ผู้เขียน หัวข้อ: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย  (อ่าน 7848 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 08:22 PM »
0
มีอัลกุรอานและซุนนะฮ์ใดบ้างที่แยกและบอกว่า มือคือคุณลักษณะหรือรูปธรรม  ความเมตตาคือคุณลัษณะหรือรูปแบบทางนามธรรม และการได้ยิน การเห็น คือวิธีการ  และมีสะลัฟท่านใดเข้าใจอย่างคุณนี้  ช่วยอ้างอิงเชิงวิชาการหน่อยจ่ะ

ผมไม่ทราบนะว่ามีหรือไม่? แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีปราชญ์ยุคสลัฟยอมรับกับการให้คำจำกัดความในศัพท์เชิงรูปธรรม เช่น เท้า หรือ มือ ให้เป็นนามธรรมเช่นเดียวกัน ที่ผมทำมันก็เป็นเพียงนำคุณลักษณะต่างๆเหล่านี้มาจัดประเภท เท่าที่ความรู้ ความสามารถจะเอื้ออำนวย ไม่ได้ให้คำจำกัดความใหม่ หรือตีความเอาเอง เช่นเดียวกับการนำหลักการต่างๆของอิสลามมาจัดหมวดหมู่ใหม่เป็นวิชาฟิกฮ์ นำภาษามาเป็นวิชานาฮู ซะรอฟ อะไรทำนองนี้ ซึ่งได้บอกแล้วว่า หากไม่มีผลต่อหลักอากีดะฮ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ไม่น่าจะมีผลเสียอะไร การแบ่งนามออกกว้างๆเป็นรูปธรรม กับนามธรรม และเรียก กิริยา ว่าวิธีการ ผิดหรือไม่? อย่างไร?

หรือว่าหากคุณพบว่ามันผิดหลักการอิสลามที่ผมแบ่งแยกคุณลักษณะโดยใช้เกณฑ์ดังกล่าว ตามแนวทางของสลัฟ ก็โปรดชี้แนะด้วย (วิชาการนะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2010, 08:38 PM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 10:22 PM »
0
ชอบๆๆๆ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-kudawah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 234
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 02:07 AM »
0
ผมไม่ทราบนะว่ามีหรือไม่? แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีปราชญ์ยุคสลัฟยอมรับกับการให้คำจำกัดความในศัพท์เชิงรูปธรรม เช่น เท้า หรือ มือ ให้เป็นนามธรรมเช่นเดียวกัน ที่ผมทำมันก็เป็นเพียงนำคุณลักษณะต่างๆเหล่านี้มาจัดประเภท เท่าที่ความรู้ ความสามารถจะเอื้ออำนวย ไม่ได้ให้คำจำกัดความใหม่ หรือตีความเอาเอง เช่นเดียวกับการนำหลักการต่างๆของอิสลามมาจัดหมวดหมู่ใหม่เป็นวิชาฟิกฮ์ นำภาษามาเป็นวิชานาฮู ซะรอฟ อะไรทำนองนี้ ซึ่งได้บอกแล้วว่า หากไม่มีผลต่อหลักอากีดะฮ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ไม่น่าจะมีผลเสียอะไร การแบ่งนามออกกว้างๆเป็นรูปธรรม กับนามธรรม และเรียก กิริยา ว่าวิธีการ ผิดหรือไม่? อย่างไร?

หรือว่าหากคุณพบว่ามันผิดหลักการอิสลามที่ผมแบ่งแยกคุณลักษณะโดยใช้เกณฑ์ดังกล่าว ตามแนวทางของสลัฟ ก็โปรดชี้แนะด้วย (วิชาการนะ)

้ความจริงในเว็ปนี้ก็ได้อธิบายเรื่องนี้ไว้หลายกระทู้แล้ว  แต่ฉันจะนำเสนอสรุปให้ดังนี้

คุณแบ่งเป็น รูปแบบ รูปธรรม นามธรรม นั้นฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเท่าที่เคยร่ำเรียนมา  แต่ที่ได้ร่ำเรียนและรู้มา ปราชญ์จะแบ่งซีฟัตตามนัยยะดังกล่าวออกเป็น 2 ประเภท  คือ

1. ซีฟาตค่อบะรียะฮ์  คือคุณลักษณะของอัลเลาะห์ที่ต้องมีตัวบทมาระบุรับรองเท่านั้น สติปัญญาจะไปคิดเองไม่ได้  เช่น ซีฟัตยะดุน(พระหัตถ์) ซีฟัตอัยน์(พระเนตร) ซีฟัตวัจญ์ฮฺ(พระพักตร์) ซึ่งซีฟาตเหล่าี้นี้มีความหมายหลายนัย

2. ซีฟาตมะอานีย์ คือคุณลักษณะที่มีและดำรงอยู่ที่อัลเลาะห์ เป็นคุณลักษณะที่สมบูรณ์  สติปัญญาที่สมบูรณ์ของมนุษย์ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือมิใช่มุสลิมก็จะยืนยันและให้การยอมรับ  เช่น ซีฟัตบะซ็อร (ทรงเห็น) ซีฟัตซัมอฺ (ทรงได้ยิน) ซีฟัตอิลมุ (ทรงรอบรู้) ซีฟัตกะลาม (ทรงพูด) ซึ่งคนที่มีสติปัญญาสมบูรณ์หรือบรรลุศาสนภาวะแล้ว  เขาจะเชื่อเพราะพระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายนั้นต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้ หากทรงบอด ทรงหนวก ทรงโง่เขลา และทรงใบ้  ก็ไม่บังควรที่จะเป็นพระเจ้า  

และปราชญ์ยังทำการแบ่งซีฟาตตามนัยยะอื่นๆ อีกมากมายเพื่อให้ง่ายแก่ปุถุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและไม่สับสนในการเรียนรู้

ส่วนการจำกัดคำศัพท์ของสะลัฟจากรูปธรรมไปสู่นามธรรมตามที่คุณเข้าใจนั้น มียืนยันจากสะลัฟแต่ไม่มาก เพราะสะลัฟไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตีความในยุคสมัยของพวกเขาเหล่านั้น  ความจริงตามทัศนะของเรา(ของเ้ว็ปแห่งนี้)จะไม่จำกัดความหมายแต่ยึดการมอบหมายการรู้ซึ่งความหมายดังกล่าวไปยังอัลเลาะห์แต่เพียงผู้เดียว  แต่เมื่อมีรายงานยืนยันว่าสะลัฟเองได้ทำการตีความ(จากศัพท์รูปธรรมไปสู่นามธรรมตามที่คุณเข้าใจนั้น)  ทางเราให้เกียรติสะลัฟและให้ความเป็นธรรมแก่สะลัฟโดยไม่บอกว่าพวกเขาเหล่านั้นผิด  แต่เราเชื่อว่าการจำกัดคำศัพท์หรือตีความดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งจากสะลัฟ  แม้ว่าจะมีน้ำหนักน้อยกว่าหลักการมอบหมายการรู้ซึ่งความหมายไปยังอัลเลาะห์ก็ตาม

ตัวอย่างการจำกัดศัพท์(ตีความ)จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม(ตามที่คุณเข้าใจ)ที่มีรายงานจากสะลัฟ  มีดังนี้

1. อิหม่ามอัลบุคอรีย์ (ฮ.ศ.194-256)ได้ทำการจำกัดความหมายและตีความไว้ในบทว่าด้วยเรื่อง ตัฟซีรซูเราะฮฺ อัลเกาะซ๊อซ ความว่า

كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ : إِلَّا مُلْكَهُ

ความว่า "ทุกๆ สิ่งนั้นพินาจสิ้นนอกจาก وَجْهَهُ (พระพักตร์)ของพระองค์"  (อิมามบุคคอรีย์ตีความว่า) "นอกจากอำนาจการปกครองของพระองค์"  หนังสือฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 8 หน้า 364

2. อิหม่ามอัตติรมีซีย์ (ฮ.ศ.209-279) , ท่านอัลอะมัช(ฮ.ศ.61) , และสะลัฟบางส่วน

ท่านอัตติรมีซีย์ได้กล่าวรายงานฮะดีษความว่า

‏أَنَا عِنْدَ ظَنِّ عَبْدِي بِي ... وَإِنْ أَتَانِي يَمْشِي أَتَيْتُهُ هَرْوَلَةً

"เราจะอยู่ตามที่บ่าวของเราได้หวังมั่นใจต่อเรา...และหากเขาได้มาหาเราโดยเดินมา  เราก็จะไปหาเขาโดยรีบเดิน"

หลังจากนั้นท่าน อัตติรมีซีย์  ได้กล่าวอธิบายว่า

‏ ‏هَذَا ‏ ‏حَدِيثٌ حَسَنٌ صَحِيحٌ ‏ ‏وَيُرْوَى ‏ ‏عَنْ ‏ ‏الْأَعْمَشِ ‏ ‏فِي تَفْسِيرِ هَذَا الْحَدِيثِ مَنْ تَقَرَّبَ مِنِّي شِبْرًا تَقَرَّبْتُ مِنْهُ ذِرَاعًا ‏ ‏يَعْنِي بِالْمَغْفِرَةِ وَالرَّحْمَةِ ‏ ‏وَهَكَذَا فَسَّرَ بَعْضُ أَهْلِ الْعِلْمِ هَذَا الْحَدِيثَ قَالُوا إِنَّمَا مَعْنَاهُ يَقُولُ إِذَا تَقَرَّبَ إِلَيَّ الْعَبْدُ بِطَاعَتِي وَمَا أَمَرْتُ أُسْرِعُ إِلَيْهِ بِمَغْفِرَتِي وَرَحْمَتِي

"หะ ดิษนี้เป็นหะดิษฮะซันซอฮิห์  และได้ถูกรายงานจากท่านอัลอะอฺมัช  เกี่ยวกับการตัฟซีรหะดิษนี้ ที่ว่า "ผู้ใดใกล้ชิดเราหนึ่งคืบ  เราจะใกล้ชิดเขาหนึ่งศอก"  หมายถึง  ใกล้ชิดการอภัยโทษและความเมตตา  และเฉกเช่นดังกล่าวนี้  นักปราชญ์(สะลัฟ)บางส่วนได้อธิบายหะดิษนี้  ซึ่งพวกเขากล่าวว่า  แท้จริงความหมายของหะดิษนี้  คือท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้ใกล้ชิดเราด้วยการตออัตต่อเราและด้วยสิ่งที่เราบัญชา ใช้  แน่นอน  การอภัยโทษและความเมตตาของเราจะรีบรุดไปยังเขา" ตั๊วะห์ฟะตุลอะห์วาซีย์ เล่ม 10 หน้า 64

3. อิหม่ามอิบนุ ญะรีร อัฏเฏาะบะรีย์ (ฮ.ศ. 224-310) ได้ทำการอธิบาย อายะฮ์ ที่ 10 ของซูเราะฮ์ อัลฟัตหฺ โดยยกทัศนะของสะลัฟก่อนหน้าท่านในอธิบายดังกล่าว ความว่า

وفي قوله ( يَدُ اللَّهِ فَوْقَ أَيْدِيهِمْ ) وجهان من التأويل: أحدهما: يد الله فوق أيديهم عند البيعة, لأنهم كانوا يبايعون الله ببيعتهم نبيه صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّم ; والآخر: قوّة الله فوق قوّتهم في نصرة رسوله صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّم, لأنهم إنما بايعوا رسول الله صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّم على نُصرته على العدو


"ในคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "ยะดุลลอฮิอยู่เหนือบรรดามือของพวกเขา"นั้น มีการอรรถาธิบาย 2 แนวทางด้วยกัน

แนวทางที่หนึ่ง ยะดุลลอฮ์(พระหัตถ์พระองค์)อยู่เหนือบรรดามือของพวกเขาในขณะให้สัตยาบัน....

แนวทางที่สอง พลังอำนาจของอัลเลาะห์อยู่เหนือพลังพวกเขาเหล่านั้นในช่วยเหลือศาสนทูตของพระองค์ เพราะพวกเขาได้ให้สัตยาบันต่อท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)ว่าจะช่วยเหลือท่านพิชิตศัตรู" (ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์ เล่ม 22 หน้า 209)

หวังว่าคุณคงเข้าใจและขออัลเลาะห์ทรงชี้นำเราและท่าน วัลลอฮุอะลัม.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 02:09 AM โดย al-kudawah »
สั่งซื้อหนังสืออัลฮิกัมโดยตรงหรือทางไปรษณีย์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย  ติดต่อได้ที่สถาบันอัลกุดวะฮ์ 02-9343369 หรือ 08-29613974

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 09:22 AM »
0
 salam
ความเห็นคุณส่วนใหญ่ข้างต้นเป็นความเห็นที่ไม่มีการขัดแย้งกันทางวิชาการ ผมเองก็ยอมรับ เพราะผมได้บอกไว้หลายครั้งหากย้อนอ่านดูจะเห็นว่า ผมไม่ได้ปฏิเสธการตีความคุณลักษณะของพระองค์อัลลอฮ์ในทุกกรณี ผมเคยกล่าวไว้แล้วว่า "คำว่ามือ ถ้าไม่หนี ไม่ ปฏิเสธ และ นบี หรือ ปราชญ์ยุคสลัฟไม่ได้ตีความไว้เป็นอย่างอื่น เราก็อย่าไปเพิ่มความเข้าใจเอาเองก็แล้วกันครับ เพราะเรื่องซีฟัตของอัลลอฮ์ ไม่ได้เปิดกว้างให้ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเข้ามาแต่งแต้มความเข้าใจได้เองหรอกครับ" กล่าวคือ ที่มุสลิมจะต้องยอมรับคือการตีความจากผู้ที่อัลลอฮ์ และ รอซูลรับรอง ซึ่ง ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ต้องเป็นชนยุค สลัฟ ที่ยังมีเข้าเข้าใจในอิสลามที่บริสุทธิ์ ที่สำคัญที่สุดมีความเข้าใจในหลักอากีดะฮ์อันบริสุทธิ์ การตีความของสลัฟนั้นมีอยู่จริงตามหลักฐานที่ปรากฎมากมาย ส่วนหนึ่งก็ตามที่คุณยกมา จึงขัดแย้งกับตรรกะของคุณเองที่ว่า "สะลัฟไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตีความในยุคสมัยของพวกเขาเหล่านั้น  " ความต่างระหว่างเราและท่านมีสิ่งเดียว แต่ใหญ่หลวงนักเพราะไม่ใช่ประเด็นปลีกย่อย แต่เป็นหลักอากีดะฮ์อันดับแรก คือ พระเจ้าของเรา

ซุนนะฮ์ที่แท้จริงจะให้เกียรติทุกการตีความ และ ยึดถือการตีความจากนัยยะต่างๆของท่านเหล่านั้นที่เป็นชาวสลัฟที่มีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับกันอย่างเอกฉันท์ ท่านยอมรับเองมิใช่หรือว่า พระพักต์ พระหัตถ์ พระเนตร หรือ พระบาท นั้นเป็น ซีฟาตค่อบะรียะฮ์ มีหลายนัยยะ และ ตีความกันเองไม่ได้ ทำไมในอายะฮ์ หรือ ฮาดีษที่ไม่มีหลักฐานการตีความเป็นนามธรรม ท่านจึงไม่ยอมรับนัยยะความเป็นรูปธรรมหล่ะ ท่านกำลังผูกขาดตีความไปเป็นนัยยะนามธรรมนัยยะเดียวโดยไม่มีหลักฐานหรือไม่? ถ้าผมยอมรับทั้งสองนัยยะทั้งรูปธรรม และ นามธรรม ตามหลักฐานที่มี แต่ท่านกลับยอมรับเพียงนัยยะที่เป็นนามธรรม ใครจะยึดถือความเป็นหลายนัยยะของซีฟาตค่อบะรียะฮ์กันแน่ครับ?  ( ขอใช้คำว่ารูปธรรม และ นามธรรม เพื่อความเข้าใจตรงกันนะครับ) เพราะการที่เรารู้ว่ามีหลายนัยยะนั้นไม่ใช่เพราะนักวิชาการยุคหลัง แต่เป็น ศัพท์คำเดียวกัน แต่สลัฟเลือกที่จะปล่อยความหมายตรงไว้ กับบทที่ เลือกที่จะไม่ปล่อยไว้ ต้องตีความเป็นนามธรรรม ใช่หรือไม่? การพิจารณาให้ลึกซึ้งลงไปจะพบฮิกมะฮ์แฝงเร้นอยู่จากปราชญ์เหล่านั้นอย่างแน่นอน ฉะนั้นการปฏิเสธความหมายตรงที่เป็นความหมายแรกที่มนุษย์เข้าใจโดยใช้ความคิด หรือ การคาดคะเนของชนยุคหลังสลัฟนั้นจึงไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ที่ยึดหลักฐานที่ปลอดภัยเป็นตัวตั้งในการเข้าถึงหลัก อากีดะฮ์อันบริสุทธิ์นั่นเอง  

ในเรื่องซีฟัตของอัลลอฮ์ที่ชนรุ่นใหม่ไม่มีโอกาสที่จะมีความรู้มากกว่าชนยุคสลัฟนั้น เรายึดถือหลักอากีดะฮ์และอิสลามเฉพาะที่มีหลักฐานยืนยัน อายะฮ์ไหน ฮาดีษใดที่ไม่มีหลักฐานยืนยันการตีความหรือเทียบเคียงความหมาย ก็จะไม่อาจหาญเทียบเคียงการตีความด้วยตนเอง หรือยึดการตีความของผู้รู้หลังจากยุคสลัฟ แต่จะยึดถือตามความหมายตรงนั้นนั่นเอง ความหมายที่ชนยุคสลัฟไม่ได้ทิ้งการตีความ หรือคำอธิบายเป็นอย่างอื่นไว้ให้ลูกหลาน ทั้งที่ท่านเหล่านั้นต่างก็รู้ดีว่าจะแตกแยกออกเป็นหลายจำพวก อ่อนแอ และหลงทาง


หวังว่าคุณคงเข้าใจเช่นกัน และขออัลเลาะห์ทรงชี้นำเราและท่าน

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 11:00 AM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 10:42 AM »
0
และเพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจความหมายตรงที่กระผมพูดไว้จะขอยกตัวอย่างฮาดีษนี้

หะดิษกุดซียฺ รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺ

“แท้จริง อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสว่า ผู้ใดเป็นศัตรูกับวะลีของข้า แน่นอนข้าได้ประกาศสงครามกับเขาแล้ว และบ่าวของข้าจะไม่เข้าใกล้ชิดข้าด้วยสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นที่รักแก่ข้า ยิ่งไปกว่าสิ่งใดที่ข้าได้ลงเป็นฟัรฎูแก่เขา และบ่าวของข้ายังคงเข้าใกล้ชิดข้าด้วยการปฏิบัติสิ่งที่เป็นนะวาฟิล จนข้ารักเขา เมื่อข้ารักเขาแล้ว ข้าก็เป็นหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นมือของเขาที่เขาใช้จับต้อง เป็นเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน และหากเขาวอนขอต่อข้า ข้าก็จะให้เขา และหากเขาขอความคุ้มครอง ข้าก็จะคุ้มครองเขา... “ บุคอรียฺ

ฮาดีษบทนี้ผู้ศรัทธาจะเข้าใจเป็นอวัยวะของมัคลูกไปไม่ได้หรอกครับ การเปรียบเทียบพระองค์เป็นอวัยวะของมัคลูกย่อมขัดกับซีฟัตของพระองค์อย่างแน่นอนซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่มุสลิมรับรู้ตรงกัน ความหมายตรงก็คือการอุปมาตามความเข้าใจของมนุษย์ว่าเป็นการฟัง การมอง การลงมือทำ และ การก้าวเดินเป็นไปเพื่ออัลลอฮ์ คือสติปัญญาของผู้ศรัทธาที่ปกติจะแยกแยะได้ว่า ผู้พูดต้องการสื่อสารอะไร บทที่พระองค์สื่อว่าพระองค์มีพระหัตถ์ พระบาท หรือพระพักตร์ก็เข้าใจตามนั้น บทที่พระองค์เปรียบเทียบเป็นเชิงอุปมาก็เข้าใจตามนั้น ความเข้าใจของมนุษย์ปกติที่ไม่มีอคติเข้าครอบงำย่อมสามารถแยกแยะเจตนาของผู้พูดได้แม้กระทั่งจากมนุษย์ด้วยกันเอง โดยปกติแล้วผู้มีสติปัญญาย่อมสามารถแยกแยะประโยคที่สื่อความหมายตรง กับสื่อความหมายเป็นนัยยะได้โดยไม่ยาก ลองดูประโยคของมนุษย์สองประโยคนี้สิครับ

" ผมวาดภาพชิ้นนี้ด้วยมือทั้งสองของผมเองด้วยความอุตสาหะ ภาพชิ้นนี้คือดวงใจของผม ผมให้คุณโดยหวังว่าผมจะอยู่ในใจของคุณเสมอ "

คนทั่วไปก็จะเข้าใจโดยทันทีว่า ผมมีมือ และมือของผมก็มีลักษณะเหมือนๆมือมนุษย์คนอื่น แต่ไม่ได้คิดไปว่ารูปร่างมือต้องเป็นอย่างไร นิ้วสั้น นิ้วยาว ลายมือเป็นอย่างไร และก็เข้าใจว่าตัวผู้วาดเป็นคน ภาพที่วาดก็ไม่ใช่เป็นรูปก้อนเนื้อหัวใจ และไม่ได้อาศัยอยู่ในหัวใจของผู้รับ หัวใจเป็นเพียงอุปมาเท่านั้นเอง และไม่ต้องมีคำอธิบายประกอบใดๆทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกัน

ใครจะมาตีความแล้วเข้าใจว่า ผมอาจไม่มีมือก็ได้ อาจใช้ความสามาถจากอวัยวะอื่นก็ได้วาด แต่"มือทั้งสอง"นั้นคือ การวาดภาพขึ้นมาด้วยอำนาจ และฝีมือต่างหาก และก็อาจมีคนที่แปลกกว่านั้นก็อาจพาลเข้าใจไปเลยเถิดว่า ภาพชิ้นนี้คือหัวใจของผู้วาด และผู้วาดก็อาศัย กิน นอน อยู่ในหัวใจของผู้รับก็เป็นได้ ซึ่งคงไม่น่าจะมี

ศัพท์ไม่ว่าจะภาษาใด การเลือกหยิบยกความหมายมาใช้นั้นอยู่ที่บริบทต่างๆที่มาประกอบด้วย คำว่า "มือ หรือ ยะดุน" ก็เช่นเดียวกัน ความหมายตรงก็คือความหมายแรกที่เราเข้าใจได้ทันทีโดยปราศจากการปรุงแต่งใดๆจากการสื่อสารนั้น นั่นคือความหมายตรงของมือในตัวบทนั้น  และถ้าในตัวบทใดเห็นว่าว่าผู้รับรู้สามารถตีความได้หลายนัยยะ ปราชญ์ผู้ห่วงใยของเราในยุคสลัฟก็จะเข้ามาเพิ่มคำอธิบายให้เราเข้าใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ส่วน ตัวบทใดที่ท่านเหล่านั้นเห็นว่า มือ จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ท่านก็ปล่อยไว้ และไม่สามารถจะไปอธิบายคุณลักษณะของมือได้ ตามที่เราน่าจะเข้าใจตรงกันอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงวางใจในอิสลามที่สมบูรณ์แล้วตั้งแต่ชนยุคแรก วางใจในอากีดะฮ์ของเขาเหล่านั้น และไว้วางใจความเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม และได้รับการรับรองอย่างชัดเจน

มุสลิมผู้ศรัทธานั้น บริบทที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นย่อมมีมากกว่าผู้ไม่ศรัทธา เรามีหลักศรัทธาที่ชัดเจนมาอยู่เหนือสามัญสำนึกอีกที หากเราศรัทธาอยู่แล้วว่าพระองค์ไม่ทรงเหมือน หรือคล้ายคลึงสิ่งใด การที่พระองค์บอกว่าพระองค์มีมือ มีใบหน้า มีเท้ามีความร่ำรวย มีความโกรธ มีการเห็น มีการได้ยิน โดยที่ไม่มีการตีความเป็นอย่างอื่นจากยุคสลัฟ  ถึงแม้สมองบางคนอาจคิดไปก็ได้ว่าการรับรู้โดยไม่ต้องเห็น ไม่ต้องได้ยินก็น่าจะพอ หรือ ปฏิเสธการโกรธ เพราะมาจากอารมณ์ หรือ สมองวาดภาพมือไปเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น นั่นเป็นเพียงสามัญสำนึกที่ผิด และถูกนำมาอยู่เหนือความศรัทธาเท่านั้น  ส่วนผู้ศรัทธาจะยืนหยัดไม่ใช้ตรรกะที่ใช้กับมัคลูกไปเทียบกับพระองค์แบบนั้น  แล้วเราก็เชื่อตามนั้นโดย ใช้ความศรัทธาหยุดจินตนาการของสมองตนเอง

หวังว่าคงเข้าใจเพิ่มเติมนะครับ ผิดพลาดก็ขอมาอัฟ และแนะนำตักเตือนด้วย

วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 11:05 AM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:03 AM »
0
 salam

คุณ laliklalee แบ่งซีฟัตเป็นนามธรรม(สัมผัสไม่ได้)  รูปธรรม(สัมผัสได้) และแบ่งเป็นรูปแบบ  เป็นการแบ่งที่บิดอะฮ์และไม่ถูกต้องตามหลักการ  และจะนำไปสู่การเชื่อว่าอัลลอฮ์มีรูปร่างโดยนัยอย่างมิต้องสงสัย  แม้จะมาพูดว่าไม่เหมือนไม่คล้ายกับมัคโลคก็ตาม  เพราะมันขัดกับในตัว
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:10 AM »
0
ผมไม่ทราบนะว่ามีหรือไม่? แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีปราชญ์ยุคสลัฟยอมรับกับการให้คำจำกัดความในศัพท์เชิงรูปธรรม เช่น เท้า หรือ มือ ให้เป็นนามธรรมเช่นเดียวกัน



ความเห็นคุณส่วนใหญ่ข้างต้นเป็นความเห็นที่ไม่มีการขัดแย้งกันทางวิชาการ ผมเองก็ยอมรับ เพราะผมได้บอกไว้หลายครั้งหากย้อนอ่านดูจะเห็นว่า ผมไม่ได้ปฏิเสธการตีความคุณลักษณะของพระองค์อัลลอฮ์ในทุกกรณี
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:15 AM »
0
ว่าอะลัยกุมสลาม

เท่าที่ทราบจากท่า Al-Kudawah บอกว่าการแบ่งแบบนี้ ก็มียืนยันจากสะลัฟแต่ไม่มาก และที่สำคัญก็เป็นเพียงการนำความรู้ที่ไมขัดกับหลักการ มาแบ่งหมวดหมู่ เช่นเดียวกับหลักวิชาต่างๆเท่านั้น จะเข้าข่ายบิดอะฮ์ได้อย่างไร? จะพิสูจน์ว่าบิดอะฮ์ท่านต้องยกหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าการแบ่งรูปธรรม กับนามธรรมนั้นผิดอย่างไร?

และที่สำคัญ วงเล็บท่านที่นำมาใส่เองก็เป็นความเข้าใจของตัวท่านเอง ไม่เกี่ยวกับผมแต่อย่างใด เพราะ ผมไม่ได้ใช้เกณฑ์การสัมผัสได้ หรือไม่ มาเป็นเส้นแบ่งแยกคำว่ารูปธรรม กับ นามธรรม บ่อยครั้งที่ผมสัมผัสนามธรรมได้ เช่น เราสัมผัสได้ถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ หรือ ผู้อธรรมจะต้องสัมผัสได้ถึงความกริ้วของพระองค์ หรือ ผมไม่สามารถจะสัมผัสกลิ่นหอมได้ด้วยมือ ทั้งนี้ความแตกต่างก็มีเพียงท่านจำกัดประสาทสัมผัสใดของท่านในการสัมผัสเท่านั้น

รูปธรรม กับ นามธรรมนั้น เป็นที่รู้กันแก่ผู้มีสติปัญญา

และหากท่านรู้จักการรวมความคิด และเข้าใจจุดยืนผู้พูดคงไม่มีการจับผิดเล็กๆน้อยๆที่ผมพิมพ์ตกหล่นนำมาเป็นสาระสำคัญ ช่วยเพิ่ม(ไปเสียทั้งหมด)ต่อท้ายคำว่านามธรรมด้วยก็แล้วกัน ยังงัยก็ขอบคุณที่ชี้ให้เห็นการตกหล่นนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 11:25 AM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:25 AM »
0
เท่าที่ทราบจากท่า Al-Kudawah บอกว่าการแบ่งแบบนี้ ก็มียืนยันจากสะลัฟแต่ไม่มาก และที่สำคัญก็เป็นเพียงการนำความรู้ที่ไมขัดกับหลักการ มาแบ่งหมวดหมู่ เช่นเดียวกับหลักวิชาต่างๆเท่านั้น จะเข้าข่ายบิดอะฮ์ได้อย่างไร? จะพิสูจน์ว่าบิดอะฮ์ท่านต้องยกหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าการแบ่งรูปธรรม กับนามธรรมนั้นผิดอย่างไร?

คุณน่ะไม่ใช่นักวิชาการ  จะมาแบ่งซีฟัตของอัลลอฮ์กันเองแบบนี้ไม่ได้  แต่ต้องนำการแบ่งมาจากอุลามาอฺที่มีความสันทัดในเรื่องเหล่านี้  คุณบอกว่า นามธรรม ก็สัมผัสได้  ดังนั้นซีฟัตรูปธรรมก็ยิ่งสัมผัสได้น่ะซิ  นี่มันอะไรกันครับ  เอาคุณลักษณะผู้สูงส่งมาแบ่งให้อยู่ตามนัยยะของมัคโลคเลยน่ะนั่น

และผมก็ไม่เห็นว่าท่าน Al-Kudawah จะบอกเลยว่า สะลัฟแบ่งเป็นรูปธรรมและนามธรรมตามที่คุณเข้าใจ  และพวกเขาแค่ตีความซีฟัตค่อบ่ะรียะฮ์เท่านั้นเอง ซึ่งซีฟัตค่อบะรียะฮ์ก็มิได้อยู่รูปแบบรูปธรรมตามที่คุณเข้าใจในซีีฟัตของอัลลอฮ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 11:28 AM โดย As-Zaleek »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:26 AM »
0
ผมให้คำตอบไปชัดเจนแล้วครับ

ออฟไลน์ al-kudawah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 234
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:28 AM »
0
ว่าอะลัยกุมสลาม

เท่าที่ทราบจากท่า Al-Kudawah บอกว่าการแบ่งแบบนี้ ก็มียืนยันจากสะลัฟแต่ไม่มาก และที่สำคัญก็เป็นเพียงการนำความรู้ที่ไมขัดกับหลักการ มาแบ่งหมวดหมู่ เช่นเดียวกับหลักวิชาต่างๆเท่านั้น จะเข้าข่ายบิดอะฮ์ได้อย่างไร? จะพิสูจน์ว่าบิดอะฮ์ท่านต้องยกหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าการแบ่งรูปธรรม กับนามธรรมนั้นผิดอย่างไร?

และที่สำคัญ วงเล็บท่านที่นำมาใส่เองก็เป็นความเข้าใจของตัวท่านเอง ไม่เกี่ยวกับผมแต่อย่างใด เพราะ ผมไม่ได้ใช้เกณฑ์การสัมผัสได้ หรือไม่ มาเป็นเส้นแบ่งแยกคำว่ารูปธรรม กับ นามธรรม บ่อยครั้งที่ผมสัมผัสนามธรรมได้ เช่น เราสัมผัสได้ถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ หรือ ผู้อธรรมจะต้องสัมผัสได้ถึงความกริ้วของพระองค์ หรือ ผมไม่สามารถจะสัมผัสกลิ่นหอมได้ด้วยมือ ทั้งนี้ความแตกต่างก็มีเพียงท่านจำกัดประสาทสัมผัสใดของท่านในการสัมผัสเท่านั้น

รูปธรรม กับ นามธรรมนั้น เป็นที่รู้กันแก่ผู้มีสติปัญญา


ถึงตอนนี้ ฉันเริ่มไม่เข้าใจและสับสนเกณฑ์การแบ่งซีฟัตของคุณออกเป็นรูปแบบ รูปธรรม และนามธรรม เสียแล้ว สรุปแล้วคุณใช้เกณฑ์ใดในการแบ่งดังกล่าวนี้ หากไม่ใช่การสัมผัส  ถึงแม้ว่าคุณจะอ้างว่า รูปธรรม กับ นามธรรม นั้นเป็นที่รู้กันแก่ผู้มีสติปัญญา ก็ตาม แต่ในการเสวนาเชิงวิชาการนั้น จำเป็นจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนลงไป เพื่อป้องกันการเข้าใจที่อาจคลาดเคลื่อนได้
สั่งซื้อหนังสืออัลฮิกัมโดยตรงหรือทางไปรษณีย์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย  ติดต่อได้ที่สถาบันอัลกุดวะฮ์ 02-9343369 หรือ 08-29613974

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:32 AM »
0
ผมให้คำตอบไปชัดเจนแล้วครับ

ชัดเจนตรงใหน  มีหลักฐานตรงใหนในการแบ่งซีฟัตเป็น รูปแบบ นามธรรม และรูปธรรม  คุณไปเข้าก้าวก่ายคุณลักษณะของอัลลอฮ์  ไปเฉือนไปแบ่งตามอารมณ์ของคุณเองโดยไม่มีปราชญ์ท่านใดแบ่งแบบคุณ  และคุณก็ไม่ใช่นักวิชาการสักนิด  แม้กระทั่งคำ่ว่า "รูปแบบ" คุณก็ให้ศัพท์เป็นภาษาอาหรับไม่ได้ตามความเข้าใจของคุณ 
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:41 AM »
0
การตีความของสลัฟนั้นมีอยู่จริงตามหลักฐานที่ปรากฎมากมาย ส่วนหนึ่งก็ตามที่คุณยกมา จึงขัดแย้งกับตรรกะของคุณเองที่ว่า "สะลัฟไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตีความในยุคสมัยของพวกเขาเหล่านั้น  " ความต่างระหว่างเราและท่านมีสิ่งเดียว แต่ใหญ่หลวงนักเพราะไม่ใช่ประเด็นปลีกย่อย แต่เป็นหลักอากีดะฮ์อันดับแรก คือ พระเจ้าของเรา

คุณไม่เข้าใจระหว่าง สะลัฟไม่ตีความในยุคสมัยของพวกเขากับสะลัฟไม่มีความจำเป็นต้องตีความในยุคสมัยของพวกเขา

الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:47 AM »
0
จริงๆแล้วผมเองไม่ใช่นักวิชาการเช่นเเดียวกับท่าน และอีกหลายคน การแบ่งหรือ การจัดลำดับความเข้าใจก็เป็นไปด้วยความรู้เท่าที่มีของตนเอง โดยอาศัยความเข้าใจที่ผ่านมาจากนักวิชาการ และก็พยายามอย่างที่สุดที่ไม่ไปก้าวก่ายในเรื่องสำคัญๆ และผิดหลักการ หากผิดเรื่องใดท่านสามารถแย้งไดทันทีครับ และต้องให้หลักฐานประกอบด้วยไม่ใช่กล่าวลอยๆ การจัดลำดับของผมก็เป็นเพื่อความเข้าใจของตนเอง และเป็นเช่นศาสตร์อื่นๆที่ไม่ได้ต้องร้องขอหลักฐานการเริ่มต้นในยุคสลัฟเสียทั้งหมดอย่างที่ท่านกำลังทำ ตัวท่านเองยังแบ่งอากีดะฮ์เป็นเชิงลึกได้เลยไม่ใช่หรือ? มีหลักฐานจาสลัฟหรือไม่นั้นท่านยังไม่ได้ตอบเลย

จริงๆแลัวการพูดคุยนี้ มีการพาดพิงไปใช้คำศัพท์ภาษาไทยเช่น "รูปแบบ" "รูปธรรม" "นามธรรม" "สัมผัส" ฯลฯ ผมก็เข้าใจว่าเป็นคำที่คนไทยน่าจะเข้าใจตรงกัน แต่ผผมเข้าใจผิดไป

ลองค้นหาดูก็พบคำอธิบายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับมุมมอง ก่อนจะลองให้คำนิยามขอสอบถามท่านสักนิดว่าท่านตอบคำถามนี้อย่างไร?

ญินมีรูปแบบเฉพาะของตนเอง เช่นเดียวกับมาลาอิกัตที่มีรูปแบบเฉพาะแต่ละท่านไม่เหมือนกัน ทั้งญิน และ มาลาอีกัตเป็นรูปธรรม หรือ นามธรรม?

หากใช้เกณฑ์การสัมผัสของท่าน ท่านสัมผัสได้หรือ? หากใช้ตรรกะท่าน"สิ่งใดสัมผัสได้เป็นรูปธรรม สิ่งได้สัมผัสไม่ได้เป็นนามธรรม" ญิน และ มาลาอีกัตก็คงเป็นนามธรรมกระนั้นสิ?

รูปธรรม และ นามธรรม ไม่ใช่นำ สัมผัสมนุษย์มาเป็น เกณฑ์ แต่หากจะจำกัดความก็น่าจะเป็นว่า

 "รูปธรรม" เป็นนามที่บ่งบอกตัวตนที่มีอยู่จริง และไม่ใช่อาการนามที่เราเรียกว่า "นามธรรม"    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 11:57 AM โดย laliklalee »

ออฟไลน์ laliklalee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:50 AM »
0
ผมให้คำตอบไปชัดเจนแล้วครับ

ชัดเจนตรงใหน  มีหลักฐานตรงใหนในการแบ่งซีฟัตเป็น รูปแบบ นามธรรม และรูปธรรม  คุณไปเข้าก้าวก่ายคุณลักษณะของอัลลอฮ์  ไปเฉือนไปแบ่งตามอารมณ์ของคุณเองโดยไม่มีปราชญ์ท่านใดแบ่งแบบคุณ  และคุณก็ไม่ใช่นักวิชาการสักนิด  แม้กระทั่งคำ่ว่า "รูปแบบ" คุณก็ให้ศัพท์เป็นภาษาอาหรับไม่ได้ตามความเข้าใจของคุณ 

เฮ้อ...ผมรู้ว่าพิมพ์ไปมาก แต่น่าจะพยายามอ่าน แล้วจับประเด็นสักนิดนะครับ

 

GoogleTagged