salam
เพราะเวบนี้ เท่าที่เห็นส่วนใหญ่มีแต่บรรดาผู้ที่น้ำเต็มแก้วแล้วงัยครับ...
ผมเคยบอกแล้วว่าจะไม่คุยลงลึกในประเด็นอื่นจนกว่าท่านเจ้าของบ้าน จะกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ตรงกันเสียก่อน เพราะพิสูจน์แล้วในเรื่องการทักท้วงคำว่า " วาฮาบีย์ " ที่ท่านอัชอารีย์ให้คำนิยามไว้ ว่าผิดพลาดทางตรรกะอย่างมากมาย ( ตามกระทู้
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=5972.0 ) และไม่เป็นการยุติธรรม หากท่านได้ติดตามอ่านด้วยใจที่เป็นธรรม จะเห็นได้ว่า ข้อผิดพลาดดังกล่าว ไม่ได้รับการยอมรับ หรือ ตอบสนองจากผู้มีสติปัญญาในเวบนี้แต่อย่างใด ยังคงมีการกล่าวหา ตั้งฉายาแก่มุสลิมที่เข้ามาเรียกร้องการพิสูจน์หลักอากีดะฮ์ที่แท้จริง ตามหลักฐานเท่าที่มีจากชนยุคแรกเข้าใจเท่านั้น ว่าเป็น ผู้ยึดแนวทาง "วาฮาบีย์" อยู่นั่นเอง เรียกว่า มีพฤติกรรมตีขลุม เหมารวมอย่างไร ก็ยังตีขลุม เหมารวมเช่นเดิม
ผมจึงเห็นว่าการไปหมกมุ่นยึดติดกับการตีความคำศัพท์ ปรัชญา หรือ ยึดสำนักคิด มากไปกว่า "หลักฐาน" ความเข้าใจตามขอบเขตที่ศาสดา และยุคสลัฟทิ้งไว้เป็นมรดกอันล้ำค่านั้นเป็นการเสียเวลาอย่างแท้จริง เพราะผิดถูกอย่างไร ท่านก็ไม่ได้ยึดเอากิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์มาตัดสิน อยู่ดี และที่สำคัญดูจากศักยภาพในการใช้เหตุผล และตรรกะที่บกพร่องตามกระทู้
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=5972.0 ที่เห็นได้ชัดเจนก็ยังบ่งบอกถึงคุณลักษณะของกลุ่มผู้นิยมการตีความได้เป็นอย่างดี
การที่เข้าไปในเวบพันทิพย์ และเผยแผ่ศาสนาอิสลาม ที่เป็นเรื่องง่าย โดยไม่ไปพยายามอธิบายในเรื่องพ้นญานวิสัย น่าจะเป็นประโยขน์แก่ผู้แสวงหาสัจธรรมมากกว่าการเข้ามาแสดงความสามารถทางภาษา นิยามคำนั่น คำนี่ แล้วตีความ เพราะเข้าข่ายการแสวงหาความวุ่นวาย โดยสติปัญญาอันจำกัดจำเขี่ย ในเรื่องอัลลอฮ์ ตามที่พระองค์ทรงกล่าวเตือนไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังโองการต่อไปนี้
"พระองค์คือผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า โดยที่ส่วนหนึ่งจากคัมภีร์นั้นมีบรรดาโองการที่มีข้อความรัดกุมชัดเจน (เมื่อทุกคนได้อ่านหรือได้ฟังแล้วจะเข้าใจเหมือนๆกันโดยไม่ต้องตีความ) ซึ่งโองการเหล่านั้นคือรากฐานของคัมภีร์ (เป็นหลักสำคัญของคัมภีร์ที่มุ่งหมายให้เป็นความรู้ทั้งในหลักการศัทธาและในข้อปฏิบัติของมนุษย์และยังเป็นหลักยึดถือในการตีความโองการที่เป็นนัยอีกด้วย) และมีโองการอื่นๆอีกที่มีข้อความเป็นนัย (มีข้อความเป็นเชิงเปรียบเทียบ อาจเข้าใจได้หลายทาง ผู้ที่มีความรู้ในศาสนาของพระองค์อย่างกว้างขวางเท่านั้นที่จะเข้าใจในทางที่ถูกต้องได้) ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีความเอนเอียงออกจากความจริงนั้น เขาจะติดตามโองการที่มีข้อความเป็นนัยจากคัมภีร์ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาความวุ่นวาย (เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่ศรัทธาด้วยการตีความโองการที่เป็นนัยให้เฉออกไปจากความเป็นจริงที่พวกเขาเคยได้รับมาก่อน) และเพื่อการแสวงหาการตีความในโองการเท่านั้น (คือเพื่อแสวงหาการตีความไปตามเป้าหมายที่เขาต้องการ โดยไม่คำนึงว่าจะขัดต่อความหมายของอายะฮที่ข้อความชัดเจนหรือไม่) และไม่มีใครรู้ในการตีความโองการนั้นได้นอกจากอัลลอฮ์ และบรรดาผู้ที่มั่นคงในความรู้เท่านั้น (มีพื้นฐานความรู้อย่างมั่นคง เกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ (ศิฟาต) และความมุ่งหมายในบทบัญญัติของพระองค์ตลอดจนมีความรู้เกี่ยวกับหลักภาษาที่เป็นโองกา
ร ของพระองค์อย่างกว้างขวางด้วย) โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราศรัทธาต่อโองการนั่น ทั้งหมดนั้นมาจากที่ที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งสิ้น และไม่มีใครที่จะได้รับคำตักเตือนนอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น" ( 3 : 7 )
และเช่นเดียวกับการที่เคยมีผู้ออกมายืนยันตอบโต้ข้อกล่าวหาจากท่านนับครั้งไม่ถ้วน “พื้นฐานความรู้เรื่องศีฟาตของอัลลอฮ์อย่างมั่นคง (112 : 4)ไม่เคยสร้างความสับสน งุนงง หรือ กระหายใคร่รู้เพิ่มเติม แก่ผู้ศรัทธา กับการที่ประสบพบเจอกับคำว่า "มือ" "เท้า" หรือ อวัยวะ หรือ คุณลักษณะใดๆที่มีศัพท์ตรงกับมัคลูก ที่พระองค์ได้ตรัสไว้แก่ตัวพระองค์เอง” น่าเสียดายที่คนกลุ่มนี้กลับถูกตราหน้าว่าเป็นเยี่ยงกลุ่มชนหนึ่งที่แปลกแยกออกไปจากผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง และลดระดับตั้งฉายาให้เป็นกลุมชนที่ตามแนวทางของอูลามาอ์ในอดีตท่านหนึ่งเท่านั้นเอง
ในความเป็นจริง มัคลูกของพระองค์ก็มีพลัง อำนาจ และกรรมสิทธิ์ มีความเมตตา มีความร่ำรวย มีชีวิต มีการมีอยู่ มีมือ มีเท้า มีการได้ยิน มีการมอง มีการลงมือ มีการเดิน มีการวิ่ง ฯลฯ แต่มีในขอบเขตตามที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงอนุมัติให้มี และแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบของมัคลูกแต่ละประเภท แต่ละชนิด แต่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ นึกภาพได้ การที่พวกคุณจะพยายามตีความพระดำรัสของพระองค์ให้คับแคบเพียงว่า ถ้าพระองค์ทรงมีคุณลักษณะต่างๆข้างต้น พวกคุณต้องเข้าใจได้ เห็นภาพได้ หรือก็ต้องเหมือน หรืออยู่ในระดับเดียวกับมัคลูก แล้วก็ตีความเป็นความหมายเชิงนามธรรม ก็แน่นอนว่าคุณลักษณะที่เป็นเชิงนามธรรมทุกประการดังกล่าวมาข้างต้นก็ย่อมหนีไม่พ้นคุณลักษณะเชิงนามธรรมที่มีอยู่ของมนุษย์ตามที่พวกคุณกำลังนึกคิด และจินตนาการ ได้ด้วยเช่นกัน จะชี้แจงได้อย่างไร? พลัง หรือ อำนาจ มนุษย์ก็มีเช่นกัน? แต่มีอย่างไรผู้ที่รู้จักแยกแยะย่อมเข้าใจได้มิใช่หรือ??? พลังอำนาจ หรือมือ ที่พระองค์ทรงมีย่อมแตกต่างกันอย่างเทียบไม่ได้กับที่มนุษย์มีอย่างแน่นอน
การพยายามให้ความชัดเจนแก่สติปัญญาในรูปร่าง หรือลักษณะของพระองค์อัลลอฮ์นั้น แน่นอนว่าเป็นการหลงผิดในระดับอากีดะฮ์ที่เป็นรากฐานของศาสนาอย่างชัดแจ้ง อิสลามนั้นง่าย เพียงยอมรับว่าพระองค์ทรงมีในแบบของพระองค์ และทรงเป็นตามที่พระองค์ทรงแจ้งให้รู้ มนุษย์ก็มีหน้าที่เพียงเข้าใจว่าพระองค์ทรงมีในรูปแบบเฉพาะของพระองค์ ที่ไม่สามารถจินตนาการเปรียบเทียบกับมัคลูกใดๆตามความเข้าใจของตนเองได้ และเข้าใจตามที่หลักฐานที่กุรอาน และฮาดีษที่เชื่อถือได้มายืนยันขอบเขตความเข้าใจไว้แล้ว ก็เท่านั้นเอง เพราะอิสลามนั้นง่าย และง่ายกับมักง่ายนั้นย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอน
วัลลอฮูอะลัม