ผู้เขียน หัวข้อ: คุฏบะฮฺมัสญิด อัรฺ-ริฎวาน(นานา) วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 53 (15 ญะมาดิลเอาวัล 1431)  (อ่าน 2777 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


ปัญหาที่แก้ไม่ตก

   พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติความดีและละเว้นความชั่วอย่างจริงจัง และท่านทั้งหลายจงอย่าได้ตาย จนกว่าท่านจะเป็นผู้ยอมจำนนต่ออัลอิสลามโดยสิ้นเชิง
   พี่น้องครับ คงจะจำกันได้ว่า เกือบทุกปี ที่มีวันหยุดราชการหลายวันติด ๆ กัน ผมจะนำเอาสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนมาเล่าให้พี่น้องฟัง
   เป็นที่ทราบกันว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีพลเมืองนิยมดื่มเครื่องดื่มมึนเมาติดอันดับโลก จากการประเมินตามหลักวิชาการพบว่า ประเทศที่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมามากที่สุดในโลก 10 อันดับแรก คือ เกาหลีใต้ รัสเซีย ยูเครน ไทย โปแลนด์ ญี่ปุ่น ฟินแลนด์  สาธารณรัฐเช็ค บัลแกเรีย และสุดท้ายคือฝรั่งเศส เฉลี่ยแล้วคนไทยหนึ่งคนดื่มน้ำเมาปีละ 8.10 ลิตรและผลจากการดื่มน้ำเมาทำให้ประเทศเรามีสถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากน้ำเมาสูงทุกโอกาสที่มีวันหยุดหลายวัน โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์
   รัฐบาลมิได้นิ่งนอนใจ มีการรณรงค์ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ห้ามจำหน่ายเหล้าแก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามจำหน่ายเหล้าในสถานีบริการน้ำมัน ให้จำหน่ายเหล้าได้โดยจำกัดเวลา ห้ามผู้ดื่มสุราขับขี่ยานพาหนะ มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ถ้าสูงเกินกำหนด 50 มิลลิกรัม% จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังพยายามรณรงค์ให้ลดอุบัติเหตุในช่วงวันหยุดยาวลงจากปีก่อนร้อยละ 5 ทุกปี ซึ่งก็ค่อนข้างจะได้ผลมาตลอด อัตราการเกิดอุบัติเหตุ การเสียชีวิตและการบาดเจ็บ ลดลงเรื่อย ๆ
   สำหรับปีนี้ การรณรงค์ 7 วันระวังอันตรายจากอุบัติเหตุ อยู่ระหว่างวันที่ 12 – 18 เมษายน 2553 สรุปว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 3,516 ราย บาดเจ็บ 3,802 ราย เสียชีวิต 361 ราย ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังถือว่าสูง สาเหตุหลักก็ยังคงเป็นเมาสุราและขับรถเร็ว
   น้ำเมา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออะไรก็ตามมีประโยชน์อยู่บ้างแต่ถ้าพิจารณาถึงโทษของมันแล้วมีมากมายนัก ในอัลกุรอาน ก่อนที่น้ำเมาและการพนันจะเป็นที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาดนั้น อัลลอฮฺดำรัสไว้ว่า

 
   
   “พวกเขาจะถามเจ้า เกี่ยวกับน้ำเมา และการพนัน จงกล่าวเถิดว่า ในทั้งสองนั้นมีโทษมากและมีคุณหลายอย่างแก่มนุษย์ แต่โทษของมันทั้งสองนั้นมากกว่าคุณของมัน”       
อัลบะเกาะเราะฮฺ 2 : 219
   ตามความเป็นจริง ถ้าเราจะดูถึงประโยชน์ของน้ำเมา เราอาจกล่าวได้ดังนี้
1. ทำให้เจริญอาหาร เพราะแอลกอฮอล์ปริมาณน้อย ๆ กระตุ้นให้อยากอาหาร
2. ช่วยให้เข้าสังคม แต่เป็นสังคมของคนดื่มน้ำเมาด้วยกัน
3. ช่วยเก็บกดความทุกข์ เป็นการเก็บกดปัญหาไว้ชั่วคราว เมื่อหายเมาปัญหาก็กลับมาอีก
4. มีคนพูดประชดประชันว่า ดื่มน้ำเมานาน ๆ เวลาเผาไม่เปลืองฟืน เพราะแอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิงที่ดี ตายแล้วเอาไฟจ่อก้นก็ลุกพรึ่บ
   แต่เมื่อมาเทียบกับโทษของมันแล้ว แตกต่างกันมาก
1. ดื่มน้ำเมาทำให้เสียทรัพย์ ต้องไปซื้อหามาดื่ม นอกจากพวกที่อาศัยเขาดื่ม แต่ก็คงไม่มีใครอยากคบสักเท่าไร เดินไปไหนเพื่อนก็บอกว่าไอ้ขี้ขอมาอีกแล้ว
2. เป็นผลเสียต่อสุขภาพ น้ำเมาเป็นยากดประสาท ควบคุมสติไม่อยู่ ถ้าควบคุมยานพาหนะก็อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุอย่างที่รู้เห็นกันอยู่ ทำให้ปราศจากความละอาย บางคนก็ท้าตีท้าต่อย บางคนยืนถ่ายปัสสาวะข้างถนน บางคนเดินแก้ผ้าน่าไม่อาย ลองนึกถึงภาพคนที่มีสถานะสูงในสังคม เมาแล้วนอนหลับอยู่ข้างถนน จะเป็นอย่างไร คนที่ดื่มเหล้านาน ๆ จนติด ที่เรียกว่า Alcoholism นั้น จะมีอาการขาดเหล้าไม่ได้ ถ้าขาดเหล้าแล้วเกิดอาการเพ้อคลั่ง ตัวสั่น มือสั่น ในบางรายก็ชัก เรียกว่า Delirium Tremens อวัยวะสำคัญที่มีหน้าที่ทำลายสารพิษ คือ ตับ ต้องทำงานหนักในการสลายแอลกอฮอล์ที่มีในน้ำเมาทุกชนิด จนในที่สุดตับแปรสภาพเป็นพังผืด ทำงานไม่ได้ตามปกติที่เรียกว่าตับวาย บางครั้งทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร จากกระเพาะอาหารอักเสบหรือเป็นเส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร ฯลฯ
3. เป็นผลเสียต่อสังคม ปัญหาครอบครัวแตกแยก ปัญหาการขาดงานหรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมาจากการดื่มน้ำเมาอีกมากมาย มองเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
   ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้ทรงห้ามน้ำเมา รวมทั้งเพื่อนของมันคือการพนันอย่างเด็ดขาด และพระองค์ได้ทรงชี้ให้เห็นถึงโทษที่สำคัญที่สุดของน้ำเมาและการพนัน นั่นก็คือ การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท การลืมการระลึกถึงอัลลอฮฺและเป็นเหตุให้ทิ้งละหมาด พระองค์ดำรัสว่า



   “ที่จริงชัยฏอนนั้น เพียงต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันระหว่างพวกเจ้า ในสุราและการพนันเท่านั้น และมันจะหันเหพวกเจ้าออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ และการละหมาดแล้วพวกเจ้าจะยุติไหม”                        
อัลมาอิดะฮฺ 5:91
   มีเรื่องราวปรากฏในข่าวทั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุหรือโทรทัศน์ให้ได้รับรู้อยู่เสมอ ๆ ถึงการทะเลาะวิวาทกันในหมู่ผู้ที่ดื่มน้ำเมา บางครั้งก็มีการใช้เครื่องทุ่นแรงทำร้ายร่างกายกันและกัน เครื่องทุ่นแรงที่ว่า บางทีก็เป็นอาวุธร้ายแรง เช่น มีดหรือปืน แต่บางทีก็เป็นขวดน้ำเมาเองนั่นแหละที่ใช้ตีกัน


   เล่าจากอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุว่า “ฉันเคยรินเครื่องดื่มเป็นน้ำเมาที่หมักจากอินทผลัมดิบผสมอินทผลัมสุก ให้แก่ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ อะบูฏ็อลหะฮฺและอุบัยยฺ อิบนิกะอฺบิน ต่อมาได้มีผู้มาหาท่านและกล่าวว่า แท้จริงน้ำเมานั้นได้ถูกห้ามแล้ว อะบูฏ็อลหะฮฺจึงกล่าวว่า อะนัส ลุกขึ้นแล้วเอามันเททิ้ง ดังนั้นฉันจึงเทมันทิ้ง”                     
บันทึกโดย บุคอรียฺ มุสลิม และอะบูดาวูด
   บรรดาเศาะหาบะฮฺที่มีอีมานเข้มแข็งนั้น เมื่อรู้ว่าสิ่งใดใช้ เขาก็จะรีบทำ และเมื่อสิ่งใดห้าม เขาก็จะหลีกห่าง ไม่ข้องแวะ ไม่ยุ่งเกี่ยวทันที ดังเช่นเรื่องนี้ เมื่อรู้ว่าเหล้าหรือน้ำเมา เป็นสิ่งต้องห้ามเขาก็เทมันทิ้งทันทีไม่มีรีรอ เช่นเดียวกับบัญญัติเรื่องการคลุมผ้าสำหรับสตรี เมื่อพวกเธอรู้ว่า อัลลอฮฺดำรัสให้มุสลิมะฮฺปกปิดร่างกายให้มิดชิด พวกนางก็ออกจากบ้านในสภาพที่เหมือนมีอีกาอยู่บนศีรษะ หรือบางรายก็ฉีกผ้านุ่งของนางบางส่วนใบคลุมศีรษะและใบหน้า
   แต่ก็ยังมีบางคน น้ำเมาที่บรรดาเศาะหาบะฮฺเขาเททิ้งไปแล้ว เราก็ยังแสวงหามาดื่ม ผ้าคลุมศีรษะที่บรรดาเศาะหาบียะฮฺปิดกันทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง ก็ถูกพวกเราท้าทายด้วยการเปิดมันเสีย สิ่งนี้ไม่ใช่อะไร นอกจากเราให้น้ำหนักกับสังคมของผู้ไม่มีศรัทธาทั้งหลายมากกว่าน้ำหนักคำสั่งของอัลลอฮฺ สังคมของผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นเขาดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ บริโภคน้ำเมากัน เราก็พลอยไปด้วย สังคมนี้เขาไม่แต่งกายให้มิดชิด เราก็เห็นดีเห็นงาม บางคน บ้านคนมีดัง มีหน้ามีตาในสังคม เขามีชั้นวางของ ชั้นวางเหล้า มีสตูลบาร์ มีน้ำเมาสารพัดชนิดวางโชว์ มีแก้วแขวนพร้อมใช้ บ้านมุสลิมบางคนก็จ้างคนมาตบแต่งในลักษณะเดียวกัน บางคนยิ่งกว่านั้น มีห้องเก็บไวน์ยี่ห้อดัง ๆ ขวดละเป็นหมื่นเป็นแสน ดื่มแล้วเหมือนได้เข้าสวรรค์ดุนยาแต่เตรียมพบกับนรกอาคิเราะฮฺ บางคนนอกจากทิ้งมรดกเป็นทรัพย์สินแล้ว ยังมีคลังน้ำเมาไว้ให้เป็นมรดกกับลูกหลานด้วย



   เล่าจากอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าแท้จริง อะบูฏ็อลหะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เรียนถามท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถึงเด็กกำพร้าที่ได้รับมรดกเป็นสุราว่าจะทำอย่างไร ท่านตอบว่า เทมันทิ้ง เขาจึงถามต่อไปว่า เราจะหมักต่อไปให้เป็นน้ำส้มสายชูไม่ได้หรือ ท่านตอบว่า ไม่ได้
                      
บันทึกโดย อะบูดาวูดด้วยสายรายงานที่ศอลิหฺ
   อิสลามนั้นห้ามเรื่องน้ำเมามานาน และจะห้ามต่อไปจนอาคิเราะฮฺ คนสมัยก่อนเทน้ำเมาทิ้ง แต่คนสมัยนี้ไปหาซื้อมาสะสม มุสลิมมีคำสั่งห้ามเรื่องน้ำเมาชัดเจน ตั้งนั้นมุสลิมต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับศาสนิกอื่นว่า สังคมที่ไม่มีน้ำเมานั้นก็มีความสุขได้ และเป็นสังคมที่สงบ มุสลิมอย่าเป็นเสียเอง ใครที่เคยพลาดผิดไปแล้วก็กลับตัวกลับใจ ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ ใครที่สามารถยับยั้งตัวเองได้แล้ว ก็อย่าหวนไปบริโภคอีก ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้สังคมของเรา เป็นสังคมที่ปราศจากน้ำเมาอย่างแท้จริง อามีน


คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของมัสญิด อัรฺ-ริฎวาน(นครราชสีมา) เมื่อ 1 พฤษภาคม 2553 โดย Bangmud


ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Bangmud รวบรวมคุตบะฮได้กี่เล่มละ


ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนความดีงามให้แก่ผู้นำเสนออย่างมากมาย อามีนยาร็อบ

จะพยายามอ่านให้ครบทุกช่วงตอนที่บังมัดนำเสนอค่ะ
ช่วงนี้พอมีเวลาบ้างแล้ว
อินชาอัลลอฮ์

 

GoogleTagged