ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม  (อ่าน 10857 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

บิสมิลลาฮ์

ผู้เขียนกล่าวว่า(คือวะฮาบีย์ในเวปอิกเราะที่บอกว่าอะชาอิเราะฮ์เบี่ยงเบน)

อัลอะชาอิเราะฮ์ได้ปฏิเสธซีฟัต  ริฎอ (ความพอใจ) และซีฟัตความโกรธ (อัลฆ่อฎ็อบ)

วิจารณ์

อัลอะชาอิเราะฮ์  ไม่เคยปฏิเสธซีฟัต “อัรริฎอ” (คุณลักษณะความพอใจของอัลเลาะฮ์)  และซีฟัตอัลฆ่อฎ๊อบ (คุณลักษณะความโกรธกริ้วของอัลเลาะฮ์)  ดังนั้น  อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์จะปฏิเสธซีฟัต อัรริฎอและซีฟัตอัลฆ่าฎ๊อบได้อย่างไรในเมื่ออัลกุรอานและซุนนะฮ์ได้ยืนยันเกี่ยวกับซีฟัตนี้เอาไว้   ฉะนั้นผู้ใดที่กล่าวอ้างว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ปฏิเสธสองซีฟัตดังกล่าว  ถือว่าเขาได้กระทำการอันผิดพลาดแล้ว  แต่ทว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ได้ปฏิเสธการอธิบายเกี่ยวกับซีฟัตนี้ตามหลักอะกีดะฮ์วะฮาบีย์ต่างหาก : ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=754.15

หากตั้งคำถามว่า ทำไมวะฮาบีย์จึงบอกว่า...อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ถึงปฏิเสธซีฟัตดังกล่าวตามทัศนะของพวกเขา นั่นก็เพราะว่าคุณลักษณะความพอใจของอัลลอฮ์คือต้องยิ้มแบบเห็นเพดานและฟันกราม



ตำราดังกล่าวเป็นตำราที่วะฮาบีย์ได้ตีพิมพ์เผยแพร่อะกีดะฮ์ของตนเองและยืนยันว่ามันซอเฮี๊ยะห์  มีเนื้อความอะกีดะฮ์ของพวกเขาที่ว่า

"(ในวันกิยามะฮ์)อัลลอฮ์จะหัวเราะจนเผยเพดานและฟันกราม..."

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 06:15 AM »
0
 salam

ชีอะฮ์ก็กล่าววะฮาบีย์เป็นพวกมุญัสสิมะฮ์(พวกที่ยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮ์มีรูปร่าง)  วะฮาบีย์ก็กล่าวว่าชีอะฮ์นั่นเองเป็นพวกมุญัสสิมะฮ์  สองแนวทางนี้ก็กล่าวหากันไปกันมา...จนกระทั่งว่าชีอะฮ์เล่นเหมารวมว่าอะฮ์ลิสซุนนะฮ์เป็นอย่างนั้นเพราะอะกีดะฮ์วะฮาบีย์  ซึ่งทำให้อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์อย่างเรา ๆ เสื่อมเสีย...เข้ากระทู้นี้แล้วนึก ริฎอ  ที่พูดเรื่องซูฟีย์แล้วบอกว่า เราจะไปบอกกับคนศาสนาอื่นอย่างไร ตอนนี้ก็คงเป็นคิวของวะฮาบีแล้วละครับ ว่าเมื่อคนต่างศาสนิกถามเรื่องพระเจ้า คุณจะตอบเขาอย่างไร... 

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 06:33 AM »
0
 มีอาจารย์วะฮาบีบางคน พยายามโจมตีหลักสูตรของคุรุสัมพันธ์ เพื่อต้องการเปลี่ยนหลักสูตรสอนเด็กๆเยวชนของอิสลามใหม่ ว่า พระเจ้าสถิตอยู่บนบัลลังค์ มีมือ แขน ขา เป็นชายหนุ่มผมดก  หยิกหยักศก มีสองรองเท้า และ มีทิศในการอยู่ วะฮาบีต้องการปลูกฝังเด็กแบบนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 08, 2010, 07:05 AM โดย راجيس »

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 06:53 AM »
0
มีอาจารย์วะฮาบีย์บางคนโจมตีว่า ทำไมคุรุสัมพันธ์สอนแค่ซีฟัต 20 เท่านั้น  ไม่สอน 99 พระนาม  แต่เมื่อถูกชี้แจงว่าในคุรุสัมพันธ์ก็สอน 99 พระนามก็หน้าแตก...เพราะใช้อารมณ์นัฟซูใฝ่ต่ำพูด

...ผมเคยดูรายการทีวีมุสลิม...มีอาจารย์วะฮาบีย์  เยาวชนนั้นเราต้องสอนว่าอัลลอฮ์อยู่ใน  สถิตอยู่ใหน...ผมได้ฟังแล้วเสียวเลย...แบบนี้ต่อไปวะฮาบีย์ก็คงจะสอนเยาวชนที่บริสุทธิ์แหละว่า พระเจ้าที่แท้จะยิ้มมีเพดานปากและฟันกราม...แล้วสรุปว่าพระเจ้าของวะฮาบีย์มีรูปร่างแต่ไม่เหมือนมัคโลค !!

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 08:23 AM »
0
แน่นอนว่า วะฮาบีย์ระดับเอาวามย่อมไม่รู้เรื่องแบบนี้เป็นแน่
อยากให้พี่น้องวะฮาบีย์มาชี้แจง  เพราะบรรยายคุณลักษณะของอัลลอฮ์ซะจนไม่ต่างอะไรจากมัคโลค
และการเชื่ออย่างนี้นั้น ถือว่ากุฟุร เนื่องจากเขาได้โกหก คำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลา ที่ว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ

"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์" อัช-ชูรอ 11


ชาววะฮาบีย์จะตอบคำถามนี้เช่นไร...
วัลอิยาซูบิลลาห์

ออฟไลน์ fu-noon

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 08:15 PM »
0

พระองค์ตรัสว่า...
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ

"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์" อัช-ชูรอ 11

ไม่ได้หมายความว่าถ้าพูดว่า
พระเจ้าสถิตอยู่บนบัลลังค์ มีมือ แขน ขา...แล้วเราต้องคิดว่าเหมือนกับที่เราคิด ที่เราเห็น หรือที่มนุษย์เป็นไม่ใช่หรอ?
คิดอย่างนั้นไม่ได้เลย...
เพราะพระองค์ไม่เหมือนกับมนุษย์หรือสิ่งใดอยู่แล้ว...

...เราเข้าใจถูกรึเปล่าอะ?


คำพูดสองคำที่เบาลิ้น แต่หนักในตราชั่งความดี และเป็นสองคำที่พระผู้ทรงกรุณาทรงรักยิ่ง

"ซุบฮานั้ลลอฮฺ วะบิฮัมดิฮี ...ซุบฮานั้ลลอฮฺ ฮิลอะซีม"

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 10:15 PM »
0

พระองค์ตรัสว่า...
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ

"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์" อัช-ชูรอ 11

ไม่ได้หมายความว่าถ้าพูดว่า
พระเจ้าสถิตอยู่บนบัลลังค์ มีมือ แขน ขา...แล้วเราต้องคิดว่าเหมือนกับที่เราคิด ที่เราเห็น หรือที่มนุษย์เป็นไม่ใช่หรอ?
คิดอย่างนั้นไม่ได้เลย...
เพราะพระองค์ไม่เหมือนกับมนุษย์หรือสิ่งใดอยู่แล้ว...

...เราเข้าใจถูกรึเปล่าอะ?





เราสามารถที่จะสรุปแนวทางของวะฮาบีย์ในการ ให้ความหมายของซีฟัตของอัลเลาะฮ์ เช่น اليد (มือของอัลเลาะฮ์) ดังนี้

1- ความหมายเป็นที่รู้กัน معلوم المعنى

2- มีความหมายแบบคำตรง حقيقة

3- ตรงในเชิงภาษา وفق اللغة

4- เมื่อได้ยินแล้ว ความหมายแรกที่สมองคนเราเข้าใจ นั่นคือจุดมุ่งหมาย ما يسبق الى الذهن


เราทราบดีว่า

1- กลุ่มอัลมุญัสสิมะฮ์นั้น ให้ความหมายว่า อัลเลาะฮ์ทรงมี มือ ที่เป็นอวัยวะ الجارحة อยู่ที่ซาต โดยไม่เหมือนกับมนุษย์

2- วะฮาบีย์เชื่อว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีซีฟัตมือ ที่อยู่ในความหมาของ ผิวเผิญแบบฮะกีกัต

เราจึงแยกไม่ออกระหว่างสองแนวทางนี้ เนื่องจาก หลักการทั้งสองแนวทางนี้ เป็นหลักการเดียว คือมุญัสสิมะฮ์ กล่าวว่า "อัลเลาะฮ์ทรงมีอวัยวะ" และวะฮาบีย์กล่าวว่า มือ นั้นมีความหมายแบบฮะกีกัตในเชิงภาษาที่คนเราเข้าใจกัน ก็คือ "เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย"

เมื่อเป็นเช่นนี้ อยากจะถามวะฮาบีย์ว่า คำว่า "มือ" ( اليد ) ตามความหมายกะกีกัตที่คนทั่วไปเข้าใจนั้น มันคืออะไร??

แต่สำหรับผมที่ได้ทำการศึกษาความหมายฮะกีกัตตามหลักภาษาของคำว่า "มือ" นั้น มันคือ อวัยวะที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่เป็นฝ่ามือและมีนิ้ว" นั่นคือความหมายแบบฮะกีกัต จะเปลี่ยนไปบอกเป็นอื่นไม่ได้ เนื่องจากถ้าบอกเป็นอื่นไป คือ ไม่เหมือนกับความหมายฮะกีกัตที่มนุษย์เข้าใจ (เช่นกล่าวว่า "แต่" มันไม่เหมือนกับมือของอัลเลาะฮ์นั้น) ก็ย่อมปฏิเสธฮะกีกัตของภาษาอาหรับที่เป็นหลักการของวะฮาบีย์

หรือว่า มือของอัลเลาะฮ์ไม่ใช่ "อวัยวะ" ( الجارحة ) ตามความหมายฮะกีกัตของมนุษย์ ทั้งในที่ขณะเดียวกัน วะฮาบีย์ก็บอกว่ามันมีความหมายและรู้ความหมายได้แบบฮะกีกัตตามหลักภาษาคำตรงที่มนุษย์เข้าใจ เมื่อพิจารณาดูแล้ว มันจึงค้านกันเองในหลักการของวะฮาบีย์ และที่วะฮาบีย์สามารถจะกล่าวได้ก็คือ "อัลเลาะฮ์ทรงมีอวัยวะที่ไม่เหมือนมนุษย์" แน่นอนว่า แบบนี้ไม่ใช่สะลัฟ แต่มันเป็นแนวทางของมุญัสสิมะฮ์


แต่ถ้าวะฮาบีย์บอกว่า "มือของอัลเลาะฮ์" นั้น ไม่ได้เป็น "อวัยวะ" ก็แสดงว่ามันอยู่ในความหมายของ "มะญาซฺ" ไม่ใช่ฮะกีกัต ไม่ใช่อยู่ในความหมายแบบ الظاهر เพราะฮะกีกัตนั้นคือเป็นอวัยวะ และการให้ความหมายแบบมะญาซฺนั้น ย่อมอยู่ในประเภทของการ "ตะวีล" อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งวะฮาบีย์ให้การคัดค้านอยู่แล้วตามหลักการ

แล้วอะไรคือความหมายของคำว่า اليد ที่เป็นคำตรงฮะกีกัตที่คนทั่วไปรู้กันดีของวะฮาบีย์ครับ?

ขออัลเลาะฮ์ทรงชี้นำแก่เราทุกคน.... ยาร๊อบ





และอีกเสวนาหนึ่งระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ได้ระบุดังนี้


ส่วนฮะดีษที่คุณให้แปลนั้น หากเราแปลว่า "มือ" แล้วผ่านมันไปโดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับความหมายของมัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่อะกีดะฮ์วะฮาบีย์นั้น รู้ความหมายและอธิบายได้ จึงมีคำถามขึ้นมาว่า คำว่า "มือ" มันหมายถึงอะไรและอธิบายความหมายเช่นใด อันนี้คุณต้องอธิบายให้เราทราบ เพราะผมถามตามหลักอะกีดะฮ์แนวทางที่คุณยึดอยู่ ดังนี้

ท่านชัยค์ ซอลิหฺ อัลเฟาซาน อุลามาอ์ท่านอาวุโสของวะฮาบีย์ ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

ويعتقدون أن نصوص الأسماء والصفات من المحكم الذى يفهم معناه ويفسر ولست من المتشابه

"พวกเขาเอี๊ยะติก๊อตว่า แท้จริง บรรดาตัวบทที่กล่าวถึงบรรดาพระนามและซีฟาต(ของอัลเลาะฮ์) นั้น เป็นสิ่งที่ชัดเจน(มั๊วะกัม) ที่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ และสามารถอธิบาย(ตัฟซีรกับความหมายของมัน) ( يفسر معناه )ได้ และมันไม่ใช่มาจากมุตะชาบิฮะฮ์(ตัวบทที่มีความหมายหลายนัย)" อ้างจาก หนังสือ กิตาบ อัตเตาฮีด ของ ชัยค์ ซอและหฺ อัลเฟาซาน หน้า 6

ดังนั้นการพูดว่า คำนี้แปล ترجمة ว่าอะไร กับ คำนี้มีความหมาย معني ว่าอะไร มันต่างกันครับ  คุณอย่าสับสนน่ะ เพราะมิเช่นนั้นคุณใช้วิธีการยืนยันอะกีดะฮ์ของคุณด้วยหลักการถามให้แปลตัวบท แล้วถ้าคุณจะให้คนอาหรับแปลตัวบทฮะดีษดังกล่าว คนอาหรับจะงงครับ เพราะคนอาหรับเขาแปลฮะดีษเป็นภาษาไทยไม่เป็น

คุณครับตอบเราหน่อยครับในกรณีของหลายอายะฮ์ที่กล่าวถึงซีฟัตของอัลเลาะฮ์เกี่ยวกับ يد หรือ يدين หรือ أيدينا ซึ่งในภาษาอาหรับนั้น คำว่า يد หรือ يدين หรือ أيدينا ที่แปลภาษไทย แปลว่า "มือ" ซึ่งในภาษาอาหรับมีอยู่หลายความหมาย แล้วใหนความหมายฮะกีกัตคำแท้ตามหลักอะกีดะฮ์ของคุณ อาทิเช่น

1. ส่วนอวัยวะของร่างกายที่เป็นฝ่ามือและมีนิ้ว

2. หมายถึงอำนาจ

3. หมายถึงความโปรดปราน

4. หมายถึงเกียรติ

5. หมายถึงพลัง

สำหรับพวกเราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์แล้ว ความหมายข้อที่ 1 ไม่ใช่ความหมายที่จะนำมาเข้าใจกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์อย่างแน่นอน ส่วนความหมายที่ 2-4 ข้อนั้นเราไม่รู้ว่าความหมายใดเป็นเป้าหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงต้องการ ดังนั้นผมจึงมอบหมายการรู้นี้ไปยังอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

แต่ตามหลักอะกีดะฮ์ของคุณคือ รู้ความหมายฮะกีกัต(คำแท้)และอธิบายได้ ดังนั้นหากคุณเลือกแปลว่า "มือ" แต่จะเลือกความหมายเหมือนข้อ 2 - 5 นั้น  แน่นอนว่าคุณคงไม่ยอมเพราะจะกลายเป็นการตีความ

ดังนั้นจึงเหลือความหมายข้อที่ 1 "มือ" ที่อยู่ในควาหมายของ "ส่วนอวัยวะของร่างกายที่เป็นฝ่ามือและนิ้ว"

งั้นถ้าชาวบ้านถามคุณว่า คุณครูได้เลือกให้ความหมายฮะกีกัต(คำแท้)ที่คุณครูแปลมา  ซึ่งอยู่ในข้อ 1-5 นั้น คุณครูจะเลือกความหมายใดให้กับซีฟัตอัลเลาะฮ์ เพราะมัซฮับอะกีดะฮ์ของคุณครูนั้นคือรู้ถึงความหมายฮะกีกัตคำแท้และอธิบายได้!?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 09, 2010, 01:48 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พ.ค. 08, 2010, 10:28 PM »
0
^
^
^
คุณนูรุ้อิสลามอธิบายได้ชัดเจน เห็นภาพ (แต่ไม่เห็นมือ)  Oops:
อยากให้เพื่อนๆลองอ่านกระทู้เรื่องซีฟัตจากเว็บนี้ให้มากๆ แล้วเราจะเข้าใจแนวทางอัลอะชาอิเราะฮ์
ว่าแตกต่างกับแนวทางอื่นที่บิดเบือนอยางสิ้นเชิง
อินชาอัลลอฮ์

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พ.ค. 09, 2010, 07:56 AM »
0
บิสมิลลาฮ์

ผู้เขียนกล่าวว่า(คือวะฮาบีย์ในเวปอิกเราะที่บอกว่าอะชาอิเราะฮ์เบี่ยงเบน)

อัลอะชาอิเราะฮ์ได้ปฏิเสธซีฟัต  ริฎอ (ความพอใจ) และซีฟัตความโกรธ (อัลฆ่อฎ็อบ)

วิจารณ์

อัลอะชาอิเราะฮ์  ไม่เคยปฏิเสธซีฟัต “อัรริฎอ” (คุณลักษณะความพอใจของอัลเลาะฮ์)  และซีฟัตอัลฆ่อฎ๊อบ (คุณลักษณะความโกรธกริ้วของอัลเลาะฮ์)  ดังนั้น  อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์จะปฏิเสธซีฟัต อัรริฎอและซีฟัตอัลฆ่าฎ๊อบได้อย่างไรในเมื่ออัลกุรอานและซุนนะฮ์ได้ยืนยันเกี่ยวกับซีฟัตนี้เอาไว้   ฉะนั้นผู้ใดที่กล่าวอ้างว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ปฏิเสธสองซีฟัตดังกล่าว  ถือว่าเขาได้กระทำการอันผิดพลาดแล้ว  แต่ทว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ได้ปฏิเสธการอธิบายเกี่ยวกับซีฟัตนี้ตามหลักอะกีดะฮ์วะฮาบีย์ต่างหาก : ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=754.15

หากตั้งคำถามว่า ทำไมวะฮาบีย์จึงบอกว่า...อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ถึงปฏิเสธซีฟัตดังกล่าวตามทัศนะของพวกเขา นั่นก็เพราะว่าคุณลักษณะความพอใจของอัลลอฮ์คือต้องยิ้มแบบเห็นเพดานและฟันกราม



ตำราดังกล่าวเป็นตำราที่วะฮาบีย์ได้ตีพิมพ์เผยแพร่อะกีดะฮ์ของตนเองและยืนยันว่ามันซอเฮี๊ยะห์  มีเนื้อความอะกีดะฮ์ของพวกเขาที่ว่า

"(ในวันกิยามะฮ์)อัลลอฮ์จะหัวเราะจนเผยเพดานและฟันกราม..."

 salam

ข้อมูลจากตำราที่วะฮาบีย์ตีพิมพ์เผยแพร่อันนี้  ผมก็ถ่ายสำเนาเก็บไว้ในเฟ้มหลายหน้าเหมือนกัน  เผื่อต่อไปภาคหน้าต้องนำมาใช้  อินชาอัลลอฮ์ตะอาลา
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พ.ค. 09, 2010, 04:41 PM »
0

ตำราดังกล่าวเป็นตำราที่วะฮาบีย์ได้ตีพิมพ์เผยแพร่อะกีดะฮ์ของตนเองและยืนยันว่ามันซอเฮี๊ยะห์  มีเนื้อความอะกีดะฮ์ของพวกเขาที่ว่า

"(ในวันกิยามะฮ์)อัลลอฮ์จะหัวเราะจนเผยเพดานและฟันกราม..."  


เพื่อนต่างศาสนิกกังขา....
นี่ยู...พระเจ้าของยูช่างเหมือนพระเจ้าของไอเรยนะ
แสดงว่า ศาสนาของยูก็ไม่ต่างจากของไอ เรยนี่นา

แล้วเราจะตอบเช่นไร?
ในเมื่อวะฮาบีย์ได้ทำการตัชบีฮ์(ยืนยันการคล้ายคลึงระหว่างอัลลอฮ์กับมัคโลค)

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พ.ค. 09, 2010, 06:04 PM »
0
 salam

หากอาจารย์วะฮาบีย์โต้กับชีอะฮ์  วะฮาบีย์เสร็จชีอะฮ์แน่ ๆ นอกจากมาอยู่ในแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์  ถึงจะไร้มลฑิล

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พ.ค. 11, 2010, 08:34 PM »
0
 salam

ขอข้อมูลเพิ่มเติมครับ


วัสลาม

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พ.ค. 22, 2010, 01:45 PM »
0
ยกมาจากที่ผู้รู้ท่านหนึ่งเคยตอบไว้เรื่องซีฟัตมือ แล้วก็เทียบกับเรื่องอื่นก็แล้วกันครับ

......
ในอายะห์ بل يداه مبسوطتان
"พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก"
ซูเราะห์มาอิดะห์ อายะที่ 64
หนังสือ : ญามิอิลบะยาลฟีตะวีลีลกุรอาน แต่งโดย มุฮัมมัด บิน ญะรีร อบู ญะอ์ฟัร อัฏฏ็อบรีย์ ตะฮ์กีกโดยอะฮฺมัด มุฮัมมัด ชากิร สำนักพิมพ์ มุอัซซาซะห์ อัรริซาละห์ พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง ปีพิมพ์ ฮ.ศ.1420 ค.ศ.2000
---------------------


قال أبو جعفر: واختلف أهل الجدل في تأويل قوله:"بل يداه مبسوطتان". (1) فقال بعضهم: عنى بذلك: نِعمتاه. وقال: ذلك بمعنى:"يد الله على خلقه"، وذلك نعمه عليهم. وقال: إن العرب تقول:"لك عندي يد"، يعنون بذلك: نعمةٌ.



ท่านอบูยะอ์ฟัรได้กล่าวว่า และนักโต้แย้งได้เห็นต่างกันในการให้คำอธิบายพระดำรัสที่ว่า "بل يداه مبسوطتان" บางคนกล่าวว่า นั่นหมายถึง เนียะมัตทั้งสองของพระองค์ และกล่าวว่า ความหมายของคำว่า มือของพระองค์อยู่เหนือ(สรรพสิ่งทั้งหลาย)ที่พระองค์ทรงสร้าง ก็คือ เนียะมัต(ความโปรดปราน)ของพระองค์ที่มีต่อสิ่งเหล่านั้น และกล่าวอีกว่า (เมื่อ)คนอาหรับพูดว่า ท่านมีมือ ณ ที่ของฉัน พวกเขาหมายถึง มีความโปรดปราน(คือ มีคุณความดีกับฉัน นั่นเอง)



وقال آخرون منهم: عنى بذلك القوة. وقالوا: ذلك نظير قول الله تعالى ذكره:( وَاذْكُرْ عِبَادَنَا إبْرَاهِيمَ وَإِسْحَاقَ وَيَعْقُوبَ أُولِي الأيْدِي ) [سورة ص: 45].


และอีกพวกหนึ่งกล่าวว่า นั่นหมายถึง พลัง และพวกเขากล่าวว่า เหมือนกับดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า وَاذْكُرْ عِبَادَنَا إبْرَاهِيمَ وَإِسْحَاقَ وَيَعْقُوبَ أُولِي الأيْدِي "และจงรำลึกถึงปวงบ่าวของเรา อิบรอฮีม อิสหาก และยะอ์กู๊บ ผู้ที่เข้มแข็ง" ซูเราะห์ ซอด อายะห์ที่ 45



وقال آخرون منهم: بل"يده"، ملكه. وقال: معنى قوله:"وقالت اليهود يد الله مغلولة"، ملكه وخزائنه.
قالوا: وذلك كقول العرب للمملوك:"هو ملك يمينه"، و"فلان بيده عُقدة نكاح فلانة"، أي يملك ذلك، وكقول الله تعالى ذكره:( فَقَدِّمُوا بَيْنَ يَدَيْ نَجْوَاكُمْ صَدَقَةً )، [سورة المجادلة: 12].


และอีกพวกหนึ่งกล่าวว่า มือของพระองค์ คือ กรรมสิทธิ์ของพระองค์ต่างหาก และกล่าวว่า ความหมายของดำรัสของพระองค์ وقالت اليهود يد الله مغلولة คือ กรรมสิทธิ์ และขุมทรัพย์ต่างๆของพระองค์ พวกเขากล่าวว่า และนั่นก็เหมือนกับเวลาที่คนอาหรับพูดถึงทาสของเขา ว่า "เขา(ทาส)คือกรรมสิทธิ์ของมือขวาของเขา" และ "ชายคนหนึ่งที่มือของเขา มีปมนิกาฮฺกับสตรีนางหนึ่ง" หมายถึง มีกรรมสิทธิ์ในการนั้น และเหมือนกับดำรัสของพระองค์ที่ว่า فَقَدِّمُوا بَيْنَ يَدَيْ نَجْوَاكُمْ صَدَقَةً ซูเราะห์อัลมุญาดะละห์ อายะห์ที่ 12



وقال آخرون منهم: بل"يد الله" صفة من صفاته، هي يد، غير أنها ليست بجارحة كجوارح بني آدم.
قالوا: وذلك أنّ الله تعالى ذكره أخبرَ عن خصوصه آدم بما خصّه به من خلقه إياه بيده. (2)



และอีกพวกหนึ่งกล่าวว่า มือของอัลลอฮ์ ก็คือ คุณลักษณะ(ซีฟัต)หนึ่งจากหลายๆซีฟัตของพระองค์ นั้นคือมือ เพียงแต่ไม่ได้เป็นอวัยวะเหมือนกับอวัยวะของลูกหลานอาดัม พวกเขากล่าวว่า นั่นเพราะว่าอัลลอฮฺทรงเอ่ยถึงความพิเศษของอาดัม โดยการกล่าวเจาะจงว่าพระองค์ทรงสร้างอาดัมมากับมือของพระองค์


قالوا: ولو كان [معنى"اليد"، النعمة، أو القوة، أو الملك، ما كان لخصوصِه] آدم بذلك وجه مفهوم، (1) إذ كان جميع خلقه مخلوقين بقدرته، ومشيئتُه في خلقه تعمةٌ، وهو لجميعهم مالك.
قالوا: وإذ كان تعالى ذكره قد خص آدم بذكره خلقَه إياه بيده دون غيره من عباده، كان معلومًا أنه إنما خصه بذلك لمعنى به فارق غيره من سائر الخلق.



พวกเขากล่าวว่า และหากว่า ความหมายของคำว่า มือ คือเนียะมัต หรือพลัง หรือ กรรมสิทธิ์แล้วไซร้ การที่พระองค์ทรงเอ่ยถึงลักษณะเฉพาะพิเศษของอาดัม ย่อมไม่มีมุมมองให้เข้าใจได้ เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนถูกสร้างมาจากพลานุภาพ และพระประสงค์ของพระองค์ทั้งสิ้น และพระองค์ทรงเป็นเจ้ากรรมสิทธิ์ของสิ่งทั้งปวงอยู่แล้ว

พวกเขากล่าวว่า เมื่อพระองค์ทรงเอ่ยถึงอาดัมเป็นการเฉพาะว่า พระองค์ทรงสร้างอาดัมกับมือของพระองค์แตกต่างจากบ่าวอื่นๆของพระองค์ ก็ย่อมรู้ได้ทันทีว่าที่พระองค์ทรงเอ่ยถึงอาดัมเป็นการพิเศษ เพื่อเป็นการแสดงความหมายว่าเขาแตกต่างจากสิ่งถูกสร้างอื่นๆ


قالوا: وإذا كان ذلك كذلك، بطل قول من قال: معنى"اليد" من الله، القوة والنعمة أو الملك، في هذا الموضع.


พวกเขากล่าวว่า และเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นโมฆะของผู้ที่กล่าวว่า ความหมายของ มือ จากอัลลอฮฺ คือ พลัง และความโปรดปราน และกรรมสิทธิ์ในที่นี้


قالوا: وأحرى أن ذلك لو كان كما قال الزاعمون أن:"يد الله" في قوله:"وقالت اليهود يد الله مغلولة"، هي نعمته، لقيل:"بل يده مبسوطة"، ولم يقل:"بل يداه"، لأن نعمة الله لا تحصى كثرة. (2) وبذلك جاء التنزيل، يقول الله تعالى:( وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَةَ اللَّهِ لا تُحْصُوهَا ) [سورة إبراهيم: 34\ وسورة النحل: 18]


พวกเขากล่าวว่า และหากสมมติว่าเป็นอย่างที่พวกเขากล่าวอ้างเป็นเรื่องจริง ว่า "มือของอัลลอฮฺ" และในดำรัสที่ว่า وقالت اليهود يد الله مغلولة "และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน" คือ เนียะมัต(ความโปรดปราน)ของพระองค์แล้วไซร้ แน่นอนว่าจะต้องถูกกล่าวในอายะห์ว่า بل يده مبسوطة แทน (เพราะตอนต้นของอายะห์ ใช้คำว่า มือของอัลลอฮฺ เป็นเอกพจน์ ก็ต้องใช้เอกพจน์ตาม) และต้องไม่ใช้ بل يداه(เป็นคำทวิพจน์) เพราะว่าเนียะมัตของอัลลอฮฺนั้นมากมายนับไม่ถ้วน และตามนี้มีการประทานโองการ ที่พระองค์ทรงตรัสว่า وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَةَ اللَّهِ لا تُحْصُوهَا "และหากสูเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลอฮฺ สูเจ้าย่อมไม่สามารถนับมันได้ถ้วน" ซูเราะห์อิบรอฮีม อายะห์ 34 และซูเราะห์ อันนะฮฺล์ อายะห์ 18


قالوا: ولو كانت نعمتين، كانتا محصاتين.
قالوا: فإن ظن ظانٌّ أن النعمتين بمعنى النعم الكثيرة، فذلك منه خطأ، وذلك أنّ العرب قد تخرج الجميع بلفظ الواحد لأداء الواحد عن جميع جنسه، وذلك كقول الله تعالى ذكره:( وَالْعَصْرِ إِنَّ الإنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ ) [سورة العصر: 1، 2] وكقوله( لَقَدْ خَلَقْنَا الإنْسَانَ )، [سورة الحجر: 26] وقوله:( وَكَانَ الْكَافِرُ عَلَى رَبِّهِ ظَهِيرًا ) [سورة الفرقان: 55]، قال: فلم يُرَدْ بـ"الإنسان" و"الكافر" في هذه الأماكن إنسان بعينه، ولا كافر مشار إليه حاضر، بل عني به جميع الإنس وجميع الكفار، ولكن الواحد أدَّى عن جنسه، كما تقول العرب:
"ما أكثر الدرهم في أيدي الناس"، وكذلك قوله:( وَكَانَ الْكَافِرُ ) معناه: وكان الذين كفروا.


พวกเขากล่าวว่า และหากว่าคือสองเนียะมัตแล้ว (เนียะมัตของอัลลอฮฺ)ย่อมสามารถนับได้ถ้วน
พวกเขากล่าวว่า หากคนสงสัยคนใดสงสัยว่า สองเนียะมัตหมายถึงเนียะมัตอันมากมาย นั่นก็เป็นความเข้าใจผิดของเขา เพราะว่าคนอาหรับบางครั้งสื่อถึงจำนวนทั้งหมดโดยใช้คำในรูปเอกพจน์ ให้เอกพจน์นั้นแทนจำนวนทั้งหมด เหมือนกับพระดำรัสที่ว่า وَالْعَصْرِ إِنَّ الإنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ ซูเราะห์อัลอัศร์ อายะห์ 1-2 ขอสาบานต่อกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน (คำว่ามนุษย์อยู่ในรูปเอกพจน์) และที่ทรงตรัสว่า لَقَدْ خَلَقْنَا الإنْسَانَ "แน่แท้เราได้สร้างมนุษย์.." ซูเราะห์ อัลฮิจญร์ อายะห์ที่ 26 (คำว่ามนุษย์อยู่ในรูปของเอกพจน์) และที่ทรงตรัสว่า وَكَانَ الْكَافِرُ عَلَى رَبِّهِ ظَهِيرًا "และผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นเป็นผู้ช่วยเหลือ(ชัยฏอน)ให้ฝ่าฝืนพระเจ้าของเขา" ซูเราะห์อัลฟุรกอน อายะห์ที่ 55 เขากล่าวว่า الانسان และ الكافر ในอายะห์เหล่านี้ไม่ได้ต้องการระบุใครเป็นรายบุคคล แต่หมายถึงมนุษย์ทั้งหมด หรือกาฟิรทั้งหมด แต่ใช้คำในรูปเอกพจน์ในการแทนที่คนที่เป็นชนิดเดียวกันทั้งหมด เหมือนที่คนอาหรับกล่าวว่า ما أكثر الدرهم في أيدي الناس "ช่างมากมายเสียเหลือเกิน! เงินดิรฮัมที่อยูในมือคนทั้งหลาย" (คำว่า ดิรฮัม เป็นเอกพจน์ แต่ให้ความหมายเป็นจำนวนทั้งหมด) เช่นเดียวกันในคำว่า وَكَانَ الْكَافِرُ(และผู้ปฎิเสธ) หมายถึง وكان الذين كفروا (และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธ...)


قالوا: فأما إذا ثنَّى الاسم، فلا يؤدي عن الجنس، ولا يؤدّي إلا عن اثنين بأعيانهما دون الجميع ودون غيرهما. (1)
قالوا: وخطأ في كلام العرب أن يقال:"ما أكثر الدرهمين في أيدي الناس"، بمعنى: ما أكثر الدراهم في أيديهم.
قالوا: وذلك أن الدرهم إذا ثنِّي لا يؤدي في كلامها إلا عن اثنين بأعيانهما.


พวกเขากล่าวว่า ส่วนเมื่อคำนามถูกทำให้อยู่ในรูปทวิพจน์ จะไม่สามารถให้ความหมายแทนจำนวนทั้งหมดได้ ให้ความหมายได้เพียงสองชิ้นสองอันเท่านั้น จะแทนทั้งหมดหรือเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
พวกเขากล่าวว่า และถือว่าผิด คำพูดคนอาหรับที่ว่า ما أكثر الدرهمين في أيدي الناس "ช่างมากเสียเหลือเกิน เงินสองดิรฮัมในมือของผู้คน" เพื่อให้ได้ความหมายเป็น ما أكثر الدراهم في أيديهم "ช่างมากเสียเหลือเกิน เงินดิรฮัมทั้งหมดที่อยู่ในมือของผู้คน"
พวกเขากล่าวว่า และนั่นคือว่า ดิรฮัม เมื่อถูกทำให้อยู่ในรูปทวิพจน์ ในภาษาอาหรับไม่สามารถให้ความหมายอย่างอื่นนอกจากสองดิรฮัมเท่านั้นเอง


قالوا: وغيرُ محال:"ما أكثر الدرهم في أيدي الناس"، و"ما أكثر الدراهم في أيديهم"، لأن الواحد يؤدي عن الجميع.


พวกเขากล่าวว่า และไม่ใช่เป็นไม่ได้ ที่ ما أكثر الدرهم في أيدي الناس "ช่างมากเสียเหลือเกิน เงินดิรฮัมในมือของผู้คน" และ ما أكثر الدراهم في أيديهم "ช่างมากเสียเหลือเกิน เงินดิรฮัมทั้งหมดที่อยู่ในมือของผู้คน" (สามารถทดแทนกันได้) เพราะหนึ่งสามารถให้ความหมายแทนทั้งหมดได้


قالوا: ففي قول الله تعالى:"بل يداه مبسوطتان"، مع إعلامه عبادَه أن نعمه لا تحصى، مع ما وصفنا من أنه غير معقول في كلام العرب أن اثنين يؤدّيان عن الجميع= ما ينبئ عن خطأ قول من قال: معنى"اليد"، في هذا الموضع، النعمة= وصحةِ قول من قال: إن"يد الله"، هي له صفة.


พวกเขากล่าวว่า ดังนั้นในพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า بل يداه مبسوطتان "ทว่ามือทั้งสองของพระองค์แผ่ออกต่างหาก" พร้อมกับที่ประกาศให้บ่าวของพระองค์รู้ว่า เนียะมัตของพระองค์นั้นไม่สามารถนับได้ถ้วนแล้ว บวกกับที่เราได้แจกแจงแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ในคำอาหรับที่ สอง จะหมายถึง ทั้งหมดได้ = บอกได้ถึงความผิดพลาดของผู้ที่กล่าวว่า ความหมายของมือ ในที่นี้คือ เนียะมัต(ความโปรดปราน) และบอกได้ถึงความถูกต้องของคำพูดที่ว่า มือของอัลลอฮฺ คือซีฟัตหนึ่งของพระองค์


قالوا: وبذلك تظاهرت الأخبار عن رسول الله صلى الله عليه وسلم، وقال به العلماء وأهل التأويل.

พวกเขากล่าวว่า และตามดังกล่าวนี้ มีเรื่องเล่ามากมายถึงรอซูลลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮฺ อลัยฮิ วะซัลลัม และบรรดาผู้รู้ และนักอรรถาธิบาย(กุรอาน)ล้วนกล่าวตามนี้

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พ.ค. 22, 2010, 01:51 PM »
0
ทัศนะของวะฮาบีเกี่ยวกับกุรอานที่คนบางคนไม่เข้าใจคือ กล่าวหาว่า วะฮาบีไม่ตีความในกุรอาน ที่ถูกต้องคือ วะฮาบีไม่ตีความเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับซิฟัตของพระองค์เท่านั้น จึงไม่ขอตอบคนที่ยกอายะห์อะไรประมาณนี้
واخفض جناحك لمن اتبعك من المؤمنين
เพราะเรารู้จักมนุษย์ดีแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงทำการตีความได้


วะฮาบี เชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ มีหน้า แต่วะฮาบีไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับสิ่งใดๆ ตัวอย่างง่ายๆ เช่น เรื่องขา สารพัดขาที่เรารู้จัก ขาคน ขาม้าลาย ขาโต๊ะ ขาพับ ขาหนีบ ขากรรไกร ขาหยั่ง ขาประจำ ขาจร ขาไพ่ และขาอื่นๆอีกมากมาย ทุกอย่างก็มีความหมายในตัวของมันเอง เพราะพวกคุณชอบเอาสำนวนกวนใจที่ว่า الذي يتبدر في الذهن (สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัว) มากวนใจ คุณเลยคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เหมือนตกอยู่ในวังวน ต้องเปรียบกับมนุษย์ให้ได้ ไม่เปรียบจะต้องชักดิ้นชักงอ ผลที่ตามมาก็คือ คุณต้องผ่านกระบวนการสามประการ
1- พอได้ยิน คุณเอาเลยไปเปรียบเทียบกับ มัคลูก = เข้าข่าย تمثيل เปรียบพระองค์กับมัคลูก
2- สมองคุณเห็นว่า ไม่ได้ เปรียบเทียบกับมัคลูกไม่ได้ ฉะนั้น ต้องปฎิเสธเรื่องนี้ = เข้าข่าย تعطيل คุณปฏิเสธศิฟัตของอัลลอฮ์
3- เมื่อเป็นความหมายตรงไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นความหมายโดยนัยแทน คุณจึงตีความว่าต้องมีความหมายอย่างอื่น = เข้าข่าย تحريف คุณบิดเบือนความหมายของศิฟัต
ทั้งสามอย่างนี้สลัฟเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเราไม่เคยเห็นพระองค์ ในเมื่อพระองค์ทรงสนทนากับเราใช้คำว่ามือ หน้า ฉนั้นหากจะปฏิเสธหรือตีความใดๆ ก็ต้องมีหลักฐานที่เป็นตัวบทชัดเจนจึงจะตีความเป็นอย่างอื่นได้ แต่นี่นบีก็ไม่ได้สอน ศอฮาบะห์ก็ไม่ได้อธิบายให้ลูกหลานฟัง แล้วเราจะใช้สมองล้วนๆตีความอย่างนิกายพื้นๆทั่วๆไปได้อย่างไร!!

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พ.ค. 22, 2010, 01:56 PM »
0
หะดิษกุดซียฺ รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺ
“แท้จริง อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสว่า ผู้ใดเป็นศัตรูกับวะลีของข้า แน่นอนข้าได้ประกาศสงครามกับเขาแล้ว และบ่าวของข้าจะไม่เข้าใกล้ชิดข้าด้วยสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นที่รักแก่ข้า ยิ่งไปกว่าสิ่งใดที่ข้าได้ลงเป็นฟัรฎูแก่เขา และบ่าวของข้ายังคงเข้าใกล้ชิดข้าด้วยการปฏิบัติสิ่งที่เป็นนะวาฟิล จนข้ารักเขา เมื่อข้ารักเขาแล้ว ข้าก็เป็นหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นมือของเขาที่เขาใช้จับต้อง เป็นเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน และหากเขาวอนขอต่อข้า ข้าก็จะให้เขา และหากเขาขอความคุ้มครอง ข้าก็จะคุ้มครองเขา... “ บุคอรียฺ

ฮาดีษบทนี้ใครจะเข้าใจเป็นอวัยวะของมัคลูกไปไม่ได้หรอกครับ การเปรียบเทียบพระองค์เป็นอวัยวะของมัคลูกย่อมขัดกับซีฟัตของพระองค์อย่างแน่นอน เรื่องนี้ระดับอนุบาลจริงๆครับ ก็เป็นการอุปมาตามความเข้าใจของมนุษย์ว่าเป็นการฟัง การมอง การลงมือทำ และ การก้าวเดินเป็นไปเพื่ออัลลอฮ์ คือสติปัญญาของกระผมปกติเพียงพอที่จะแยกแยะได้ว่า ผู้พูดต้องการสื่อสารอะไร บทที่พระองค์สื่อว่าพระองค์มีพระหัตถ์ พระบาท หรือพระพักตร์ก็เข้าใจตามนั้น บทที่พระองค์เปรียบเทียบเป็นเชิงอุปมาก็เข้าใจตามนั้น ความเข้าใจของมนุษย์ปกติที่ไม่มีอคติเข้าครอบงำย่อมสามารถแยกแยะเจตนาของผู้พูดได้แม้กระทั่งจากมนุษย์ด้วยกันเอง โดยปกติแล้วผู้มีสติปัญญาย่อมสามารถแยกแยะประโยคที่สื่อความหมายตรง กับสื่อความหมายเป็นนัยยะได้โดยไม่ยาก ลองดูประโยคของผมสองประโยคนี้สิ

" ผมวาดภาพชิ้นนี้ด้วยมือทั้งสองของผมเองด้วยความอุตสาหะ ภาพชิ้นนี้คือดวงใจของผม ผมให้คุณโดยหวังว่าผมจะอยู่ในใจของคุณเสมอ "

วาฮาบีย์ก็จะเข้าใจโดยทันทีว่า ผมมีมือ และมือของผมก็มีลักษณะเหมือนๆมือคนอื่น๐ แต่ไม่ได้คิดไปว่ารูปร่างมือต้องเป็นอย่างไร นิ้วสั้น นิ้วยาว ลายมือเป็นอย่างไร และก็เข้าใจว่าตัวผู้วาดเป็นคน ไม่ใช่เป็นก้อนเนื้อหัวใจ และไม่ได้อาศัยอยู่ในหัวใจของผู้รับ เป็นเพียงอุปมาเท่านั้นเอง

อาชาอิเราะฮ์ก็จะมาตีความแล้วเข้าใจว่า ผมอาจไม่มีมือก็ได้ อาจใช้ปากวาด แต่"มือทั้งสอง"นั้นคือ การวาดภาพขึ้นมาด้วยอำนาจ และฝีมือต่างหาก และคนที่ผิดปกติกว่านั้นก็อาจพาลเข้าใจไปเลยเถิดว่า ภาพชิ้นนี้คือหัวใจของผู้วาด และผู้วาดก็อาศัย กิน นอน อยู่ในหัวใจของผู้รับก็เป็นได้ ฮา...

ไม่ทราบมีใคร เข้าใจยากถึงระดับที่ว่านี้ไหม??

ในความเป็นจริง มัคลูกของพระองค์ก็มีพลัง อำนาจ และกรรมสิทธิ์ มีความเมตตา มีความร่ำรวย มีการมีอยู่ มีมือ มีเท้า มีการได้ยิน มีการมอง มีการลงมือ มีการเดิน ฯลฯ แต่มีในขอบเขตตามที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงอนุมัติให้มี และแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบของมัคลูกแต่ละประเภท แต่ละชนิด แต่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ นึกภาพได้ การที่พวกคุณจะพยายามตีความพระดำรัสของพระองค์เป็นอะไรก็ตาม หากจิตใจคับแคบว่าคุณลักษณะต่างๆข้างต้น ถ้าพระองค์ทรงมีพวกคุณต้องเข้าใจได้ เห็นภาพได้ หรือก็ต้องเหมือน หรืออยู่ในระดับเดียวกับมัคลูกแล้ว ก็แน่นอนว่าคุณลักษณะทุกประการดังกล่าวมาข้างต้นก็ย่อมหนีไม่พ้นคุณลักษณะของมนุษย์ต
ามที่พวกคุณกำลังนึกคิด และจินตนาการ ด้วยเช่นกัน จะชี้แจงได้อย่างไร? ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการหลงผิดในระดับอากีดะฮ์ที่เป็นรากฐานของศาสนาอย่างชัดแจ้ง อิสลามนั้นง่าย เพียงยอมรับว่าพระองค์ทรงมีในแบบของพระองค์ และทรงเป็นตามที่พระองค์ทรงแจ้งให้รู้ มนุษย์ก็มีหน้าที่เพียงเข้าใจว่ามีในรูปแบบเฉพาะพระองค์ที่ไม่สามารถจินตนาการเปรียบ
เทียบกับมัคลูกใดๆตามความเข้าใจของตนเองได้ก็เท่านั้นเอง

ไม่ได้เอามาเป็นจุดยืนที่จะต้องตีความเพื่อความเข้าใจที่เห็นภาพของตนเอง คุณลักษณะต่างๆของพระองค์ที่มนุษย์จำเป็นต้องรู้ว่าเป็นสิ่งที่ ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน จมูกไม่เคยได้กลิ่น ลิ้นไม่เคยรู้รส ร่างกายไม่เคยสัมผัส และสมองไม่เคยจินตนาการ เรื่องสวรรค์ และนรกก็เช่นกัน จุดยืนนี้จึงเป็นจุดยืนที่ทำให้บางคนต้องแยกตัวออกมาเป็นกลุ่มใหม่ ที่แตกต่างจากผู้ที่อาศัยความเข้าใจแบบไม่ตีความเลยเถิดในยุคสลัฟ ช่างเป็นจุดยืนที่เริ่มต้น นำพาชีวิตไปสู่ความล้มเหลว และหายนะอย่างน่าเสียดาย อะอูซุบิลลาฮิมินซาลิก

وَلَمْ يَكُن لَّهُ كُفُوًا أَحَدٌ

และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ (*1*) (1) ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดเสมอเหมือนหรือเทียบเท่ากับพระองค์ ไม่ว่าในรูปร่างหรือคุณลักษณะหรือการกระทำของพระองค์ อิบนฺกะซีรกล่าวว่า พระองค์ทรงกรรมสิทธิ์ และทรงสร้างทุกสิ่งอย่าง ดังนั้นจะมีผู้ใดหรือสิ่งใดที่พระองค์ทรงสร้างเสมอเหมือนหรือเทียบเท่ากับพระองค์ได้
อย่างไร ? (112 - อัล-อิคลาศ:4)

วัลลอฮูอะลัม

 

GoogleTagged