ในส่วนของหะดิษที่ว่า...
رأيت ربي في صورة شاب موقر، جعد قطط، عليه نعلان، رجلاه في خضرة
"ฉันเห็นผู้อภิบาลของฉันในรูปของชายหนุ่มผมดก หยิกหยักศก มีสองรองเท้า และสองเท้าพระองค์อยู่ในสรวงสวรรค์ที่
เขียวชอุ่ม."
หะดิษบทนี้ถูกกล่าวขึ้นในหลายสำนวน แต่ทุกสำนวนล้วนมีความที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งปราชญ์มีทัศนะต่อหะดิษเหล่านี้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ..
1.หะดิษนี้ฎออีฟ ตามทัศนะส่วนมากของปราขญ์ผู้ทรงความรู้ อาทิ..
ท่านอิมาม อะหฺมัด บิน หัมบัล ดูตำรา المنتخب من علل الخلال โดย ท่านอิบนุ กุดามะฮฺ หน้าที่ 284
ท่านอิมาม อัล-นะซาอีย์ ดูตำรา العلل المتناهية โดย ท่านอิบนุ เญาซีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 30
ท่านยะห์ยา อิบนุ มะอีน ดูตำรา تاريخ بغداد โดย ท่าน คอฏีบ เล่มที่ 13 หน้าที่ 311
ท่านอิบนุ หิบบาน ดูตำรา الثقات เล่มที่ 5 หน้าที่ 245
ท่านอิบนุ เญาซีย์ ดูตำรา العلل المتناهية เล่มที่ 1 หน้าที่ 36
ท่านอิมาม อัษ-ษะหะบีย์ ดูตำรา سير أعلام النبلاء เล่มที่ 10 หน้าที่ 113
ท่านอิมาม อัส-สุบกีย์ ดูตำรา طبقات الشافعية الكبرى เล่มที่ 2 หน้าที่ 312
ท่านอิมาม อิบนุ หะยัร อัล-อัสเกาะลานีย์ ดูตำรา تهذيب التهذيب เล่มที่ 10 หน้าที่ 86
ท่านอิมาม อัช-เชากานีย์ ดูตำรา الفوائد المجموعة หน้าที่ 447
2.หะดิษนี้เศาะเหี๊ยะฮฺ ตามทัศนะของปราช์บางส่วน อาทิ..
ท่านอะบู ซัรอะฮฺ อัด-ดิมัชกีย์ ดูตำรา الرؤية للدارقطني หน้าที่ 358 ,และตำรา إبطال التأويلات โดยท่านอะบีย์ ยะอฺลา เล่มที่ 1 หน้าที่ 140
ท่านอะบูหะสัน บิน บัชชาร ดูตำรา إبطال التأويلات โดย ท่านอะบีย์ ยะอฺลา เล่มที่ 1 หน้าที่ 142,222
ท่านอะบู ยะอฺลา ดูตำรา إبطال التأويلات เล่มที่ 1 หน้าที่ 141
ท่านอิบนุ เซาะดะเกาะฮฺ ดูตำรา تلبيس الجهمية เล่มที่ 7 หน้าที่ 223
ท่านอิบนุ ตัยมียะฮฺ ดูตำรา بيان تلبيس الجهمية เล่มที่ 7 หน้าที่ 222
….
ในเมื่อมีอุลามาอ์ที่ผู้ยึดกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์(ที่ถูกเรียกว่า วาฮาบีย์) เชื่อถือ มีทรรศนะต่อฮาดีษบทนี้แตกต่างกันสองทรรศนะ แต่ทั้งสองตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกันที่ว่า وَلَمْ يَكُن لَّهُ كُفُوًا أَحَدٌ (อัล-อิคลาศ:4) “ และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ” คือ อัลลอฮ์ไม่ทรงเหมือนมัคลูคทั้งมวล
ถึงแม้จะมีการยกตำรับตำราของผู้รู้หลายท่านมาดิสเครดิตโดยท่านอัชอารีย์ แต่พึงเข้าใจเสียใหม่ว่า ผู้ที่ยึดกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์นบีนั้น ไม่ได้มีพฤติกรรมเหมารวม และปกป้องใครอย่างไม่ลืมหูลืมตา อย่างที่หลายแนวทางยึดถือ เรายึดอูลามาอ์เป็นสื่อ หรือ เครื่องมือที่จะนำไปสู่หลักการอิสลามที่แท้จริง ท่านต้องยอมรับปัจจัยพื้นฐานสิ่งหนึ่งว่า อูลามาอ์เป็นมนุษย์ และมนุษย์มีความบกพร่อง มีความผิดพลาด อูลามาอ์ก็มีโอกาสผิดพลาด ซึ่งหากไม่เจตนาผิดพลาด แต่ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว อัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตาก็ยังทรงตอบแทนความดีในการพยายามนั้น ผู้ที่ยึดกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์นั้น ย่อมหลีกห่างจากการตะอัศศุฟอย่างแน่นอน เรื่องใดพิสูจน์แล้วอูลามาอ์ถูกก็ต้องยอมรับ เรื่องได้ผิดก็ต้องยอมรับ แยกแยะเป็นเรื่องๆไป การนำหนังสือที่มีความผิดพลาดมาฮูก่มคนคนนั้น ทุกช่วงเวลาทั้งชีวิต ในทุกเรื่องเป็นธรรมกับคนเหล่านั้นแล้วหรือไม่ ท่าน อัชอารีย์???
มุสลิมผู้ยึดกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์ มองอูลามาอ์ที่มีทรรศนะต่อฮาดีษนี้ในแง่ดีบนพื้นฐานของความจริงที่เป็นไปได้ ไม่พยายามยัดเยียดอากีดะฮ์เหล่านี้ให้อย่างไม่เป็นธรรม เพราะทั้งสองแนวการวิเคราะห์ล้วนปฏิเสธการเปรียบเทียบพระองค์เป็นมัคลูคในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งสิ้น คนละกรณีกับการปฏิเสธ บิดเบือน หรือลดทอน คุณลักษณะของอัลลอฮ์อย่างที่บางกลุ่มกำลังยึดถืออยู่ มุสลิมที่ยึดหลักฐานเป็นอันดับแรก ความเข้าใจตนเองเป็นอันดับรอง มักคิดเสมอว่าเมื่อหลักฐานสามารถยืนยันความเท็จจริงของตัวเองได้แล้วแต่ขัดแย้งกับความเข้าใจ ย่อมเป็นหน้าที่ที่จะปรับความเข้าใจของตนเองให้ตรงกับชนยุคแรกที่เข้าใจ ชนยุคแรกๆเข้าใจกันอย่างไร
ทรรศนะแรก มองว่าเนื้อหาฮาดีษขัดต่อหลักอากีดะฮ์ของซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์ เพราะเมื่อพระองค์ไม่สามารถเหมือนในความเป็นจริง แล้วในความฝันก็ต้องไม่เหมือนเช่นกัน ถึงสายรายงานถูกต้องตามหลักวิชา แต่ เนื้อหาไม่เป็นที่ยอมรับได้ จึงถือว่าฮาดีษบทนี้ เมาฎัวะโดยเนื้อหา เป็นการยึดหลักวาเราะอ์ คือดีกว่า ละทิ้งสิ่งที่เคลือบแคลง สงสัย ไปสู่สิ่งที่สบายใจกว่า
ทรรศนะที่สอง มองว่า สิ่งต่างๆที่มองเห็นในความฝันไม่จำเป็นว่าต้องเหมือนกัน กับสภาพความเป็นจริงเสมอไป เช่นเดียวกับ กรณีความฝันของนบียูซุฟ ที่เป็นการเปรียบเทียบสภาวะฝันกับความเป็นจริง ไม่ใช่เปรียบเทียบระหว่างมัคลูคกับ อัลลอฮ์ ตามที่มีผู้แย้งแต่ประการใด ทรรศนะนี้เข้าใจว่าความฝันกับความจริงแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งการฝันเห็นอัลลอฮ์นั้นได้เคยเกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะกับท่านนบีเพียงเท่านั้น ปราชญ์ในยุคอดีตหลายๆ ท่าน ต่างก็เคยฝันถึงอัลลอฮฺเช่นกัน เช่นมีรายงานว่า ท่านอิมามอะหฺหมัดเอง ก็เคยฝันเห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา มามากกว่า 100 ครั้ง แม้ไม่มีรายงานสักตัวบทเดียวที่ระบุว่า อิมามอะห์มัด ฝันเห็นว่า อัลลอฮฺมีรูปร่างหรือรูปพรรณสัณฐานอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีรูปร่าง หรือ ลักษณะสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นการบ่งบอกถึงการมีอยู่ในฝันให้เห็นได้ของพระองค์ และหากเชื่อว่าการเห็นของอิหม่ามอะห์มัดเป็นความจริง และความฝันไม่สามารถแยกจากความจริงได้แล้ว ย่อมขัดแย้งกับหลักอากีดะฮ์ที่ว่า ไม่มีมัคลูกใดเคยเห็นพระองค์เป็นแน่
{ لاَّ تُدْرِكُهُ الأَبْصَارُ وَهُوَ يُدْرِكُ الأَبْصَارَ وَهُوَ اللَّطِيفُ الْخَبِيرُ } (อัล-อันอาม:103)
“สายตาทั้งหลายย่อมไม่ถึงพระองค์ [1]แต่พระองค์ทรงถึงสายตาเหล่านั้น[2] และพระองค์ก็คือผู้ทีรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ”
[1] คือไม่สามารถจะมองเห็นพระองค์ได้ [2] พระองค์ทรงเห็นพวกเขาและสายของพวกเขา
ท่านอัชอารีย์อาจกำลังร้อนรน สับสน หรือไม่? เพราะอูลามาอ์ในอดีตที่ท่านเองก็ยอมรับนับถือ คือท่านอิหม่ามสุยูฏีย์(ซูฟีย์เฏาะรีเกาะฮ์อัชชาซุลีย์ )เอง ก็ยังมีความเห็นว่าถึงแม้ว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษเมาฎูอฺตามทรรศะแรกข้างต้น และท่านก็กล่าวตบท้ายในหนังสืออัลละอาลีของท่านเป็นการเผื่อไว้ว่า "การมองเห็นดังกล่าว เป็นการมองเห็นในขณะที่นอนหลับ (ในความฝัน) ถ้าหากว่าสายรายงานของมันถูกต้องจริง" ซึ่งการตีความดังกล่าวก็สอดคล้องกับทัศนะของอิบนุตัยมิยะฮฺในทรรศนะที่สองเช่นกัน แต่ทำไมหนอ...ท่านอัชอารีย์กลับเลือกอุลามาอฺซูฟีย์ท่านนี้เพียงท่านเดียวที่อธิบายที่ยืนยันความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮ์ ที่ไม่ใช่ตัชบีฮ์(ยืนยันการคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค) ในเมื่อท่านอิหม่ามสุยูฏีย์ ก็อธิบายได้สอดคล้องกับทั้งสองแนวทางที่อูลามาอ์อธิบายไว้ และอัลลอฮฺตามความเข้าใจในการยืนยันของอิบนุตัยมิยะฮฺ ก็ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกับที่นบีศ็อลลัลลอฮุอะลบัยฮิวะสัลลัมเห็นในความฝัน ตามที่หลายๆคนพยายามยัดเยียดให้ และเช่นเดียวกับอูลามาอ์ในยุคสลัฟ ที่หลายๆท่านมีทัศนะสอดคล้องกับอิบนุตัยมิยะฮฺ อาทิ อบูหาติม อัรรอซีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 277 กล่าวว่า หะดีษอิบนุอับบาสเกี่ยวกับการมองเห็นอัลลอฮฺ حديث الرؤية เศาะหีหฺ ไม่มีใครปฏิเสธมัน นอกจากมุอฺตะวิละฮฺเท่านั้น อบูซุรอะฮฺ อัดดิมัชกีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 281 กล่าวว่า บรรดานักรายงานทั้งหมดเป็นที่รู้จัก
การที่ท่าน อัชอารีย์ ซุนนะฮ์สติวเด้นท์ และสาณุศิษย์พยายามยัดเยียด และฮูก่มอากีดะฮ์ผู้ที่ยึดแนวทางอากีดะฮ์ตามหลักฐาน ตามชนยุคสลัฟ โดยใช้สองมาตรฐานแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ??? ท่านพร้อมจะแลกอากีดะฮ์ท่านกับคนที่ท่านเรียกว่า “วาฮาบีย์” ทั้งหมดดุนยานี้แล้วหรือ? นับเป็นการเดิมพันที่สูงมากครับ ช่างกล้าหาญนัก