ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้าของวะฮาบีย์เป็นชายหนุ่มรูปงาม ผมดก ซุบฮานัลเลาะฮ์!  (อ่าน 10190 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ในกรณีที่อิหม่ามสุยูฏีย์ระบุว่า "หากสายรายงานนี้ถูกต้อง ก็จะเป็นการมองเห็นในความฝัน ไม่ใช่ขณะที่ตื่นอยู่" ถามว่าการตีความดังกล่าวของอิหม่ามสุยูฏีย์ทำให้เราเข้าใจว่า อัลลอฮฺของอิหม่ามสุยูฏีย์ที่นบีเห็นในความฝันนั้น มีรูปร่างเหมือนกับที่ท่านนบีเห็นด้วยหรือเปล่า

อัลอาลูซีย์ระบุในหนังสือตัฟสีรของท่านว่า
وظاهر كلام السيوطي أن الكيفية فيها لا تضر وهو الذي سمعته من المشايخ قدس الله تعالى أسرارهم ، والمسألة خلافية ، وإذا صح ما قاله المشايخ وأفهمه كلام السيوطي فأنا ولله تعالى الحمد قد رأيت ربي مناماً ثلاث مرات وكانت المرة الثالثة في السنة السادسة والأربعين والمائتين والألف بعد الهجرة ، رأيته جل شأنه وله من النور ما له متوجهاً جهة المشرق فكلمني بكلمات أنسيتها حين استيقظت ، ورأيت مرة في منام طويل كأني في الجنة بين يديه تعالى وبيني وبينه ستر حبيك بلؤلؤ مختلف ألوانه فأمر سبحانه أن يذهب بي إلى مقام عيسى عليه السلام ثم إلى مقام محمد صلى الله عليه وسلم فذهب بي إليهما فرأيت ما رأيت ولله تعالى الفضل والمنة

ปล. อยากให้พวกเราลองไปศึกษาจากหนังสือตะเซาวุฟบางเล่ม บางทีอาจจะพบเนื้อหาที่ระบุว่า บรรดากุฏุบหรือแกนนำเฏาะรีเกาะฮฺบางท่านก็เคยฝันเห็นอัลลอฮฺเหมือนกัน

ท่านอิมามอัลอะลูซีย์   ได้อ้างอิงการอธิบายคำพูดของอิมามอัสสะยูฏีย์นั้น  ไม่เกี่ยวกับฮะดีษ "ชายหนุ่มผมดก" สักนิดเดียวเลย
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ในกรณีที่อิหม่ามสุยูฏีย์ระบุว่า "หากสายรายงานนี้ถูกต้อง ก็จะเป็นการมองเห็นในความฝัน ไม่ใช่ขณะที่ตื่นอยู่" ถามว่าการตีความดังกล่าวของอิหม่ามสุยูฏีย์ทำให้เราเข้าใจว่า อัลลอฮฺของอิหม่ามสุยูฏีย์ที่นบีเห็นในความฝันนั้น มีรูปร่างเหมือนกับที่ท่านนบีเห็นด้วยหรือเปล่า

อัลอาลูซีย์ระบุในหนังสือตัฟสีรของท่านว่า
وظاهر كلام السيوطي أن الكيفية فيها لا تضر وهو الذي سمعته من المشايخ قدس الله تعالى أسرارهم ، والمسألة خلافية ، وإذا صح ما قاله المشايخ وأفهمه كلام السيوطي فأنا ولله تعالى الحمد قد رأيت ربي مناماً ثلاث مرات وكانت المرة الثالثة في السنة السادسة والأربعين والمائتين والألف بعد الهجرة ، رأيته جل شأنه وله من النور ما له متوجهاً جهة المشرق فكلمني بكلمات أنسيتها حين استيقظت ، ورأيت مرة في منام طويل كأني في الجنة بين يديه تعالى وبيني وبينه ستر حبيك بلؤلؤ مختلف ألوانه فأمر سبحانه أن يذهب بي إلى مقام عيسى عليه السلام ثم إلى مقام محمد صلى الله عليه وسلم فذهب بي إليهما فرأيت ما رأيت ولله تعالى الفضل والمنة

ปล. อยากให้พวกเราลองไปศึกษาจากหนังสือตะเซาวุฟบางเล่ม บางทีอาจจะพบเนื้อหาที่ระบุว่า บรรดากุฏุบหรือแกนนำเฏาะรีเกาะฮฺบางท่านก็เคยฝันเห็นอัลลอฮฺเหมือนกัน

ท่านอิมามอัลอะลูซีย์   ได้อ้างอิงการอธิบายคำพูดของอิมามอัสสะยูฏีย์นั้น  ไม่เกี่ยวกับฮะดีษ "ชายหนุ่มผมดก" สักนิดเดียวเลย

หรือ...ผมอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้ เพราะก่อนหน้านั้น อัลอาลูซีย์ได้ระบุไว้ว่า

وعلى هذا الطرز يحمل ما جاء في بعض الروايات المطعون بها ، رأيت ربي في صورة شاب ، وفي بعضها زيادة له نعلان من ذهب ، ومن الناس من حمل الرؤية في رواية الدارقطني على الرؤية المنامية ، وظاهر كلام السيوطي أن الكيفية فيها لا تضر

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

วะฮาบีย์อธิบายตีความไม่เหมือนกับอุลามาอฺซูฟีย์  อิหมามอัสสะยูฏีย์นั้นซูฟีย์เฏาะรีเกาะฮ์อัชชาซุลีย์  ส่วนท่านอิมามอัลอะลูซีย์นั้นเฏาะรีเกาะฮ์สายนักชะบันดีย์(หากจำไม่ผิด)  จะมาเทียบกันไม่ได้  แม้จะเป็นฮะดีษที่นำมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ แต่อุลามาอฺซูฟีย์ก็อธิบายที่ยืนยันความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮ์  ไม่ใช่ตัชบีฮ์(ยืนยันการคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค)

ดังนั้นคุณ GeT  พยายามเอาคำอธิบายของอุลามาอฺซูฟีย์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์  มาสนับสนุนแนวทางวะฮาบีย์ฟังไม่ขึ้นเลยครับ  เพราะช่างห่างไกลกันเหลือเกิน ระหว่างความบริสุทธิ์กับการตัชบีฮ์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 09, 2010, 07:26 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ในเรื่อง การฝันเห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา ปราชญ์ในยุคอดีตหลายๆ ท่าน ต่างก็เคยฝันถึงอัลลอฮฺกัน และมีรายงานว่า ท่านอิมามอะหฺหมัดเอง ก็เคยฝันเห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา มามากกว่า 100 ครั้ง แต่กลับไม่มีรายงานสักตัวบทเดียวที่ระบุว่า อิมามอะห์มัด ฝันเห็นว่า อัลลอฮฺมีรูปร่างหรือรูปพรรณสันฐานอย่างนั้นอย่างนี้...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 09, 2010, 08:51 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam

หากอาจารย์วะฮาบีย์โต้กับชีอะฮ์  วะฮาบีย์เสร็จชีอะฮ์แน่ ๆ นอกจากมาอยู่ในแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์  ถึงจะไร้มลฑิล

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
 salam

กำลังติดตามครับ เห็นเงียบไปเลย


วัสลาม

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ในส่วนของหะดิษที่ว่า...

 رأيت ربي في صورة شاب موقر، جعد قطط، عليه نعلان، رجلاه في خضرة

"ฉันเห็นผู้อภิบาลของฉันในรูปของชายหนุ่มผมดก  หยิกหยักศก  มีสองรองเท้า  และสองเท้าพระองค์อยู่ในสรวงสวรรค์ที่
เขียวชอุ่ม."

หะดิษบทนี้ถูกกล่าวขึ้นในหลายสำนวน แต่ทุกสำนวนล้วนมีความที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งปราชญ์มีทัศนะต่อหะดิษเหล่านี้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ..

1.หะดิษนี้ฎออีฟ ตามทัศนะส่วนมากของปราขญ์ผู้ทรงความรู้ อาทิ..

ท่านอิมาม อะหฺมัด บิน หัมบัล ดูตำรา المنتخب من علل الخلال โดย ท่านอิบนุ กุดามะฮฺ หน้าที่ 284
ท่านอิมาม อัล-นะซาอีย์ ดูตำรา العلل المتناهية โดย ท่านอิบนุ เญาซีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 30
ท่านยะห์ยา อิบนุ มะอีน ดูตำรา تاريخ بغداد โดย ท่าน คอฏีบ เล่มที่ 13 หน้าที่ 311
ท่านอิบนุ หิบบาน ดูตำรา الثقات เล่มที่ 5 หน้าที่ 245
ท่านอิบนุ เญาซีย์ ดูตำรา العلل المتناهية เล่มที่ 1 หน้าที่ 36
ท่านอิมาม อัษ-ษะหะบีย์ ดูตำรา سير أعلام النبلاء เล่มที่ 10 หน้าที่ 113
ท่านอิมาม อัส-สุบกีย์ ดูตำรา طبقات الشافعية الكبرى เล่มที่ 2 หน้าที่ 312
ท่านอิมาม อิบนุ หะยัร อัล-อัสเกาะลานีย์ ดูตำรา تهذيب التهذيب เล่มที่ 10 หน้าที่ 86
ท่านอิมาม อัช-เชากานีย์ ดูตำรา الفوائد المجموعة หน้าที่ 447


2.หะดิษนี้เศาะเหี๊ยะฮฺ ตามทัศนะของปราช์บางส่วน อาทิ..

ท่านอะบู ซัรอะฮฺ อัด-ดิมัชกีย์ ดูตำรา الرؤية للدارقطني หน้าที่ 358 ,และตำรา إبطال التأويلات โดยท่านอะบีย์ ยะอฺลา เล่มที่ 1 หน้าที่ 140
ท่านอะบูหะสัน บิน บัชชาร ดูตำรา إبطال التأويلات โดย ท่านอะบีย์ ยะอฺลา เล่มที่ 1 หน้าที่ 142,222
ท่านอะบู ยะอฺลา ดูตำรา إبطال التأويلات เล่มที่ 1 หน้าที่ 141
ท่านอิบนุ เซาะดะเกาะฮฺ ดูตำรา تلبيس الجهمية เล่มที่ 7 หน้าที่ 223
ท่านอิบนุ ตัยมียะฮฺ ดูตำรา بيان تلبيس الجهمية เล่มที่ 7 หน้าที่ 222


….

ในเมื่อมีอุลามาอ์ที่ผู้ยึดกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์(ที่ถูกเรียกว่า วาฮาบีย์) เชื่อถือ มีทรรศนะต่อฮาดีษบทนี้แตกต่างกันสองทรรศนะ แต่ทั้งสองตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกันที่ว่า   وَلَمْ يَكُن لَّهُ كُفُوًا أَحَدٌ  (อัล-อิคลาศ:4) “ และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ”  คือ อัลลอฮ์ไม่ทรงเหมือนมัคลูคทั้งมวล

ถึงแม้จะมีการยกตำรับตำราของผู้รู้หลายท่านมาดิสเครดิตโดยท่านอัชอารีย์ แต่พึงเข้าใจเสียใหม่ว่า ผู้ที่ยึดกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์นบีนั้น ไม่ได้มีพฤติกรรมเหมารวม และปกป้องใครอย่างไม่ลืมหูลืมตา อย่างที่หลายแนวทางยึดถือ เรายึดอูลามาอ์เป็นสื่อ หรือ เครื่องมือที่จะนำไปสู่หลักการอิสลามที่แท้จริง ท่านต้องยอมรับปัจจัยพื้นฐานสิ่งหนึ่งว่า อูลามาอ์เป็นมนุษย์  และมนุษย์มีความบกพร่อง มีความผิดพลาด อูลามาอ์ก็มีโอกาสผิดพลาด ซึ่งหากไม่เจตนาผิดพลาด แต่ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว อัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตาก็ยังทรงตอบแทนความดีในการพยายามนั้น ผู้ที่ยึดกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์นั้น ย่อมหลีกห่างจากการตะอัศศุฟอย่างแน่นอน  เรื่องใดพิสูจน์แล้วอูลามาอ์ถูกก็ต้องยอมรับ เรื่องได้ผิดก็ต้องยอมรับ แยกแยะเป็นเรื่องๆไป การนำหนังสือที่มีความผิดพลาดมาฮูก่มคนคนนั้น ทุกช่วงเวลาทั้งชีวิต ในทุกเรื่องเป็นธรรมกับคนเหล่านั้นแล้วหรือไม่ ท่าน อัชอารีย์???

มุสลิมผู้ยึดกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์ มองอูลามาอ์ที่มีทรรศนะต่อฮาดีษนี้ในแง่ดีบนพื้นฐานของความจริงที่เป็นไปได้ ไม่พยายามยัดเยียดอากีดะฮ์เหล่านี้ให้อย่างไม่เป็นธรรม เพราะทั้งสองแนวการวิเคราะห์ล้วนปฏิเสธการเปรียบเทียบพระองค์เป็นมัคลูคในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งสิ้น คนละกรณีกับการปฏิเสธ บิดเบือน หรือลดทอน คุณลักษณะของอัลลอฮ์อย่างที่บางกลุ่มกำลังยึดถืออยู่  มุสลิมที่ยึดหลักฐานเป็นอันดับแรก ความเข้าใจตนเองเป็นอันดับรอง มักคิดเสมอว่าเมื่อหลักฐานสามารถยืนยันความเท็จจริงของตัวเองได้แล้วแต่ขัดแย้งกับความเข้าใจ ย่อมเป็นหน้าที่ที่จะปรับความเข้าใจของตนเองให้ตรงกับชนยุคแรกที่เข้าใจ  ชนยุคแรกๆเข้าใจกันอย่างไร

ทรรศนะแรก มองว่าเนื้อหาฮาดีษขัดต่อหลักอากีดะฮ์ของซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์ เพราะเมื่อพระองค์ไม่สามารถเหมือนในความเป็นจริง แล้วในความฝันก็ต้องไม่เหมือนเช่นกัน  ถึงสายรายงานถูกต้องตามหลักวิชา แต่ เนื้อหาไม่เป็นที่ยอมรับได้ จึงถือว่าฮาดีษบทนี้ เมาฎัวะโดยเนื้อหา เป็นการยึดหลักวาเราะอ์ คือดีกว่า  ละทิ้งสิ่งที่เคลือบแคลง สงสัย ไปสู่สิ่งที่สบายใจกว่า

ทรรศนะที่สอง  มองว่า สิ่งต่างๆที่มองเห็นในความฝันไม่จำเป็นว่าต้องเหมือนกัน กับสภาพความเป็นจริงเสมอไป เช่นเดียวกับ กรณีความฝันของนบียูซุฟ  ที่เป็นการเปรียบเทียบสภาวะฝันกับความเป็นจริง  ไม่ใช่เปรียบเทียบระหว่างมัคลูคกับ อัลลอฮ์ ตามที่มีผู้แย้งแต่ประการใด  ทรรศนะนี้เข้าใจว่าความฝันกับความจริงแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งการฝันเห็นอัลลอฮ์นั้นได้เคยเกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะกับท่านนบีเพียงเท่านั้น ปราชญ์ในยุคอดีตหลายๆ ท่าน ต่างก็เคยฝันถึงอัลลอฮฺเช่นกัน เช่นมีรายงานว่า ท่านอิมามอะหฺหมัดเอง ก็เคยฝันเห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา มามากกว่า 100 ครั้ง แม้ไม่มีรายงานสักตัวบทเดียวที่ระบุว่า อิมามอะห์มัด ฝันเห็นว่า อัลลอฮฺมีรูปร่างหรือรูปพรรณสัณฐานอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีรูปร่าง  หรือ ลักษณะสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นการบ่งบอกถึงการมีอยู่ในฝันให้เห็นได้ของพระองค์ และหากเชื่อว่าการเห็นของอิหม่ามอะห์มัดเป็นความจริง และความฝันไม่สามารถแยกจากความจริงได้แล้ว ย่อมขัดแย้งกับหลักอากีดะฮ์ที่ว่า ไม่มีมัคลูกใดเคยเห็นพระองค์เป็นแน่
{ لاَّ تُدْرِكُهُ الأَبْصَارُ وَهُوَ يُدْرِكُ الأَبْصَارَ وَهُوَ اللَّطِيفُ الْخَبِيرُ } (อัล-อันอาม:103)
“สายตาทั้งหลายย่อมไม่ถึงพระองค์ [1]แต่พระองค์ทรงถึงสายตาเหล่านั้น[2] และพระองค์ก็คือผู้ทีรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ”
 [1] คือไม่สามารถจะมองเห็นพระองค์ได้  [2] พระองค์ทรงเห็นพวกเขาและสายของพวกเขา

ท่านอัชอารีย์อาจกำลังร้อนรน สับสน หรือไม่?  เพราะอูลามาอ์ในอดีตที่ท่านเองก็ยอมรับนับถือ คือท่านอิหม่ามสุยูฏีย์(ซูฟีย์เฏาะรีเกาะฮ์อัชชาซุลีย์  )เอง ก็ยังมีความเห็นว่าถึงแม้ว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษเมาฎูอฺตามทรรศะแรกข้างต้น และท่านก็กล่าวตบท้ายในหนังสืออัลละอาลีของท่านเป็นการเผื่อไว้ว่า "การมองเห็นดังกล่าว เป็นการมองเห็นในขณะที่นอนหลับ (ในความฝัน) ถ้าหากว่าสายรายงานของมันถูกต้องจริง" ซึ่งการตีความดังกล่าวก็สอดคล้องกับทัศนะของอิบนุตัยมิยะฮฺในทรรศนะที่สองเช่นกัน แต่ทำไมหนอ...ท่านอัชอารีย์กลับเลือกอุลามาอฺซูฟีย์ท่านนี้เพียงท่านเดียวที่อธิบายที่ยืนยันความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮ์  ที่ไม่ใช่ตัชบีฮ์(ยืนยันการคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค) ในเมื่อท่านอิหม่ามสุยูฏีย์ ก็อธิบายได้สอดคล้องกับทั้งสองแนวทางที่อูลามาอ์อธิบายไว้ และอัลลอฮฺตามความเข้าใจในการยืนยันของอิบนุตัยมิยะฮฺ ก็ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกับที่นบีศ็อลลัลลอฮุอะลบัยฮิวะสัลลัมเห็นในความฝัน ตามที่หลายๆคนพยายามยัดเยียดให้  และเช่นเดียวกับอูลามาอ์ในยุคสลัฟ ที่หลายๆท่านมีทัศนะสอดคล้องกับอิบนุตัยมิยะฮฺ อาทิ อบูหาติม อัรรอซีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 277 กล่าวว่า หะดีษอิบนุอับบาสเกี่ยวกับการมองเห็นอัลลอฮฺ حديث الرؤية เศาะหีหฺ ไม่มีใครปฏิเสธมัน นอกจากมุอฺตะวิละฮฺเท่านั้น อบูซุรอะฮฺ อัดดิมัชกีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 281 กล่าวว่า บรรดานักรายงานทั้งหมดเป็นที่รู้จัก

การที่ท่าน อัชอารีย์ ซุนนะฮ์สติวเด้นท์ และสาณุศิษย์พยายามยัดเยียด และฮูก่มอากีดะฮ์ผู้ที่ยึดแนวทางอากีดะฮ์ตามหลักฐาน ตามชนยุคสลัฟ โดยใช้สองมาตรฐานแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ??? ท่านพร้อมจะแลกอากีดะฮ์ท่านกับคนที่ท่านเรียกว่า “วาฮาบีย์” ทั้งหมดดุนยานี้แล้วหรือ? นับเป็นการเดิมพันที่สูงมากครับ ช่างกล้าหาญนัก

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
(ต่อ)

[2] และพระองค์ก็คือผู้ทีรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ”
 [1] คือไม่สามารถจะมองเห็นพระองค์ได้  [2] พระองค์ทรงเห็นพวกเขาและสายของพวกเขา

ท่านอัชอารีย์อาจกำลังร้อนรน สับสน หรือไม่?  เพราะอูลามาอ์ในอดีตที่ท่านเองก็ยอมรับนับถือ คือท่านอิหม่ามสุยูฏีย์(ซูฟีย์เฏาะรีเกาะฮ์อัชชาซุลีย์  )เอง ก็ยังมีความเห็นว่าถึงแม้ว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษเมาฎูอฺตามทรรศะแรกข้างต้น และท่านก็กล่าวตบท้ายในหนังสืออัลละอาลีของท่านเป็นการเผื่อไว้ว่า "การมองเห็นดังกล่าว เป็นการมองเห็นในขณะที่นอนหลับ (ในความฝัน) ถ้าหากว่าสายรายงานของมันถูกต้องจริง" ซึ่งการตีความดังกล่าวก็สอดคล้องกับทัศนะของอิบนุตัยมิยะฮฺในทรรศนะที่สองเช่นกัน แต่ทำไมหนอ...ท่านอัชอารีย์กลับเลือกอุลามาอฺซูฟีย์ท่านนี้เพียงท่านเดียวที่อธิบายที่ยืนยันความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮ์  ที่ไม่ใช่ตัชบีฮ์(ยืนยันการคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค) ในเมื่อท่านอิหม่ามสุยูฏีย์ ก็อธิบายได้สอดคล้องกับทั้งสองแนวทางที่อูลามาอ์อธิบายไว้ และอัลลอฮฺตามความเข้าใจในการยืนยันของอิบนุตัยมิยะฮฺ ก็ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกับที่นบีศ็อลลัลลอฮุอะลบัยฮิวะสัลลัมเห็นในความฝัน ตามที่หลายๆคนพยายามยัดเยียดให้  และเช่นเดียวกับอูลามาอ์ในยุคสลัฟ ที่หลายๆท่านมีทัศนะสอดคล้องกับอิบนุตัยมิยะฮฺ อาทิ อบูหาติม อัรรอซีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 277 กล่าวว่า หะดีษอิบนุอับบาสเกี่ยวกับการมองเห็นอัลลอฮฺ حديث الرؤية เศาะหีหฺ ไม่มีใครปฏิเสธมัน นอกจากมุอฺตะวิละฮฺเท่านั้น อบูซุรอะฮฺ อัดดิมัชกีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 281 กล่าวว่า บรรดานักรายงานทั้งหมดเป็นที่รู้จัก

การที่ท่าน อัชอารีย์ ซุนนะฮ์สติวเด้นท์ และสาณุศิษย์พยายามยัดเยียด และฮูก่มอากีดะฮ์ผู้ที่ยึดแนวทางอากีดะฮ์ตามหลักฐาน ตามชนยุคสลัฟ โดยใช้สองมาตรฐานแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ??? ท่านพร้อมจะแลกอากีดะฮ์ท่านกับคนที่ท่านเรียกว่า “วาฮาบีย์” ทั้งหมดดุนยานี้แล้วหรือ? นับเป็นการเดิมพันที่สูงมากครับ ช่างกล้าหาญนัก

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

สิ่งที่ท่านนบียูซุฟฝัน คือดวงดาว และบรรดาดวงดาวนั้นเป็นสิ่งถูกสร้าง
แท้จริงแล้ว อัลลอฮ์มิใช่สิ่งถูกสร้าง เพราะพระองค์คือผู้สร้าง
จะนำมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?


ถามได้ดีมากครับ  เพราะการเอาการฝันถึงมัคโลคมาเปรียบเทียบ(กิยาส)กับการฝันถึงอัลลอฮ์  เป็นสิ่งที่ไม่บังควรอย่างยิ่งยวดสำหรับผู้มีอะกีดะฮ์บริสุทธิ์  และเป็นที่ทราบกันดีว่า ความฝันของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  เป็นวะฮี  ซึ่งวะฮีย์นั้นเป็นของจริง  

ส่วนการที่นบียูซุฟฝันเห็น  ดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์และบรรดาดวงดาวนั้น  ก็สามารถมาเปรียบเทียบในเชิง(มะญาซฺ-ยืมคำ)มาเปรียบเปรยกับ บิดา(ประหนึ่งดวงอาทิตย์)  มารดา(ประหนึ่งดวงจันทร์)  และบรรดาลูก ๆ (หมู่ดาว)ของทั้งสอง(ที่เป็นพี่น้องของนบียูซุฟ)ได้  เพราะมัคโลคกับมัคโลคนั้นก็มีความหมายร่วมหรือคล้ายคลึงกันในบางแง่มุม  แต่(วะฮาบีย์)จะเอาการฝันเห็นมัคโลค มาเปียบเทียบกับการฝันเห็นอัลลอฮ์ตะอาลาไม่ได้  เพราะหากนำมาเปรียบกัน  ก็จะไม่พ้นการตัชบีฮ์(การสร้างความคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค) ซึ่งบิดอะฮ์เห็น ๆ ซึ่งนอกเหนือจากการถูกเรียกว่าพวกมุญัสซิมะฮ์(พวกเชื่ออัลลอฮ์มีรูปร่างแล้ว)จึงไม่แปลกที่วะฮาบีย์ยังถูกขนานนามว่า เป็นพวก มุชับบิฮะฮ์(พวกสร้างความคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค)

วัลลอฮุอะลัม


[/quote]

มันมีความชัดเจนแล้วว่า ระหว่างความเข้าใจของอิบนุตัยมียะฮ์และอุลามาอฺตะเซาวุฟนั้น ต่างกันและไม่เหมือนกัน...วะฮาบีย์พยายามสรุปแบบไม่เข้าใจว่า...ความเข้าใจของอุลามาอฺซูฟีย์กับอิบนุตัยมียะฮ์มีความเข้าใจเดียวกัน...ทั้งที่ความจริงแล้วไม่เหมือนกัน...
ฮะดีษเรื่องฟิกฮ์ข้อปลีกย่อย  เช่น เรื่องการลูบหน้า  วะฮาบีย์เอาเป็นเอาตาย...แต่เวลาเรื่องของอัลลอฮ์...ฮะดีษใดที่อุลามาอฺตนเองอ้าง  แม้จะถูกฮุกุ่มเมาฏั๊วะ...ก็พยายามปกป้อง...เหมือนกับว่าอิบนุตัยมียะฮ์มะซูม ไม่มีผิด...

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ผมว่าคนบางคนพยายามสรุปแบบเข้าใจให้สอดคล้องกับตวามเชื่อตนเองมากกว่านะครับ ก็ไม่ว่ากันถ้าท่านดึงดันจะเข้าใจไปในทำนองนั้น มันเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่ทำให้ท่านมีจุดยืนในทุกวันนี้อยู่แล้ว คงไม่มีใครบังคับอะไรได้ ความจริงนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว แม้อุลามาอ์สายซูฟี อย่างท่านสุยูฏีย์ ก็ยังเปิดใจกว้างสรุปไว้อย่างชัดเจนในตอนท้ายว่า "การมองเห็นดังกล่าว เป็นการมองเห็นในขณะที่นอนหลับ (ในความฝัน) ถ้าหากว่าสายรายงานของมันถูกต้องจริง" ท่านจะพยายามแปลความเป็นอย่างอื่นชี้นำชาวบ้านว่าไม่เหมือนกับอิบนิตัยมียะฮ์ เพราะอย่างนั้น อย่างนี้ก็เชิญครับ ผมคงไม่ไหวพายเรือในอ่างแข่งกับท่าน โพสท์ซ้ำไป ซ้ำมาหรอกครับ มาอัฟด้วย

salaff

  • บุคคลทั่วไป
 salam

อ้างถึง
ผมว่าคนบางคนพยายามสรุปแบบเข้าใจให้สอดคล้องกับตวามเชื่อตนเองมากกว่านะครับ ก็ไม่ว่ากันถ้าท่านดึงดันจะเข้าใจไปในทำนองนั้น มันเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่ทำให้ท่านมีจุดยืนในทุกวันนี้อยู่แล้ว คงไม่มีใครบังคับอะไรได้ ความจริงนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว แม้อุลามาอ์สายซูฟี อย่างท่านสุยูฏีย์ ก็ยังเปิดใจกว้างสรุปไว้อย่างชัดเจนในตอนท้ายว่า "การมองเห็นดังกล่าว เป็นการมองเห็นในขณะที่นอนหลับ (ในความฝัน) ถ้าหากว่าสายรายงานของมันถูกต้องจริง" ท่านจะพยายามแปลความเป็นอย่างอื่นชี้นำชาวบ้านว่าไม่เหมือนกับอิบนิตัยมียะฮ์ เพราะอย่างนั้น อย่างนี้ก็เชิญครับ ผมคงไม่ไหวพายเรือในอ่างแข่งกับท่าน โพสท์ซ้ำไป ซ้ำมาหรอกครับ มาอัฟด้วย

 รู้สึกว่าพูดจากคล้ายๆกับโตะครูวฮาบีที่ออกทีวี.บรรจงนะคับ...

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไม่ทราบเหมือนกันครับ บ้านผมไม่มีทีวีนานแล้ว แต่ก็ความความว่ามีการชี้แจง และพยายามอธิบายมาโดยตลอด โต๊ะครูคนนั้นมีชื่อหรือไม่? ทำไมไม่เรียกชื่อ แต่ไปเรียกฉายา ถ้าเขาไม่ชอบท่านก็บาปเปล่าๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2010, 10:45 AM โดย laliklalee »

salaff

  • บุคคลทั่วไป
ผมขอแนะนำการนำเสนอของพี่น้องเกี่ยวกับการศรัทธาต่อคุณลักษณะของอัลลอฮ์นั้นเป็นเรื่องละอียดมาก

ทางที่ดีน่าผมว่า...การนำหลักฐานใดๆนั้นน่าจะนำเอาคำพูดของอุลามะสลัฟยุคก่อนๆ(ข่วง300ปี)มาเป็นฐานอ้างอิงดีกว่านะคับเพราะ.

มันใกล้เคียงกับกลิ่นไอของสลัฟอย่างแท้จริง..ดีกว่าจะนำหลักฐานจากคอลัฟบางคนมาอ้างเพื่อที่จะเสริมแนวทางตนเองให้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

แต่ก็ไม่ปฏิเสธความเข้าใจของคอลัฟว่า..ไม่ถูกต้อง..เพียงแต่อยากให้พี่น้องได้ความเข้าใจในเรื่องอากีดะและปรากฎเป็นภาพแห่งสลัฟในอดีตเท่านั้น


เพราะความเข้าใจของสลัฟนั้น   ซึ่งเป็นบุคคลที่ท่านร้อซุล(ซล)ได้ยอมรับและชี้ถึงความประเสริฐด้านความรู้ของคนยุค3ทศวรรษนั้นเอง.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2010, 11:55 AM โดย salaff »

salaff

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
อ้างถึง
ไม่ทราบเหมือนกันครับ บ้านผมไม่มีทีวีนานแล้ว แต่ก็ความความว่ามีการชี้แจง และพยายามอธิบายมาโดยตลอด โต๊ะครูคนนั้นมีชื่อหรือไม่? ทำไมไม่เรียกชื่อ แต่ไปเรียกฉายา ถ้าเขาไม่ชอบท่านก็บาปเปล่าๆ[/quote][/quote


ทำไมหรือคับ ชื่อวาฮาบีน่ารังเกียจหนักหรือครับ ผมเห็นเชคหรือโตะครูหลายๆท่านที่ออกที่วีส่วนมากต่างยอมรับว่าเป็นวาฮ่าบี....

แม้กระทั้งอจ.บรรจงก็ยอมรับตนเองว่าเป็น

วาฮาบีเพราะในเอกสารเสนอตัวลงชิงตำแหน่งจุฬาที่ส่งมาที่บ้านท่านยังปลื้มใจในการเป็นวาฮาบีเลยนี่คับ


ในเรื่องอากีดะ พวกเขามีทัศนะที่เชื่อว่า...อัลลออ์ทรงมีรูปร่าง และมีการเคลื่อนย้ายได้และสถิตบนบัลลังก์


เรื่อฟิกฮ์คือ พวกเขาปฏิเสธการเจาะจงการยึดทัศนะหนึ่งทัศนะใดจากทัศนะทั้ง4 แต่พวกเขาอณุญาตให้ปะปนทัศนะได้โดยไม่แยกแยะ

เรื่อง อัลอิคลาส..พวกเขาปฏิเสธสลัฟบางท่านที่ใช้ชีวิตอยู่ในแนงทางตะเซาวุฟ.....พวกเขาไม่ยอมรับตอรีกัต ตะซะวุฟทุกแขนง

มีอะไรเพิ่มเติมอีกไม่คับ บังลาลิคลาลี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2010, 11:50 AM โดย salaff »

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
^
ท่านมาแต่ใด ใยหรอยจริง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged