาระสำคัญที่ผมถาม หมายถึง มีการเปลี่ยนคำจากต้นฉบับเดิมหรือไม่แค่นั้นเอง  ส่วนคำอธิบายสับขาหลอกไม่ตรงจุด ผมถือว่า ไม่ใชสาระสำคัญครับ แต่มาดูกันอีกเว็ปครับ ว่า เขาแปลแบบทั่นอาจานแปลหรือเปล่า

http://ubi.lru.ac.th/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C/m-m-s.htmlhttp://ubi.lru.ac.th ]

ส่วนคำนิยามที่ยกมาแปะยันใว้นั้น เกี่ยวข้องกับการมีคนของจุฬาไปรวมงานอย่างไร และ ครบองค์ประกอบตามคำนิยามหรือไม่ในการที่จะเรียกว่า  จุฬาได้สร้างมาตรฐานเอาไว้..  .....ผมรออ่านอยู่นะครับทั่นอาจานจะตอบผมได้หรือยัง ขออีกข้อเดียวจะหยุดโต้ตอบ ท้วงติงทั้งหมดทันที ออ อีกอย่างหนึ่ง ฝากทั่นอาจานไปเยี่ยมกระทู้นี้บ้างนะครับ http://www.muslim2world.com/board/index.php?showtopic=1014&st=80 มีวะฮาบีตั้งตนเป็นอุลามะฮฺเถื่อน ฮุกุมพี่น้อง เรื่องละหมาดเอาวาบีน ยกหลักฐาน จับแพะชนแกะ มาวิเคราะห์เอง มาแปลงเองใหม่หมด จนแกงส้มกลายเป็นแกงกะทิ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเอาวาม ไม่ได้เรียนศาสนาโดยตรง ผลสุดท้าย โดน อัลเกาซะรี กับพี่น้อง ต้อนชนิดที่หมอไม่รับเย็บเลยทีเดียว หายไปหลายวันเลยทีเดียว ลองไปดูได้ว่า อุลามะฮฺเถื่อนคนนี้มั่วขนาดไหน ตอนนี้ได้ข่าวว่า อุลามะฮฺเถื่อนท่านนี้ไประบาดบางเวปอีกแล้ว 55++  http://www.muslim2world.com/board/index.php?showtopic=1014&st=80 [/font][/size]

[laliklalee]

ผมรออ่านอยู่นะครับทั่นอาจานตอบได้หรือยัง ขออีกข้อเดียวจะหยุดโต้ตอบ ท้วงติงทั้งหมดทันที  

จริงๆแล้วไม่คิดว่าต้องมาอธิบาย ขยายความ เรื่องการสร้างมาตรฐานให้ใครฟังยืดยาวขนาดนี้ เพราะเข้าใจว่าภาษาไทยคำนี้น่าจะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว แม้คำจำกัดความแต่ละคนอาจแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็เป็นคำที่เข้าใจกันได้ไม่ยากเย็น และสื่อความหมายไปในทางเดียวกัน

คุณ rayes เคยสอบถามถึงคำนิยามมา ผมเกรงว่าถ้าเป็นนิยามของตนเองอาจทำให้ท่านผู้นี้ไม่เชื่อ หรือตั้งแง่กลับมาได้จึง หยิบนิยามของผู้อื่นที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเสวนา แต่ก็มิวายต้องมาอธิบายความหมาย อธิบายการเชื่อมโยง หลังจากที่ตั้งแง่มาก่อนหน้านี้ในเรื่องการโกหก และบิดเบือน

คงเป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วว่า สำนักจุฬาราชมนตรีมีบทบาทหลายด้าน นอกจากบทบาทผู้นำอย่างเป็นทางการที่คนส่วนใหญ่ให้การรับรองแล้ว ด้านที่สำคัญอีกด้านหนึ่งนั้น ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศไทยในการเป็นตัวแทนของมุสลิมในชาติ แสดงออกในมิติที่เกี่ยวกับศาสนา ทั้งที่เป็นพิธีกรรม และ ไม่ใช่พิธีกรรม ที่เป็นเรื่องทางสังคม

การแสดงออกจากหน่วยงานแห่งนี้จึงเป็นที่สนใจ และเป็นการสื่อถึงภาพลักษณ์มุสลิมโดยรวมแก่คนทั่วไป เพราะเป็นสิ่งที่ง่าย และชัดเจนที่สุดที่ผู้ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม รวมทั้งมุสลิมที่ไม่ได้ศึกษาศาสนาอย่างลึกซึ้งเพียงพอ หรือเรียกรวมๆว่า เอาวาม ยึดถือเอาเป็นตัวแทนของมุสลิม และยึดถือว่าเป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามอนุมัติ มุสลิมที่เห็นต่างจากสถาบันหลักนี้ในประเด็นใดย่อมถือเป็นส่วนน้อย และไม่ได้เข้ามามีอิทธิพลใดๆในการแสดงออกทางความคิดมากนัก ในระบอบประชาธิปไตย

การที่สำนักจุฬาได้เป็นมุสลิมกลุ่มแรกที่นอกจากไม่ได้ออกมาคัดค้าน แต่กลับเข้าร่วมการนำพิธีกรรมทางศาสนามาผสมปนเป เป็นพิธีกรรมทำบุญในวโรกาศใหม่ที่ไม่เคยมีมุสลิมในยุคสมัยใดในอดีตเคยทำมาเป็นเยี่ยงอย่าง  ร่วมส่งเสริมและแสดงออกในพิธีกรรมที่เพิ่งถูกดำริ ริเริ่มขึ้นมาโดยชนต่างศาสนิก ที่เป็นผู้ปฏิเสธ  ย่อมเป็นธรรมดาเหลือเกินว่าการเข้าร่วมกิจกรรมในฐานะตัวแทนของมุสลิมทั้งประเทศ ย่อมสื่อความหมายให้วิญญูชนเข้าใจว่ามุสลิมทำได้ และอิสลามอนุมัติ สำนักงานที่ชี้ว่าสิ่งใดฮาลาล สิ่งใดฮารอมแห่งนี้ ไม่ได้คัดค้าน แต่กลับส่งเสริมเป็นอย่างดี ใครเห็นต่าง หรือคัดค้านย่อมสุ่มเสี่ยงให้เป็นที่เคลือบแคลงในเจตนาว่า คนเหล่านั้น เป็นพวกมุสลิมสุดโต่ง หัวรุนแรง เป็นประเภทไม่รักชาติ พร้อมจะกลืนกินชาติ ตั้งรัฐอิสลามหรือไม่? อย่างไร? เพราะ เราไม่ได้ชี้แจงจุดยืนไปตั้งแต่ต้นที่มีการร้องขอมาทางเอกสาร หาทางออกที่ดีกว่านี้ในการแสดงออกซึ่งความรักชาติ ที่ไม่นำพิธีกรรมทางศาสนามาประยุกต์ใช้ด้วยตนเองอย่างพละกาลเช่นนี้  ด้วยเหตุนี้หากมีการจัดพิธีกรรมในลักษณะเหล่านี้ขึ้นมาอีกกี่ครั้ง ก็เป็นที่ลำบากใจแก่ผู้ที่เห็นต่างที่เข้ามาทำหน้าที่ตัวแทนมุสลิมทั้งประเทศในสำนักจุฬาราชมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำองค์กรที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ ที่มีหน้าที่มาวางนโยบาย  ตั้งแผนงานในแต่ละปี ย่อมเป็นการยากที่จะปรับจุดยืนที่เคยทำมาแล้ว เว้นเสียแต่ว่าด้วยความเกรงใจ เกรงกลัว หรือ เห็นด้วยกับนโยบายที่ผ่านมา ที่ผู้นำคนใหม่จะเริ่มต้นทำงานด้วยบรรยากาศที่ไม่กดดันอะไรนัก

สรุปง่ายๆสำหรับท่าน Rayes การที่จุฬา หรือสำนักงานจุฬาราชมนตรี ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมในนามผู้นำทางศาสนาอิสลามในการประกอบพิธีกรรมทำบุญประเทศร่วมกับศาสนาอื่นๆในสถานที่และเวลาเดียวกัน ตามดำริริเริ่มของผู้ปฏิเสธศรัทธา จึงถือว่าเป็นการสร้างมาตรฐานให้คนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฉันทานุมัติจากมุสลิมโดยทั่วไป และเป็นที่อนุมัติของศาสนาอิสลาม และยังเป็นการสร้างมาตรฐานของหน่วยงาน หรือองค์กรสำนักจุฬาราชมนตรีย์ ที่สมควรสานต่อพิธีกรรมนี้ต่อไปเป็นปกติวิสัย เพื่อแสดงออกถึงความสมานฉันท์ และเจตนาที่แสดงออกในความรักชาติ แก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นตามกระแสในปัจจุบันนั่นเอง

หวังว่าท่านคงเข้าใจ และหากยังไม่เข้าใจก็คงสุดวิสัยจริงๆที่กระผมจะช่วยท่านได้แล้วครับ ท่าน Rayes

วัสสลาม

[rayes]

 salam
มาอัฟด้วยทั่นอาจานด้วยตอนแรกว่า จะไม่ติงแล้ว แต่ทั่นอาจานตอบแบบเหวงเกินไป ทั่นอาจานเข้าใจหรือเปล่าคำว่า องค์ประกอบ หรือ เข้าองค์ประกอบ องค์ประกอบคำนิยามมีอะไรบ้าง และเข้าองค์ประกอบข้อไหนบ้าง 1 2 3 ไม่ใช่มั่วเอาเอง  แล้วมาสรุปเองว่า จึงถือว่าเป็นการสร้างมาตรฐานให้คนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฉันทานุมัติจาก มุสลิมโดยทั่วไป แบบนี้ ดำน้ำครับ ยกมาเลยครับ องค์ประกอบของคำนิยามว่า การมาตรฐาน (Standardization)หรือ ที่ทั่นอาจานมาบิดเบือนจากต้นฉบับว่า การสร้างมาตรฐาน นั่นแหละ หากทั่นอาจานมั่วมาแบบนี้ วิเคราะห์แบบอ่านธงไม่เข้าใจแบบนี้ทั่นอาจานสอบ ได้ F แน่นอน ฉะนั้นทั่นอาจาน ลองกลับไปดูองค์ประกอบของคำนิยามใหม่สิครับว่า คำนิยามที่คุณ ยกมาแปะแบบลักไก่นั้น  

ส่วนนิยามของการสร้างมาตรฐาน ถ้าท่านไม่เข้าใจก็ขออ้างองค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Organization for Standard : ISO ) ที่ได้นิยามคำว่า การสร้างมาตรฐาน (Standardization) หมายถึง กิจกรรมในการวางข้อกำหนดเกี่ยวเนื่องกับปัญหาสำคัญที่อยู่หรือที่จะเกิดขื้น เพื่อให้เป็นหลักเกณฑ์ที่มีใช้กันทั่วไปจนเป็นปกติวิสัย โดยมุ่งให้บรรลุถึงความสำเร็จสูงสุดตามข้อกำหนดที่วางไว้ ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดการปรับปรุงความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ กรรมวิธี และการบริการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้[/u]

  เกี่ยวข้องกับการที่คนของจุฬาไปร่วมงานทำบุญประเทศอย่างไร และ ครบองค์ประกอบตามคำนิยามหรือไม่ ที่จะเรียกว่า จุฬาได้สร้างมาตรฐาน  ดูที่ตัวแดงๆครับทั่นอาจาน ผมย้ำอยู่ตรงนี้แหละ ยกมาเลยครับ 1 2 3 4 ....วะฮาบีบางคนมีอคติกับจุฬาอยู่แล้วเลยพยายามเล่นคำ เพื่อให้ฝ่ายตัวเองดูดี

......ตอนแรกสุดทั่นอาจานบอกว่า ท่านจุฬาได้สร้างมาตรฐาน.... ผมเลยถามว่า ไหนลองเอาคำนิยามของ คำว่า สร้างมาตรฐาน มาสิ ทั่นอาจานก็เลยใช้นิสัยเดิม คือ ไปเสร์ทแล้วก็อปมา แต่ที่เจอส่วนมากเขาจะใช้คำว่า  การมาตรฐาน (Standardization)  ทั่นอาจานเลยบิดเบือนจากข้อความเดิมใหม่ เพื่อให้ตรงกับคำถามที่ผมถาม และดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น กลายเป็น การสร้างมาตรฐาน ทั้งที่หลายเว็ปที่ผมเจอหากเป็นประโยคแนวแบบนี้  คำนิยามแบบนี้ ไม่มีใครแปลแบบทั่นอาจานเลย ผมเลยขอให้กลับไปดูใหม่ว่าเขียนมาผิดหรือเปล่า  พอผมขอให้ลงลิ้งค์ทั่นอาจานบอกว่าเอามาจากหนังสือ พอผมบอกว่า ให้เอา ชื่อหนังสือ กับบอกหมายเลขหน้ามา ทั่นอาจานก็บอกว่า เอามาจากแผ่นพับ..อืม หากทั่นอาจาน ไปดูประมวลกฎหมาย แล้วเจอคำ ว่าผู้สืบสันดาน ทั่นอาจานยกเลขมาตรามาตรงแป๊ะ แต่ทั่นอาจานคิดเอาเองว่าคำนี้มันดูหยาบๆเลยเปลี่ยนคำใหม่ผลจะเป็นอย่างไร...ท่านนักวิชาเกิน

วัสลาม
..
  

[Hantu]

 salam

ผมได้นำคำอธิบายของคุณทั้งหลายไปให้ลูกฟังแล้วครับ
ลูกผมเข้าใจและอัลฮัมดูลิลละห์กับคำอธิบายของคุณละลิกละลี้ครับ
ทั้งเหตผลและการยกตัวอย่างให้เห็นภาพ  เข้าใจง่ายดีครับ
ส่วนคุณคนอื่นก็ขอให้อัลลอฮตอบแทนทุกท่านครับที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
กระทู้หัวข้อนี้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ผมตั้งแล้วครับ
ฉะนั้น ผมขออนุญาตปิดกระทู้นะครับ (เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องอื่น)
 นอกจากว่าจะมีคนเห็นแย้ง ฝากแอดมินด้วยนะครับ
วาบิลลาฮีเตาฟิก วาเราะมาตุลลอฮีตาอาลา ฮีวาบารอกาตุฮ

[Azharion]

         salam  อ่านกระทู้นี้รู้สึกท้อใจซะเหลือเกิน  เถียงกันอยู่ได้ แค่คำว่า มาตรฐาน เนี๊ยะ ผมดูแล้วก้อคงจะเถียง คำนิยามกัน

ไม่รู้จักจบจักสิ้นนะครับ งั้นผมขอ ฝากคำ ไว้ มั่งนะครับ ตอบกับตัวเองว่า คำนิยาม คืออะไร มีความหมายว่ายังไงนะครับ

1. คนดี

2. คนชั่ว

3. สุภาพชน

4. ด้อยการศึกษา

5. ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

6. ฟิตนะห์

     ขอฝากไว้แค่นี้ครับ ขอคำนิยามจากทั้ง 2ฝ่าย เลยนะครับ คุน ราเยส กับ คุณ laliklalee

  แล้วก้ออยากจะให้เอาไป ตรึกตรอง ไว้ในสมองอันน้อยนิด ด้วยนะคับว่า เราจัดอยู่ในประเภทจำพวกไหน

  การกระทำภายนอก จะแสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ภายใน นะครับผม ฝากไว้แค่นี้ครับ

[laliklalee]

 salam

ยังงัยก็ขอบคุณบัง Hantu มากครับ ที่แสดงความจริงใจออกมา ขออัลลอฮ์ ของชี้นำ และรับการงานที่ท่านได้แสวงหาด้วยความพยายามอย่างแท้จริง แง่มุมทางศาสนารบกวนไปอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ที่นี่ครับ

http://www.mureed.com/article/MR_Ceremony/MR_Ceremony.htm



.......

ผมลองพยายามย้อนไปดูข้อมูลเก่าว่าจุฬายุคใดที่ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้เก่าที่สุด ในการร่วมทำพิธีทำบุญประเทศ เจอพิธีกรรมนี้

http://www.tanai-korat.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=tanai-koratcom&thispage=20&No=235268

ใครมีเก่ากว่าก็ร่วมแสดงข้อมูลได้ครับ
....

“  วัน ปวงประชารวมใจ สร้างสันติสุขสู่แผ่นดิน  “

22 - 29  กรกฎาคม พ.ศ.2550

 

เครือข่ายประชารวมใจเพื่อสันติสุข  ซึ่งเป็นการวมตัวของประชาชนองค์กรต่าง ๆ นั้น มีความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสถานการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้  จึงได้ปรึกษาหารือที่จะรณรงค์สันติภาพและ จัดกิจกรรมร่วมกัน  เพื่อรวมใจประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน สร้างสันติสุขกลับคืนสู่ประเทศในเร็ววัน

พร้อมกับเป็นการระลึกถึงและให้กำลังใจแก่บุคคลผู้มีคุณูปการและทำคุณความดีให้แก่แผ่นดิน ได้แก่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์   ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วีรบุรุษประชาธิปไตยที่แท้จริง  วีรชนที่พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดิน เป็นอาทิ

การรณรงค์จะกระทำกัน 3 การเคลื่อนไหวใหญ่ ดังต่อไปนี้

1.         วันทำบุญประเทศ เพื่อสร้างสันติสุขสู่แผ่นดิน      โดยประชาชนทุกภาคส่วน ในวันอาทิตย์ที่  22  กรกฎาคม  พ.ศ.2550

จุดรวมพล คือ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี

กำหนดการจัดงาน “ ปวงประชารวมใจ สร้างสันติสุขสู่แผ่นดิน ”

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม  2550 เวลา 6.30 – 10.30 น.

ณ บริเวณสวนลุมพินี  กรุงเทพมหานคร

จัดโดย เครือข่ายประชารวมใจเพื่อสันติสุข

06.30 – 08.30 น.              พิธีการทางศาสนา ของศาสนิกชนกลุ่มต่าง ๆ

                        - พิธีทางศาสนาพุทธ  ตักบาตรพระสงฆ์ 999 รูป

                        - พิธีทางศาสนาอิสลาม

                        - พิธีทางศาสนาคริสต์

                        - พิธีทางศาสนาซิกข์

                        - พิธีทางศาสนาฮินดู

            ผู้นำทางศาสนา  กล่าวแสดงธรรม  ท่านละ  5  นาที

08.30 – 09.30 น.              - ประธานจัดงานกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน

                        - คณะประธานในพิธีกล่าวสุนทรพจน์ “รวมใจสร้างสันติสุขสู่แผ่นดิน”

09.30 – 10.00 น.              - ประกาศเจตนารมณ์

                        - กล่าวคำปฏิญาณ

                        - เชิญชวนร่วมกันอธิษฐานจิตพร้อมกันโดยผู้นำทุกศาสนา 3 นาที

10.00 – 10.30 น.              - บทกวีเพื่อสันติสุขของผองชน

                        - ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา

                        - ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

10.30 น.                  ปิดงานทำบุญ      

ในวันทำบุญประเทศ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ให้สวมใส่เสื้อเหลือง หรือชุดเหลืองอื่นๆ   เพื่อสร้างทะเลประชาชนสีเหลือง ผู้รักสันติ และ สร้างสันติสุขให้เกิดแก่แผ่นดินให้จงได้

2.         โครงการรณรงค์ แรลลีสันติภาพ ทุกภาคมุ่งสู่ใต้ วันเสาร์ 28 – วันอาทิตย์ ที่ 29 กรกฎาคม  พ.ศ.2550

ต่อเนื่อง จากวันทำบุญประเทศ อาทิตย์ที่  22  กรกฎาคม  พ.ศ.2550 เครือข่ายประชารวมใจ ฯ ร่วมกับประชาชนผู้รักสันติ  ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ จะทำการรณรงค์สันติภาพและประชาธิปไตย   ด้วยขบวนรถแรลลีสันติภาพ อย่างน้อย 80 คัน มุ่งหน้าสู่ใต้ ตามกำหนดการสังเขปคือ

วันที่ 27 กรกฎาคม  พ.ศ.2550

ขบวนรถรณงค์สันติภาพและประชาธิปไตย  จากภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออก มุ่งหน้ามารวมกันที่ กรุงเทพมหานคร

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2550

พิธี ปล่อยขบวนรถแรลลีสันติภาพ  จากลานพระบรมรูปทรงม้า มุ่งหน้าสู่ภาคใต้

ระหว่างการเดินทาง จะมีการรณรงค์สันติภาพ และ ประชาธิปไตย ตลอดเส้นทาง

เข้าสู่จังหวัดชุมพร  ประชาชนทุกส่วน ร่วมกับหน่วยราชการ ทำพิธีต้อนรับ ขบวนสันติภาพ  แลกเปลี่ยนธงและใบประกาศสันติภาพต่อกัน

เปิดเวทีสันติภาพและประชาธิปไตย   ร่วมกับพี่น้องจากจังหวัดภาคใต้ตอนบน

วันที่  29  กรกฎาคม  พ.ศ.2550

เดินทางจากจังหวัดชุมพร  มุ่งหน้าสู่หาดใหญ่  ตลอดเส้นทางจะรณรงค์สันติภาพและประชาธิปไตย ร่วมกับพี่น้องภาคใต้

สมทบกับขบวนจักรยานเสือภูเขา ที่มารอต้อนรับ และร่วมขบวนรณรงค์พร้อมกันเพื่อเดินทางเข้าสู่เขตเทศบาลเมืองหาดใหญ่

พิธีต้อนรับ ขบวนรณรงค์สันติภาพ จากประชาชนและหน่วยราชการ จังหวัดสงขลา พร้อมมอบธงสันติภาพ กำลังใจ และน้ำใจพร้อมเงินและสิ่งของบริจาค จากพี่น้องประชาชนไทยภาคอื่นๆ

เปิดเวทีสันติภาพและประชาธิปไตย ร่วมกับพี่น้องภาคใต้ตอนล่าง

3.         วันทำบุญหัวเมือง เพื่อสร้างสันติสุขสู่แผ่นดิน โดยประชาชนจังหวัดต่างๆ ในวันอาทิตย์ที่  29  กรกฎาคม  พ.ศ.2550

เพื่อให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ได้มีโอกาส ร่วมกันสร้างสันติสุขและทำบุญให้แก่แผ่นดินด้วยกัน เครือข่ายประชารวมใจฯ จึงได้ประสานงาน พี่น้องประชาชนผู้รักสันติตามจังหวัดต่างๆทุกภาค  เพื่อจัดงานทำบุญตามหัวเมือง 50 จังหวัด อาทิเช่น

ภาคอีสาน : นครราชสีมา  บุรีรัมย์  ชัยภูมิ  ขอนแก่น  อุดร  เลย  ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ  เป็นต้น

ภาคเหนือ : กำแพงเพชร  พิษณุโลก  พิจิตร  นครสวรรค์  เพชรบูรณ์  ตาก เป็นต้น

ภาคกลางและภาคตะวันออก : ระยอง  ชลบุรี  พัทยา  เพชรบุรี  นครปฐม  สระบุรี ลพบุรี   เป็นต้น

ภาคใต้ : ชุมพร  สุราษฎร์ธานี  พัทลุง  สตูล  หาดใหญ่  ภูเก็ต  เป็นต้น

โดยจังหวัดต่างๆนี้ จะจำลองกำหนดการจัดงานจาก กำหนดการวันที่  22  กรกฎาคม พ.ศ.2550 ไปเป็นงานของแต่ละจังหวัด  พร้อมกันกับงานพิธีต้อนรับ ขบวนรถแรลลี รณรงค์สันติภาพและประชาธิปไตย  จาก กรุงเทพมหานคร ซึ่งเดินทางไปถึง หาดใหญ่ ในวันที่  29  กรกฎาคม  พ.ศ.2550  

 

 

เครือข่ายประชารวมใจเพื่อสันติสุข

 วันที่   15   กรกฎาคม  พ.ศ.2550

            รายชื่อองค์กรเข้าร่วมการจัดงาน

1.         สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย

2.         มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน

3.         เครือข่ายองค์กรชาวพุทธ

4.         สำนักจุฬาราชมนตรี

5.         คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร

6.         คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปทุมธานี

7.         คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนนทบุรี

8.         คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา

9.         คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครนายก

10.       สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย

11.       มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย

12.       สมาคมนักศึกษาผู้ใหญ่ธรรมอิสลาม

13.       สมาคมสื่อมวลชนมุสลิม

14.       ชมรมมุสลิมเพื่อความมั่นคงภายในประเทศ

15.       สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย

16.       สำนักงานสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย

17.       สำนักงานวาติกันในกรุงเทพมหานคร

18.       องค์กรชาวซิกข์

19.       สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

20.       สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟ นครราชสีมา

21.       สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด

22.       สมัชชาประชาชนกรุงเทพ

23.       สมัชชาประชาชนจังหวัดอุดร

24.       สมัชชาประชาชนจังหวัดขอนแก่น

25.       สมัชชาประชาชนจังหวัดเลย

26.       สมัชชาประชาชนจังหวัดชัยภูมิ

27.       สมัชชาประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์

28.       สมัชชาประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด

29.       สมัชชาประชาชนจังหวัดอำนาจเจริญ

30.       ภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย

31.       สมัชชาประชาชนจังหวัดนครสวรรค์

32.       เครือข่ายประชาชนกำแพงเพชร

33.       เครือข่ายคนกรุงเทพรักสันติ

34.       เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน

35.       เครือข่ายรณรงค์สื่อต้านคอร์รัปชัน

36.       เครือข่ายการเมืองภาคพลเมือง

37.       ชมรมทหารกองหนุน บุรีรัมย์

38.       ชมรมร่วมใจไทยกู้ชาติ

39.       กลุ่มพลังเงียบกรุงเทพ

40.       กลุ่มธุรกิจรายย่อย

41.       คนราชบุรีรักแผ่นดิน

42.       สมาพันธ์ประชาธิปไตยภาคใต้

43.       สมัชชาประชาชนภูเก็ต

44.       สมัชชาประชาชนสมุย

45.       สมัชชาประชาชนพัทลุง

46.       สมัชชาประชาชนสตูล

47.       กองทัพธรรมมูลนิธิ

48.       บริษัทถอยหลังสู่ครรลองจำกัด

49.       บริษัทสื่อสุขภาพจำกัด

50.       สถานีวิทยุ 92.00 เสียงกรรมกร นครราชสีมา

51.       สถานีวิทยุเสียงกรรมกร หาดใหญ่

[laliklalee]

หลังจากนั้นก็มีพิธี ต่อเนื่อง 12 วัน 12 คืน ที่สนามหลวง จุฬาก็ส่งคนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม

http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1-70238.html


สยามมงคลพิธี วิถีนี้ร้อยใจชาวสยาม

--------------------------------------------------------------------------------

ขอเชิญร่วมสร้างเครื่องบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยถวายวัดท่าซุงในงานกฐินประจำปี 53.

โต๊ะบวงสรวงใช้ชื่อว่า'นำสู่พระนิพพาน'โดยครั้งนี้ขอตั้งชื่อให้ว่านำสู่พระนิพพานชื่อเป็นเป้าหมายของเราทุกคนในการปฏิบัติธรรม

โดยจะจัดสร้างในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของชาวเว็บพลังจิตและจะถวายรวมกับในงานกฐินวัดท่าซุงประจำเหมือนทุกปี
Hide Box

Show Box
คำกล่าวที่ว่า "ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ" ดูเหมือนจะไม่มีความหมาย หากจิตใจไม่รู้สึกทุกข์ หากเปรียบประเทศไทยเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและจิตใจ


ประเทศไทยในตอนนี้คงต้องการเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่สำคัญยิ่งคือ "ศาสนา" เพราะหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ภาวะอึมครึม จนมีเหตุเพศภัยมาแผ้วพานอยู่เนืองๆ

รัฐบาลภายใต้การนำของขิงแก่อย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นข้อสำคัญตรงจุดนี้ จึงรังสรรค์งานบุญภายใต้ชื่อ "พิธีสยามมงคล" ขึ้น เพื่อร้อยดวงใจทุกดวงของคนไทยไว้ด้วยกัน โดยยึดพื้นที่ท้องสนามหลวงเป็นสถานที่จัดพิธีทางศาสนาถวายพระพรชัยมงคลถึง 12 วัน 12 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. ถึง 11 ก.พ.

ภายในงานประกอบด้วยการประกอบพิธีกรรมของ 5 ศาสนา ประกอบด้วย พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู ซิกข์ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความขลังให้กับราชพิธี ทุกศาสนาจึงทำพิธีสวดเจริญภาวนาในช่วงย่ำค่ำ เพื่อยังผลให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และจะทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาในปีนี้ด้วย

โดยงานนี้มีหัวเรืออย่าง พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการพิธีสยามมงคล ซึ่งเขาเปิดเผยถึงจุดประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุขว่า เราจัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้คนไทยทุกคนได้ถวายความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพราะเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่จะหลอมใจคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้คือ ศาสนา เพราะคำสอนของทุกศาสนาต่างสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และศาสนาก็ช่วยชโลมจิตใจคนเราให้ใสสะอาด จึงอยากให้คนไทยมาร่วมพิธีมงคลนี้ ถือเป็นการร่วมสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่เพื่อในหลวงและเพื่อชาติ

ขณะที่เสียงสวดอันศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนาดังเซ็งแซ่ เหล่าประชาชนก็ต่างทยอยกันมาร่วมรัฐพิธีกันอย่างไม่ขาดสาย แต่อีกด้านหนึ่งก็มีผู้นำศาสนาต่างขะมักเขม้นกับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของตัวเอง โดย "พรเทพ นาราฤทธิ์" รองประธานสมาคมฮินดูสมาส สนทนากับเราอย่างเป็นกันเองหลังประกอบพิธีทางศาสนาว่า เราจะสวดขอพรจากพระรามที่เป็นหนึ่งในเทพเจ้าของศาสนา ซึ่งมีความหมายเพื่อขอให้คนไทยอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข โดยเราได้ส่งความระลึกไปยังพี่น้องที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้สถานการณ์ในภาคใต้สงบลง

"ผมมองว่าวิธีที่ทางการใช้แก้ปัญหาภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นการส่งเจ้าหน้าที่ลงไป หรือใช้การจับกุมที่รุนแรง ก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง โดยส่วนตัวจึงมองว่าสิ่งที่สามารถบรรเทาความทุกข์ในใจของพี่น้องภาคใต้คือศาสนา ซึ่งทางศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็ไม่นิ่งเฉย แต่กำลังจะสร้างพระพิฆเนศหน้าตักใหญ่ 7 เมตร เพื่อนำไปประทับที่ จ.นราธิวาส เพราะเราเชื่อว่าพระพิฆเนศจะนำความร่มเย็นมาสู่ภาคใต้ได้" รองประธานสมาคมฮินดูสมาสกล่าว

ความรู้สึกของ "พรเทพ" คงไม่ต่างจากความรู้สึกของศาสนาจารย์ ดร.บุญรัตน์ มูลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ว่า ในแต่ละวันคริสต์ศาสนิกชนจะมาสวดเพื่อขอพรจากพระเจ้า โดยอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าให้ทรงคุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และสวดเพื่อขอพรให้คนไทยทุกคนหันมามีธรรมะในใจและปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา โดยมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเรา เกิดขึ้นเพราะมีคนไทยบางคนโลภ หลง อยากได้ อยากมี จนความรู้สึกผิดๆ มาปิดบังใจไม่ให้เห็นธรรมะ ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยใช้ธรรมะในใจชำระใจให้สะอาด

ดูเหมือนความคาดหวังในใจของทุกๆ ศาสนา คือ ความต้องการในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาที่ถูกหยิบยกมาสนทนาบ่อยครั้งมากที่สุดคือ ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ โดยประเด็นนี้ "นายอัสหมัดวิชัย แสงสุข" ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักจุฬาราชมนตรี ให้มุมมองอย่างน่าสนใจว่า ขณะนี้สังคมไทยอยู่ในภาวะร้าวฉาน เกิดความรู้สึกแตกแยก หลายเรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยข้อแบ่งแยกทางศาสนา แต่หลายคนก็ยึดโยงให้มันเป็นเช่นนั้น

"หลายต่อหลายครั้งผู้มีอำนาจใช้กำลังและความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา จนเป็นหนทางก่อปัญหาขึ้นอีก ดังนั้นแนวทางสร้างความสมานฉันท์อย่างแท้จริงคือ การหันหน้าเข้าหากันโดยมีศาสนาเป็นเครื่องนำใจ จึงน่าจะเป็นแนวทางสมานฉันท์อย่างแท้จริง" คุณวิชัยกล่าวย้ำถึงประโยชน์ในการประกอบพิธีทางศาสนา

สิ่งรวมใจที่ดีอย่างหนึ่งที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ศรัทธาและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของประชาชนชาวไทยคือ การร่วมลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการจารึกบนแผ่นโลหะเพื่อนำไปหล่อเป็นพระพุทธรูป "พระพุทธรวมใจไทยทั้งชาติ" เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จากปรากฏการณ์การไหลรวมเป็นหนึ่งเดียว ณ ท้องสนามหลวงของหมู่ชน 5 ศาสนา ที่จัดขึ้นแล้ว 6 วัน และมีแรงศรัทธาเฉลี่ยวันละ 1 หมื่นคน จะทำให้คำกล่าวที่ว่า "หากมีศรัทธา แม้แต่ภูเขาก็สามารถเขยื้อนได้" เกิดขึ้นได้จริง.

[laliklalee]

ล่าสุดไม่ทราบว่าใครมีข้อมูลบ้างครับ ว่าจุฬาท่านใหม่ส่งใครไปร่วมพิธีกรรมลักษณะนี้หรือไม่?

[บาชีร]

อุลามาอฺเขาทำ แสดงว่าเขาต้องรู้ว่ามีทางออกที่ทำให้เขาทำได้(มีสาเหตุทางศาสนา)

คนอาวาม สมองไปไม่ถึงอย่าบังอาจเอื่อมมือไปนินทา ผู้รู้

นินทาผู้รู้คือบาปใหญ่ ตามมัสฮับชาฟิอี

เห็นด้วยกับอาจารย์อาลี เสือสมิงครับ ในลิ้งดังกล่าว

[ILHAM]

ผมเริ่มเสื่อมศรัทธากับพวกกรรมการจังหวัดแล้วล่ะ ตอนงานปฐมนิเทศ มีลูกกรรมการจังหวัดไหนไม่รู้ติดม.ผม พ่อเขาบอกว่าข้าวซีพีกินได้ แล้วไอเด็กนี้เสือกกินข้าวที่รุ่นพี่แจก แม้มันจะเป็นอาหารทะเลก็เถอะ มันบอกว่ามันใช้วิจารณญาณดีแล้ว
ช่างมัน พ่อมันรับผิดชอบเอาเองแล้วกัน เลี้ยงลูกยังไงวะเนี่ย