ผู้เขียน หัวข้อ: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย  (อ่าน 7828 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ส.ค. 22, 2010, 01:27 PM »
0
อย่างนี้ตรรกะเข้าเรียกว่าอ้างถูกแต่สรุปผิด สลัฟกำลังพูดถึง"การเห็นของชาวสวรรค์" ครับ การเห็นนั้นไม่มีรูปแบบหรือวิธีการ ไม่ได้กำลังพูดถึงซีฟัต หรือพระองค์ที่ถูกเห็น คำว่า"รูปแบบ"กินความหมายกว้างครับ อย่างเพิ่งไปด่วนสรุปชี้นำ

ก็เพราะว่าพระองค์ไม่มีรูปแบบวิธีการตั้งแต่เดิมแล้ว  การเห็นพระองค์ก็ไม่มีรูปแบบวิธีการตามมา 

الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ส.ค. 22, 2010, 01:55 PM »
0
 salam

หลักอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ต้องกลั่นกรอง   เพื่อไม่ให้พวกบิดอะฮ์เข้ามาสร้างความคลุมเคลือในศาสนา  ด้วยการอ้างว่าหลักอะกีดะฮ์เรื่องซีฟาตของอัลลอฮ์ในเชิงลึกเป็นเืรื่องง่าย จนกระทั่งกลายเป็นมักง่าย  สร้างความเสื่อมเสียให้แก่คนเอาวามทั่วไปที่ไม่สันถัดหลักอะกีดะฮ์เชิงลึกโดยตรง...

เห็นไหมครับ การเข้าใจของคนเราที่ไม่ประสงค์จะเข้าใจนั้นเป็นอย่างไร

เอาเป็นว่า ไม่มีอะไรใหม่นะครับ ถ้ามีเวลาจะเข้ามาใหม่นะครับ ถึงแม้ผมจะไม่ให้ความสลักสำคัญอะไรกับการมาแสดงความเห็นที่จะออกไปในทางโต้วาทีซะมากในเวบนี้ แต่ผมก็จะแวะเวียนมาเสมอ เพราะอินชาอัลลอฮ์ยังมีผู้ต้องการเรียนรู้อยู่ในเวบแห่งนี้ที่เป็นอามานะฮ์ ที่มุสลิมจะต้องเข้ามาปกป้องการบิดเบือนศาสนา เท่าที่ความรู้ความสามารถ และเวลาจะเอื้ออำนวย

วัสลามครับ

หลังๆ คุณเข้าเว็บนี้  รู้สึกมีหลักการน่ะ  แต่เว็บอื่นแล้ว  คุณรู้สึกว่ามั่นใจตัวเองเสียเหลือเกินในการแสดงความเห็นของอะกีดะฮ์ที่ตนเองยึดอยู่ คุณเข้าในเว็บนี้ครั้งแรกในการพูดเกี่ยวกับเรื่องซีฟาต  ก็นำเสนอสไตล์ท้าทายและมั่นใจในตนเองสูงมิใช่หรือ?!

อะกีดะฮ์แนวทางของคุณไปโพสเว็บอื่นได้  เขียนเกริ่นบทนำสวนหรูก่อนโพสเพื่อหลอกล่อหลักการต่อคนอื่นได้  แต่ก็อย่ามั่นใจตัวเองสูงนัก...อย่าคิดว่าอะกีดะฮ์ตนเองเท่านั้นที่ถูก...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-kudawah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 234
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ส.ค. 22, 2010, 03:10 PM »
0
อย่าร้อนรนสิครับ ทีละเรื่อง อิสลามนั้นง่ายจริงๆครับ และไม่ได้สวยหรูอย่างที่ท่านสร้างภาพ ง่าย และเรียบง่าย ตรงกันข้ามกับสวยหรู คือสมถะต่างหาก อากีดะฮ์ที่ผมกล่าวมาไม่ตรงตามสะละฟุศศอและห์อย่างไร ก็ช่วยชี้ชัดด้วย เอาทีละประเด็นครับ อย่าเหมารวม
ดังนั้นการบอกว่าอัลเลาะฮ์ีมีรูปแบบ(แต่ไม่รู้ว่ารูปแบบอย่างไร) ก็จะเลยนำไปสู่การเชื่อ(ของวะฮาบีบางคนว่า)อัลลอฮ์มีรูปร่างแต่ไม่เหมือนกับสิ่งใด!

อะกีดะฮ์มักง่ายของวะฮาบีย์แบบนี้  บิดอะฮ์ครับ...

คืออะกีดะฮ์ของเว็ปไซท์แห่งนี้ที่เกี่ยวกับเรื่องซิฟาตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยคือ  ตัฟวีฎหรือมอบหมายการรู้ความหมายของซีฟาตไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์ โดยปฏิเสธรูปแบบวิธีการให้กับพระองค์  ซึ่งเป็นแนวทางของสะลัฟที่ถูกต้อง  หากเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีซีฟาตที่มีให้ความหมายตรงหรือความหมายแท้และเชื่อว่าพระองค์ทรงมีรูปแบบเฉพาะของพระองค์หรือรูปแบบวิธีการที่เหมาะสมสำหรับพระองค์นั้น  ก็จะทำให้เชื่อไปว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีตาโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมกับพระองค์  และอัลเลาะฮ์ทรงมีหน้าโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมกับพระองค์  และพระองค์มีมือโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมกับพระองค์  และพระองค์มีนิ้วโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับพระองค์ และมีหน้าแข้งโดยมีรูปแบบที่เสมาะสมสำหรับพระองค์  หลักอะกีดะฮ์ดังกล่าวนี้  จึงทำให้บางท่านเชื่อว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างที่ไม่เหมือนมัคโลคหรือมีรูปร่างที่เหมาะสำหรับพระองค์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  หลักอะกีดะฮ์ดังกล่าว  จะกระตุ้นความนึกคิดของคนเอาอามทั่วไปอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้จะบอกว่าไม่เหมือนกับมัคโลคก็ตาม 
สั่งซื้อหนังสืออัลฮิกัมโดยตรงหรือทางไปรษณีย์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย  ติดต่อได้ที่สถาบันอัลกุดวะฮ์ 02-9343369 หรือ 08-29613974

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ส.ค. 22, 2010, 04:40 PM »
0
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  หลักอะกีดะฮ์ดังกล่าว  จะกระตุ้นความนึกคิดของคนเอาอามทั่วไปอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้จะบอกว่าไม่เหมือนกับมัคโลคก็ตาม 

อย่าว่าแต่คนเอาวามทั่วไปเลย แม้กระทั่งระดับอุลามาอฺใหญ่ของวะฮาบี  เชคอุษัยมีน ยังหลีกไม่พ้นจากการไปเีกี่ยวข้องเรื่องการมีรูปร่างของอัลลอฮ์...ดังกล่าวจึงทำให้เอาวามที่เป็นวะฮาบีบางคนยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าอะกีดะฮ์ที่ตนเองเชื่อว่าอัลลอฮ์มีรูปร่างนั้น เป็นสัจธรรมของแท้  ทั้งที่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ไม่เกี่ยวข้องกับอะกีดะฮ์ดังกล่าวเลย
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ส.ค. 22, 2010, 11:35 PM »
0
 salam

เข้ามาอีกครั้ง บรรยากาศก็ยังเหมือนเดิมนะครับ เป็นบรรยากาศแบบเดิมๆของเวบนี้ที่ทดสอบจิตใจเสียจริง เฮ้อ...

ไล่เรียงทีละประเด็นของแต่ละท่านแล้วกันนะครับ

ท่าน As-Zaleek

สุดท้ายท่านก็ไม่ได้มีการยอมรับตรรกะที่ผิดพลาดในการยกฮาดีษขึ้นมาสนับสนุนแนวคิดของตนเองแต่อย่างใด เพียงเฉไฉไปอ้างตรรกะที่ว่า การที่ชาวสวรรค์เห็นพระองค์โดยไม่มีรูปแบบหรือวิธีการ ก็เพราะว่าพระองค์ไม่มีรูปแบบวิธีการตั้งแต่เดิมแล้ว ซึ่งเป็นเพียงตรรกะลอยๆที่สร้างขึ้นมาจากความเชื่อตนเองที่ปักธงนำอยู่แล้วนั่นเอง

จริงๆผมได้พูดความแตกต่างระหว่างง่าย กับมักง่ายให้ท่านเห็นแล้วว่าผมไม่ได้มองข้ามไป แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ท่านเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำในคำๆนี้ไปเสียเอง คำว่า “อากีดะฮ์” เชิงลึกนี่มีต้นตอมาจากหลักฐานบทไหนหรือเปล่าครับ? หรือเป็นเพียงศัพท์เทคนิคใหม่ที่เหล่าอาชาอิเราะฮ์เพิ่งมาให้คำนิยามกันเอาเอง ถามเอาความรู้จริงๆนะครับ ถ้ามีหลักฐาน ผมก็จะได้เชื่ออย่างสนิทใจว่า อากีดะฮ์นั้น มีแบบลึก แบบตื้น กับเขาเหมือนกัน

ที่ท่านค่อนขอดและ ตั้งข้อสังเกตว่าผมมีหลักการเหลือเกิน หรือว่า มั่นใจเหลือเกินนั้น ผมก็ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงว่าหมายความตามที่พูดหรือไม่ แต่เรื่องความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่เชื่อว่าทั้งท่านและผมต่างมีไม่มาก ไม่น้อยไปกว่ากัน ในหลักอากีดะฮ์ที่ตนเองเลือกยึดถือหรอก จริงไหมครับ? เรื่องความมั่นใจ หรือหลักการที่ต้องมีอยู่แล้วนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ห้ามกันไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเป็นการปรามเพราะอาจถูกระงับสมาชิกภาพ ผมก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หากจะอยู่ในห้องนี้ได้ต้องพูดความจริงแบบกระอ้อมกระแอ้ม ก็อย่าอยู่ดีกว่า บาปเปล่าๆครับ ถูกไหม

ส่วนการทียกพาดหัวมาเรื่องเขคอุษัยมีน ก็ไม่ทราบมีเจตนาใด คือถ้าเชคท่านนี้เชื่ออย่างไรผมต้องเชื่ออย่างนั้นกระนั้นหรือครับ? ก็ต้องดูเป็นเรื่องๆไปครับ และผมก็ต้องรอดูหลักฐานประกอบการอ้างอิงของท่านก่อน การอ้างลอยๆแบบนี้ขอไม่พูดคุยกันก่อนแล้วกันนะครับ บอกแล้วว่ากระดุมเม็ดแรกที่ไม่ยอมกลัดให้ตรง ตรรกะผิดพลาดเรื่องวาฮาบีย์ก็ยังเผยออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

ส่วนท่าน al-kudawah
 
หากตามที่ท่านอ้างว่า “อะกีดะฮ์ของเว็ปไซท์แห่งนี้เกี่ยวกับเรื่องซิฟาตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยคือ  ตัฟวีฎหรือมอบหมายการรู้ความหมายของซีฟาตไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์” เพียงประการเดียวผมก็เห็นด้วยและไม่ขัดแย้งแต่อย่างใด แต่การต่อด้วย “...โดยปฏิเสธรูปแบบวิธีการให้กับพระองค์” เลยต้องชี้แจงนะครับว่า หลักความเชื่ออะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์ที่แท้จริงนั้น ย่อมไม่มีใครอาจหาญสร้างรูปแบบ หรือวิธีการให้กับพระองค์ได้ พวกเราเพียงแต่ไปพยายามขวนขวายตีความไปมากกว่าที่มีคำอธิบายมาจากหลักฐานที่พวกเราสามารถยึดถือได้เท่านั้น  หลักฐานที่บ่งชี้ว่าคำๆนี้หมายความตรงตัวเราก็เชื่อตามนั้น ส่วนคำไหนที่หลักฐานอธิบายถึงความเป็นนัยยะ เราก็เชื่อตามนั้นเช่นกัน และเราจะไม่มีความมั่นใจในตนเองในความรู้ที่ลึกซึ้งในหลักอากีดะฮ์ที่ลึกซึ้ง มากไปกว่านบี หรือบรรพชนยุคแรก เพราะเราต่างเชื่อว่าท่านเหล่านั้นได้อธิบายหลักอากีดะฮ์ไว้สมบูรณ์และรัดกุมเพียงพอแล้ว โดยไม่ได้ปกปิด หรือ หลงลืมแต่อย่างใด และนี่เป็นการพยายามรักษาอากีดะฮ์ของเราให้บริสุทธิ์ใกล้เคียงกับยุคสลัฟให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องแสวงหาการตีความใหม่ๆของใครในยุคหลังจากนั้น

ส่วนตรรกะที่ว่า “หากเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีตา ทรงมีหน้า ทรงมีมือ ทรงมีนิ้วและทรงมีหน้าแข้ง โดยมีรูปแบบที่เสมาะสมสำหรับพระองค์  แล้วจะทำให้บางท่านเชื่อว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างที่ไม่เหมือนมัคโลค หรือทรงมีรูปร่างที่เหมาะสำหรับพระองค์” เป็นเรื่องที่ผิดแล้ว  ก็เป็นเพราะพวกท่านเชื่อว่าพระองค์ทรงมีรูปร่าง หรือรูปแบบของพระองค์เองไม่ได้อยู่แล้วนั่นเอง ทั้งๆที่พระองค์ไม่ได้กล่าวเฉพาะเจาะจงไว้แต่อย่างใดว่า พระองค์ไม่ทรงมีรูปแบบ หรือรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะใดๆอยู่เลย  พระองค์ทรงระบุไว้ชัดเจนเพียงพระองค์ไม่ทรงเสมอเหมือนสิ่งใด และเช่นกันสิ่งใดก็ไม่เสมอเหมือนพระองค์ การเชื่อไม่เลยเถิดเยี่ยงนี้จึงสามารถตอบประเด็นที่ว่า อำนาจ ความรู้ ความร่ำรวย ความเมตตา  หรือความกรุณาที่มัคลูกของพระองค์ก็มีอยู่ด้วยนั้น เป็นลักษณะที่สื่อให้มนุษย์เข้าใจได้แต่พึงรู้ไว้เพียงว่าไม่เสมอเหมือนกับที่พระองค์ทรงมี และมนุษย์ก็จำเป็นต้องหยุดคิดจินตนาการต่อในเรื่องนี้ ก็เท่านั้นเอง และนี่เป็นความเชื่อที่มีเหตุผลกินกับสติปัญญา ส่วนจะกระตุ้นความนึกคิดของคนเอาอามทั่วไปอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่าง แม้จะไม่เสมอเหมือนกับมัคโลค  ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่คุณก็บอกอยู่แล้วว่า เอาวาม ไม่เห็นน่าแปลกใจ อิสลามพูดความจริงเดียวกับคนทุกระดับสติปัญญา ไม่ต้องอาศัยกุศโลบาย หรืออุบายธรรม เยี่ยงศาสนาอื่น

วัลลอฮูอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 22, 2010, 11:52 PM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 12:17 AM »
0

 หลักความเชื่ออะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์ที่แท้จริงนั้น ย่อมไม่มีใครอาจหาญสร้างรูปแบบ หรือวิธีการให้กับพระองค์ได้ พวกเราเพียงแต่ไปพยายามขวนขวายตีความไปมากกว่าที่มีคำอธิบายมาจากหลักฐานที่พวกเราสามารถยึดถือได้เท่านั้น  หลักฐานที่บ่งชี้ว่าคำๆนี้หมายความตรงตัวเราก็เชื่อตามนั้น ส่วนคำไหนที่หลักฐานอธิบายถึงความเป็นนัยยะ เราก็เชื่อตามนั้นเช่นกัน และเราจะไม่มีความมั่นใจในตนเองในความรู้ที่ลึกซึ้งในหลักอากีดะฮ์ที่ลึกซึ้ง มากไปกว่านบี หรือบรรพชนยุคแรก เพราะเราต่างเชื่อว่าท่านเหล่านั้นได้อธิบายหลักอากีดะฮ์ไว้สมบูรณ์และรัดกุมเพียงพอแล้ว โดยไม่ได้ปกปิด หรือ หลงลืมแต่อย่างใด และนี่เป็นการพยายามรักษาอากีดะฮ์ของเราให้บริสุทธิ์ใกล้เคียงกับยุคสลัฟให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องแสวงหาการตีความใหม่ๆของใครในยุคหลังจากนั้น



อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลลอฮ์  โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติปัญญา 
แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา  ที่อยู่บนพื้นฐานจาก

-อัลกุรอาน
-อัซซุนนะฮ์
-อัล-อิจญ์มาอ์
มติของปวงปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่เกี่ยวกับประเด็นของศาสนา 

เหล่านี้มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม 
ดังนั้น  สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนา
มิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา  เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภัยนั้น 
จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไม่ค้านกัน
ที่สำคัญ ไม่ทำให้คนเอาวามต้องเข้าใจผิดว่า เช่นว่า อัลลอฮ์ทรงมีมือ มีรูปร่าง
ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อย  เพราะไม่รับผิดชอบต่อการทำให้คนเอาวามต้องเข้าใจในเอกภาพของอัลลอฮ์ผิดเพี้ยนไป
แต่อาชาอิเราะฮ์ พยายามที่จะปกป้องพระองค์ให้บริสุทธิ์จากการเหมือนของมัคโลค


วัลลอฮ์อะลัม

ZUHARI

  • บุคคลทั่วไป
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 06:17 AM »
0
 salamเอ้องงคับพอดีเพิ่งมาใหม่ขอแสดงความเห็นหน่อนนะครับขออณุญาติด้วยคับ
คือผมอ่านไปอ่านมาเริ่มสับสนว่ากำลังคุยเรื่องอะไรทางคุณลาลิกลาลีบอกว่าอัลกุอานบอกมายังไงก็ว่าตามนั้นส่วนอีกหลายคนก็พยายามบอกว่าเราอย่าไปคิดว่าอัลเลาะห์เหมือนนัคลูคแล้วพวกคุณทั้งสองก็ต่างพูดเข้าใส่กันจนหลังๆฟังน้ำเสียงออกว่าต่างคนต่างไม่พอใจเอายังงี้ดีไหมคับหัวข้อนี้ผมว่าเอาวางไว้ตรงนั้นแหละคับเราอย่าไปยุ่งไปสงสัยไปจับไปต้องไปพูดปล่อยเอาไว้อย่างนั้นใครหรือคุนจะคิดยังไงคิดได้แต่ไม่ต้องพูดออกมาเป็นความเชื่อของแต่ละคนเอาเวลาไปทำอามั้นเรื่องอื่นจะดีกว่าไหมถ้าหากแรงไปขอมาอัปคับ

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 07:55 AM »
0
 salam

สุดท้ายท่านก็ไม่ได้มีการยอมรับตรรกะที่ผิดพลาดในการยกฮาดีษขึ้นมาสนับสนุนแนวคิดของตนเองแต่อย่างใด เพียงเฉไฉไปอ้างตรรกะที่ว่า การที่ชาวสวรรค์เห็นพระองค์โดยไม่มีรูปแบบหรือวิธีการ ก็เพราะว่าพระองค์ไม่มีรูปแบบวิธีการตั้งแต่เดิมแล้ว ซึ่งเป็นเพียงตรรกะลอยๆที่สร้างขึ้นมาจากความเชื่อตนเองที่ปักธงนำอยู่แล้วนั่นเอง

คำอ้างของคุณไม่อยู่บนหลักการและข้อยืนยันที่เป็นธรรม  พูดจากสติปัญญาล้วน  เพราะจากการอธิบายของปราชญ์  ได้ยืนความผิดพลาดของคุณ
 
ดังนั้นท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺปราศสะลัฟจึงว่า

وَلِقَاءُ اللهِ تَعَالىَ لِأَهْلِ الْجَنَّةِ بِلاَ كَيْفٍ وَلاَ تَشْبِيْهٍ وَلاَ جِهَةٍ حَقٌّ


"และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์  โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นความจริง" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4

ท่านอัลลามะฮ์ เชคอัลฆุนัยมีย์ อัลหะนะฟีย์  อธิบายหนังสืออัลอะกีดะฮ์อัลเฏาะหาวียะฮ์นี้ว่า

فإن الرؤية تابعة للشيء على ما هو عليه

“แท้จริงการเห็นนั้นมันจะตามสิ่งที่มันเป็นอยู่”  หนังสือชัรห์อัลอะกีดะฮ์อัลเฏาะหาวียะฮ์ หน้า 68-69

ข้อเท็จจริงสำหรับผู้มีสติปัญญาบริสุทธิ์  จะเข้าใจได้เลยว่า  การเห็นสิ่งหนึ่งก็ต้องเกี่ยวข้องกับสภาวะของสิ่งนั้น  หากเห็นผู้หนึ่งอยู่ในสถานที่หนึ่ง  การเห็นก็จะมีรูปแบบเช่นนั้นด้วย  และหากเห็นผู้ที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย  การเห็นก็จะเห็นในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการเห็นสรรพสิ่งทั้งหลาย และการเห็นผู้มีรูปแบบหรือวิธีการ  การเห็นก็จะมีรูปแบบวิธีการไปด้วย  ดังนั้นหากเห็นผู้ที่ไม่มีรูปแบบวิธีการ  การเห็นก็ไม่มีรูปแบบวิธีการ  และการเห็นผู้ที่ไม่คล้ายคลึงกับสิ่งใด  การเห็นก็จะไม่คล้ายคลึงกับสิ่งใดเช่นกัน  แต่อัลลอฮ์จะให้มุอฺมินเห็นตามความประสงค์ของพระองค์...


จริงๆผมได้พูดความแตกต่างระหว่างง่าย กับมักง่ายให้ท่านเห็นแล้วว่าผมไม่ได้มองข้ามไป แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ท่านเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำในคำๆนี้ไปเสียเอง คำว่า “อากีดะฮ์” เชิงลึกนี่มีต้นตอมาจากหลักฐานบทไหนหรือเปล่าครับ? หรือเป็นเพียงศัพท์เทคนิคใหม่ที่เหล่าอาชาอิเราะฮ์เพิ่งมาให้คำนิยามกันเอาเอง ถามเอาความรู้จริงๆนะครับ ถ้ามีหลักฐาน ผมก็จะได้เชื่ออย่างสนิทใจว่า อากีดะฮ์นั้น มีแบบลึก แบบตื้น กับเขาเหมือนกัน

หลักอะกีดะฮ์เชิงลึก  คือคนเอาวามทั่วไปส่วนมากไม่สามารถเข้าใจได้เลย  ก็คือหลักอะกีดะฮ์ที่มีตัวบทแบบมีความหมายหลายนัย(มุตะชาบิฮาด) อาจจะทำให้คนเอาวามทั่วไปเกิดความคลุมเครือได้  นอกจากผู้ที่มีความแน่นแฟ้นในความรู้...  

หรือหลักอะกีดะฮ์ในระดับฟัรดูกิฟายะฮ์ที่มีการวิเคราะห์รายละเอียดและปกป้องแนวทางที่บิดอะฮ์และบิดเบือน  เช่น เที่ยวบอกคนเอาวามว่า อิสติวาอฺ มีความหมายว่า สถิตน่ะหรือนั่งประทับน่ะ แบบนี้ทำให้คนเอาวามทั่วไปเสื่อมเสียหลักอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์


ที่ท่านค่อนขอดและ ตั้งข้อสังเกตว่าผมมีหลักการเหลือเกิน หรือว่า มั่นใจเหลือเกินนั้น ผมก็ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงว่าหมายความตามที่พูดหรือไม่ แต่เรื่องความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่เชื่อว่าทั้งท่านและผมต่างมีไม่มาก ไม่น้อยไปกว่ากัน ในหลักอากีดะฮ์ที่ตนเองเลือกยึดถือหรอก จริงไหมครับ? เรื่องความมั่นใจ หรือหลักการที่ต้องมีอยู่แล้วนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ห้ามกันไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเป็นการปรามเพราะอาจถูกระงับสมาชิกภาพ ผมก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หากจะอยู่ในห้องนี้ได้ต้องพูดความจริงแบบกระอ้อมกระแอ้ม ก็อย่าอยู่ดีกว่า บาปเปล่าๆครับ ถูกไหม

มันต่างกันระหว่างมั่นใจว่าแนวทางตนเองเท่านั้นที่ถูก กับมั่นใจว่าแนวทางของตนเองถูกและแนวทางอื่นก็ถูกเพราะมีเป้าหมายเดียวจะแตกต่างกันก็ที่การอิจญฺติฮาดของปราชญ์ในเรื่องของอะกีดะฮ์  ผมนั้นอยู่ในแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  แต่ก็ยอมรับแนวทางของอัลมะตูรีดียะฮ์และอัลอะษะรียะฮ์ (แนวทางของปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีที่มุเฟาวิเฎาะฮ์คือมอบการรู้ความหมายของซีฟาตไปยังอัลลอฮ์)...

ส่วนตัวผมเอง  คุณไม่ถูกระงับสมาชิกหรอก  เพราะคุณเสวนาเชิงวิชาการ  ไม่ได้มาโพสต์แปะลิงค์แล้วก็ไปนี่  เพราะเว็บนี้เขาบอกชัดเจนแล้วว่า  จะให้วะฮาบีเสวนาเชิงวิชาการเท่านั้น  หากจะไปเผยแพร่อะกีดะฮ์แนวทางตนเองก็ไปที่เว็บอื่นๆ เยอะแยะที่เขารับแนวทางแบบนี้มิใช่หรือ...


ส่วนการทียกพาดหัวมาเรื่องเขคอุษัยมีน ก็ไม่ทราบมีเจตนาใด คือถ้าเชคท่านนี้เชื่ออย่างไรผมต้องเชื่ออย่างนั้นกระนั้นหรือครับ? ก็ต้องดูเป็นเรื่องๆไปครับ และผมก็ต้องรอดูหลักฐานประกอบการอ้างอิงของท่านก่อน การอ้างลอยๆแบบนี้ขอไม่พูดคุยกันก่อนแล้วกันนะครับ บอกแล้วว่ากระดุมเม็ดแรกที่ไม่ยอมกลัดให้ตรง ตรรกะผิดพลาดเรื่องวาฮาบีย์ก็ยังเผยออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

หากคุณพูดว่า  “หากเชคอุษมัยมีนเชื่ออย่างนั้น  ผมก็ไม่เชื่อตาม” แค่นั้นก็จบ  ทำไมต้องรออ้างอิง  และถ้าหากมีการอ้างอิงยืนยันตามนั้นจริง  คุณจะมีความเห็นว่าอย่างไร...?

1- พอได้ยิน คุณเอาเลยไปเปรียบเทียบกับ มัคลูก = เข้าข่าย تمثيل เปรียบพระองค์กับมัคลูก
2- สมองคุณเห็นว่า ไม่ได้ เปรียบเทียบกับมัคลูกไม่ได้ ฉะนั้น ต้องปฎิเสธเรื่องนี้ = เข้าข่าย تعطيل คุณปฏิเสธศิฟัตของอัลลอฮ์
3- เมื่อเป็นความหมายตรงไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นความหมายโดยนัยแทน คุณจึงตีความว่าต้องมีความหมายอย่างอื่น = เข้าข่าย تحريف คุณบิดเบือนความหมายของศิฟัต
ทั้งสามอย่างนี้สลัฟเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก

 ขอรายละเอียดหน่อยครับ  เพราะคุณเขียนมาเยอะมากครับ  

1. ขอความเข้าใจเกี่ยวกับการแบ่งแยกระหว่าง تشبيه  กับ تمثيل  หน่อยว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

2. คำนิยาม تعطيل คือะไร และคำนิยาม تحريف หมายถึงอะไร และการตีความ(ตะวีล) เข้าข่าย تعطيل และ تحريف  เสมอไปหรือไม่?

3. เป็นที่ทราบดีว่า ยะดุน (แปลว่ามือ)  แต่ความหมายแท้ตามหลักภาษาอัลกุรอาน(ภาษาอาหรับ)หมายถึงอะไรและความหมายโดยนัยมีอะไรบ้าง

ขอบคุณครับ


ผมขอวกมาที่ประเด็นสำคัญของกระทู้นี้  คือผมอยากทราบข้อ 3 ที่บังอัซฮะรีย์ได้เคยถามคุณ  ก็คือ  “3. เป็นที่ทราบดีว่า ยะดุน (แปลว่ามือ)  แต่ความหมายแท้ตามหลักภาษาอัลกุรอาน(ภาษาอาหรับ)หมายถึงอะไรและความหมายโดยนัยมีอะไรบ้าง”

วัลลอฮุอะลัม , วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2010, 01:02 PM โดย As-Zaleek »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 11:44 AM »
0
 salam

ท่านก็ยังคงยืนยันที่จะใช้ตรรกะส่วนตัวในการนำคำพูดของ ท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺ มารองรับตรรกะตนเองอยู่ดี จริงๆแล้วการมอง การฟัง การดื่ม การกิน การดำรงชีวิตในโลกแห่งการตอบแทนหลังการฟื้นคืนชีพนั้น ผู้ศรัทธาย่อมเข้าใจได้อยู่แล้วว่าแตกต่างกันกับบนโลกนี้อย่างแน่นอน ทั้ง ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย การพักผ่อนนอนหลับ ของชาวสวรรค์ที่เปลี่ยนไป ระบบการเห็นของชาวสวรรค์จะเปลี่ยนไม่ได้หรือครับ  ตรรกะที่ว่า “การเห็นผู้มีรูปแบบหรือวิธีการ  การเห็นก็จะมีรูปแบบวิธีการ  การเห็นผู้ที่ไม่มีรูปแบบวิธีการ  การเห็นก็ไม่มีรูปแบบวิธีการ” จึงเป็นตรรกะที่ทึกทักเอาเองจากคำพูดปราชญ์อิสลามทั้งสองท่านครับ เป็นตรรกะที่สร้างขึ้นจากความไม่เข้าใจ จะเห็นได้ว่าคำอธิบายการเห็นที่ไม่มีรูปแบบ วิธีการของชาวสวรรค์นั้น ได้รับการยืนยันเพิ่มเติมจาก ท่านอัลลามะฮ์ เชคอัลฆุนัยมีย์ อัลหะนะฟีย์  อธิบายหนังสืออัลอะกีดะฮ์อัลเฏาะหาวียะฮ์ความว่า “แท้จริงการเห็นนั้นมันจะตามสิ่งที่มันเป็นอยู่”  สติปัญญาปกติของเราเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นอยู่มีรูปแบบเฉพาะของพระองค์เอง ที่ไม่เหมือนมัคลูคใดๆ และสภาวะดังกล่าวอยู่พ้นญานวิสัยของมัคลูคที่จะมองเห็นพระองค์ในดุนยา แต่ในอาคีเราะฮ์นั้น  การเห็นไม่ต้องใช้รูปแบบ หรือวิธีการเยี่ยงดุนยา ( เช่นการตกกระทบและสะท้อนของแสง หรืออื่นๆ) แต่เป็นการเห็นโดยพระประสงค์ของพระองค์ที่ไม่ต้องมีรูปแบบหรือวิธีการตามปกติใดๆมารองรับ และชาวสวรรค์จะเห็นพระองค์ในรูปแบบที่พระองค์ทรงเป็นอยู่อย่างแท้จริง และสิ่งที่เห็นตาไม่เคยได้เห็น และสมองก็ไม่เคยได้จินตนาการถึง

ง่ายไหมครับอิสลาม ? อธิบายปราชญ์ทั้งสองท่านแบบนี้ไม่ได้หรือ? ไม่เห็นต้องเฉไฉอย่างที่ท่านพยายามทำอยู่เลยนี่ครับ อธิบายแบบนี้คนเอาวามก็เข้าใจ อาเหล่มก็เข้าใจ  การที่ผู้รู้อ้างถูกแต่สรุป หรือ แปรเจตนาผู้พูดผิดโดยเจตนา กลับเป็นสิ่งที่สร้างความเข้าใจผิดต่อคนเอาวามเสียยิ่งกว่า จึงนับเป็นความไม่รับผิดชอบยิ่งกว่ายอมพูดความจริงแล้วแต่ปล่อยคนเอาวามที่ไม่ใช้ความพยายามอย่างแท้จริง ให้เข้าใจซีฟัตของพระองค์แบบผิดๆไปเอง

ส่วนคำว่า “หลักอะกีดะฮ์เชิงลึก” ท่านก็ยังไม่ได้ตอบคำถามผมตรงประเด็น แต่กลับเฉไฉไปโยงกับคำว่า  คำที่มีความหมายหลายนัย(มุตะชาบิฮาด) แล้วอ้างว่าเป็นสิ่งเดียวกันกล่าวคือ คนเอาวามทั่วไปส่วนมากไม่สามารถเข้าใจได้เลย  จริงๆแล้วอายะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยไม่ได้หมายถึงซีฟัตของพระองค์อัลลอฮ์เพียงอย่างเดียว และไม่ได้หมายความเดียวกันกับหลักอากีดะฮ์เชิงลึกที่ท่านพยายามให้เป็น ผมจึงได้เรียนชี้แจงไปแล้วว่า อายะฮ์ที่เป็นนัยนั้น เราจะไม่แสวงหาความหมายด้วยตนเอง หรือชนยุคหลังจากสลัฟ เราเพียงหาหลักฐานที่เป็นคำอธิบายต่อนัยยะดังกล่าวแล้วยึดถือต่อหลักฐานนั้นก็เพียงพอ คือหลักอะกีดะฮ์ที่มีตัวบทหลักฐานชัดเจนอย่างไร ถ้าไม่มีความชัดเจนกว่านั้น หรือยังรู้สึกคลุมเครือ เราก็จะปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่จินตนาการต่อ ไม่อาจหาญสร้างความชัดเจนขึ้นมา ด้วยความศรัทธาต่อหลักกุรอานที่เป็นมุฮ์กามาตที่ไม่ต้องตีความใดๆ เพราะการที่ชนยุคสลัฟได้อธิบายไว้แล้วปล่อยให้ความคลุมเครือยังคงคลุมเครืออยู่นั้น แสดงว่าเป็นความคลุมเครือที่มุสลิมต้องยอมรับ และไม่จำเป็นต้องแสวงหาความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้เพราะพ้นญานวิสัยแล้ว ตามที่กระผมได้บอกไปแล้ว หากเราเชื่อในมาตรฐานการส่งมอบความรู้ที่ไม่ปิดปัง หรือหลงลืม ของเหล่าสลัฟ สิ่งชัดเจนต่ออากีดะฮ์นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของมุสลิมจะถูกปล่อยปละละเลยไม่อธิบายทั้งที่อธิบายได้กระนั้นหรือ? ท่านเหล่านั้นมีความเป็นห่วงเกรงการตีความไปเองของเหล่าชนเอาวามน้อยกว่าท่านกระนั้นรึ? หรือว่าชนยุคหลังจากสลัฟกลับมีความความแน่นแฟ้นในความรู้.ในหลักอากีดะฮ์ (เชิงลึก) ดังกล่าวมากกว่า???

โปรดใช้สติปัญญาตรงดูเถิดพี่น้อง

คือในฐานะของคนเอาวามอย่างผม ต้องมีความเป็นธรรมในหัวใจครับในการพิสูจน์สัจธรรม ไม่ใช่เอาวามแต่ปกป้องความเชื่ออย่างหลับหูหลับตา โดยหลักการผมได้ถามท่านเรื่องเจตนาการยกเชคอุษัยมีนขึ้นมา ว่าเพราะอะไร? เพราะเกรงว่าท่านจะมีพฤติกรรมเหมารวมเช่นเดียวกับการเหมารวม ในทฤษฎีการตั้งฉายา “วาฮาบีย์” ที่ไร้เหตุผลรองรับ จริงๆแล้วผมไม่ปฏิเสธ หรือยอมรับเรื่องใด ของใครทั้งหมด ( เว้นการยอมรับจากกุรอาน หรือฮาดีษที่เชื่อถือได้นะครับ ) เรื่องข้อมูล หรือแนวทางวินิจฉัยในเวบนี้บางเรื่องที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็หยิบยืมไปใช้อธิบายต่อ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นกัน ฟัตวาของเชดอุษัยมีนบางเรื่องผมก็ไม่เห็นด้วย เช่นเรื่องเดือน เป็นต้น ซุนนะฮ์ที่แท้จริง ต้องยึดมั่นแนวทางนบีด้วยฟันกรามครับ อย่าตะอัศศุฟเป็นอันขาด แล้วจะไม่หลงทาง อินชาอัลลออ์ ส่วนท่านมีหลักฐานประกอบการอ้างอย่างไรผมก็รอดู ไม่ถูกเหรอครับที่เกร่นไว้ก่อนว่าไม่ปักธงนำ

ส่วนสาเหตุการปฎิเสธการลงลึกในการตีความคำศัพท์คำนั้น คำนี้ กระผมได้ชี้แจงไว้น่าจะชัดเจนแล้ว คงไม่ขอกล่าวซ้ำ แต่หากท่านจะทักท้วงว่าไม่เป็นธรรมในแง่ใดในเหตุผลดังกล่าวก็บอกมาได้ครับ จะได้อธิบายได้ตรงประเด็น

ส่วนเรื่องการระงับสมาชิกภาพโดยใช้เกณฑ์ที่ว่า สมาชิกที่ไม่โพสท์เรื่องราวที่เป็นลักษณะทางวิชาการ หรือ โพสท์ link ไปยังเวบอื่นที่เป็นความเชื่อที่สวนทางกับอะชาอิเราะฮ์นั้น ก็ขอให้รักษามาตรฐานนี้และใช้อย่างไม่เลือกปฏิบัติก็แล้วกันครับ โดยเฉพาะสมาชิกแนวฮาร์ดคอร์ชาวอาชาอิเราะฮ์ที่ไม่มีความเป็นวิชาการอยู่เลย

มาอัฟด้วยนะครับหากการพูดความจริงต้องทำให้หลายคนไม่สบายใจ เดือนรอมฎอนต้องพยายามรอบคอบเรื่องคำพูดให้มาก แต่ถ้าพลาดไปก็มาอัฟด้วยครับ

ด้วยความปรารถนาดี

วัสลาม

ออฟไลน์ al-kudawah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 234
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 02:24 PM »
0
สติปัญญาปกติของเราเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นอยู่มีรูปแบบเฉพาะของพระองค์เอง ที่ไม่เหมือนมัคลูคใดๆ และสภาวะดังกล่าวอยู่พ้นญานวิสัยของมัคลูคที่จะมองเห็นพระองค์ในดุนยา แต่ในอาคีเราะฮ์นั้น  การเห็นไม่ต้องใช้รูปแบบ หรือวิธีการเยี่ยงดุนยา ( เช่นการตกกระทบและสะท้อนของแสง หรืออื่นๆ) แต่เป็นการเห็นโดยพระประสงค์ของพระองค์ที่ไม่ต้องมีรูปแบบหรือวิธีการตามปกติใดๆมารองรับ และชาวสวรรค์จะเห็นพระองค์ในรูปแบบที่พระองค์ทรงเป็นอยู่อย่างแท้จริง และสิ่งที่เห็นตาไม่เคยได้เห็น และสมองก็ไม่เคยได้จินตนาการถึง

ถ้าหากกล่าวอย่างนี้ไม่ถูกต้องกว่าหรือ?

"สติปัญญาปกติของเราเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นอยู่มีคุณลักษณะ(ซีฟาต)เฉพาะของพระองค์เอง ที่ไม่เหมือนมัคลูคใดๆ และสภาวะดังกล่าวอยู่พ้นญานวิสัยของมัคลูคที่จะมองเห็นพระองค์ในดุนยา แต่ในอาคีเราะฮ์นั้น  การเห็นไม่ต้องใช้รูปแบบ หรือวิธีการเยี่ยงดุนยา ( เช่นการตกกระทบและสะท้อนของแสง หรืออื่นๆ) แต่เป็นการเห็นโดยพระประสงค์ของพระองค์ที่ไม่ต้องมีรูปแบบหรือวิธีการตามปกติใดๆมารองรับ และชาวสวรรค์จะเห็นพระองค์ในคุณลักษณะที่ทรงเป็นอยู่อย่างแท้จริง และสิ่งที่เห็นตาไม่เคยได้เห็น และสมองก็ไม่เคยได้จินตนาการถึง"
สั่งซื้อหนังสืออัลฮิกัมโดยตรงหรือทางไปรษณีย์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย  ติดต่อได้ที่สถาบันอัลกุดวะฮ์ 02-9343369 หรือ 08-29613974

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 02:38 PM »
0
ทำไมถึงคิดว่าถูกต้องกว่าล่ะครับ?

ในเมื่อมัคลูกก็มี "คุณลักษณะ" ของมัคลูกเองเหมือนกันเช่นเดียวกับคำว่า "รูปแบบ"  ผมเห็นว่าก็ถูกต้องทั้งคู่ขึ้นอยู่กับความหมายที่ประสงค์จะสื่อสารนะครับ ลำพังเปลี่ยนคำศัพท์สองคำนี้คงไม่ได้เปลี่ยนสาระสำคัญของการไม่เสมอเหมือนสิ่งใดของพระองค์ไปได้หรอก จริงไหมครับ?

ออฟไลน์ al-kudawah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 234
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 02:45 PM »
0
ทำไมถึงคิดว่าถูกต้องกว่าล่ะครับ?

ในเมื่อมัคลูกก็มี "คุณลักษณะ" ของมัคลูกเองเหมือนกันเช่นเดียวกับคำว่า "รูปแบบ"  ผมเห็นว่าก็ถูกต้องทั้งคู่ขึ้นอยู่กับความหมายที่ประสงค์จะสื่อสารนะครับ ลำพังเปลี่ยนคำศัพท์สองคำนี้คงไม่ได้เปลี่ยนสาระสำคัญของการไม่เสมอเหมือนสิ่งใดของพระองค์ไปได้หรอก จริงไหมครับ?

ถ้าเช่นนั้น มัคลูคมีคุณลักษณะและรูปแบบ  อัลเลาะห์ก็มีคุณลักษณะและรูปแบบด้วยใช่ไหม? มนุษย์มีมือและมีรูปแบบ  และอัลเลาะห์มีคุณลักษณะมือและมีรูปแบบด้วยใช่ไหม? คล้ายแต่ไม่เหมือนอย่างนั้นหรือปล่าว?
สั่งซื้อหนังสืออัลฮิกัมโดยตรงหรือทางไปรษณีย์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย  ติดต่อได้ที่สถาบันอัลกุดวะฮ์ 02-9343369 หรือ 08-29613974

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 02:53 PM »
0
ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะหากพระองค์ใช้ใช้คำศัพท์ใดตรงกับนามที่มัคลูกมี ผู้ศรัทธาต้องรู้โดยอัตโนมัติว่ามีในแบบเฉพาะของพระองค์ และไม่ละม้ายคล้ายคลึง หรือเหมือนกันกับทั้งมวลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใช้คำในลักษณะที่เป็น "รูปธรรม" หรือ "นามธรรม" ก็ตาม เช่น "คุณลักษณะ" ,"รูปแบบ" , "มือ" , "เท้า" ,"ความร่ำรวย" , "อำนาจ", "ความรอบรู้", "ความกว้างขวาง", "ความเมตตา" , "พึงพอใจ" , "โกรธ" เป็นต้น

นาม หรือ อาการนามเหล่านี้ หากพระองค์ทรงใช้กับตัวพระองค์เอง เราก็จำเป็นต้องเชื่อตามนั้น ไม่ไปคิดสวนทางหรือบิดเบือนความหมาย แต่หากเป็นนัยยะที่แปรเป็นอย่างอื่นก็ต้องดูว่า นบี และชนยุคสลัฟได้อธิบายไว้ครบถ้วนแล้วอย่างไร?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2010, 02:57 PM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ al-kudawah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 234
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 03:30 PM »
0

ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะหากพระองค์ใช้ใช้คำศัพท์ใดตรงกับนามที่มัคลูกมี ผู้ศรัทธาต้องรู้โดยอัตโนมัติว่ามีในแบบเฉพาะของพระองค์ และไม่ละม้ายคล้ายคลึง หรือเหมือนกันกับทั้งมวลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใช้คำในลักษณะที่เป็น "รูปธรรม" หรือ "นามธรรม" ก็ตาม เช่น "คุณลักษณะ" ,"รูปแบบ" , "มือ" , "เท้า" ,"ความร่ำรวย" , "อำนาจ", "ความรอบรู้", "ความกว้างขวาง", "ความเมตตา" , "พึงพอใจ" , "โกรธ" เป็นต้น

ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน

หากพูดอย่างนี้จะดีกว่าไหม "หากพระองค์ใช้ใช้คำศัพท์ใดตรงกับนามที่มัคลูกมี ผู้ศรัทธาเชื่อโดยอัตโนมัติว่าเป็นคุณลักษณะของพระองค์โดยไม่มีรูปแบบวิธีการ และไม่ละม้ายคล้ายคลึง หรือเหมือนกันกับทั้งมวลอย่างแน่นอน"

เป็นที่ทราบว่าคำศัพท์ในอัลกุรอานที่อัลเลาะห์ประทานมานั้นเป็นภาษาอาหรับ เช่น  คำว่า สะมีอฺ  พระองค์ทรงได้ยิน บะซีร  พระองค์ทรงเห็น เป็นคุณลักษณะที่สมบูรณ์ ซึ่งสติปัญญาให้การยอมรับก่อนที่มีตัวบทมารับรองเสียอีกและมีความหมายที่ชัดเจนไม่การจินตนาการ  แต่คำศัพท์ ยะดุน "มือ" สติปัญญาไปคิดเองไม่ได้นอกจากมีตัวบทมาระบุ  และเป็นคำศัพท์ที่ให้ความหมายหลายนัยทั้งที่เป็นอวัยวะและไม่ใช่อวัยวะ  ปราชญ์สะลัฟจึงมีความระวังและเข้มงวดในการเข้าไปพิจารณาคุณลักษณะอันหลังนี้ที่แตกต่างกับอันแรก
สั่งซื้อหนังสืออัลฮิกัมโดยตรงหรือทางไปรษณีย์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย  ติดต่อได้ที่สถาบันอัลกุดวะฮ์ 02-9343369 หรือ 08-29613974

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 03:36 PM »
0
คงไม่ดีกว่าหรอกครับ เพราะ เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า คุณลักษณะของพระองค์นั้นไม่มีรูปแบบวิธีการแม้กระทั่งในรูปแบบวิธีการเฉพาะของพระองค์เอง  

คุณมีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ไหมครับ? หลักฐานที่คุณ Al-Firdaus นิยามไว้แล้ว 3 ข้อนะครับ ไม่ใช่สมมติฐานมนุษย์บางกลุ่มที่ตั้งตรรกะเอาเองว่า " ถ้าเป็นการได้ยิน การเห็น มนุษย์จะไม่จินตนาการต่อ(จริงหรือ?) แต่ถ้าเป็นมือ หรือเท้า มนุษย์จะจินตนาการต่อ(จริงหรือ?) ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม มนุษย์ต้องมีตัวบทมารองรับ(เห็นด้วย) "  ถ้ามนุษย์จะจินตนาการ อะไรหยุดได้ครับ ถ้าไม่ใช่ศรัทธา?

คือผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง และยืนยันเสมอมาว่าต้องมีตัวบทมารองรับในการตีความ ( แต่ตัวบทที่อ้างนั้นคืออะไรครับ ไม่ใช่พอจะอ้างตัวบทกลับเอาทรรศนะมาทุกที แล้วค่อยอ้างต่อไปยังตัวบทที่เป็นนัยยะ ที่ไม่ได้มีมติเอกฉันทน์ใดๆรองรับอีกที )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2010, 03:58 PM โดย laliklalee »

 

GoogleTagged