ผู้เขียน หัวข้อ: เป้าหมายสูงสุดของโลก-ประเทศไทย-ตัวเราและลูกหลานไทย  (อ่าน 1761 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hantu

  • บุคคลทั่วไป

วันนี้สังคมไทยกำลังก้าวถึงทางตัน เส้นทางที่เหลืออยู่ดูราวกับว่ามีเพียง 2 เส้นทางเท่านั้น
 ทางหนึ่งคือ เส้นทางแบบประชาธิปไตย ที่แก้ปัญหาแบบไปวันๆ และไร้ทิศทางนำพาประเทศ
 ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งคือ หวนกลับไปศิโรราบกับระบอบอิสลาม (แบบบริสุทธิ์)
    ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลก ต้องมียุทธศาสตร์ 4 ระดับคือ ยุทธศาสตร์ระดับโลก ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ รวมทั้งระดับเมืองและชุมชน
จะวางยุทธศาสตร์โลก.....ไทยได้ ต้องใช้หน่วยวิเคราะห์ที่เรียกว่า “ระบบโลก” กล่าวคือ
 เราต้องรู้ว่า ระบบโลกมีความเป็นมาอย่างไร และกำลังจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางเช่นไรในอนาคต
       ที่ผ่านมา เราคิดกันแค่ยุทธศาสตร์ระดับประเทศ ทั้งๆ ที่คนไทยเริ่มตระหนักรู้ว่าประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลกแล้ว
       ที่น่าสังเกตก็คือ ประเทศมหาอำนาจ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย จะมีการกำหนดวางยุทธศาสตร์โลก
        และถือว่านี่คือยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญสูงสุด แต่ในทางกลับกัน บรรดาประเทศเล็กๆ ส่วนใหญ่ รวมทั้งประเทศไทย ไม่มีการวางยุทธศาสตร์โลก
       หรือพูดอีกแบบหนึ่งว่า ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ ในเมื่อไม่มียุทธศาสตร์โลกของตัวเอง
       ทิศทางใหญ่ทางยุทธศาสตร์เกือบทั้งหมดจะถูกกำหนดวางจากประเทศใหญ่ๆเพื่อให้บรรดาประเทศเหล่านี้ปฏิบัติตาม
       การเปลี่ยนแปลงแบบอภิวัตน์ของการเมืองไทย ได้ก่อเกิดผลผลิตที่สำคัญ 2 ประการ
       ประการที่ 1 การสร้างระบบรัฐทหารเผด็จอำนาจและระบบเศรษฐกิจที่รวมศูนย์อำนาจ ผูกขาดความมั่งคั่งไว้ที่ส่วนกลาง
       บรรดานายทหารและนายตำรวจที่มีอำนาจเด็ดขาด สามารถสร้างความมั่งคั่งจากการมีอำนาจเหนือระบบการเมือง
       และสามารถหารายได้ผลประโยชน์พิเศษจากการลงทุนทางธุรกิจและจากผลประโยชน์พิเศษที่ชนชั้นนำอเมริกันมอบให้ (ทั้งที่ทำภายใต้กฎหมายและนอกกฎหมาย)
       ภายใต้กฎหมาย คือ บรรดาผลประโยชน์ร่วม โดยการอ้างสิทธิสัมปทานแหล่งแร่ธาตุและทรัพยากรที่มีค่าทั้งหมด
       เพื่อยกให้ทุนข้ามชาติอเมริกาเข้ามาลงทุน เช่น การตัดป่าไม้และการผลิตดีบุกในช่วงอดีต รวมถึงกรณีเรื่องน้ำมันและแก๊สในยุคปัจจุบัน
       นอกกฎหมาย คือ การหารายได้พิเศษ อย่างเช่น การค้าเฮโรอีนในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
       รวมทั้งการค้าของเถื่อน การค้าอาวุธ ค้าน้ำมันเถื่อนและยาบ้าใน(3จชต.)ยุคปัจจุบัน
       ระบบอำนาจพิเศษเหล่านี้กลายเป็นที่มาของระบบมาเฟียทหารและมาเฟียตำรวจซึ่งสามารถเชื่อมตรงและควบคุมบรรดามาเฟียท้องถิ่นสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
        นักวิชาการ (สีแดง) มักจะเรียกระบบรัฐทหารเผด็จอำนาจนี้ว่า ระบบอำมาตย์ โดยมีเจตนาเพื่อจะเชื่อมระบบที่กล่าวว่า “ชั่วร้าย” นี้
       ว่าเป็นส่วนหนึ่ง (ข้ารับใช้) ของระบบกษัตริย์ของไทยในสมัยโบราณ
        ผมคิดว่า นี่คือ ความเข้าใจผิด.....
       ที่จริงแล้ว รัฐทหารเผด็จอำนาจนี้เชื่อมตรงและขึ้นต่อกับระบบทุนโลกเป็นสำคัญ ที่สำคัญ ในยุคจอมพลสฤษดิ์นั้น
        สถาบันทหารไทยมีฐานะ“อำนาจสูงสุด” เหนือกว่าสถาบันอำนาจอื่นๆ ทั้งหมดในประเทศไทย
       หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬ การเผด็จอำนาจของทหารเหนือรัฐไทยเริ่มเสื่อมอำนาจลงเรื่อยๆ
       ชนชั้นนายทุนไทยเริ่มมีบทบาททางการเมืองสูงขึ้น การเมืองไทยจึงเปลี่ยนจากยุคทหารมาสู่ยุครัฐสภา
        แต่เนื่องจากชนชั้นนายทุนไทยเติบโตขึ้นมาจากระบบทุนนิยมแบบพึ่งพา
        การพัฒนาของทุนไทยจึงต้องขึ้นต่อผลประโยชน์ของทุนต่างชาติ (อเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์) เป็นสำคัญ
       ไทย จึง ไม่เป็น “ไท” และเพื่อ “คนไทย”
       ประการที่ 2 โครงสร้างพื้นฐานทางวัฒนธรรมและการศึกษาต้องพึ่งพาทั้งด้านข่าวสาร ความรู้ ทฤษฎี
        รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากโลกตะวันตก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา
       ยิ่งพัฒนาจึงยิ่งด้อยพัฒนา (ทางปัญญา)
       ชนชั้นปัญญาชนไทยกลายเป็นชนชั้นที่ช่วยกันผลิตซ้ำ ความคิดทฤษฎี (อเมริกา) สอนและยกย่องภูมิปัญญาตะวันตกและวัฒนธรรมตะวันตก
       คลั่งคำว่า “เสรีประชาธิปไตย” คลั่ง “ความขาว และของนอก” รวมทั้งคลั่งคำว่า “วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความทันสมัยตะวันตก”
       เยาวชนไทยถูกผลิตให้ “เห็นแก่ตัว หลงอำนาจเงินตรา”
       บรรดาสื่อไทยส่วนใหญ่ก็ช่วยทำหน้าที่เป็นศูนย์ในการเผยแพร่วัฒนธรรมทุนนิยม ทั้งด้านแฟชั่นและค่านิยม
       สื่อไทยทำหน้าที่เพียงแค่การ ‘เล่าข่าว’ เล่าข่าวตามที่ศูนย์ข่าวสารโลก เช่น CNN ABC CBS วิเคราะห์ตีความ และนำเสนอ
       ชนชั้นนำไทย รวมทั้งปัญญาชนไทย และคนไทยทั่วไปจึงพลอยกลายเป็น “คนว่านอนสอนง่าย” คิดตามตะวันตกและหลงตามก้นอเมริกา
       การตกเป็นทาสภูมิปัญญาและวัฒนธรรมตะวันตกหยั่งรากลึกมาก จนยากที่จะแก้ได้ง่ายๆ
       “ที่ประเทศไทยเจริญมาได้ทุกวันนี้ เพราะเรายอมตัวเป็นขี้ข้าฝรั่ง เรียกว่ายอมเป็นขี้ข้าจึงได้ดีและรุ่งเรือง”
ชาวอเมริกาเชื่อว่า ความมีอิสระเสรีภาพจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงเกียรติแห่งความเป็นมนุษย์
อีกทั้งระบบการตลาดแบบเสรีและระบอบประชาธิปไตย จะสามารถค้ำประกันถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ทุกๆคนได้
ดั่งที่มันได้เกิดขึ้นมาแล้วในตะวันตก และที่กำลังเป็นอยู่ในเอเชีย
นับตั้งแต่อะตาเทิรกเป็นต้นมามีผู้คนจำนวนเป็นล้านๆคนในประเทศอิสลามที่ได้รับเอาแนวความคิดแบบตะวันตกเช่นนี้มาในฐานะเป็นตัวเลือก
แต่กระนั้นมาในปัจจุบันนี้คนมุสลิมจำนวนหลายสิบล้านคน ก็เริ่มที่จะปฏิเสธแนวความคิดที่ว่ามานี้
โดยหันกลับมาสู่รากเหง้าที่มาเดิมของพวกเขา นั้นก็คืออิสลามอันสะอาดบริสุทธิ์กว่า
พวกเขามีความเชื่อและศรัทธาที่ว่า มีพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวเท่านั้น นั้นคืออัลลอฮฺ และ มูฮัมมัดนั้นเป็นศาสนทูตของพระองค์
อีกทั้งอิสลามอันเป็นการยอมทำตามเจตนารมณ์แห่งอัล-กุรอานนั้นจะเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่จะนำไปสู่สรวงสวรรค์ 
และ สังคมแห่งการมีจิตสำนึกต่อพระผู้เป็นเจ้านั้นสมควรที่จะต้องถูกปกครองด้วยกฎหมายแห่งอิสลามหรือที่เรียกว่าชะรีอะฮฺ 
หลังจากที่ได้พยายามด้วยกับวิถีทางอื่นและประสบกับความล้มเหลวมาแล้ว พวกเขาก็กลับคืนสู่อ้อมกอดแห่งอิสลามอีกครั้งหนึ่ง

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ตอนนี้ประเทศเอกราชกำลังเล่นกีฬาสีอยู่ โดยมีสีเหลืองนำโดยเซเล่อมูน, สีแดงนำโดยมดแดง, สีน้ำเงินนำโดยอุลตร้าแมน และสีขาวนำโดยอิคคิวซัง แต่สีก็พยายามจะประชันความเด่นเพื่อให้ได้ครองใจประชาชน แล้วก็สาดโคลนกันกระหน่ำมาก ท้ายสุด ใครได้อะไรหรือ นอกจากเปื้อนโคลนกันทุกคน ทั้งคนที่เล่นและไม่เล่น ก็โดนกันถ้วนหน้า - วัสสลาม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ roetee

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อยากได้เรารักกันเหมือนเดิม  ;D

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
ดีออกมีการถ่วงดุลกัน
ถ้าไม่มากเกินไป
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
เราไม่เคยรักกันเลยนะ คุณโรตีไม่เชื่อฟังดูซิ "ไทยนี้รักสงบ  แต่ก็รบไม่ขาด" ล่อกันเละมาตั้งแต่สมัยอโยธยาแล้วขอรับ อิอิอุวะ555
"รัฐประหาร 2490" ที่นำจอมพล ป. พิบูลสงคราม พร้อมทั้งจอมพลผิน ชุณหะวัณ และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์
 ฝ่ายอำนาจนิยมและอนุรักษ์นิยมกลับมาครองอำนาจใหม่ ข้อเสนอและบทบาทของ "หะยีสุหลง" ถูกกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ"
 ต้องการ "แบ่งแยกดินแดน" ตัวท่าน, คนสนิทและลูกชายคนโตก็ "ถูกอุ้ม" หายไป
 ถูกฆ่าด้วยการจับมัดใส่กระสอบนำไปถ่วงน้ำที่ด้านหลังเกาะหนูจ.สงขลา
 และข้อหาทำนองนี้ ก็ถูกขยายไปครอบคลุมและทำลายชีวิตของ4 อดีตรัฐมนตรีอีสานด้วย คือ ทองอินทร์ ภูริพัฒน์ (อุบลราชธานี)
 จำลอง ดาวเรือง (มหาสารคาม) ถวิล อุดล (ร้อยเอ็ด) และเตียง ศิริขันธ์ (สกลนคร) ในปี พ.ศ. 2492
  “รัฐประหาร19 กันยายน 2549” ที่นำพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน  พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์
นายกฯสมัคร  สุนทรเวช ,นายกฯสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ และ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ(ปัจจุบัน)
 ฝ่ายอำนาจนิยมและอนุรักษ์นิยมกลับมาครองอำนาจใหม่เหมือนเมื่อ" รัฐประหาร 2490 " 
 วังวนเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า ประชาชนในสามจังหวัดกับสี่อำเภอของด้ามขวานทองก็ยังคงฆ่ากันตายทุกเมื่อเชื่อวันอย่างไม่มีวันจบสิ้นกระนั้นหรือ ???