การใช้ศัพท์ขึ้นมาใหม่ เช่น ตัชบีห์ ตะตีล ตักยีฟ เป็นต้น นั้น ปราชญ์สะละฟุศศอลิหฺเองที่ได้พูดกันขึ้นมา การพูดศัพท์เหล่านี้ขึ้นมา ไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมศาสนาแต่เป็นการขยายหรืออธิบายให้ชนยุคต่อๆ มาให้ใจหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮ์มากยิ่งขึ้นและง่ายขึ้น เช่นเดียวกันกับการบัญญัติศัพท์ทางฟิกห์หรือนิติศาสตร์อิสลาม เช่น ฟัรดู สุนัต มุบาห์ วายิบ ฮะรอม มักโระฮ์ ก็ิมิใช่หมายถึงการเพิ่มเติมในศาสนาแต่อย่างใด แต่จะทำให้เข้าใจหลักนิติศาสตร์อิสลามมากยิ่งขึ้น
คำว่า ยะดุน (มือ) เราไ่ม่ได้หนีและไม่ได้ปฏิเสธเลยเพราะมันระบุไว้ในอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ส่วนจะเพิ่มความเข้าใจในเชิงของรูปธรรมหรืออย่างไรนั้นป ยะดุนก็คือยะดุนเราไม่เพิ่มไปว่าเป็นยะดุนรูปธรรม เราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและไม่ขอเพิ่มเติม แต่เราขอศรัทธาและมอบหมายการรู้ความหมายนี้ไปยังอัลเลาะห์เพียงผู้เดียวและหมดใจ
ก็ดีแล้วครับ ถ้าเชื่อแบบนี้ เราก็เชื่อเหมือนกัน ขอให้เป็นปราชญ์สะลาฟุศซอและฮ์เถิดครับ ขอเพียงคุณรู้ใช่ไหมว่านับชนยุคสลัฟกันยังงัย? ส่วนศัพท์อื่นถ้าไม่ไปมีผลต่อหลักอากีดะฮ์ของอิสลามผมก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
คำว่ามือ ถ้าไม่หนี ไม่ ปฏิเสธ และ นบี หรือ ปราชญ์ยุคสลัฟไม่ได้ตีความไว้เป็นอย่างอื่น เราก็อย่าไปเพิ่มความเข้าใจเอาเองก็แล้วกันครับ เพราะเรื่องซีฟัตของอัลลอฮ์ ไม่ได้เปิดกว้างให้ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเข้ามาแต่งแต้มความเข้าใจได้เองหรอกครับ
และผมเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของคุณอย่างสุดจิตสุดใจ
"เราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและไม่ขอเพิ่มเติม แต่เราขอศรัทธาและมอบหมายการรู้ความหมายนี้ไปยังอัลเลาะห์เพียงผู้เดียวและหมดใจ"