ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม  (อ่าน 11202 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พ.ค. 22, 2010, 02:04 PM »
0
ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวรายงาน จากท่านอิมามชาฟิอีย์ (ร.ฏ.) ซึ่งท่านอิมามรายงานจากสะลัฟว่า "พวกเขา(สะลัฟ)รู้ว่า แท้จริง ผู้ที่พูด(คือท่านนบี) เป็นผู้ที่สัจจริง โดยไม่ต้องมีความสงสัยในความสัจจริงของเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อ โดยที่พวกเขาไม่รู้ความหมายแก่นแท้(ฮะกีกัต)ของมัน เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงหยุดนิ่งจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับมัน" ดู หนังสือ ซัมมุ อัตตะวีล ของท่านอิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 25

......
แต่ท่านกำลังจะคาดคั้นเอาความหมายตามความเข้าใจของมนุษย์ ที่ไม่น่าจะมีความเข้าใจอะไรลึกซึ้งอยู่หรือไม่ ?

ท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ กล่าวว่า

" สิ่ง(คือคุณลักษณะ)ที่อัลเลาะฮ์ ทรงพรรณนากับพระองค์เอง ในคำภีร์ของพระองค์นั้น การอ่านมันก็คือการตัฟซีรอธิบายมันแล้ว โดยที่ไม่อนุญาติแก่ผู้ใด ทำการอธิบายมัน ด้วยภาษาอาหรับและเปอร์เซีย์ " (ดู อัลอัสมาอ์ วะ อัศศิฟาต ของท่าน อัล-บัยฮะกีย์ หน้า 407 )
.....
แต่ท่านกำลังจะอ้างอิงตำหรับตำราตีความจากหนังสือเล่มใด? ภาษาใด ?

ท่าน อิบนุกุดามะฮ์ กล่าวถ่ายทอดจากคำกล่าวของอิมาม อะหฺมัด(ร.ฏ.) ว่า

"บรรดาหะดิษเหล่านี้(คือบรรดาหะดิษซีฟาต) เราศรัทธาและยอมรับด้วยกับมัน โดยที่ไม่มีวิธีการ และความหมาย (หมายถึงมอบหมายวิธีการและความหมาย) และเราจะไม่พรรณนา(คุณลักษณะ)กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ให้มาก ไปกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณนาไว้ให้กับพระองค์เอง " (ดู ลุมอะฮ์ อัลเอี๊ยะติก๊อต หน้า 3)
.....
แต่ท่านกำลังจะอ้างอิงการพรรณาของใครอย่างนั้นอย่างนี้อย่างมากมายอยู่หรือไม่ ?

ท่าน อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าว ถ่ายทอดคำกล่าวของอิมาม มาลิก ซึ่งท่านได้กล่าวเกี่ยวกับหะดิษซิฟาต ว่า "พวกท่านจงผ่านมันไป เฉกเช่นที่มันได้มี(ระบุ)มาโดยไม่ต้องอธิบาย" ท่าน อัซซะฮะบีย์ กล่าวจากนั้นเล็กน้อย ว่า " คำกล่าวของเราในสิ่งดังกล่าวนั้น คือ ยอมรับ และผ่านพ้นมันไป และมอบหมายกับความหมายของมัน ไปยังผู้ที่กล่าวมัน ซึ่งเป็นผู้ที่สัจจริง อีกทั้งมะซูมถูกปกป้องจากความผิด" (ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 8 หน้า 105
.....
แต่ท่านกำลังมอบหมาย โดยไม่อธิบาย หรือกำลังอ้างอิงคำอธิบาย แก่ผู้ที่นบีไม่ได้รับรอง และไม่ได้ขอดุอาให้เข้าใจเฉกเช่นท่านอิบนิอับบาส อยู่หรือไม่ ?


หากการตีความของบรรดาสลัฟสิ้นสุดแค่ไหน นั่นก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่ใช่หรือที่มุสลิมจะขีดขอบเขตความเข้าใจในเรื่องซีฟัตของ
อัลลอฮ์ไว้เพียงเท่านั้น ไม่ใช่ไปยึดและแสวงหาการตีความใหม่ๆ ของใคร แล้วนำมายึดถือกระทั่งตั้งชื่อกลุ่มออกมาเป็นเอกเทศ ปกป้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา

นี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในเรื่องอากีดะฮ์ ถามจริงๆรู้ทั้งรู้แบบนี้ ท่านไม่กลัวหรือ?

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พ.ค. 22, 2010, 07:36 PM »
0
แล้วท่านอิบนุกุดามะฮ์...ท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์...ท่านอัซซะฮะบีย์...มีอะกีะฮ์อัลลอฮ์มีปากมีเพดานเหมือนกับที่วะฮาบีย์พยายามเผยแพร่และปกป้องหรือเปล่า?...อ้างบรรดาอุลามาอฺเหล่านั้นเหมือนกับว่าพวกเขามีอะกีดะฮ์เหมือนวะฮาบีย์ซ่ะยังงั้น...ตบตาพวกเราไม่ได้หรอกครับคุณ laliklalee เพราะอุลามาอฺที่คุณอ้างมานั้น  ไม่ได้ยอมรับเรื่องอัลลอฮ์มีเพดานมีฟันกราม  ถ้ามีลองอ้างอิงมาซิ แล้วผมจะเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังปกป้องอยู่...!

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พ.ค. 22, 2010, 08:28 PM »
0
ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวรายงาน จากท่านอิมามชาฟิอีย์ (ร.ฏ.) ซึ่งท่านอิมามรายงานจากสะลัฟว่า "พวกเขา(สะลัฟ)รู้ว่า แท้จริง ผู้ที่พูด(คือท่านนบี) เป็นผู้ที่สัจจริง โดยไม่ต้องมีความสงสัยในความสัจจริงของเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อ โดยที่พวกเขาไม่รู้ความหมายแก่นแท้(ฮะกีกัต)ของมัน เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงหยุดนิ่งจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับมัน" ดู หนังสือ ซัมมุ อัตตะวีล ของท่านอิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 25

......
แต่ท่านกำลังจะคาดคั้นเอาความหมายตามความเข้าใจของมนุษย์ ที่ไม่น่าจะมีความเข้าใจอะไรลึกซึ้งอยู่หรือไม่ ?

ท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ กล่าวว่า

" สิ่ง(คือคุณลักษณะ)ที่อัลเลาะฮ์ ทรงพรรณนากับพระองค์เอง ในคำภีร์ของพระองค์นั้น การอ่านมันก็คือการตัฟซีรอธิบายมันแล้ว โดยที่ไม่อนุญาติแก่ผู้ใด ทำการอธิบายมัน ด้วยภาษาอาหรับและเปอร์เซีย์ " (ดู อัลอัสมาอ์ วะ อัศศิฟาต ของท่าน อัล-บัยฮะกีย์ หน้า 407 )
.....
แต่ท่านกำลังจะอ้างอิงตำหรับตำราตีความจากหนังสือเล่มใด? ภาษาใด ?

ท่าน อิบนุกุดามะฮ์ กล่าวถ่ายทอดจากคำกล่าวของอิมาม อะหฺมัด(ร.ฏ.) ว่า

"บรรดาหะดิษเหล่านี้(คือบรรดาหะดิษซีฟาต) เราศรัทธาและยอมรับด้วยกับมัน โดยที่ไม่มีวิธีการ และความหมาย (หมายถึงมอบหมายวิธีการและความหมาย) และเราจะไม่พรรณนา(คุณลักษณะ)กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ให้มาก ไปกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณนาไว้ให้กับพระองค์เอง " (ดู ลุมอะฮ์ อัลเอี๊ยะติก๊อต หน้า 3)
.....
แต่ท่านกำลังจะอ้างอิงการพรรณาของใครอย่างนั้นอย่างนี้อย่างมากมายอยู่หรือไม่ ?

ท่าน อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าว ถ่ายทอดคำกล่าวของอิมาม มาลิก ซึ่งท่านได้กล่าวเกี่ยวกับหะดิษซิฟาต ว่า "พวกท่านจงผ่านมันไป เฉกเช่นที่มันได้มี(ระบุ)มาโดยไม่ต้องอธิบาย" ท่าน อัซซะฮะบีย์ กล่าวจากนั้นเล็กน้อย ว่า " คำกล่าวของเราในสิ่งดังกล่าวนั้น คือ ยอมรับ และผ่านพ้นมันไป และมอบหมายกับความหมายของมัน ไปยังผู้ที่กล่าวมัน ซึ่งเป็นผู้ที่สัจจริง อีกทั้งมะซูมถูกปกป้องจากความผิด" (ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 8 หน้า 105
.....
แต่ท่านกำลังมอบหมาย โดยไม่อธิบาย หรือกำลังอ้างอิงคำอธิบาย แก่ผู้ที่นบีไม่ได้รับรอง และไม่ได้ขอดุอาให้เข้าใจเฉกเช่นท่านอิบนิอับบาส อยู่หรือไม่ ?


หากการตีความของบรรดาสลัฟสิ้นสุดแค่ไหน นั่นก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่ใช่หรือที่มุสลิมจะขีดขอบเขตความเข้าใจในเรื่องซีฟัตของ
อัลลอฮ์ไว้เพียงเท่านั้น ไม่ใช่ไปยึดและแสวงหาการตีความใหม่ๆ ของใคร แล้วนำมายึดถือกระทั่งตั้งชื่อกลุ่มออกมาเป็นเอกเทศ ปกป้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา

นี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในเรื่องอากีดะฮ์ ถามจริงๆรู้ทั้งรู้แบบนี้ ท่านไม่กลัวหรือ?

คุณ laliklalee อธิบายเรื่องซีฟัตมาซ่ะยืดยาว  เขาเสวนาและชี้แจงกันมามากต่อมากแล้ว... ลองไปอ่านก่อนเพราะสิ่งคุณอ้างอิงมานั้น...ทางนี้เขาก็อ้างอิงเหมือนคุณ......แล้วค่อยมานำเสนอเปรียบเทียบ...


 อัลเลาะฮ์ทรง"อิสติวาอฺ"เหนือบัลลังก์(วิเคราะห์ทัศนะอะกีดะฮ์เชิงเปรียบเทียบ)
 อุลามาอฺผู้เชี่ยวชาญในความรู้ตีความ(ตะวีล)ได้หรือไม่?
 การตะวีล(ตีความ)นั้นฮะรอมและเป็นแนวทางของสะลัฟหรือไม่?
 ข้อแตกต่างระหว่างอะกีดะฮ์วะฮาบีย์ , อัลอะชาอิเราะฮ์ , ,และมั๊วะตะซิละฮ์ อันเกี่ยวกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์ ์

อะไรคือการตีความ...อะไรคือการ تحريف ตะห์รีฟ...อะไรคือตะตีล تعطيل ...อะะไรคือแนวทางของสะลัฟ...เขาอธิบายทัศนะและจุดยืนกันหมดแล้ว...ลองไปอ่านทัศนะของ บังอัล-อัซฮะรีย์ก่อน...แล้วค่อยมาวิจารณ์...

 การตีความฮะรอมหรือไม่และข้อเท็จจริงสะลัฟมีจุดยืนอย่างไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 22, 2010, 08:35 PM โดย อับดุลกอวี »

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พ.ค. 23, 2010, 09:05 AM »
0
จับใจความให้ดีท่าน อย่าเพิ่งร้อนรน ที่ผมนำข้อความมาโพสท์ไม่ใช่เรื่องเพดาน หรือฟันกราม แต่เป็นเรื่องมือ เพราะผมไม่สามารถโพสท์ในกระทู้เรืองซีฟัตมือได้ เรื่องเพดาน หรือฟันกรามผมยังไม่ได้เข้าไปศึกษาจึงขอละไว้ก่อน เพราะยกมาเพียงแค่ ""(ในวันกิยามะฮ์)อัลลอฮ์จะหัวเราะจนเผยเพดานและฟันกราม..." เลยไม่รู้ว่าเป็นฮาดีษหรือไม่? ฮาดีษระดับใด? ที่มาที่ไป เหตุการณ์ที่ประทานลงมาเป็นอย่างไร? ก่อนหน้า และ หลังจากนั้นมีบทวิภาษณ์หย่างไร จากผู้รู้ท่านใดบ้าง? เนื่องจากฟิตนะฮ์ที่มีมายังพี่น้องที่ยึดกิตาบุลลอฮ์ ซุนนะฮ์ แสวงหาความเข้าใจแบบชนยุคสลัฟนั้นมีมาก จึงอยากศึกษาเป็นเรื่องๆไป ถ้ามีผู้สามารถยกรายละเอียดมากกว่านั้นมาให้ด้วยก็จะเป็นประโยชน์มากกว่าการตัดต่อมาเพียงแค่นี้ เพราะไม่ต่างอะไรกับสภาวะตาบอดคลำช้าง ก็ขอมาอัฟด้วยที่ต้องนำมาโพสท์ในกระทู้ฟันกราม แต่เห็นว่ามีผู้โพสท์ก่อนหน้านี้ และอาจมีประเด็นร่วมกันอยู่บ้าง ไม่คิดว่าจะทำให้ท่านเหมารวม เข้าใจผิดไป

ท่านอย่าห่วงไปเลย อย่างที่ชี้แจงไปแล้วบ่อยครั้ง พวกเราที่เข้าใจแนวทางที่ถูกต้องไม่ปกป้องคนผิด และไม่ปรักปรำคนถูก เหมือนหลายๆแนวทางที่มีอยู่ในปัจจุบันหรอก ท่านสบายใจได้

ส่วนที่ผมยกมานั้น หากท่านเห็นว่ายืดยาวไม่อยากอ่าน หรือรำคาญก็ขอมาอัฟด้วย แต่ผมเห็นว่ายืดยาวน้อยกว่าลิ้งค์ที่ท่านให้ตามไปอ่าน เป็นแบบสรุปจากผู้รู้ศาสนาท่านหนึ่งที่จบศาสนาที่มาดีนะฮ์  เนื่องจากบทความของนักศึกษาไคโร เท่าที่อ่านจับประเด็นดูแล้วก็เป็นการนำประเด็นหลักเดิมๆมาขยายให้ยาวขึ้น และดูเป็นวิชาการเพื่อให้เข้าถึงยากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนเอาวามเท่านั้นเอง ทั้งยังอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา หรือเห็นความสำคัญกับการมาพยายามให้ความกระจ่างกับสิ่งที่ไม่มีความกระจ่างใดๆแก่มัคลูกได้ เพราะหลายคนที่เชื่อในคุณลักษณะของอัลลอฮ์ตามแบบธรรมชาติมนุษย์ที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งด้วยศัพท์ทางวิชาการ ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากว่าประโยคใดในกุรอานเป็นความหมายตรง และประโยคใดเป็นนัยยะ เพราะเราเชื่ออย่างหนึ่งว่าอิสลามนั้นง่าย กุรอ่านส่วนใหญ่นั้นง่าย การเข้าถึงพระเจ้าของมัคลูคนั้นง่าย ไม่ต้องอาศัยสื่อกลาง สร้างวิชาการเข้าถึงที่มีศัพท์แสงทางวิชาการมากมาย อย่างผู้รู้บางคนยึดติดกับมัน เป็นการเข้าใจ และอธิบายเรื่องเร้นลับเท่าทีมีตามกุรอาน ฮาดีษ และผู้รู้ส่วนใหญ่ในชนยุคสลัฟก็เพียงพอต่อความศรัทธา

ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวว่า "พวกเขา(สะลัฟ)รู้ว่า แท้จริง ผู้ที่พูด(คือท่านนบี) เป็นผู้ที่สัจจริง โดยไม่ต้องมีความสงสัยในความสัจจริงของเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อ โดยที่พวกเขาไม่รู้ความหมายแก่นแท้(ฮะกีกัต)ของมัน เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงหยุดนิ่งจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับมัน" ดู หนังสือ ซัมมุ อัตตะวีล ของท่านอิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 25 แต่นักเรียนซุนนะฮ์ในที่นี้กลับรู้ และสามารถตีความฮากีกัต ได้เป็นฉากๆ

หากท่านต้องการเสนอบีบประเด็นสั้นๆในประเด็นใด เอาเนื้อๆ ก็อลงยกมาใหม่น่าจะดีกว่า เพราะโดยส่วนตัวคงไม่มีเวลามากมาศึกษา ทำความเข้าใจความเชื่อที่นอกเหนือจากอิสลามในทุกๆเรื่อง ในทุกรายละเอียด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 19, 2012, 02:49 PM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พ.ค. 23, 2010, 09:43 AM »
0
ทำไมน๊า..?? ไอ้การไม่ทำอุตรินอกเหนือที่มีตัวอย่างจากนบี ไอ้การไม่จัดงานเมาลิด ไอ้การไม่กล่าวอุซอลลี ไอ้การไม่ทำบุญคนตาย ไอ้การไม่ทำพิธีกรรมในกุโบร์ การเชื่อเรื่องพระนามของอัลลอฮ์ที่มี 99 ตามนบีบอก ทำเฉพาะที่มีแบบอย่างในเรื่องศาสนา มันค้องมีชื่อกลุ่ม"วาฮาบีย์"ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้สมัครใจ หรือเจ้าของชื่อที่ล่วงลับก็ไม่ได้มีส่วนร่วมตั้งด้วย  ทั้งยังต้องโดนกล่าวหาว่าเมีอากีดะฮ์ว่าอัลลอฮ์มีผมหยักศก มีฟันกราม มีสิ่งนั้นเหมือนโน่น เหมือนนี้ การเชื่อถือ และปฏิบัติเช่นนี้มันตกเป็นเป้าโจมตีของนักเรียนศาสนาแบบใดกัน ???

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พ.ค. 23, 2010, 11:28 AM »
0
ทำไมน๊า..?? ไอ้การไม่ทำอุตรินอกเหนือที่มีตัวอย่างจากนบี ไอ้การไม่จัดงานเมาลิด ไอ้การไม่กล่าวอุซอลลี ไอ้การไม่ทำบุญคนตาย ไอ้การไม่ทำพิธีกรรมในกุโบร์ การเชื่อเรื่องพระนามของอัลลอฮ์ที่มี 99 ตามนบีบอก ทำเฉพาะที่มีแบบอย่างในเรื่องศาสนา มันค้องมีชื่อกลุ่ม"วาฮาบีย์"ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้สมัครใจ หรือเจ้าของชื่อที่ล่วงลับก็ไม่ได้มีส่วนร่วมตั้งด้วย  ทั้งยังต้องโดนกล่าวหาว่าเมีอากีดะฮ์ว่าอัลลอฮ์มีผมหยักศก มีฟันกราม มีสิ่งนั้นเหมือนโน่น เหมือนนี้ การเชื่อถือ และปฏิบัติเช่นนี้มันตกเป็นเป้าโจมตีของนักเรียนศาสนาแบบใดกัน ???





ผม ขอนำคำพูดของ   อัล-อัซฮะรีย์  ที่ขอประกาศในเวปไซท์แห่งนี้ว่า  การเรียกว่า "วะฮาบีย์" ไม่ใช่เพราะไม่อ่านอุซ๊อลลี , ไม่ลูบหน้าหลังให้สลามตอนละหมาดเสร็จ , ไม่อ่านตัลกีน , ไม่ทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี , ไม่อ่านกุนูต  เป็นต้น

แต่ที่เรียกว่า "วะฮาบีย์"  เพราะมีเอกลัษณ์ที่ว่า  หากผู้อื่นทำสิ่งที่ไม่เหมือนกับตนจะถูกฮุกุ่มทำบิดอะฮ์  และประการที่สำคัญสุดในการเรียกว่า "วะฮาบีย์" อย่างเป็นเอกลักษณ์นั้น  เพราะเรื่อง อะกีดะฮ์ที่มีความต่าง ตรงนี้แหละที่โลกอาหรับปัจจุบันเขาเรียกว่า  "วะฮาบีย์" นะครับ

และอีกอย่างหนึ่งที่จะนำมาบอกพี่น้องของเราว่า  ลัทธิวาฮาบีย์นั้นคล้ายกับกลุ่มใดมากที่สุด

เรื่องราวของนักปฎิรูปที่ชื่อ   มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ

 เรื่องของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบได้เริ่มขึ้นในตะวันออกกลางในปี ฮ.ศ.1143 และได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในปี ฮ.ศ.1150 ที่เมืองอันนัจดฺ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1206 เขาได้เริ่มเผยแพร่ด้วยกับการเรียกร้องที่มีการผสมผสานความคิดต่าง ๆ ของเขา โดยอ้างว่า ความคิดเหล่านี้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านและซุนนะฮฺนบี เขาได้ยึดเอาอุตริกรรมบางส่วนมาจากท่านตากียุดดีน อะฮฺหมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ แล้วได้นำมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง

และส่วนหนึ่งจากอุตริกรรมที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่เอามาจากอิบนุตัยมียะฮฺ คือและพี่น้องวาฮาบีรย์เมืองไทยมาตักลีดตามทุกขบวนและขั้นตอน  

ซึ่งการกระทำเหล่านี้ ท่านนบี(ซล)ไม่เคยกระทำและไม่มีในหลักฐานเลย)

1. การห้ามตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด
2. การห้ามเดินทางเพื่อไปเยี่ยมสุสานท่านศาสดามูฮัมหมัดและคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตและบรรดาคนซอและฮฺอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปขอพร ณ ที่นั้น เพื่อหวังการตอบรับการขอพรจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
3. ยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่บุคคลที่เรียกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วยคำต่อไปนี้ :- يارَسُولَ اللهِ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ,  يَامُحَمَّدُ โอ้ท่านมูฮัมหมัด ,  يَاعَلِيَّ โอ้ท่านอาลี ,หรือกล่าวว่า يَاعبد القادِرِ โอ้ท่านอับดุลกอเดร จงช่วยฉันด้วย หรือเช่นถ้อยคำกล่าวเหล่านี้ นอกเสียจากจะต้องกล่าวกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
4. ยกเลิกการหย่าแบบมะฟุลบิฮ ที่มีมาพร้อมกับการผิดสาบาน เช่น สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺในเรื่องที่เสนอว่าจะจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
5. มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีรูปร่างและมีทิศ

และเขาก็ได้อุตริเรื่องต่าง ๆ ด้วยกับตัวของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาเช่นต่อไปนี้
1. การห้ามกล่าวซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ทัดจากอาซาน
2. ลูกศิษย์ของเขาได้ห้ามการจัดงานฉลองวันประสูติท่านศาสดา โดยคัดแย้งกับคำสอนของท่านอิบนุตัยมียะฮฺซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขาท่านมูฟตีย์อัชชาฟีอียะฮฺ (ผู้ชี้ขาดในเรื่องของศาสนาสำนักชาฟีอี) ในนครมักกะฮฺได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ  



ท่านเชค อะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลาน มูฟตีย์ประจำนครมักกะฮฺ  ซึ่งท่านได้อาศัยอยู่ในท้ายยุคการปกครองแบบอุสมานีย์ (อ๊อตโตมาน) ได้กล่าวในประวัติศาสตร์ของมูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบ ภายใต้หัวข้อเรื่อง ?ฟิตนะฮฺ (การปลุกปั่นให้ก่อความไม่สงบ) ของกลุ่มวะฮฺฮาบียะฮฺ? ว่า เรื่องของอิบนุอับดุลวะฮฺฮาบเริ่มจากการแสวงหาความรู้ในนครมะดีนะฮฺอัลมูเนาวาเราะฮฺ ซึ่งบิดาของเขาเป็นนักวิชาการที่ซอและหฺ เช่นเดียวกับท่านเชคสุไลมานผู้เป็นพี่ชาย ปรากฏว่าบิดาและพี่ชายของเขาตลอดจนบรรดาคณาจารย์ได้ปลุกฝั่งเขาให้อยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรง ต่อมาอิบนุอับดุลวะฮฮาบก็ได้เบี่ยงเบนและแต่งแต้มสิ่งที่บิดาและบรรดาคณาจารย์ได้เสี่ยมสอน จากคำพูด การกระทำ และการพิพาทของเขาในเรื่องของปัญหาศาสนามากมาย ผู้เป็นบิดาและบรรดาคณาจารย์ของเขาจึงได้เตือนถึงภัยร้ายที่เกิดจากมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ต่อผู้คนจากการอุตริกรรมที่เกิดจากการเบี่ยงเบนและการหลงผิดของเขา อันเป็นเหตุให้ปุถุชนทั่วไปหลงผิดและสร้างความขัดแย้งต่อบรรดาผู้นำศาสนาคนอื่น ๆ อีกทั้งยังยัดเยียดการเป็นกาเฟรแก่บรรดาผู้ศรัทธา เพราะเขาได้อ้างว่า การไปเยี่ยมสุสานและการตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด ตลอดจนบรรดาศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ บรรดาเอาลียะอฺ และบรรดาคนซอและหฺโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้รับความสิริมงคลนั้น ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ และการเรียกท่านศาสดามูฮัมหมัดในขณะตะวัสสูลก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺเช่นกัน การที่ผู้หนึ่งผู้ใดพาดพิงสิ่งหนึ่ง หรือการกระทำหนึ่งไปยังสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวทางการด้านมาญาซอักลีย์ (การเรียกชื่อสิ่งหนึ่งโดยใช้สิ่งอื่นแทน) ก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ เช่นการกล่าวว่า ?ยานี้มีประโยชน์กับฉัน? การยึดเอาหลักฐานที่ไม่เป็นผลต่อสิ่งใด ๆ อย่างที่เขาต้องการให้แก่ตัวของเขาเอง การนำมาซึ่งสำนวนที่ปลอมแปลงด้วยกับสำนวนที่สละสลวย การปกปิดความถูกต้องต่อปุถุชนทั่วไปเพื่อให้พวกเขาปฏิบัติตาม และการประพันหนังสือต่าง ๆ ให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าบรรดานักวิชาการเตาฮีดทั้งหลายเป็นกาเฟร...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 23, 2010, 11:33 AM โดย راجيس »

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พ.ค. 23, 2010, 11:53 AM »
0
ถ้าเรียก "วาฮาบีย์" เพราะอ้างว่ากลุ่มนี้มองว่ากลุ่มอื่นทำไม่เหมือนกับตนแล้วเรียกว่า"อุตริ" คงคลาดเคลื่อนตั้งแต่แรกเลยครับ ท่านต้องติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกเสียก่อน ...

กลุ่มที่ถูกเรียกว่า"วาฮาบีย์"ไม่ได้เรียกกลุ่มที่ทำไม่เหมือนตนเองว่ากำลังทำบิดอะฮ์นะครับโปรดเข้าใจเสียใหม่ เริ่มจากสลายคำว่ากลุ่มออกก่อน เพราะบางครั้ง คนที่อยู่ในที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน อาจไม่ได้มีความเชื่อแบบเดียวกันทั้งหมด อีกทั้ง คนๆหนึ่งก็ไม่สามารถตั้งฉายา ติดโลโก้ให้กับเขาได้ว่าเป็นคนเช่นไร หากเราไม่ได้รู้ชัดในจุดยืน หรือพฤติกรรมโดยส่วนใหญ่ แต่เขาผู้ถูกตั้งฉายาว่าวาฮาบีย์บางส่วนกำลังบอกว่าคนที่ทำอิบาดะฮ์ทางศาสนาในรูปแบบที่ไม่เหมือนนบี หรือชนยุคสลัฟที่เคยทำไว้เป็นตัวอย่าง  ที่ถูกบันทึกมาเป็นรายงานที่ตรวจสอบทางวิชาการที่ยอมรับตรงกันแล้วว่าเชื่อถือได้ ทั้งที่คนๆนั้นรู้แล้ว และสามารถนำมาปฏิบัติได้โดยไม่มีอุปสรรค คนเหล่านี้กำลังทำอุตริกรรม หรือบิดอะฮ์อยู่ แต่ไม่ได้หมายรวมว่าเป็นชาวบิดอะฮ์ในทุกอริยาบทของชีวิต หรือเป็นชาวนรก หรือฮูก่มกาเฟร อย่างที่บางคนเข้าใจ ทั้งนี้คนที่ทำพฤติกรรมที่บิดอะฮ์อยู่อาจเรียกแนวทางที่ตนยึดถือว่า ซุนนะฮ์ วัลญามาอะฮ์ สลาฟียูน หรือ วาฮาบีย์ เองก็เป็นได้ เขามีหน้าที่พูดความจริงตามที่ตนเองรู้ และตักเตือนเท่านั้น หากมีอำนาจมากกว่านั้นก็ดำเนินการเปลี่ยนแปลงด้วยอำนาจที่มี ส่วนพฤติกรรมใครที่ตรงกับ "วาฮาบีย์" ในนิยามของท่านอชอารีย์ก็จำเป็นต้องรู้จักแยกแยะ ไม่ใช่เหมารวม

ส่วนถ้าใช้เหตุผลเรียกมุสลิมที่อากีดะฮ์ต่างกับท่านว่า "วาฮาบีย์" แล้ว ชีอะฮ์ก็ต้องเป็นวาฮาบีย์ รวมทั้งกลุ่มที่เหลือ (ถ้าท่านเชื่อว่าอิสลามจะแบ่งเป็น 73 กลุ่ม) แต่ถ้าไม่นับเฉพาะมุสลิม ก็จะกลายเป็นว่า พุทธก็วาฮาบีย์ คริสต์ก็วาฮาบีย์ และซ้ำร้ายชนเหล่านี้ก็มองว่าท่าน ผม และ อัชอารีย์ "อุตริในศาสนา" ด้วยเช่นเดียวกัน และเราก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นวาฮาบีย์ในสายตา และนิยามที่ท่านอัชอารีย์ตั้งไว้  กระนั้นหรือ???

ก็เลยไม่ทราบว่าท่านอัชอารีย์ใช้มาตรฐานใดกันแน่?? ปรับทรรศนะน่าจะเป็นการง่ายกว่าโดยการรับฟังกัน ไม่ปรักปรำกัน ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้นเป็นสิทธิ์ของท่านที่มี

ท่านต้องปรับความเข้าใจในเบื้องต้นของคำนิยามตรงจุดนี้ก่อนจึงจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะอย่าลืมว่าการตั้งฉายา หรือเรียกชื่อที่ไม่พึงประสงค์แก่ผู้ใด ย่อมไม่เป็นคุณลักษณะของผู้ที่อ้างว่ายึดถือแนวทางซุนนะฮ์ จริงหรือไม่ถาม อัชอารีย์ และ"อัชอารียูน" ดู(คงไม่อยากให้ใครตั้งแบบนี้) ?

เมื่อคุณลองเปิดใจรับฟังฝ่ายที่ถูกกล่าวหาได้บ้างแล้วก็ลองไปฟังประวัติของท่านมูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบ ในอีกแง่มุมหนึ่ง ก่อนที่จะใช้ความสามารถของท่านฮูก่มใครตามๆกันไป ผมไม่ได้บอกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกก็แล้วกันเพียงแต่ หลักการความปลอดภัยง่ายๆของตนเองที่อยากแนะนำ คือ หากท่านไม่แน่ใจ ยังไม่ได้ใช้สิ่งที่อัลลอฮ์ประทานให้อย่างสุดความสามารถในการให้ความยุติธรรมแก่ใครแล้ว ก็อย่าฮูก่มใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ ให้ตัดสินพฤติกรรมที่เห็นชัดเจน และจุดยืนหรือแนวคิดที่เจ้าตัวประกาศออกมา วิเคราะห์บนหลักการพื้นฐานของอิสลามเป็นเรื่องๆไปน่าจะดีกว่า ถ้าปรับใจให้เป็นกลางอย่างที่สุดแล้วก็ขอให้ไปฟังเรื่องราวคร่าวๆได้ที่

http://www.islaminthailand.org/dp6/?q=audio/2010-05-08/2494

ขออัลลอฮ์ทรงชี้นำ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 23, 2010, 01:05 PM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พ.ค. 23, 2010, 08:05 PM »
0
หากท่านต้องการเสนอบีบประเด็นสั้นๆในประเด็นใด เอาเนื้อๆ ก็อลงยกมาใหม่น่าจะดีกว่า เพราะโดยส่วนตัวคงไม่มีเวลามากมาศึกษา ทำความเข้าใจความเชื่อที่นอกเหนือจากอิสลามในทุกๆเรื่อง ในทุกรายละเอียด

กรุณาก๊อบสิ่งที่คุณ laliklalee เคยโพสต์มาเรื่องซีฟัตของอัลลอฮ์แล้วบีบประเด็นนั้นและนำไปตั้งกระทู้มาใหม่  แล้วผมจะขอเสวนาเชิงวิชาการกับคุณ laliklalee เพียงสองคน ตกลงไหมครับ?!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 23, 2010, 08:16 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พ.ค. 23, 2010, 11:48 PM »
0
 salam    มารอคำว่าตกลงครับ

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พ.ค. 24, 2010, 09:54 AM »
0
ก่อนอื่นต้องถามว่าท่านติดกระดุมเม็ดแรกถูกหรือยัง? ตามคำประกาศของท่านในนิยามการตั้งฉายาคำว่า "วาฮาบีย์" มีเหตุผลจะแก้ต่างอะไรอีกหรือไม่?

ถ้าถูกแล้วก็ยินดีจะแลกเปลี่ยนความเข้าใจในประเด็นเรื่องความเข้าใจต่อซีฟัตของอัลลออ์แบบมนุษย์ผู้ต่ำต้อย...อย่างผม และอยู่ในกรอบของการไม่พยายามแสวงหาความชัดเจน หรืออธิบายจนเข้าข่าย"เลยเถิด" ไปตามคำตักเตือนอันมีค่าของชนยุคสลัฟ

ก็ยินดีครับ ถ้าคุยบนพื้นฐานความรู้ความเข้าใจของผมที่เป็นมัคลูคธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่นักวิชาการศาสนา เพื่อให้ศาสนาเป็นเรื่องง่ายของคนส่วนใหญ่ ศัพท์เฉพาะที่แปลเป็นไทยได้ความหมายเดียวกันก็ช่วยแปลด้วยก็แล้วกัน ตกลงไหม?

ประเด็นไหนที่ผมไม่ทราบผมจะถามท่าน หรือไม่ก็ผู้รู้ท่านอื่นเพื่อนำมาขัดเกลากัน ตามลักษณะ student of sunnah ไม่ใช่ scholar of sunnah

เพราะผมไม่ใช่นักเรียนศาสนาโดยตรง ไม่สันทัดภาษาอาหรับ scholar ระดับท่านยังจะเสวนาเชิงวิชาการกับผมหรือไม่?  

หาก ตกลงก็เชิญท่านบีบประเด็นที่เห็นว่าที่ผมโพสท์เป็นการเข้าใจผิด และนำเสนอส่วนที่เห็นว่าถูกได้เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2010, 10:26 AM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พ.ค. 24, 2010, 10:33 AM »
0
1- พอได้ยิน คุณเอาเลยไปเปรียบเทียบกับ มัคลูก = เข้าข่าย تمثيل เปรียบพระองค์กับมัคลูก
2- สมองคุณเห็นว่า ไม่ได้ เปรียบเทียบกับมัคลูกไม่ได้ ฉะนั้น ต้องปฎิเสธเรื่องนี้ = เข้าข่าย تعطيل คุณปฏิเสธศิฟัตของอัลลอฮ์
3- เมื่อเป็นความหมายตรงไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นความหมายโดยนัยแทน คุณจึงตีความว่าต้องมีความหมายอย่างอื่น = เข้าข่าย تحريف คุณบิดเบือนความหมายของศิฟัต
ทั้งสามอย่างนี้สลัฟเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก

ขอรายละเอียดหน่อยครับ  เพราะคุณเขียนมาเยอะมากครับ  

1. ขอความเข้าใจเกี่ยวกับการแบ่งแยกระหว่าง تشبيه  กับ تمثيل  หน่อยว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

2. คำนิยาม تعطيل คือะไร และำคำนิยาม تحريف หมายถึงอะไร และการตีความ(ตะวีล) เข้าข่าย تعطيل และ تحريف  เสมอไปหรือไม่?

3. เป็นที่ทราบดีว่า ยะดุน (แปลว่ามือ)  แต่ความหมายแท้ตามหลักภาษาอัลกุรอาน(ภาษาอาหรับ)หมายถึงอะไรและความหมายโดยนัยมีอะไรบ้าง

ขอบคุณครับ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2010, 10:38 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พ.ค. 24, 2010, 10:50 AM »
0
ใจเย็นๆครับ เอาทีละเรื่องดีกว่า ผมเสนอเงื่อนไขไปตั้งหลายเรื่องท่านข้ามหมดเลย แล้วที่ผมถามท่านไปตอบคำถามก่อนสิครับ ถ้ามีแต่คนถนัดถามไม่ถนัดตอบจะเรียกเสวนาได้อย่างไร?

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พ.ค. 24, 2010, 10:57 AM »
0
ใจเย็นๆครับ เอาทีละเรื่องดีกว่า ผมเสนอเงื่อนไขไปตั้งหลายเรื่องท่านข้ามหมดเลย แล้วที่ผมถามท่านไปตอบคำถามก่อนสิครับ ถ้ามีแต่คนถนัดถามไม่ถนัดตอบจะเรียกเสวนาได้อย่างไร?

เสวนาไปพร้อม ๆ กันสองประเด็นเลยดีไหม?  เีรื่องกระดุมเม็ดแรกกระทู้นึ่ง และเรื่องความเข้าใจซีฟาตที่คุณโพสอีกกระทู้หนึ่ง(โดยผมจะใช้คำว่า สะละฟีย์แทนคำว่าวะฮาบีย์) เพราะว่าเรื่องซีฟาตคุณได้โพสไปแล้ว  ซึ่งอาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดในบางแง่มุม  เราต้องเสวนาไปพร้อม ๆ สองกระทู้กันเลย
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ItQan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 177
  • Reflection
  • Respect: +50
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พ.ค. 24, 2010, 11:13 AM »
0
 salam

คิดว่าคุณ laliklalee น่าจะรับผิดชอบในสิ่งที่คุณได้เขียนโพสท์เกี่ยวกับเรื่องซิฟาต  ไม่ใช่ว่าพอคนอื่นต้องการการชี้แจงจากคุณ  แล้วคุณก็มาตั้งเงื่อนไข  เพื่อไม่ให้เขาร่วมเสวนาขอคำชี้แจงกับในสิ่งที่คุณได้เขียน  คิดว่าคุณน่าจะรับผิดชอบในสิ่งที่คุณเขียนด้วยน่ะ  กล้าเขียนโพสท์ลงมา  ก็น่าจะตอบรับการเสวนาชี้แจงน่ะ
أللهم اخرجنا من ظلمات الوهم وأكرمنا بنور الفهم ... آمين يارب العالمين
โอ้อัลเลาะฮ์ ขอพระองค์ทรงให้เราออกห่างจากความมืดมนแห่งความคิดคลุมเครือ  และให้เกียรติเราได้วยรัศมีแห่งความเข้าใจ... อามีน ยาร็อบ

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระเจ้าของวะฮาบีย์มีเพดานและฟันกราม
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พ.ค. 24, 2010, 11:43 AM »
0
ผมเสนอให้คุยเรื่องกระดุมเม็ดแรกเสร็จแล้วค่อยต่อเรื่องที่คุณอัชอารีย์ต้องการแย้ง ผมคิดว่าเรื่องกระดุมเม็ดแรกคงไม่ใช้เวลานาน และเป็นเรื่องที่จะพิสูจน์ความจริงใจในการใช้เหตุผลของแต่ละฝ่ายให้ผู้อ่านได้เห็นไปในคราวเดียวกัน โบราณว่าจับปลาสองมือ เหยียบเรือสองแคมคงเป็นข้อเสนอแนะที่ดี เพราะสองเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรือเรื่องที่ต้องคุยไปในเวลาเดียวกัน พิสูจน์เป็นเรื่องๆไปดีกว่าครับส่วนเรื่องการเรียก "สะละฟีย์" เพียงระยะเวลาหนึ่งที่คุยกันซึ่งๆหน้า แต่ คำประกาศจุดยืนยังคงเห็นด้วยกับการตั้งฉายาเช่นเดิมก็เป็นเพียงฉากหน้าที่ไม่มีความสำคัญอะไรนัก คงไม่จำเป็นครับ เปิดเผยกันตรงๆจะดีกว่า

คุณ Itqan ครับ ทุกคนต่างต้องการความรับผิดชอบครับ หากจะใช้ความยุติธรรมต้องให้ความสำคัญเรื่องลำดับก่อนหลังของความอธรรมที่เกิดด้วย เพราะอีกฝ่ายเขียนสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้ก่อนหน้านั้นไม่ใช่หรือ? จริงๆแล้วคำประกาศของท่านอัชอารีย์ประกาศไว้ก่อนหน้าผมโพสท์นานแล้วและได้สร้างความเข้าใจผิดไว้มากมาย จึงน่าจะเป็นการสมควรกว่าที่จะคุยกันเรื่องนี้ก่อน และให้ได้ข้อสรุปเป็นเรื่องๆไป ผมได้เรียกร้องขอการชี้แจงของท่านอัชอารีย์ก่อนหน้าที่ท่านอัชอารีย์จะถามกลับมา โปรดจับประเด็นด้วย ส่วนข้อเสนอเรื่องเสวนาในประเด็นซีฟัตของอัลลอฮ์นั้น ผมสนองไปแล้วแต่มีเงื่อนไขที่เสนอให้ตกลงร่วมกันก่อน เพื่อให้การเสวนาเป็นไปเพื่อความรู้ความเข้าใจของคนเอาวามอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการเอาชนะคะคานกันระหว่างผู้รู้ทางภาษาอาหรับ หรือปรัชญา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2010, 11:57 AM โดย laliklalee »

 

GoogleTagged