นาดียาห์พยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดฤทธิ์ แต่ความรู้สึกบางอย่างมันเต็มซะจนกลั้นน้ำตาต่อไปไว้ไม่ได้ ประจวบเหมาะกับเพื่อนหอ3 เดินเข้ามาสมทบพอดี
เพื่อนหอ3 จึงอาสาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนหอ1และ2ฟัง
เพื่อนหอ3 - - เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ตกลงพรุ่งนี้จะไปค่ายอาสาฯพร้อมเรากับดียาห์ได้รึยัง?
เพื่อนหอ1 - - ขอบายว่ะ ยังมึน ๆ อยู่จริง ๆ
เพื่อนหอ2 - - เราก็เหมือนกัน
นาดียาห์ - - ไปด้วยกันเถอะนะ เราเข้าใจว่าเรื่องของเจตนามันเป็นเรื่องที่มองไม่เห็นด้วยตาและสัมผัสไม่ได้ด้วยมือ แต่เราก็อยากให้แยกแยะเรื่องของเรากับเจตนาในการออกค่ายว่ามันเป็นคนละส่วนกัน
อย่าลืมสิว่างานทุกอย่างที่พวกเราทำนั้นเจตนาของเราฝากไว้กับผู้ใด อย่าให้เรื่องบางเรื่องมามีส่วนบั่นทอนเจตนาที่แท้จริงในการทำงานของพวกเราเลยนะ
เพื่อนหอ1 - - งั้นเราสองคนก็ต้องขอมาอัฟด้วยนะที่เข้าใจเธอผิดเรื่อยมา ขอมาอัฟที่เผลอนินทาเธอโดยไม่รู้เหตุการณ์ที่แท้จริง
เพื่อนหอ3 - - พวกเราต้องอดทนกับบททดสอบทั้งหมดนี้ให้ได้นะ แล้วก็ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอด้วยว่า
"การพูดถึงบุคคลที่สาม ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม เราก็ไม่ควรพูดถึงมันเน๊อะ และหวังว่าจากนี้ไม่ว่าจะมีอะไร พวกเราจะหันหน้าคุยกันด้วยดี ดีกว่าปล่อยไว้ให้เรื่องมันบานปลายเน๊อะ"เพื่อนหอ1 - - (แอบเห็นดียาห์เช็ดน้ำตา จึงแสร้งทำเสียงเข้มว่า) อ้าว...ดียาห์ มัวแต่ร้องไห้ ไม่ช่วยเราจัดกระเป๋าแล้วพรุ่งนี้เราจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่ทำค่ายหล่ะ
เพื่อนหอ2 - - นั่นดิ๊ อย่าอู้ ๆ ของเราด้วยอีกใบ อย่างรีบเลยอย่างรีบ
แล้วทั้งสี่คนก็ช่วยกันจัดกระเป๋าและข้าวของที่จำเป็นต้องใช้โดยเป้าหมายคือวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เพื่อใครในพวกเรา แต่เพื่อ....(ที่เราอาจลืม)
วัสสลาม
