ผู้เขียน หัวข้อ: มือของอัลเลาะฮ์ตามหลักอากีดะฮ์ของวะฮาบีย์  (อ่าน 23702 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ดีมากครับน้องมุนีร  แต่บังอยากให้น้องตั้งกระทู้ดังต่อไปนี้นะครับ  "จุดยืนของอะกีดะฮ์ที่มีต่อ คำว่า يد (ซึ่งตามหลักภาษาแปลว่า"มือ") ในอัลกุรอานและฮะดิษ"   แล้วเราจะชี้แจงครับ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ นายส้มปาก

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 11
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
พี่น้องทั้งหลายครับ  เท่าที่ผมนั่งดูการสนทนาระหวางพี่น้องซุนนะวะฮาบีย์กับพี่น้องอะลิสซนนะ4มัสหับ(อาชาอีเราะ)ที่ผ่านมานั้นผมนำบทสรุปบางส่วนของคุณอัลอัชฮารีย์ที่ผมกอ็บเก็บไว้และจากความรู้อันน้อยนิดของผม  ก็พอสรุปได้คราวๆว่า..

จากการสนทนาที่ผ่านมาระหว่างพี่น้องวะฮาบีย์กับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น เราพอจะสรุปเรื่องการมอบหมาย(ตัฟวีฏ) ระหว่าง แนวทางวะฮาบีย์กับแนวทางอัลอะชาอิเราะฮได้ดังนี้

1. อัลอะชาอิเราะฮ์ กล่าวว่า บรรดาซีฟาตที่มุตะชาบิฮาตสำหรับเรานั้น ก็ให้ทำการมอบหมายความหมายและวิธีการ

2. วะฮาบีย์ กล่าวว่า บรรดาซีฟาตที่มุตะชาบิฮาตสำหรับนั้น พวกเขารู้ความหมายของมัน แต่ไม่รู้วิธีการ (ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของพวกอัลมุญัสสิมะฮ์  ไม่ใช่สะละฟุศศอลิหฺ)

เป็นที่ทราบดีว่า แนวทางที่ถูกต้องนั้น คือ การทำการมอบหมายกับความหมายและวิธีการให้กับอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) แต่หากวะฮาบีย์บอกว่า ความหมาย คำว่า يد และอื่นๆ นั้น มีความหมายที่รู้กัน อันนี้เราก็ขอตอบว่า ใช่ครับว่า สะลัฟเขาก็รู้และเราเองก็รู้เช่นกันว่า ความหมายฮะกีกัตตามทัศนะของที่มนุษย์เข้าใจกันนั้น มันคืออะไร
ดังนั้น ไม่ใช่ว่าสะลัฟจะไม่รู้ความหมายเหล่านั้น แต่สะลัฟนั้น พวกเขาย่อมตระหนักดีว่า บรรดาอายะฮ์มุตะชาบิฮาตนั้น มันมีความหมายฮะกีกัตอื่นอีกที่อยู่เบื้องหลังที่นอกเหนือจากการรับรู้ของมนุษย์ในเชิงภาษาที่พวกเขาเข้าใจกัน และความหมายฮะกีกัตอันนี้ อัลเลาะฮ์คือผู้ทรงรู้ดียิ่ง และสะลัฟนั้นก็มั่นใจอย่างเด็ดขาดในขณะเดียวกันนั้นว่า มนุษย์ย่อมมีความอ่อนแอจากการรับรู้ความหมายฮะกีกัตจริงๆ ของบรรดาซีฟัตที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขา(สะลัฟ)จึงไม่ทำการทุ่มเทในการรับรู้ความหมายหรืออธิบายความหมายเลย และพวกเขาก็ทำการมอบหมายความหมายฮะกีกัตที่ถูกซ่อนเร้นจากเรานั้น ไปยังอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)

พี่น้องครับวะฮาบีย์มีความเชื่อดังนี้..พวกเขามีหลักการที่ว่า มนุษย์ย่อมเข้าใจความหมายฮะกีกัตซีฟาตของอัลเลาะฮ์ในเชิงภาษาที่มนุษย์เข้าใจกัน แล้วก็ทำการพาดพิงความหมายดังกล่าวไปยังซีฟาตของอัลเลาะฮ์ หลังจากนั้น วะฮาบีย์ก็กล่าวว่า "วิธีการนั้นไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร" และนี่ก็คือข้อเท็จจริงของแนวทางวะฮาบีย์

ชนสะลัฟที่แท้จริงตามแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น พวกเขาจะไม่ทำการจำกัดความหมายของซีฟาตอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) เนื่องจากว่า พวกเขาไม่ทราบถึงเป้าหมายตามทัศนะของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)
لكنهم يعتقدون أن وراءها صفات ومعانى أستأثر الله تعالى بعلم مراده منها ، فأمنوا بها ، لا على مقتضى افهامهم اللغوية أو العقلية لها ، بل على مقتضى مراد الله تعالى منها ، وفى هذا تمام التسليم ، وكمال الانقياد

"แต่พวกเขา(สะลัฟ) เชื่อว่า แท้จิรง เบื้องหลังของมันนั้น มีบรรดซีฟาตและบรรดาความหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้จุดมุ่งหมายจากมัน ดังนั้น พวกเขาจึงทำการศรัทธากับมัน โดยไม่ได้อยู่ตามนัยยะของความเข้าใจของพวกเขาตามหลักภาษาหรือสติปัญญา แต่ทว่า (เข้าใจความหมาย)อยู่บนนัยยะความหมายที่พระองค์ทรงประสงค์ และในการนี้ ก็คือการสมบูรณ์ในการมอบหมายและสมบูรณ์ในการปฏิบัติตาม" ดู หนังสือซัมมฺ อัตตะวีล ของท่านอิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 41

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การที่สะลัฟทำการมอบหมายกับความหมาย โดยไม่เจาะจงความหมายนั้น เพราะพวกเขาทำการให้เกียรติและถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเกียรติของความเป็นพระเจ้า จากการที่จะเข้าไปทำการให้ความหมายในเชิงภาษาที่มนุษย์เข้าใจกัน ซึ่ง(ความเข้าใจของมนุษย์ตามทัศนะของมนุษย์นั้น)มันย่อมมีความบกพร่อง ถึงแม้เราจะกล่าวว่า "วิธีการไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร" สักพันๆครั้งก็ตาม

ท่านอิมามอะหฺมัดจึงกล่าวว่า

هذه الأحاديت نؤمن بها ونصدق ، لا كيف ولا معنى ، ولا نصف الله تعالى بأكثر مما وصف به نفسه

"บรรดาหะดิษเหล่านี้ เราได้ศรัทธานั้น และเชื่อ โดยที่ไม่มีวิธีการว่าเป็นอย่างไร และไม่มีความหมาย(ที่เฉพาะ) และเราไม่พรรณากับคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ ให้มากกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณาไว้กับพระองค์เอง" ดู หนังสือ ลุมอะฮ์ อัลเอี๊ยะติก๊อต ของท่าน อิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 3
أمروها كما جاءت ،وردوا علمها إلى قائلها ومعناها إلى المتكلم بها

"พวกท่านจงอ่านผ่านมันไปเสมือนที่มันได้มีระบุมา และจงกลับคือการรู้มัน(บรรดาซีฟาต)ไปยังผู้ที่กล่าวมัน และ(จงกลับคืน)กับ ความหมายของมัน ไปยังผู้ที่พูดด้วยกันมัน" ดู หนังสือ ซัมมุ อัลตะวีล ของท่านอิบนุกุดามะฮ์ หน้า 25

ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ได้กล่าวว่า

علموا أن المتكلم به صادق لا شك فى صدقه فصدقوه ، ولم يعلموا حقيقة معناها فسكتوا عما لم يعلموه

"พวกเขา(สะลัฟ)รู้ว่า แท้จริง ผู้ที่พูดกับมันนั้น เป็นผู้สัจจริง โดยไม่ต้องสงสัยในความสัจจริงของเขา ดังนั้น พวกเขาจึงยอมรับกับมัน โดยที่พวกเขาไม่รู้กับ"ฮะกีกัตความหมายของมัน" ดังนั้น พวกเขาจึงนิ่งจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้" ดู หนังสือ ซัมมฺ อัตตะวีล หน้า 25

ดังนั้นพี่น้องทั้งหลายก็พอจะสรุปได้ว่า  แนวทางการมอบหมายของอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น คือแนวทางของสะลัฟที่แท้จริง ส่วนแนวทางซุนนะวะฮาบีย์นั้นคือพวกเขามีอะกีดะที่ป็นบิดอะที่ไม่เคยพบในชนรุ่นก่อน...

หวังว่า พี่น้อง หลายๆท่านคงจะได้รับความรู้ที่ถูกต้องในสิ่งที่นักศึกษาอะกีดะที่ชนรุ่นก่อนเขาเชื่อกัน.. อิงชาอัลลอฮ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 19, 2012, 02:44 PM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ munir

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สรุปคือเราจะไม่แปลความหมายคำว่า มือ ที่มีอยู่ในกุรอาน และฮาดิษ
เพราะว่าสติปัญญาของมนุษย์นั้นต้อยต่ำมากในเรื่องนี้ ใช่ไหมครับ

ไม่แปลทั้งความหมายที่ตรงตัว และไม่แปลเป็นอย่างอื่นด้วยใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ silahulhaq

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 52
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
1. อัลอะชาอิเราะฮ์ กล่าวว่า บรรดาซีฟาตที่มุตะชาบิฮาตสำหรับเรานั้น ก็ให้ทำการมอบหมายความหมายและวิธีการ
แล้วที่บอกว่ามือของอัลลอฮฺ หมายถึงอำนาจของพระองค์มันคืออะไรครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
1. อัลอะชาอิเราะฮ์ กล่าวว่า บรรดาซีฟาตที่มุตะชาบิฮาตสำหรับเรานั้น ก็ให้ทำการมอบหมายความหมายและวิธีการ
แล้วที่บอกว่ามือของอัลลอฮฺ หมายถึงอำนาจของพระองค์มันคืออะไรครับ

ไปอ่าน เรื่อง "ค่อลัฟและสะลัฟ"  หน้าเวปหลัก ตอนที่ 1 - 2 ก่อนไม่ดีหรือครับ  แล้วค่อยมาถามเพื่อเลี่ยงประเด็น อะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ในเรื่อง "มือ"  ;D

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
สรุป ได้ว่า 

วะฮาบีย์กวนอย่างนายชิลาฮ้ลฮักนั้น ไม่ใช่ผู้เสวนาที่เหมาะสมกับเราเลย เพราะข้อมูลที่อ้างอิงและยกมานั้นก็ไม่เข้าใจเพี่ยงแต่แอบอ้าง..มาจากผู้รู้วะฮาบีย์ที่ตนนับถือเช่น อ.ริดอ....

การเป็นผู้เข้าร่วมเสวนาธนรรมนั้นคุณต้องมีหลักการในการอ้างอิงครับ ไม่ใช่ดักถามแบบวกวน.ไปมา


ดังนั้น ทางที่ดี ผมว่าลูกศิษย์อย่างคุณ น่าจะเชิญ อ.ริดอ  มาคุยกันที่เวปนี้ดีกว่าครับ..เรื่องมันจะได้จบๆไม่ใช่แอบอ้างกอ็บคำพูดของคนโน้นแล้วมาอ้างอย่างนั้นอย่างนี้..

ส่วนผู้รู้ที่ชื่อ บังหะสันผมว่า หมดสภาพความน่าเชื่อถือแล้วครับ  เพราะเมื่อโดน นักศึกษาโต้กลับ ก็หาทางกวนน้ำให้ขุ่น โดยเที่ยวด่า ว่าหรือเปรียบเทียบ คนอื่นอย่างนั้นอย่างนี้  ....การดาวะห์ของบังหะสันนั้นยังไม่ผ่านครับ..และต้องปรับปรุงมาก...



..ถ้าเป็นไปได้ผมต้องการให้ผู้ที่รู้จริงในสายวะฮาบีย์นั้นเข้ามาเสวนาแบบทางการสักทีน่าจะดี  อย่างน้อย พี่น้องหลายท่าน
ก็มีความกังขา ว่า ทำไมเราจึงเรียกพวกท่านบางกลุ่มว่า วะฮาบีย์ใช่ไหมครับ
 

ออฟไลน์ seeker

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 16
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
อ้างถึง
"จะทำการตีความ มือ(ของอัลเลาะฮ์) อยู่บน(ความหมาย)อำนาจและการให้ความโปรดปรานได้อย่างไร  ทั่งที่พร้อมกับมีสิ่งที่รายงานมาจากการยืนยันเรื่องฝ่ามือ(ของอัลเลาะฮ์) , บรรดานิ้วมือ(ของอัลเลาะฮ์) , มือขวา(ของอัลเลาะฮ์) , มือซ้าย(ของอัลเลาะฮ์) , การกำ , การแผ่(แบมือ) และอื่น ๆ จากดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ย่อมไม่เป็นอื่นใดนอกจากให้กับมือจริง ๆ"


ในสิ่งที่กล่าวมานั้น ทราบมาว่ามีหลักฐานด้วยไม่ใช่หรือครับ สมมุติว่าถ้ามีหลักฐานบอกไว้ แล้วการเชื่อตามที่อัลลอฮฺบอกหรือท่านนบีบอกโดยไม่เปรียบเทียบเพราะยึดหลักที่อัลลอฮฺบอกว่า "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์" อัลลอฮฺหรือท่านนบีบอกว่ามือก็คือมือ แต่ไม่ตีความ นิ้วก็คือนิ้วแต่ไม่ตีความ และอื่นๆก็เช่นเดียวกัน บอกมาอย่างไรแค่ไหนก็เชื่อแค่นั้นไม่ต้องจินตนาการ ว่าจะเป็นเหมือนมัคลูก แบบนี้เชื่อได้มั้ยครับ

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ในสิ่งที่กล่าวมานั้น ทราบมาว่ามีหลักฐานด้วยไม่ใช่หรือครับ สมมุติว่าถ้ามีหลักฐานบอกไว้ แล้วการเชื่อตามที่อัลลอฮฺบอกหรือท่านนบีบอกโดยไม่เปรียบเทียบเพราะยึดหลักที่อัลลอฮฺบอกว่า "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์" อัลลอฮฺหรือท่านนบีบอกว่ามือก็คือมือ แต่ไม่ตีความ นิ้วก็คือนิ้วแต่ไม่ตีความ และอื่นๆก็เช่นเดียวกัน บอกมาอย่างไรแค่ไหนก็เชื่อแค่นั้นไม่ต้องจินตนาการ ว่าจะเป็นเหมือนมัคลูก แบบนี้เชื่อได้มั้ยครับ ..


ตอบ..งงครับคุณซีกเกอร์สิ่งที่คุณพูดว่า..มือก็คือมือ   นิ้วก็คือนิ้ว  แล้วจะให้ตีความยังไงอีกละครับก็คุณเล่นบอกนามและขยายนามเรียบร้อยแล้ว   ใช่ครับ นิ้วก็คือนิ้วมันจะเป็นน้าแข้งไปไดยังไง และมือก็คือมือมันจะตีความหมายไปเป็น สากกะเบือได้ได้หรือครับ..

ปัญหามันอยู่ที่ว่า ..เมือคุณอ้างอิงตามความเข้าใจตามตัวอักษรว่าเป็นรูปธรรมนั้น  ผู้อื่นที่ไม่เข้าใจลึกซึ้งหรือคนเอาวาม ก็ต้องเข้าใจตามตัวอักษรทั้ง100เปอร์เซ็นต์และครับ..

อัลลอฮืนั้นไม่เหมือนสิ่งใดและไม่มีสิ่งใดเหมือน   แต่สิ่งที่คุณซีกเกอร์เข้าใจนั้นมันชัดเจนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์กลางวันเสียอีกว่า

อัลลออ์มีมือ..แน่นอน มีนิ้วแน่นอน ...ลองไปถามผู้อื่นซิครับว่า มือและนิ้วนั้นจะให้เขาเข้าใจอย่างไรกันแน่แล้วอย่าลืมมาบอกผมนะครับ

และลองไปทำความเข้าใจความหมายในซุเราะอัลอิคลาสบ่อยๆนะครับว่า สิ่งที่พระองค์บอกถึงคุณลักษณะนั้น มันกินกับปัญญาของคุณหรือไม่ เพราะมันจะได้ไม่ทำให้ปัญญาของคุณจนกลายเป็นปัญหาขึ้นมาอีกครับ

เมื่อเป็นเช่นนี้   อันตรายในการเผยแพร่ในสิ่งที่ตนเข้าใจนั้นมันเสี่ยงต่ออะกีดะตัวเองและผู้อื่นด้วยครับ..อิงชาอัลลออ์

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
เพราะเด็นของกระทู้นี้น่ะ มันอยูที่ว่า  วะฮาบีย์พยายามอ้างอัลเลาะฮ์ มีมือ เพราะอ้างหลักการที่ว่า  อัลเลาะฮ์จะไม่มีมือได้อย่างไร ในเมื่ออัลเลาะฮ์ มีนิ้ว มีฝ่ามือ มีมือซ้าย มีมือขวา มีการแบ มีการกำ  ดังนั้น อัลเลาะฮ์ต้องมีมือ  ซึ่งการอธิบายของวะฮาบีย์แบบนี้  ถือว่าพยายามยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมือแบบมัคโลคหรือมีลักษณะคล้ายมัคโลค  ซึ่งไม่มีสะลัฟคนใดที่พยายามอธิบายการมีมือของอัลเลาะฮ์ด้วยเหตุผลที่อันตรายอย่างนี้ 

ออฟไลน์ munir

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ผมว่าบัง นูรุ้ลอิสลาม  เข้าใจพวกเค้าไม่ถูกต้องนะครับ
เค้าไม่ได้บอกว่าอัลลอฮมีมือ

เค้าเพียงแต่ไม่แปลความหมายของคำว่า มือ ไม่ว่าจะตรงตัว หรือไม่ตรงตัวเลยก็ตาม
พูดง่ายๆ ก็คือ เค้าไม่ได้แปลคำว่ามือเป็นอะไรเลย เพราะมนุษย์จินตนาการไม่ออก
เมื่อไม่ได้แปลคำว่า มือ เป็นอะไรเลย ก็เลยไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
เมื่อไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร ก็เลยเรียกตามที่อัลลอฮเรียก เรียกตามที่ท่านนบีเรียก
ก็เลยเรียกสิ่งนั้นว่า มือ ตามที่ปรากฎอยู่ในกุรอาน และฮาดิษ

ทีนี้ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ครับ
คือ พอเค้าพูดสั้นๆว่า "มือของอัลลอฮ"<--- คนก็จะเข้าใจทันทีว่าอัลลอฮมีมือ
ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่ใช่

วัลลอฮูอะลัม

aswar

  • บุคคลทั่วไป
بسم الله الرحمن الرحيم

السلام عليكم

المشاركة الأولى إخواني الأحباء

ผมว่าบัง นูรุ้ลอิสลาม  เข้าใจพวกเค้าไม่ถูกต้องนะครับ
เค้าไม่ได้บอกว่าอัลลอฮมีมือ

เค้าเพียงแต่ไม่แปลความหมายของคำว่า มือ ไม่ว่าจะตรงตัว หรือไม่ตรงตัวเลยก็ตาม
พูดง่ายๆ ก็คือ เค้าไม่ได้แปลคำว่ามือเป็นอะไรเลย เพราะมนุษย์จินตนาการไม่ออก
เมื่อไม่ได้แปลคำว่า มือ เป็นอะไรเลย ก็เลยไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
เมื่อไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร ก็เลยเรียกตามที่อัลลอฮเรียก เรียกตามที่ท่านนบีเรียก
ก็เลยเรียกสิ่งนั้นว่า มือ ตามที่ปรากฎอยู่ในกุรอาน และฮาดิษ

ทีนี้ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ครับ
คือ พอเค้าพูดสั้นๆว่า "มือของอัลลอฮ"<--- คนก็จะเข้าใจทันทีว่าอัลลอฮมีมือ
ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่ใช่

วัลลอฮูอะลัม


ตามอะกีดะฮ์ซะละฟียะฮ์(ที่ถูกอ้าง) ไม่ใช่อย่างที่คุณมุนีรพูดหรอกนะครับ "พวกเขา"ที่คุณพูดถึงนั้นเขาบอกว่า

(เป็นบทความภาษาอาหรับโดยชมรมอัซซะละฟียูน แปลและเรียบเรียงโดย อ. อิสหาก พงษ์มณี)

"บิดอะห์ตัฟวีฏ
ตัฟวีฎ คือการยุติที่จะไม่พูดถึงความหมายของพระนามและคุณลักษณ์ของอัลเลาะห์ มีคนเข้าใจผิดคิดว่าวิธีการดังกล่าวเป็นแนวทางของซะละฟุซซอและห์ (บรรพชนที่ดีทั้งหลายในยุคต้นอิสลาม) แท้ที่จริงแล้วบรรดาบรรพชนเหล่านั้นหาได้ละเว้นความหมายของพระนามและคุณลักษณ์ของอัลเลาะห์ไม่ แต่ที่พวกเขาละเว้นก็คือการกล่าวถึงรูปแบบและวิธีการต่างหาก..........แต่คำว่าตัฟวีฎหมายถึงปฏิเสธที่จะพูดถึงทั้งวิธีการและความหมาย ซึ่งไม่ใช่แนวทางของซะละฟุซซอและห์ แต่ประการใด"


وأذكر جيدا أن ذلك كان حول صفة اليد .
فهو كالمفوضة يثبت لله يدا كما ورد ولكنه لا يقول يد الله يد حقيقية أو مجازية يقصد بها القدرة
بل يفوض تفويضا تاما .
وليس هذا هو مذهب أهل السنة بل هو مذهب المفوضة وهم شر من المتأولة لأن مذهبهم يتضمن تجهيل النبي صلى الله عليه وسلم فالصحابة كما ذكر شيخ الإسلام

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำพูดของท่านหนึ่งในกระดานเสวนาอาหรับเขาบอกว่า

"ผมยังจำได้ดีว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิฟะฮ์อัลยัด เขา(ดร.อับดุลบะเดียอ์ อ.ของ ม.อัลอัซฮัร)เหมือนพวกมุเฟาวิเฎาะฮ์ทั่วๆไป ยืนยันว่ามีอัลยัด(พระหัตถ์)อย่างที่มีระบุมา แต่ท่านไม่เคยพูดเลยว่าเป็นมือจริงๆ หรือเป็นมือที่เป็นอุปมาอุปมัยที่หมายถึง อำนาจ แต่เขามอบหมายทั้งหมดโดยสิ้นเชิง(ทั้งหมดนี่คืออะกีดะฮ์ที่คุณมุนีรพูดถึงข้างบนใช่มั้ยครับ...อ่านต่อนะ-aswar) แต่ดังกล่าวไม่ใช่มัซฮับอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ แต่เป็นมัซฮับมุเฟาวิฎอฮ์ ซึ่งแย่กว่าพวกที่ตีความเสียอีก เพราะว่ามันหมายถึงการกล่าวหาว่าท่านนบีและบรรดาศอฮาบะฮ์เป็นพวกไม่รู้(ลักษณะอัลลอฮ์)อย่างที่ชัยคุลอิสลาม(อิมาม อิบนุตัยมียะฮ์)กล่าวไว้"

เชค อัลเฟาซาน(คงรู้จักนะครับ) กล่าวว่า
"ظنوا أن مذهب السلف لا فهم فيه، وإنما هو تفويض نصوص الصفات دون فهم لمعانيها، ..................
وهذا الفهم لمذهب السلف مذهب باطل، ..........................................
 وإنما مذهبم الإيمان بهذه النصوص كما جاءت، وإثبات معانيها التي تدل عليها على حقيقتها ووضعها اللغوي، مع نفي التشبيه عنها؛ "
"พวกเขา(อะชาอิเราะฮ์)คิดไปว่ามัซฮับสลัฟไม่ทำความเข้าใจ แต่พวกท่านจะมอบหมายตัวบทที่เกี่ยวกับคุณลักษณะโดยไม่ยุ่งกับความหมาย..............ความเข้าใจแบบนี้ผิดถนัด................ทัศนะจริงๆของพวกท่าน(สลัฟ)ก็คือว่าศรัทธาต่อตัวบทดังกล่าวตามที่มีระบุมา พร้อมทั้งยืนยันความหมายของมันอย่างตรงตัว ตามนัยยะทางภาษา"

ฉะนั้นที่บอกว่า "เค้าไม่ได้แปลคำว่ามือเป็นอะไรเลย"นั้นเขาบอกอยู่ตรงนี้เลยครับว่าต้องแปลไปตามหลักภาษา "มือ" ตามนัยยะของภาษาว่าไงก็ต้องว่าไปตามนั้น เพียงแต่รูปร่างลักษณะยังไงนี่เราไม่สามารถรู้ได้

พอเข้าใจรึยังครับค่อยๆทำความเข้าใจครับไม่ยาก

วัสสลาม



 

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ผมว่าบัง นูรุ้ลอิสลาม  เข้าใจพวกเค้าไม่ถูกต้องนะครับ
เค้าไม่ได้บอกว่าอัลลอฮมีมือ

เค้าเพียงแต่ไม่แปลความหมายของคำว่า มือ ไม่ว่าจะตรงตัว หรือไม่ตรงตัวเลยก็ตาม
พูดง่ายๆ ก็คือ เค้าไม่ได้แปลคำว่ามือเป็นอะไรเลย เพราะมนุษย์จินตนาการไม่ออก
เมื่อไม่ได้แปลคำว่า มือ เป็นอะไรเลย ก็เลยไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
เมื่อไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร ก็เลยเรียกตามที่อัลลอฮเรียก เรียกตามที่ท่านนบีเรียก
ก็เลยเรียกสิ่งนั้นว่า มือ ตามที่ปรากฎอยู่ในกุรอาน และฮาดิษ

ทีนี้ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ครับ
คือ พอเค้าพูดสั้นๆว่า "มือของอัลลอฮ"<--- คนก็จะเข้าใจทันทีว่าอัลลอฮมีมือ
ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่ใช่

วัลลอฮูอะลัม


น้อง มุนีร อธิบาย  ตามหลักการของกลุ่มวะฮาบีย์  หรืออธิบายตามหลักการของตนเองครับ  คำว่า يد นั้น อัลเลาะฮ์  إثبات اللفظ (ยืนยันถ้อยคำเอาไว้)  แต่พระองค์ไม่ได้ إثبات المعنى (ยืนยันความหมายเอาไว้) แต่วะฮาบีย์ เขาพยายาม  إثبات المعنى (ยืนยันความหมาย)

กล่าวคือ หากเรากล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมี يد นั้น เพราะพระองค์ทรง  إثبات اللفظ (ยืนยันถ้อยคำเอาไว้)  ย่อมไม่มีปัญหาครับ  แต่หากเราอธิบายไปว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีมือ เนื่องจากว่าพระองค์ไม่มีมือได้อย่างไร  ในเมื่อพระองค์มีซีฟัตนิ้ว มีซีฟัตฝ่ามือ  มีซีฟัตมือขวา มีซีฟัตมือซ้าย ... ซึ่งหากอธิบายอย่างนี้  ย่อมไม่ได้  เนื่องจากว่าจะนำไปสู่  การตัชบีฮ์(การยืนยันความคล้ายคลึงระหว่างคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์และมัคโลค) เนื่องจาก มนุษย์เองก็มีมือ  โดยเราจะปฏิเสธว่ามนุษย์ไม่มีมือไม่ได้ เนื่องจากมนุษย์เอง  ก็มีฝ่ามือ  มีนิ้ว มีมือขวาและมือซ้าย  ซึ่งเราจะเอาคุณลักษณะเหล่านี้  ไปเทียบอธิบายกับซีฟัตอัลเลาะฮ์ไม่ได้  เพราะจะนำไปสู่การ ตัชบีฮ์  คือมีแง่มุมหนึ่งที่ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ไปคล้ายคลึงกับซีฟัตมนุษย์   แต่ความจริง นอกเหนือจากว่าพระองค์ไม่ทรงเหมือนกับซีฟัตมนุษย์แล้ว  พระองค์ก็ยังไม่ทรงมีซีฟัตที่คล้ายคลึงกับมนุษย์อย่างสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน

และการอธิบายคุณลักษณะมือของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์ที่บังได้กล่าวมาข้างตนของประเด็นกระทู้นี้นั้น  ย่อมไม่มีสะละฟุศศอลิหฺท่านใดได้อธิบายอย่างนั้น   วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
"บิดอะห์ตัฟวีฏ
ตัฟวีฎ คือการยุติที่จะไม่พูดถึงความหมายของพระนามและคุณลักษณ์ของอัลเลาะห์ มีคนเข้าใจผิดคิดว่าวิธีการดังกล่าวเป็นแนวทางของซะละฟุซซอและห์ (บรรพชนที่ดีทั้งหลายในยุคต้นอิสลาม) แท้ที่จริงแล้วบรรดาบรรพชนเหล่านั้นหาได้ละเว้นความหมายของพระนามและคุณลักษณ์ของอัลเลาะห์ไม่ แต่ที่พวกเขาละเว้นก็คือการกล่าวถึงรูปแบบและวิธีการต่างหาก..........แต่คำว่าตัฟวีฎหมายถึงปฏิเสธที่จะพูดถึงทั้งวิธีการและความหมาย ซึ่งไม่ใช่แนวทางของซะละฟุซซอและห์ แต่ประการใด"


وأذكر جيدا أن ذلك كان حول صفة اليد .
فهو كالمفوضة يثبت لله يدا كما ورد ولكنه لا يقول يد الله يد حقيقية أو مجازية يقصد بها القدرة
بل يفوض تفويضا تاما .
وليس هذا هو مذهب أهل السنة بل هو مذهب المفوضة وهم شر من المتأولة لأن مذهبهم يتضمن تجهيل النبي صلى الله عليه وسلم فالصحابة كما ذكر شيخ الإسلام

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำพูดของท่านหนึ่งในกระดานเสวนาอาหรับเขาบอกว่า

"ผมยังจำได้ดีว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิฟะฮ์อัลยัด เขา(ดร.อับดุลบะเดียอ์ อ.ของ ม.อัลอัซฮัร)เหมือนพวกมุเฟาวิเฎาะฮ์ทั่วๆไป ยืนยันว่ามีอัลยัด(พระหัตถ์)อย่างที่มีระบุมา แต่ท่านไม่เคยพูดเลยว่าเป็นมือจริงๆ หรือเป็นมือที่เป็นอุปมาอุปมัยที่หมายถึง อำนาจ แต่เขามอบหมายทั้งหมดโดยสิ้นเชิง(ทั้งหมดนี่คืออะกีดะฮ์ที่คุณมุนีรพูดถึงข้างบนใช่มั้ยครับ...อ่านต่อนะ-aswar) แต่ดังกล่าวไม่ใช่มัซฮับอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ แต่เป็นมัซฮับมุเฟาวิฎอฮ์ ซึ่งแย่กว่าพวกที่ตีความเสียอีก เพราะว่ามันหมายถึงการกล่าวหาว่าท่านนบีและบรรดาศอฮาบะฮ์เป็นพวกไม่รู้(ลักษณะอัลลอฮ์)อย่างที่ชัยคุลอิสลาม(อิมาม อิบนุตัยมียะฮ์)กล่าวไว้"

นั่นคือจุดเปลี่ยนครับ  และเป็นจุดที่ทำให้เป็นมัซฮับขึ้นมา  และทำให้แนวทางของท่านอิบนุตัยมียะฮ์และวะฮาบีย์ผู้น้อมรับหลักการ  กล่าวฮุกุ่มว่า  ผู้ที่มอบหมายถึง "ความหมายและรูปแบบวิธีการ" นั้น  เป็น  "การมอบหมายที่บิดอะฮ์ชั่วร้ายกว่า  กลุ่มที่ทำการตีความ(ตะวีล)  วัลอิยาซุลิลลาห์!

แต่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์และกลุ่มวะฮาบีย์ที่รับหลักการมานั้น   อ้างว่า การมอบหมาย "ในเชิงความหมาย" นั้น  คือการ กล่าวหาว่า  ท่านนบี(ซ.ล.) และบรรดาซอฮาบะฮ์  กลายเป็นผู้ที่โง่เขลา หรือไม่รู้ความหมายคำสอนในตัวบท ซึ่งจะการที่ทำให้  ไม่รู้ถึงสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานลงมา

วิจารณ์

การมอบหมาย "ความหมายในตัวบทที่กล่าวถึงซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้น"  ไม่ใช่ว่า  บรรดาซอฮาบะฮ์  จะไม่ทราบถึงความหมาย "ฮะกีกัต" (ความหมายแท้ที่คนทั่วไปเข้าใจกัน) หรือความหมายโดย "มะญาซฺ"  (ความหมายโดยอ้อม)  เพราะพวกเขาทราบดีถึงหลักภาษาเช่นนี้   แต่!  เมื่อคำ ๆ นั้น  ไปเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวพันกับ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  บรรดาซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิหฺ  จึงให้เกียรติ  ให้ความสำคัญ  และตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ในคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์  ในการที่จะไปรู้ถึงความหมาย "ฮะกีกัตในซีฟัตที่ซาตของอัลเลาะฮ์"  ไม่ใช่เข้าใจความหมาย "แบบฮะกีกัตในเชิงภาษาแล้วพาดพิงไปยังอัลเลาะฮ์" ตามที่วะฮาบีย์ยึดมั่นกันอยู่ 

ดังนั้น  เมื่อสะละฟุศศอลิหฺ  ได้ตระหนักของความยิ่งใหญ่ในฮิกีกัต(แก่นแท้)ซีฟัตของอัลเลาะฮ์  โดยที่ปัญหาของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้หรือเข้าไปถึงได้  พวกเขาจึงทำการมอบหมาย  ทั้ง "ความหมายและรูปแบบวิธีการ"  โดยสมบูรณ์   และ "การเราไม่รู้ฮะกีกัตแก่นแท้ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั่นแหละคือการรู้แล้ว" 

ดังที่ท่านอบูบักร (ร.ฏ.)กล่าวว่า

عدم الإدراك إدراك

"การไม่รู้นั้นแหละคือการรู้"

วัลลอฮุอะลัม
     
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เชค อัลเฟาซาน(คงรู้จักนะครับ) กล่าวว่า
"ظنوا أن مذهب السلف لا فهم فيه، وإنما هو تفويض نصوص الصفات دون فهم لمعانيها، ..................
وهذا الفهم لمذهب السلف مذهب باطل، ..........................................
 وإنما مذهبم الإيمان بهذه النصوص كما جاءت، وإثبات معانيها التي تدل عليها على حقيقتها ووضعها اللغوي، مع نفي التشبيه عنها؛ "
"พวกเขา(อะชาอิเราะฮ์)คิดไปว่ามัซฮับสลัฟไม่ทำความเข้าใจ แต่พวกท่านจะมอบหมายตัวบทที่เกี่ยวกับคุณลักษณะโดยไม่ยุ่งกับความหมาย..............ความเข้าใจแบบนี้ผิดถนัด................ทัศนะจริงๆของพวกท่าน(สลัฟ)ก็คือว่าศรัทธาต่อตัวบทดังกล่าวตามที่มีระบุมา พร้อมทั้งยืนยันความหมายของมันอย่างตรงตัว ตามนัยยะทางภาษา"

หากกลุ่มวะฮาบีย์  เชื่อว่า  ถ้อยคำคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์นั้น  มีความหมายเชิงภาษาแบบฮะกีกัต  หมายถึง  ใช้คำแท้ในเชิงภาษา  เราก็ขอถามว่า  เราจะทราบได้อย่างไรว่า  ถ้อยคำนั้นมีความหมายในเชิงภาษาอย่างไร?  ซึ่งย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นว่า  เราต้องหวนกลับไปดู  ความหมาย  จากปทานุกรมที่นักปราชญ์อาหรับได้อธิบายความหมายนั้นไว้ในเชิงภาษาที่พวกเขาใช้กัน

ซึ่งหากเรากลับไปดู  เราจะพบว่า  อาหรับ จะให้ความหมายฮะกีกัต(คำแท้)ของคำว่า "มือ" นั้น คือ  "อวัยวะหนึ่งของร่างกายที่มีส่วนนิ้วและฝ่ามือ"  เพราะหากอาหรับคนใดให้ความหมายอื่นจากนี้ "ถือว่าตีความ(ตะวีล)คำว่า(มือ)อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น"  แต่กลุ่มวะฮาบีย์ไม่ยอมตีความ  เมื่อเป็นเช่นนี้ 

ดังนั้น เราก็สามารถสรุปหลักความเชื่อของวะฮาบีย์ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ได้ว่า   "มือของอัลเลาะฮ์" นั้น  คือ  "คุณลักษณะอวัยวะหนึ่งของรูปร่างตัวตนของพระองค์ที่ประกอบด้วยนิ้วและฝ่ามือ แต่ไม่คล้ายกับมัคโลค" !!   ซึ่งผมขอยืนยันครับว่า  แบบนี้ไม่ใช่แนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ   วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ถึงคุณ aswar

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

ก่อนอื่น  ผมต้องขอมะอัฟด้วย  ที่ได้ทำการอ้างอิงเสวนา โดย มีชื่อคุณอยู่ด้วย  ซึ่งความจริงแล้ว  ผมต้องการวิจารณ์เนื้อหาที่คุณนำเสนอชี้แจงให้พี่น้องได้ทราบแนวทางของวะฮาบีย์เท่านั้น  ผมไม่ได้เจตนาจะวิจารณ์คุณน่ะครับ

เป็นอย่างไงบ้างครับ คงสบายดีนะครับ  ไม่ได้เจอกันนาน  แต่ผมก็ยังนึกถึงในความรู้ที่คุณนำเสนอในเวปมุสลิมไทยเสมอ  และผมก็ก๊อบเอาไว้เรียบร้อยเพื่อนำมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้งครับ  เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านต่อไป  อินชาอัลเลาะฮ์  และเรายินดีอย่างยิ่ง  ที่คุณเข้ามาร่วมเสวนาและเยี่ยมเยือนเวปไซท์ของเรา และเราหวังว่าคุณจะเข้ามาให้การนะซีฮัตตักเตือนและความรู้แก่เราพี่น้องชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อีกนะครับ   

รักษาสุขภาพครับ

อัล-อัซฮะรีย์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged