ผู้เขียน หัวข้อ: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ  (อ่าน 3442 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Asadullah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Once Dawah... Forever Dawah...
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มิ.ย. 19, 2010, 03:04 PM »
0
salam...


บทเรียนจากการรบ...โมเดลเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นแบบพิเศษ 4 จังหวัดชายแดนใต้     
Written by Administrator   
Monday, 01 March 2010 09:15

พลเอก หาญ ลีนานนท์

ได้เห็นข่าว นายถาวร  เสนเนียม  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบแก้ปัญหาภาคใต้ แถลงในเวทีหนึ่งภายใต้หัวข้อ “รัฐบาลลดกระแสต้านใต้ คืนความเป็นธรรมรื้อคดี” แล้วรู้สึกสะท้อนใจ

          นายถาวร กล่าวว่า “…สิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือปัญหาความยุติธรรมซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำ ให้นำผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีสำคัญมาตรวจสอบใหม่ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและต้องเอาผู้ที่กระทำผิดอย่างแท้จริงมาดำเนินคดี ให้ได้ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในปกครองของใคร และใครถูกใส่ร้ายก็จะให้ความเป็นธรรมด้วย.....”

          ความจริงเรื่องนี้ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดตั้งแต่เข้ารับหน้าที่และพูดต่อมาเป็นครั้งคราว ก็ไม่เห็นมีอะไร กระดุกกระดิกตอบสนองนโยบายนายกฯ ที่นายถาวรพูดอีกก็เป็นการพยายามทำนโยบาย ที่นายกฯพูดไว้ให้เป็นจริง เป็นการพูดหรือแถลงนโยบายการปฏิบัติที่จะทำต่อไปในอนาคต กลไกที่จะต้องดำเนินการระดับต่ำสุดคือ ตำรวจ ทหาร พยาน ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ของเหตุการณ์ต่างๆ ระดับเหนือขึ้นมาก็คืออัยการและศาล ซึ่งจะต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

          อย่างไรก็ดี การแถลงของนายถาวรนั้นไม่มีน้ำหนัก ไม่โดนใจคนมุสลิมผู้ถูกปกครองที่เป็น พลเมืองชั้นสองมาโดยตลอด สิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ความไม่ เสมอภาคในสังคมและกฎหมาย มุสลิมที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกละเมิดมาโดย ตลอด

          ถ้านายถาวรหรือรัฐบาล (พรรคประชาธิปัตย์) มีความจริงใจที่จะลดกระแสต้านใต้จริงๆ หยิบเอาเรื่องที่โดนใจพลเมืองมุสลิมที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาขึ้นป้ายไว้ สิครับ มีอยู่ 5–6 เรื่องซึ่งเคยเขียนลงมาแล้วแต่จำเป็นต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งคือ

          (1) หะยีสุหลง โต๊ะมีนา ผู้นำทางศาสนา บิดา นายเด่น โต๊ะมีนา ถูกจับหายตัวไปตั้งแต่ปี 2491

          (2) ทนายความมุสลิม นายสมชาย นีละไพจิตร ถูก อุ้มหายตัวไปเมื่อ 4 มีนาคม 2547 (สำหรับนายสมชายนี้มิได้เป็นคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นคนที่ทำคดีสำคัญให้กับมุสลิมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน จึงตกเป็นเป้าสังหารไปด้วย)

          (3) การตายหมู่ของมุสลิมในมัสยิดกรือเซะเมื่อ 28เมษายน 2547

          (4) การตายหมู่ของมุสลิม 78 คน กรณีจลาจลที่ตากไปและเสียชีวิตเนื่องจากไม่มีอากาศหายใจในการขนย้ายไป ปัตตานีที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เมื่อ 25 ตุลาคม 2547

          (5) กรณีอิหม่ามยะผา กาเซ็ง ถูกฆ่าตายระหว่างถูกคุมตัวของทหาร ระหว่างสอบสวนที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อ 20 มีนาคม 2551

          (6) การตายหมู่ของมุสลิม 10 คน ในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย  ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อ 8 มิถุนายน 2552

          ทั้ง 6 เรื่องที่คัดมานี้คือทุกข์แสนสาหัสของพี่น้องพลเมืองมุสลิมที่เป็นญาติของ ผู้เสียชีวิต พวกเขารู้ว่าใครหรือผู้ถืออาวุธกลุ่มไหนสีอะไรที่เป็น ฆาตกร แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะเปิดเผยกับใครเมื่อใด

          ถ้านายถาวร หรือนายกอภิสิทธิ์ มีความจริงใจหยิบมาสักเรื่อง รับรองว่าโดนใจมุสลิมแน่ๆ ขอแนะนำเรื่องที่ง่ายที่สุด คือเรื่องสุดท้ายของการฆ่าหมู่ในบ้านของพระเจ้า มัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย เพราะเพิ่งจะเกิดเมื่อ 6–7 เดือนที่แล้ว และจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว หากรีบรุกดำเนินการโดยด่วนจะได้ตัว กลุ่มฆาตกรแน่นอน เลือกตั้งครั้งหน้าประชาธิปัตย์มาแน่นอน กระแสต้านใต้จะ หายไป เสียดายเวลา 1 ปีที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคของคนใต้ แต่แก้ปัญหาใต้แบบ “โน้ง เหน่งโน้งแกระ” ไปวันๆ ไม่มีใครรู้จริง เอาจริง

          ทั้งนี้เพราะไม่รู้ว่าแกนของปัญหาที่แท้จริงนั้นคืออะไร อยู่ที่ไหน และจะแก้ปัญหาอย่างไร

          ไม่ว่าข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ และทหาร (กองทัพ) ต่างก็ท่องพระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัว “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ที่พระราชทานให้ แล้วก็ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง ถ้าเป็นโจทย์ถามว่า “เข้าใจอะไร” ก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าแก่นของปัญหาที่แท้จริงคืออะไร

          แก่นแกนของปัญหาที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นคือ ประวัติ ศาสตร์ ชาติพันธุ์ ประเพณี ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่ สำคัญของพลเมืองที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นมุสลิม (คนที่นับถือศาสนาอิสลาม) กลไกของรัฐที่เป็นชนชั้นปกครองจำเป็นต้องเข้าใจ ถึงแก่นของปัญหานี้อย่างแท้จริง จึงจะทำให้การเมืองและการปกครองที่สาม จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปอย่างสงบราบรื่น เพราะการเมืองคือความสัมพันธ์ ระหว่างชนชั้น นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองคือข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และชนชั้นผู้ถูกปกครองคือพลเมือง

          ประชากรที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นส่วนใหญ่เป็นคนมุสลิม  75–95 เปอร์เซ็นต์

          ปรัชญาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน ดังนั้นเมื่อเราขึ้นไปบนอำเภอ ศาลากลาง โรงพัก (สถานีตำรวจภูธร)  ตามจังหวัดต่างๆ หรือเมื่อขึ้นไปที่สำนักงานราชการของจังหวัดต่างๆ ในส่วนภูมิภาค ก็น่าจะพบเห็นคนมุสลิมที่สวมกะปิเยาะห์ (หมวกขาวของผู้ชาย) หรือสวมฮีญาบ (ผ้าคลุมศีรษะของสตรี) เป็นหลักในการทำหน้าที่รับใช้ประชาชน พลเมืองมุสลิมของเขา

          เราเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2475  ถ้าแม้นว่าชนชั้นปกครองทั้งนักการเมืองและนักการทหารได้มีจิตสำนึกและยึด มั่นในปรัชญาประชาธิปไตยเป็นพื้นฐานในการปกครองและบริหารประเทศ จนถึงบัดนี้ นับได้เกือบ 80 ปีแล้ว ก็คงจะมีคนมุสลิมทั้งเพศหญิงและเพศชายเข้ามารับราชการในส่วนราชการ ต่างๆ ในส่วนภูมิภาคที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้นตามเปอร์เซ็นต์ของพลเมือง มุสลิม

          และถ้านักการเมืองและรัฐบาลเข้าใจถึงแก่นแกนของปัญหาที่กล่าวข้างต้นอย่าง แท้จริง ยอมให้มีการแก้พระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ให้ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล  โดย อบจ. (องค์การบริหารส่วนจังหวัด) ของทั้ง 4 จังหวัด เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของรัฐบาลไทย เช่นเดียวกับ กทม. (กรุงเทพมหานคร) เมืองพัทยา และ อบจ. 75 แห่งทั่วประเทศ ถ้าเป็นแบบนี้พลเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิมในสี่จังหวัดชาย แดนภาคใต้ก็จะได้ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นคนมุสลิมที่มาจากการเลือกตั้ง โดยมือของพลเมืองมุสลิม สอดคล้องกับปรัชญาประชาธิปไตยที่ว่าการปกครองเป็น ของประชาชน

          เมื่อดูความจริงที่ปรากฏในการปกครองท้องถิ่นระดับล่างที่มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงของประชาชนทั้งสามจังหวัด (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ก็จะพบว่าองค์กรปกครองท้องถิ่นคือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ของทั้ง 3 จังหวัดนั้นเป็นคนมุสลิมเสียเป็นส่วนใหญ่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นในส่วนของปลัด อบต.จะเป็นการแต่งตั้งโดยทางราชการ (กระทรวงมหาดไทย) จึงมีทั้งคนพุทธและมุสลิม ด้วยเกรงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ (เริ่มเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น พ.ศ.2545) การบริหารราชการตามระบอบใหม่จะสับสน จึงจำเป็นต้องให้ปลัด อบต. มาจากการแต่งตั้ง บัดนี้ล่วงเลยมา 8 ปีแล้ว น่าจะต้องมีการทบทวนเรื่องนี้ พี่น้องมุสลิมที่ได้รับการศึกษาระดับ สูงก็คงมีมากพอที่จะลงรับเลือกตั้งเป็นปลัดองค์กรปกครองท้องถิ่นได้ เพื่อเป็นตัวแทนพลเมืองมุสลิมในการปกครองตนเอง

          ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือจะเป็นสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในโอกาสต่อไปก็คือเรื่อง“การ เมือง” ถ้าเข้าใจ“การเมือง”อย่างถูกต้อง ก็จะเข้าถึงปัญหา จะได้ใจของพี่น้องมุสลิม ไม่ต้องเสียงบประมาณเป็นแสนๆ ล้าน และไม่ต้องเสียชีวิตของประชาชนพลเมืองทั้งพุทธมุสลิม ข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัครต่างๆ เช่นปัจจุบัน การพัฒนาจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากมายเช่นทุกวันนี้ ไม่มีการรั่วไหลเพราะเนื้องานไปถึงมือประชาชนเต็มเม็ดเงิน

          ข้อสังเกตการแก้พระราชบัญญัติเลือกตั้งให้สี่จังหวัดชายแดนภาค ใต้ คือ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของรัฐเช่นเดียวกับ กทม. และเมืองพัทยา ก็จะทำ ให้พลเมืองของทั้งสี่จังหวัดซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนั้นจะได้ผู้ปกครองคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ณ ระดับจังหวัด และอำเภอตามลำดับเป็นคนมุสลิมเพื่อปกครองมุสลิมตามที่เขาเรียก ร้องมาหลายทศวรรษแล้ว เป็นการแก้ที่ไม่กระทบกระเทือนกับการแบ่งส่วนราชการของรัฐบาล ดีกว่าไปคิดรูปแบบขึ้นมาใหม่ เช่น มีผู้เสนอเรื่อง “นครปัตตานี” ซึ่งยากที่จะเป็นไปได้

          เมื่อปรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มุสลิมปกครองตนเองได้สำเร็จ จะต้องปรับการบรรจุให้มีคนมุสลิมเข้ามาทำหน้าที่ต่างๆ ทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะสายงานที่สำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังเพื่อรับ ใช้มุสลิมด้วยกัน เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่จะรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม ความเสมอภาค กันทางกฎหมาย ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน

          6 ปัญหาทางการเมืองที่ค้างคาใจพลเมืองมุสลิมที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้ ยกมากล่าวไว้ในบทเรียนนี้ ผมได้เคยเสนอวิธีการแก้ปัญหาไว้แล้ว สรุปความว่าการแก้ปัญหาทางการเมืองนั้น รัฐบาลต้องรุกทางการเมืองต่อปัญหา ทั้ง 6 เรื่อง และควรหยิบปัญหาการฆ่าหมู่มุสลิม 10 คนในมัสยิดอัลฟุรกอนมาดำเนินการก่อน

          นี่คือการรุกทางการเมือง เป็นการปฏิบัติทางการเมืองที่ได้ผลเพราะเข้าใจถึง แก่นแกนของปัญหา แม้จะสำเร็จอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า มุสลิมก็จะพอใจและระลึกได้ว่าสิ่งที่พลเมืองมุสลิมต่อสู้มายาว นานนั้นเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว และต้องรุกทุกวันโดยต่อ เนื่อง หยุดมิได้ ทำนองเดียวกับปัญหาอื่นๆ อีก 5 ปัญหาที่เหลืออยู่ก็ต้องสะสาง ตั้งระบบขึ้นบังคับให้รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องทำ ต่อ มิใช่พอสิ้นรัฐบาลอภิสิทธิ์แล้วก็เลิกกัน ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ เริ่มกันใหม่

          แน่นอนบางเรื่องอาจจะต้องจบด้วยการเยียวยาระยะยาวต่อญาติพี่น้องของมุสลิม ผู้เสียชีวิต เพราะความคิดที่ผิดๆ ของกำลังที่ถืออาวุธ“สายเหยี่ยว” ก็อาจจะต้องทำใจด้วยกาลเวลาและด้วยการตอบแทนของรัฐบาลที่คุ้มค่าแก่ญาติพี่ น้องที่อยู่ข้างหลัง เพราะชีวิตนั้นซื้อไม่ได้ ความสมานฉันท์จะได้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน

          ส่วนราชการอื่น ๆ ของรัฐบาลทุกสายงาน บรรดาเจ้ากระทรวงต่างๆ ก็ต้องถือเป็นนโยบายหลักที่จะต้องปรับการบรรจุกำลังพลทุกสายงานให้มีคน มุสลิมเข้ามาเป็นข้าราชการในสัดส่วนที่เหมาะสมกับจำนวนพลเมืองมุสลิมที่ถูก ปกครองกับทางราชการที่เป็นฝ่ายปกครอง

          ประเด็นสำคัญคือศูนย์อำนาจของส่วนราชการต่างๆ ของบรรดาเจ้ากระทรวงทั้งหลายนั้นอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น เช่น อธิบดี กรมป่าไม้ ที่ดิน อุตสาหกรรม เกษตร ประมง สิ่งแวดล้อม ยุติธรรม ฯลฯ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากปัญหาจริง ยากที่จะแก้ไขปัญหาได้ เมื่อแก้ระดับการปกครองท้องถิ่นให้พลเมืองรู้จัก ปกครองตนเองแล้ว ก็จะต้องแก้การกระจายอำนาจในการอนุมัติเรื่องต่างๆ ทุกสายงานที่กล่าวเป็นตัวอย่างข้างต้นนั้นด้วย  ตัวแทนของบรรดาท่านอธิบดีทุกสายงานของกระทรวงต่างๆ ต้องเป็นองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด ซึ่งมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งทั้งหมดมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

          จึงถึงเวลาแล้ว ...ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้พลเมืองมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้มีสิทธิเสรีภาพในการปกครองตนเองด้วยการยกฐานะของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล)  และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี) เป็นเขตปกครองท้องถิ่นพิเศษ เช่นเดียวกับ กทม. และเมืองพัทยา แต่เพิ่มเติมด้วยข้อความในวรรคที่พูดถึงศูนย์อำนาจที่กุมไว้ ที่ส่วนกลาง (ระดับอธิบดี) ต้องกระจายลงไปให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้ถืออำนาจแทน

          ทุกคนทุกฝ่ายที่รับผิดชอบมักพูดจนคุ้นหูว่า ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องใช้เวลา แต่นั่นคือคำตอบของผู้ที่ไม่รู้ ปัญหาและวิธีแก้ปัญหา!

 
กาย ใจ ชีวิต ลมหายใจและสายเลือด มอบเป็นอิสลามพลี.............Tidak Ada Ketarikan Hati Yang Harum Lebih Daripada Dibunuh Di Jalan Allah Azzawajalla...............

ออฟไลน์ Asadullah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Once Dawah... Forever Dawah...
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มิ.ย. 19, 2010, 03:04 PM »
0
salam...



บทเรียนจากการรบ...ไม่รู้เขา–ไม่รู้เรา–ไฟใต้จึงไม่ดับ      PDF      Print      E-mail
Written by Administrator   
Sunday, 10 January 2010 11:13

พล.อ.หาญ ลีนานนท์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา

ขึ้นปีงบประมาณใหม่ (2553) มาได้ 3 เดือนเศษๆ แล้ว ผมได้พูดเป็นเชิงให้กำลังของรัฐบาล คือ พลเรือน ตำรวจ และทหาร (พตท.) ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคงในการปราบปรามการก่อการร้ายที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (3 จชต.) ในบทเรียนจากการรบตอนที่แล้วว่า การปราบโจรก่อการร้ายนั้นถึงเวลาที่จะต้องทบทวน จะทำไปอย่างเก่าๆ ซ้ำๆ ซากๆ ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง

          เพราะ 6 ปีเศษแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ที่ 3 จชต.มีแต่การตาย บาดเจ็บ พิการ ของกำลังในสายงาน กอ.รมน.ภาค 4 สน.ที่เพิ่มขึ้น มีการใช้งบประมาณเพื่อการปราบปรามเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งงบประมาณนี้ก็มาจากภาษีหรือหยาดเหงื่อของคนไทยทั้งชาติ เป็นการลงทุนที่แลกกับการตาย บาดเจ็บของพลเมืองทั้งพุทธและมุสลิม และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมในขบวนการปราบโจรก่อการร้าย แต่ไม่มีผลงานที่พลเมืองมุสลิมต้องการ

          รัฐบาลจะลงทุนไปพัฒนาพื้นที่กี่หมื่นที่แสนล้าน พลเมืองมุสลิมเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้รับอะไร พลเมืองมุสลิมต้องการความยุติธรรม ความเสมอภาคในกฎหมาย และโอกาสในการปกครองประเทศ มุสลิมต้องอยู่ในสังคมที่ทัดเทียมกับไทยพุทธ มิใช่เป็นพลเมืองชั้นสอง

          งบประมาณเป็นแสนๆ ล้านลงมาเพื่อพัฒนานั้น เคยถามพลเมืองมุสลิมหรือเปล่าว่าเขาต้องการหรือไม่ ยุทธศาสตร์การก่อการร้ายแนวใหม่ที่เรียกว่า "นี-โอเทอร์เรอริสซึ่ม" มีหลายข้อ มีอยู่ข้อหนึ่งคือการบ่อนทำลายเศรษฐกิจของรัฐบาล โจรฯจึงพูดว่า “เพราะ การก่อการร้ายของเรา จึงทำให้รัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณก้อนโตลงมา.......” แต่ก็ไม่มีรหัสใดๆ ให้ความหวังว่าจะแก้ปัญหาไฟใต้ได้

          คนใต้เขาเปรียบเทียบว่างบประมาณของรัฐบาลพอแจกไปก็เหมือนน้ำแข็งหลอดที่ถูก ดูดเรื่อยไปทุกครั้งเมื่อผ่านมือผู้ควบคุมโครงการ คนสุดท้ายคือชาวบ้านที่ได้รับโครงการเหลือแต่ไม้ ดูดแล้วมีรสหวานนิดๆ

          พลเมืองมุสลิมใน 3 จชต.จึงมิได้มีความสำนึกในคุณค่าของงบประมาณก้อนใหญ่ตามที่นักการเมืองหรือ ผู้รับผิดชอบความมั่นคงทางการทหารได้พร่ำบอกแก่ชาวบ้านหรือพลเมืองมุสลิมให้ เห็นความหวังดีและห่วงใยของชนชั้นปกครองที่มีต่อพลเมืองมุสลิมผู้ถูกปกครอง ซึ่งเขาก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ได้รับอะไรตราบใดที่เขายังเป็นพลเมืองประเภทสอง ซึ่งในบทเรียนจากการรบตอนที่แล้วได้สรุปไว้อย่างชัดเจน และทิ้งท้ายไว้ตอนจบว่า การรุกทางการเมืองซึ่งเป็นการปฏิบัติหลักในทางการเมืองของรัฐบาลจะสำเร็จ เร็วหรือช้าหรือไม่สำเร็จเลย ย่อมขึ้นอยู่กับการปฏิบัติการทางการทหารของรัฐบาล ซึ่งจะได้เริ่มนำเสนอในบทเรียนนี้

          การปฏิบัติการทางทหารมิได้หมายความถึงแต่เฉพาะทหารที่สวมเครื่องแบบเท่านั้น แต่หมายรวมถึงพลเรือนที่ถืออาวุธทำหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง เช่น อาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครทหารพราน (ทพ.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ของตำรวจ ตำรวจภูธรท้องถิ่น ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) หรืออาจมีการจัดในรูปแบบอื่นๆ ที่เข้ามาทำหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันหรือปราบปรามการก่อการร้ายในสายงาน ของ กอ.รมน.

          เท่าที่ได้ติดตามการปฏิบัติการทางทหารของรัฐบาลตั้งแต่เกิดเหตุร้ายขึ้น ตั้งแต่ 4 มกราคม 2547 จนถึงบัดนี้ ได้เห็นจุดอ่อนหรือข้อด้อยของการปฏิบัติการของฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่ เรียกว่าพลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ พตท.ในสายงานของ กอ.รมน.ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคงภายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอสรุปได้เรื่องใหญ่ๆ ดังนี้

          ประสิทธิภาพของกำลัง พลของฝ่ายเราที่ต่อสู้กับโจรก่อการร้าย

          ฝ่ายโจรฯตามที่ติดตามข่าวมีกำลังติดอาวุธเรียกว่า "อา ร์เคเค" และ "คอมมานโด" มีตัวเลขประมาณ 6,000–8,000 คน ส่วนฝ่ายเราในสายงาน กอ.รมน. มีกำลังประมาณ 10 เท่าของโจรฯ

          - เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการรบ

          โจรฯอาร์เคเคเป็นคนพื้นที่ ฝึก 1 เดือน ถ้าเป็นหน่วยคอมมานโดต้องเพิ่มอีก 1 เดือน ก็สามารถรับมือกับกำลังฝ่ายเราได้ ส่วนกำลังทหารของรัฐบาลที่เป็นแกนหลักของ พตท. มาจากทุกกองทัพภาคทั่วประเทศ ผลัดเปลี่ยนกำลังทุกปี และระหว่างปฏิบัติงาน 60 วัน ได้พัก 15 วัน แบบเดียวกับทหารอเมริกัน–ไทย ไปในสมรภูมิเกาหลีได้พักอาร์แอนอาร์ 15 วัน แต่ต้องทำงานในในสนามถึงครึ่งปีจึงจะได้พัก กองทัพบกไทยคงเห็นว่าทหารจาก ทภ. (กองทัพภาค) ต่างๆ เครียดจัดจึงให้พักเร็วขึ้น

          ข้อสังเกตก็คือทหารต่างถิ่นนั้นผลัดเปลี่ยนกำลังทุกปี แต่โจรฯอาร์เคเคไม่เคยเปลี่ยน ย่อมมีความชำนาญภูมิประเทศและการรบมากขึ้น อีกทั้งเป็นคนพื้นที่ ฝ่ายเรานั้นเมื่อผลัดเปลี่ยนกำลังก็ต้องศึกษากันใหม่ทั้งภูมิประเทศและศัตรู

          การฝึกโจรฯผลิตทหารอาร์เคเคฝึกเพียงเดือนเดียว มาสู้รบกับกำลังทหารของเราซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปีจึงจะทำการรบได้สมบูรณ์แบบ ข้อได้เปรียบของโจรฯอาร์เคเค คือ การฝึกยิงของโจรฯนั้นใช้กระสุนจริง ใช้เป้ามีชีวิตเคลื่อนที่ของ พตท. ส่วนกำลัง พตท.นั้นฝึกยิงใช้เป้ากระดาษและเป็นเป้านิ่ง โจรฯจึงมีประสบการณ์ในการยิงที่ได้ผลมากกว่า

          โจรฯ ฝึกอาร์เคเคให้ "คิดเป็น–ใช้เป็น" ทำให้ทหารอาร์เคเคเพียง 6,000 คน สามารถหยุดการปฏิบัติของกำลัง พตท. ซึ่งมีมากกว่าถึง 10 เท่าให้หยุดนิ่ง ไม่มีผลงานที่เด่นชัดเมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายโจรฯ ซึ่งทำให้ฝ่ายรัฐบาลต้องสูญเสียชีวิตทั้งชาวบ้าน พลเรือน ตำรวจ ทหาร ร่วม 4,000 คนแล้ว บาดเจ็บอีกมากมาย รวมถึงทรัพย์สินทั้งทางราชการและของประชาชนชาวบ้านซึ่งไม่สามารถคิดเป็นเงิน ออกมาได้

          "คิดเป็น–ใช้เป็น" ของโจรฯ หมายถึง เมื่อติดอาวุธทางความคิดให้แล้วไปทำความสูญเสียให้เกิดแก่ฝ่ายรัฐบาลโดยไม่ ต้องรอฟังคำสั่ง ไปเริ่มเอง แต่ฝ่ายเรานั้นเมื่อเกิดเหตุต้องรายงาน รอฟังคำสั่ง (คิดเองไม่เป็น)

          - เอกภาพในการบังคับบัญชา

          พื้นที่เป้าหมายสำคัญที่เป็นพื้นที่แดงใน 3 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1, 2, 3 เข้ามารับผิดชอบจัดตั้งเป็นหน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนกำลังทหารของกองทัพภาคที่ 4 และกำลังทหารนาวิกโยธิน (พัน.น.ย. มีที่ตั้งอยู่ที่ จ.นราธิวาส) จัดกำลังเข้าเสริมหน่วยเฉพาะกิจเหล่านี้

          ข้อสังเกตประการแรกที่ฝ่ายการทหารทุกคนจะ ต้องไม่มองข้ามคือ กำลังทหารที่มาจากภาคอื่นของประเทศนั้นเป็นทหารต่างถิ่น ไม่คุ้ยเคยกับภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญและเป็นแก่นของปัญหาที่ 3 จชต. เมื่อครบ 1 ปีก็ผลัดเปลี่ยนกำลัง จึงเป็นจุดอ่อนที่สำคัญทางทหารของกำลัง พตท.

          ข้อสังเกตประการที่สอง คือ กำลังทหารของ ทภ.4 ต้องจัดกำลังไปเสริม ฉก.ต่างๆ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ย่อมรู้พื้นที่ รู้ปัญหาถึงรากหญ้า มทภ.4 (แม่ทัพภาคที่ 4) ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลักและรับผิดชอบโดยตรง มิใช่กองทัพบก ถ้า มทภ.4 ทำล้มเหลวก็ต้องย้าย มทภ.4 เสียทันที ดังเช่นที่อดีต มทภ.4 เคยถูกย้ายมาแล้ว 2–3 คนในปีเดียว แต่ละคนอยู่ได้เพียง 5–8 เดือน เพราะทำงานไม่เข้าตานายกฯ ในการปราบโจรฯก่อนการปฏิวัติ 2549

          แม่ทัพภาคนั้นสามารถคุมกำลังได้ 3–6 กองพล ถ้ากำลังโจรก่อการร้ายมีมากเกินกำลังที่จะรับได้ มทภ.4 ก็สามารถขอกำลังเพิ่มเติมไปยังกองทัพบกได้ กำลังที่ ทบ. ส่งมาก็ต้องมาขึ้นบังคับบัญชาหรือขึ้นควบคุมทางยุทธการกับ ทภ.4 ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทบ.ส่งกำลัง มาให้ ทภ.4 จากกองทัพภาคต่าง ๆ ทภ.ละ 4 พัน.ร. แต่ส่ง รอง มทภ. (ยศ พล.ต.) จาก ทภ.ต่างๆ มาคุมกำลังของตน แม้จะสั่งการมาว่าให้ขึ้นบังคับบัญชากับ มทภ.4 แต่ รอง มทภ.ที่คุมกำลังของตนนั้นก็ต้องฟังจาก ผบ.ทบ. เพราะมอนิเตอร์อยู่ (เฝ้าฟัง) ตลอดเวลา

          มทภ.4 พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร เป็นแม่ทัพอยู่จึงไม่สามารถริเริ่มงานยุทธการและงานการรุกทางการเมืองใดๆ ให้เป็นฝ่ายรุกได้ พล.ท.พิเชษฐ์ฯ จึงทำได้แค่เพียงยุทธศาสตร์พอเพียงในหมู่บ้าน "เหลือง–เขียว" เป็นการป้องกันมิให้หมู่บ้านเหล่านี้กลายเป็นแดง จึงยากที่จะมองเห็นความสำเร็จตราบใดที่ยังมีโจรฯ คุมหมู่บ้านแดงอยู่ อิทธิพลโจรฯทำให้พื้นที่การปกครองของฝ่ายปกครองแคบลง เล็กลงทุกวัน จึงจำเป็นต้องยุติสงครามก่อการร้ายนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จะปล่อยให้คนที่รับผิดชอบทั้งนักการเมืองและนักการทหารระดับบนที่มักจะพูด ว่า “ต้องใช้เวลา” ในการแก้ปัญหา 3 จชต.นั้น พูดออกมาเพราะยังไม่เข้าใจ ไม่รู้เขาและไม่รู้เรา

          นอกจากนี้การใช้รองแม่ทัพจาก ทภ.ต่างๆ ลงมาคุมกำลังใน ทภ.ของตน ทำให้ มทภ.4 รู้สึกอึดอัดในการที่จะส่งกำสัง เรียกประชุมสั่งการไปยัง พัน.ร.ต่างๆ ที่มาขึ้นบังคับบัญชา เป็น “ทำนบ การบังคับบัญชา” ที่มองไม่เห็น การสื่อความคิดในทางยุทธการและการเมืองจากแม่ทัพลงไปถึง พัน.ร.ต่างๆ จึงไม่เป็นเอกภาพ ทำให้การปราบโจรฯ ตกอยู่ในความยืดเยื้อตามที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การพูดว่าปัญหาภาคใต้สลับซับซ้อน มีปัญหา ต้องใช้เวลา ใช่ต้องใช้เวลา เพราะเราไม่เข้าใจปัญหาและไม่เข้าใจตัวเราเอง นี่คือโจทย์อันยิ่งใหญ่ของเรา

          ข้อสังเกตประการที่สาม กำลังทหารจาก ทภ.1, 2, 3 นั้นจัดมากองทัพละ 4 กองพัน (4 พัน.ร.) ควรใช้นายทหารระดับผู้บังคับการกรม (ผบ.กรม.ร.) เท่านั้นลงมาคุมกำลังใน ทภ.นั้นๆ แต่ต้องให้มาขึ้นบังคับบัญชากับ มทภ.4 น่าจะเป็นการเหมาะสมกว่า เป็นการฝึกให้ ผบ.กรม ให้ทำงานที่ยากและกว้างขึ้น ดีกว่าลดฐานะของรองแม่ทัพลงมาคุมงานในกรอบของ ผบ.กรม

          ข้อสังเกตประการที่สี่ การจัดกำลังเข้าทำการสู้รบกับโจรฯ ตามที่ ทบ.ควบคุมอยู่นี้ เป็นการจัดกำลังทำการรบที่แปลกที่สุด คือ เป็นการแข่งทำการรบในสมรภูมิที่มีลักษณะพิเศษ (ดังที่กล่าวไว้ในข้อสังเกตประการที่หนึ่ง) ระหว่าง ทภ.1, 2, 3 ซึ่งเป็นกำลังต่างพื้นที่ (ทหารต่างถิ่น) ส่วนกำลังทหาร ทภ.4 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่นั้นจัดกำลังเข้าเสริม

          การผลัดเปลี่ยนกำลังของทหารต่างถิ่นทุกปี มีข้อเสียคือ กำลังพลทุกชั้นยศขาดการรับรู้สถานการณ์และการข่าวที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ต้องมาศึกษากันใหม่เกี่ยวกับโจรฯ ขีดความสามารถและยุทธวิธีของโจรฯ ภูมิประเทศสำคัญ แนวร่วมโจรฯ และพลเมืองมุสลิมในพื้นที่รับผิดชอบซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะในสงคราม นี้ ปัจจัยบังคับเหล่านี้ต้องมาเรียน หรือเริ่มต้นกันใหม่หมด

          สำหรับกำลังพลทหารต่างถิ่น ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องเสียเวลาไปแล้วในการปรับตัวให้รับรู้สถานการณ์ 2–3 เดือน จึงจะมีความเชื่อมั่นในการออกปฏิบัติการทางทหารได้ จึงเป็นข้อด้อยที่สำคัญของกำลังทหารของฝ่ายเราเมื่อต้องเผชิญกับทหารอาร์เค เคที่แข็งแกร่ง คร่ำหวอดในการรบอย่างต่อเนื่อง และเป็นเจ้าของบ้านครองภูมิประเทศสำคัญทุกซอกมุม จึงทำให้การปฏิบัติการทางการทหารของกำลัง พตท. ต้องตกเป็นฝ่ายรับมาโดยตลอด มีแต่สูญเสียเป็นประจำ

          ข้อสังเกตประการที่ห้า การจัดการบังคับบัญชาหน่วยเข้าทำการสับประยุทธ์กับกำลังทหารอาร์เคเคและ หน่วยคอมมานโดของขบวนการโจรก่อการร้ายบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนทที่ 3 จชต.ของฝ่ายเรานั้นมีขั้นตอนมากมาย หัวโตอุ้ยอ้าย เช่นที่ระดับ กอ.รมน.ภาค 4 ทุกตำแหน่งของการบังคับบัญชามีรองถึง 3–4 คน มีเสนาธิการ ซึ่งต้องมี รอง เสธ.อีก 3 มีหัวหน้าสำนักงาน ฯลฯ

          ครั้นลงมาถึงหน่วยที่คุมกำลังทำการต่อสู้กับขบวนการโจรก่อการร้ายทั้งทางการ เมืองและทางการทหาร คือ กองบัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ตัว ผบ.พตท. มียศพลโท เท่ากับแม่ทัพภาคที่ 4 เนื่องจากยศ พล.ท. ใน ทภ.4 มีคนเดียว คือ มทภ.4 ความจริงแล้ว มทภ.4 ต้องเป็น ผบ.พตท.

          ได้พูดไว้ในตอนต้นแล้วว่า มทภ.4 นั้นมีขีดความสามารถควบคุมกำลังรบได้ถึง 6 กองพล ปัจจุบันนี้กำลังใน ทภ.4 มีเพียง 2 กองพลเท่านั้น การตั้ง ผบ.พตท. (ยศ พล.ท.) มานั่งคุมกำลังที่ทำการต่อสู้กับโจรฯ ทำให้ ทภ.4 ต้องขอยืมตัวนายทหารยศ พล.ท. มาจากกองทัพบก ตั้งกองบังคับการกำลัง พตท. ขึ้นอีก เป็นทำนบงานรองลงไปจาก บก.ทภ.4 ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดๆ เลย

          สมัย ทภ.4 ปราบคอมมิวนิสต์ พื้นที่แดงมีทั้ง 14 จังหวัด โจรดาวแดงจัดตั้งฐานที่มั่นได้แต่ละจังหวัด 1–2 ฐานที่มั่นเป็นอย่างน้อย ฐานที่มั่นหมายถึง คอมฯ มีกฎหมายปกครอง, มีตำรวจ ทหารของตน แม้จะนอกกฎหมายแต่ชาวบ้านก็ต้องยอมเชื่อฟัง แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ยังทำ “ใต้ ร่มเย็น” ได้สำเร็จ

          ปัจจุบันนี้สถานการณ์ที่ 3 จชต.นี้มีพื้นที่แดงเพียง 10 –12 อำเภอเท่านั้น ถามว่าทำไมต้องมี บก.พตท.แยกตัวไปจาก ทภ.4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ซึ่งความจริงแล้ว ผอ.รมน.ภาค 4 สน. ต้องเป็น ผบ.พตท.ด้วย

          ข้อสังเกตประการที่หก กำลังพลใน ทภ.4 ตั้งแต่พลทหาร นายทหารประทวนจนถึงสัญญาบัตร ขวัญตก เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่แต่ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการปราบโจรฯ ผมเคยสัมผัสกับนายทหารระดับ พ.อ., พ.อ.พิเศษหลายคน เขารู้จักป่า ภูเขา ลำธาร แม่น้ำ เนินหรือบรรดาภูมิประเทศสำคัญทางทหาร รู้หมู่บ้าน ตำบลที่เป็นแดงเมื่อ ฮ.บินผ่าน ปัญหาที่ถามก็คือ ทหารต่างถิ่นทั้งประทวนและสัญญาบัตรต่าง ๆ จะรู้ได้อย่างไรเมื่อมาอยู่ใหม่เพราะมีการผลัดเปลี่ยนทุกปี การจัดกำลังเข้าทำการรบของ ทบ. ในลักษณะนี้คือเอาทหารต่างถิ่นมาคุมพื้นที่วิกฤติในการปราบโจรฯ เป็นมาตั้งแต่ปี 2549

          ผลที่ได้ก็คือไม่ได้ผล นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังผลาญชีวิตของข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ และทหาร และพลเมืองพุทธ/มุสลิมอีกเกือบสี่พันชีวิต บาดเจ็บ พิการอีกต่างหาก และเมื่อพิจารณาถึงงบประมาณของชาติที่ต้องสูญเสียไปแต่ละปีจนบัดนี้รวม 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2552) ใช้งบประมาณไปแล้วทั้งสิ้น 109,396 ล้านบาท นี่คือประเด็นสำคัญยิ่งที่ต้องทบทวนอย่างแรง

          คิดใหม่ทำใหม่ด้านการทหารเพื่อดับไฟใต้ในบทเรียนจากการรบบทนี้เป็นแค่เพียง ปฐมเหตุแห่งปัญหาที่ทำให้วิกฤติไฟใต้ยังไม่มอดดับ...

          ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ยาวนานเพราะเราไม่ยอมรับรู้ปัญหา!
กาย ใจ ชีวิต ลมหายใจและสายเลือด มอบเป็นอิสลามพลี.............Tidak Ada Ketarikan Hati Yang Harum Lebih Daripada Dibunuh Di Jalan Allah Azzawajalla...............

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มิ.ย. 19, 2010, 03:36 PM »
0
เพื่อนซีแยที่มาเรียนด้วยกันบอกว่า ปลาวาฬกับหมูหัน โคกันทำเรื่องทั้งหมด
เพื่อนบอกมาน่ะ เขาไม่ใช่แดงและไม่ใช่ซ้าย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มิ.ย. 19, 2010, 05:47 PM »
0
[size=13"อัลลอฮ  พวกคุณนี่ พูดไม่รู้เรื่องรึไง ว่าอย่าคุยเรื่อง3จวชต.
ไอ้พวกที่พูดนะมันงี่เง่า มันไม่สำนึกในอิสลาม มันเป็นอันธพาลที่มาเกะกะเค้า
(จริงดิ ไม่เชื่ออ่านเอาเอง)  (ท่านบีเฉินพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างผิดหวัง)
pt][/size]
สนับสนุนครับ ปิดไปเลยบัง เฮ้อ เสียใจ
พี่น้องถูกรังแกว่าเศร้าแล้ว นี่พี่น้องกลับไม่สำนึกในความเป็นอิสลามนี่สิเศร้ากว่า
(ส่วนท่านอับดุลกอวีพูดด้วยเสียงอันดังพร้อมกับทำท่าฮึดฮัดจะเอาเรื่อง)
จริง ๆ แล้ว นาย Hantu เขาถูกแบนและถูกลบชื่อออกไปจากสาระบบแล้ว...แต่ก็โผล่มาอีกด้วยการเปลี่ยนนิค...
เขาสมควรถูกลบออกจากเว็บนี้นานแล้ว...เพราะหากจะนำเสนอก็ไปทำเว็บขึ้นมาเอง...อย่ามาโพสต์เกะกะแถวนี้...!!!
(ทีนี้ก็มาดูอีกคนที่พูดขึ้นมาอย่างนอบน้อมเกรงใจและที่สำคัญตัวเขาเป็นคนพุทธ)
โดยความรู้สึกผม พี่น้องไทยภาคใต้ก็คนเหมือนผม เเหมือนเพื่อนๆชาวมุสลิม
เมื่อเขามีปัญหา เริ่มจากปล้นปืน มาตากใบไปกรือเซะ เราก็น่าจะรับฟังครับ
เพราะบางเรืองของคุณ Hantu  เช่นข้อเสนอสันติภาพ10 ข้อ
ผมอ่านแล้วยังว่าเข้าท่า เพียงแต่ส่วนมากในข้อเสนอนั้น
เป็นเรื่องที่จัดการได้ในท้องถิ่นเอง

สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนถึงตัวตนของตัวเองครับ บ่งบอกได้ว่าสังคมมุสลิมสมัยนี้กำลังแตกแยก ชิงชัง ชิงดีชิงเด่น  
หลังจากนี้ก็จะถึงยุคเสื่อมสลายกลับเข้าสู่ยุคญาฮีลียะห์อีกครั้ง
เมื่อนั้นดัจญาลก็จะมาพร้อมกับโปรโมชั่นสวรรค์แพ็คเก็จทำให้ชาวโลกยอมก้มหัวให้อย่างศิโรราบ

ลูกรัก...อย่าได้แสวงหาความรู้ เพียงเพื่อการประชันกับเหล่าผู้รู้

หรือ เพื่อโอ้อวดในหมู่ผู้ไม่รู้  ... หรือ เพื่อให้สังคมมองเห็น

และจงอย่าละทิ้งการแสวงหาความรู้ เพียงเพราะคิดว่ารู้พอแล้ว หรือ ปราถนาที่จะไม่รู้(ไม่อยากรู้)

วั ล ล อ ฮู อ า ลั ม  วั ส ล า มู อ า ลั ย ก ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 19, 2010, 05:59 PM โดย Hantu »

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 08:38 AM »
0
มุขมนตรีรัฐกลันตัน ยังแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยว่า การแก้ปัญหาความไม่สงบควรมี “คนกลาง” เป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ย เพราะสันติสุขไม่ใช่ได้มาด้วยการสู้รบหรืออาวุธ และกระสุนปืนไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา

          “การปลดชนวนปัญหาที่แท้จริงต้องมาจากสมอง ผมไม่เคยเรียกร้องเอกราชให้รัฐกลันตัน แต่ผมใช้สมองและความคิด เราทุกคนเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า อิสลามไม่เคยพูดถึงชนชาติ ผมเองเป็นชนชาติมลายู แต่ทุกชนชาติ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ จีน หรืออิสลาม ต่างก็เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ และมีบรรพบุรุษเดียวกันคือ อาดัม เมื่อเรามีบรรพบุรุษคนเดียวกัน ทำไมต้องมารบราฆ่าฟันกัน ตราบใดที่มีการสู้รบกัน ปัญหาต่างๆ ก็ไม่มีทางยุติลงได้”

          “การบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนานั้น เป็นเรื่องไม่สมควร จริงๆ แล้วอิสลามไม่เคยส่งเสริมหรือสนับสนุนในเรื่องของการรบราฆ่าฟัน แต่อิสลามส่งเสริมให้มนุษย์เผยแผ่หลักคำสอนของศาสนา การจะยุติสถานการณ์ในพื้นที่ลงได้ ต้องมาจากการที่ทุกฝ่ายยอมกัน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังต้องการใช้ความรุนแรง โอกาสที่จะยุติสถานการณ์คงยาก ฉะนั้นหากหาคนกลางที่น่าเชื่อถือมาเปิดการเจรจา สถานการณ์ต่างๆ ก็น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ”

  สุไฮมี มะเกะ เลขาธิการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า มูลนิธิอิสลามแห่งรัฐกลันตันเป็นแบบอย่างที่เห็นชัดเจนในเรื่องการเรียน การสอน และดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยมูลนิธิจะควบคุมดูแลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการและอื่นๆ ซึ่งจะแตกต่างกับบ้านเราที่ตั้งมูลนิธิเป็นส่วนตัว

          “มูลนิธิของไทยส่วนใหญ่เป็นของส่วนตัว มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ในขณะที่รัฐกลันตันเห็นอย่างชัดเจนว่าทำเพื่อส่วนรวม ตั้งเป็นสาธารณะ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล และโรงเรียนทุกโรงในรัฐกลันตันก็อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิอีกที ฉะนั้นข้อสอบก็จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้ต่างประเทศยอมรับได้ เพราะมองว่าเป็นหลักสูตรที่มีความเป็นมาตรฐาน ไม่มีการใช้เส้น”

          “พูดถึงข้อสอบบ้านเราตอนนี้ โรงเรียนใครก็โรงเรียนนั้นเป็นผู้ออกข้อสอบ ทำให้ความเป็นมาตรฐานไม่มี ถามว่าของเราทำได้ไหม ถ้าจะทำจริงๆ ผมว่าทำได้ โดยที่รัฐบาลต้องจริงจังด้วยเช่นกัน เด็กที่จบออกมาจึงจะมีประสิทธิภาพ” สุไฮมี กล่าว

          ขณะที่ นายอับดุลฮากิม หะยีอับดุลเลาะ ครูสอนศาสนาโรงเรียนแสงธรรมวิทยา อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทาง ศอ.บต ที่มีโครงการดีๆ แบบนี้ การที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสุลต่านและพระชายาแห่งรัฐกลันตัน เป็นสิ่งที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน เพราะในช่วงชีวิตของคนเราใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนี้ นับเป็นประสบการณ์ที่หายาก และตั้งใจจะกลับไปถ่ายทอดทุกเรื่องราวได้ลูกศิษย์ได้ซึมซับรับรู้ต่อไป

          “วัฒนธรรมประเพณีในรัฐกลันตันก็ไม่ได้แตกต่างกับบ้านเรานัก แต่ทำไมผู้คนถึงสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่มีปัญหา ร้านค้าเปิดขายกลางคืนได้จนถึงสว่าง แล้วเราที่มีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายคลึงกับที่นี่ ทำไมถึงต้องขัดแย้งแบ่งแยกกันด้วย”

คิดว่าคำถามเหล่านี้ ควรจะมีคำตอบไม๊ครับ ท่านๆทั้งหลาย

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 08:51 AM »
0
พูด-ฟังภาษาไทยได้แต่ไม่ใช้

          1.ภาษาพูดในครัวเรือน พบว่าประชาชนใช้ภาษาไทย ร้อยละ 16.8 ใช้ภาษามลายูถิ่นร้อยละ 58.4 ใช้ผสมกันระหว่างภาษาไทยกับมลายูถิ่น ร้อยละ 24.2 และใช้ภาษาอื่นๆ 0.2

          2.ทักษะการใช้ภาษา พบว่า พูดภาษาไทยได้ภาษาเดียว ร้อยละ 10 พูด-อ่าน-เขียนภาษามาเลย์ได้ ร้อยละ 12 ฟัง-พูดภาษามาเลย์ได้ ร้อยละ 14 ฟัง-พูด-อ่าน-เขียนภาษายาวีไม่ได้ ร้อยละ 15 ฟัง-พูด-อ่าน-เขียนยาวีได้ ร้อยละ 26 ฟัง-พูด-ภาษายาวีได้ ร้อยละ 54 และฟัง-พูด-อ่าน-เขียนภาษาไทยได้ ร้อยละ 88

          ประเด็นนี้ อาจารย์ศรีสมภพ อธิบายเพิ่มเติมว่า แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ในพื้นที่พูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้ แต่เลือกที่จะไม่ใช

ชอบอ่านหนังสือพิมพ์หัวสี-ดูละครช่อง 7

          3.ความนิยมในการอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน พบว่าประชาชนในพื้นที่นิยมอ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมากที่สุด ร้อยละ 40.76 รองลงมาคือเดลินิวส์ ร้อยละ 20.34 นอกจากนั้นก็เป็นหนังสือพิมพ์หัวสี อาทิ คมชัดลึก ข่าวสด ส่วนมติชนอยู่ที่ร้อยละ 9.36 ทางนำ ไทยโพสต์ ผู้จัดการ ร้อยละ 0.17 หนังสือพิมพ์มาเลย์ ร้อยละ 0.12 เดอะเนชั่น ร้อยละ 0.04 บางกอกโพสต์ ร้อยละ 0.17 กรุงเทพธุรกิจ ร้อยละ 0.08

          ที่น่าสนใจคือกลุ่มที่ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ อยู่ที่ร้อยละ 22.42 ส่วนสื่อต่างประเทศ ซีเอ็นเอ็น ร้อยละ 1.36 บีบีซี 1.43 อัลจาซีรา 1.44

          4.ความพึงพอใจที่มีต่อรายการโทรทัศน์ คะแนนเต็ม 5 ปรากฏว่าช่อง 7 ได้คะแนนมากที่สุดคือ 4.00 ช่อง 3 ได้คะแนน 3.81 ช่อง 9 ได้คะแนน 3.42 ช่อง 5 ได้ 3.26 ช่อง 11 ได้ 3.16 และทีวีไทยได้ 2.63 ส่วนทีวีมาเลย์ได้คะแนน 1.71 และทีวีดาวเทียม 1.81

          5.ช่วงเวลาที่ประชาชนดูโทรทัศน์มากที่สุดคือ 20.00-21.00 น. (2 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม) ร้อยละ 51.50 ซึ่งเป็นช่วงข่าวและละครหลังข่าว รองลงมาคือช่วง 21.00-22.00 น. (3 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม) ร้อยละ 45.46 เป็นช่วงเวลาของละครหลังข่าว และช่วง 19.00-20.00 น. (1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม) ร้อยละ 42.20 เป็นช่วงข่าวประจำวัน

          ประเด็นนี้ อาจารย์ศรีสมภพ วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า คนสามจังหวัดก็คล้ายๆ กับคนภาคอื่นๆ คือมีการเปิดโลกทัศน์มากขึ้น พี่น้องไทยมลายูรับสื่อเยอะขึ้น และสนใจข่าวสาร ตลอดจนละครทางโทรทัศน์ใกล้เคียงกับภูมิภาคอื่นของประเทศ ถือเป็นความเป็นจริงของสังคม

 

ชาวบ้านไว้ใจผู้นำศาสนา-ไม่เชื่อมั่นทหารมากสุด

          ผลสำรวจยังมีประเด็นสอบถามความเชื่อมั่นไว้วางใจต่อบุคคล องค์กร และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ คะแนนเต็ม 5 ปรากฏว่า ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจผู้นำศาสนามากที่สุด 3.96 คะแนน รองลงมาคือแพทย์ 3.76 คะแนน ครู 3.73 คะแนน สภาทนายความ 3.72 คะแนน กำนันผู้ใหญ่บ้าน 3.58 คะแนน

          ส่วนกลุ่มที่ชาวบ้านไม่ค่อยไว้วางใจ คือได้คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุด อันดับหนึ่ง คือ ทหาร ได้ 2.76 คะแนน รองลงมาคือตำรวจ ได้ 2.86 คะแนน เอ็นจีโอ 2.93 คะแนน

          เมื่อถามถึงสาเหตุของปัญหาความไม่สงบในความเข้าใจและการรับรู้ของประชาชน พบว่า ประเด็นที่ประชาชนมองว่าเป็นสาเหตุของปัญหาความไม่สงบมากที่สุดคือเงื่อนไขความไม่เป็นธรรม ร้อยละ 31.46 ซึ่งมีปัจจัยจากความอยุติธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ การปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อมุสลิม และความไม่เป็นธรรมกับคนมลายู รองลงมาคือสาเหตุจากกลุ่มก่อความไม่สงบ ร้อยละ 19.21

       

ไม่สน ไม่มีสำนึกในอิสลาม ไม่ใช่พวกเรา อย่ามาเกะกะแถวนี้ ไป๊ ชิ้ว ชิ้ว

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 08:59 AM »
0
[size=16“As long as there is no justice, there will be no peace,”pt][/size]


so said Mr Arzis Pitakkhumpol, the newly-elected Chularatchamontri


“As long as there is no justice, there will be no peace,”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 20, 2010, 09:03 AM โดย Hantu »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 09:56 AM »
0
so said Mr Arzis Pitakkhumpol, the newly-elected Chularatchamontri
"As long as there is no justice, there will be no peace"

ดังนั้น อ.อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนใหม่ ได้กล่าวว่า "ตราบใดที่พื้นที่นั้น ๆ ยังไม่มีความยุติธรรมปรากฏขึ้นมา ดังนั้น พื้นที่เหล่านั้น ก็จะไม่มีความสงบสุขเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"

ดังนั้น ทำไมพวกเราท่านทั้งหลาย ไม่มาช่วยกันปรึกษาหารือ หรือร่วมคิดร่วมเสวนา และแสดงความคิดเห็น ในสิ่งที่จะเกิดความยุติธรรมเกิดขึ้นมา ถึงแม้นว่า มันจะยากสักแค่ไหน แต่หากว่า ตราบใดที่มันยังคงอยู่ในกรอบในข่ายนั่นเอง มันก็จะไม่เกิดในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น แต่หากว่า มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราท่านทั้งหลายก็จงมาร่วมด้วยช่วยกันปรับปรุงแก้ไขให้ดีมีคุณค่าเกิดขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ให้มันเกิดขึ้นมาซ้ำสองอีก เหมือนกับเหตุการณ์สามจังหวัด ที่เราต่างรู้กันว่า "ไม่รู้จะเป็นอะไรกันแน่แล้ว ในแง่มุมทางที่ไม่ดี" (วัลอิยาซุบิลลาฮฺ - ขออัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงทำให้พวกเราได้ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น)

แน่นอน หากว่าคำนึงถึงคุณงามความดี, ความอันชอบธรรม และความยุติธรรมอย่างแท้จริงแล้ว ในฐานะศรัทธาชนคนหนึ่ง เชื่อมั่นว่า สักวันอัลลอฮฺ ตะอาลา จะทรงช่วยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบอร์ดหรือเหตุการณ์จริง ๆ เช่น ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตาม ก่อกำเนิดความยุติธรรม, ความเสมอภาค และความเสรีธรรม อันซึ่งนำพาไปสู่ความสันติสุขและความสงบสุขมาสู่สังคมบ้านเมืองอย่างแน่นอน

แต่สิ่งสำคัญนั้นคือ การร่วมด้วยช่วยกัน, การสร้างความสมัคคีต่อกัน และการรักในสิทธิเสรีธรรม ถึงแม้นอาจจะยากถึงขั้นยากเย็นก็ตาม แต่เราท่านทั้งหลายจงอย่าปล่อยอดีตให้ครอบงำ และจงอย่าละทิ้งอนาคตให้สูญเปล่า ดังนั้น จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด และจงทบทวนให้รอบด้านอย่างบริสุทธิ์ใจ...อินชาอัลลอฮฺ ตะอาลา - (อัสสะตูลีย์ : นำเสนอ)...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 20, 2010, 10:07 AM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 10:39 AM »
0
ไหนว่าจะไม่โพสแล้ว จะให้ลบ user แล้ว

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 01:17 PM »
0
ไหนว่าจะไม่โพสแล้ว จะให้ลบ user แล้ว

เอาน่า ท่าน ตราบใดที่ยังอยู่ในกรอบน่ะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 03:07 PM »
0

นอกกรอบแล้ว.... (วย)

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 03:30 PM »
0
- แปลว่าอะไรครับคุณhiddenmin "...วย" (กร่างน่าดูเลยนะ ครั้งก่อนก็ขู่ฉันว่าระวังจะโดนเก็บ กลัวจัง อิอิ)
- ท่านอิลฮามไม่เห็นเล่าเรื่องฟิลิปปินให้ฟังกันมั่งเลยเนอะ (อาจานสอนด้วยภาษาอะไรครับ ตากาล๊อก หรือ อังกฤษ)
น้ำเสียงท่านแอดมินฟังดูเหมือนยังเอ็นดูฉันอยู่นะ เอาน่าฉันไม่พูดคำหยาบ ไม่ด่าส่อเสียดและไม่ก่อการร้ายในเวปนี้แน่นอนครับ

 boulay:
 "อัลลอฮ  พวกคุณนี่ พูดไม่รู้เรื่องรึไง ว่าอย่าคุยเรื่อง3จวชต.
ไอ้พวกที่พูดนะมันงี่เง่า มันไม่สำนึกในอิสลาม มันเป็นอันธพาลที่มาเกะกะเค้า
(จริงดิ ไม่เชื่ออ่านเอาเอง)  (  cool2:ท่านบีเฉินพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างผิดหวัง)pt]

สนับสนุนครับ ปิดไปเลยบัง เฮ้อ เสียใจ
พี่น้องถูกรังแกว่าเศร้าแล้ว นี่พี่น้องกลับไม่สำนึกในความเป็นอิสลามนี่สิเศร้ากว่า

( fouet:ส่วนท่านอับดุลกอวีพูดด้วยเสียงอันดังพร้อมกับทำท่าฮึดฮัดจะเอาเรื่อง)
จริง ๆ แล้ว นาย Hantu เขาถูกแบนและถูกลบชื่อออกไปจากสาระบบแล้ว...แต่ก็โผล่มาอีกด้วยการเปลี่ยนนิค...
เขาสมควรถูกลบออกจากเว็บนี้นานแล้ว...เพราะหากจะนำเสนอก็ไปทำเว็บขึ้นมาเอง...อย่ามาโพสต์เกะกะแถวนี้...!!!

( mycool:ทีนี้ก็มาดูอีกคนที่พูดขึ้นมาอย่างนอบน้อมเกรงใจและที่สำคัญตัวเขาเป็นคนพุทธ)
โดยความรู้สึกผม พี่น้องไทยภาคใต้ก็คนเหมือนผม เเหมือนเพื่อนๆชาวมุสลิม
เมื่อเขามีปัญหา เริ่มจากปล้นปืน มาตากใบไปกรือเซะ เราก็น่าจะรับฟังครับ
เพราะบางเรืองของคุณ Hantu  เช่นข้อเสนอสันติภาพ10 ข้อ
ผมอ่านแล้วยังว่าเข้าท่า เพียงแต่ส่วนมากในข้อเสนอนั้น
เป็นเรื่องที่จัดการได้ในท้องถิ่นเอง
สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนถึงตัวตนของตัวเองครับ บ่งบอกได้ว่าสังคมมุสลิมสมัยนี้กำลังแตกแยก ชิงชัง ชิงดีชิงเด่น 
หลังจากนี้ก็จะถึงยุคเสื่อมสลายกลับเข้าสู่ยุคญาฮีลียะห์อีกครั้ง
เมื่อนั้นดัจญาลก็จะมาพร้อมกับโปรโมชั่นสวรรค์แพ็คเก็จทำให้ชาวโลกยอมก้มหัวให้อย่างศิโรราบ
ลูกรัก...อย่าได้แสวงหาความรู้ เพียงเพื่อการประชันกับเหล่าผู้รู้

หรือ เพื่อโอ้อวดในหมู่ผู้ไม่รู้  ... หรือ เพื่อให้สังคมมองเห็น

และจงอย่าละทิ้งการแสวงหาความรู้ เพียงเพราะคิดว่ารู้พอแล้ว หรือ ปราถนาที่จะไม่รู้(ไม่อยากรู้)

วั ล ล อ ฮู อ า ลั ม  วั ส ล า มู อ า ลั ย ก ม

[/color][/size]

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 04:20 PM »
0
ท่าน Hantu ท่านได้นำคำพูดของท่านมาใส่เป็นคำพูดของผม เป็นความคิดจากนัฟซูของท่าน คำพูดเหล่านั้นผมไม่ได้พูด ท่านใส่ร้ายผมและให้ร้ายผม
แต่ผมเข้าใจท่านนะครับ ผมมะอัฟให้ท่าน Hantu

ขอให้ท่านกลับไปอ่านคำพูดของ Ilham อีกรอบในกระทู้นี้ ว่าด้วยเรื่องของญิฮา่ด

อย่างไรก็ตาม กระทู้ที่กำลังถูกพาดพิงถึงนั้นได้ถูกปิดไปแล้ว และกระทู้นี้ก็สมควรจะถูกปิด
รบกวนท่านผู้ดูแลด้วยครับ
hidayah seeker . . .

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 04:43 PM »
0
สนับสนุนครับ
ปิดไปเลยบัง เฮ้อ เสียใจ
พี่น้องถูกรังแกว่าเศร้าแล้ว นี่พี่น้องกลับไม่สำนึกในความเป็นอิสลามนี่สิเศร้ากว่า
ชัดเจนไม๊ครับท่านบีเฉิน ร้องเรียกให้ปิดกระทู้เลยเหรอท่าน
ไม่เอาน่า เรื่องจิ๊บ จิ๊บ แค่นี้ ฉันเพียงแค่อยากให้ท่านมองไปที่ประเด็นของเรื่องนี้มากกว่าครับ
ท่านเองก็มีความรู้ในเรื่องการเมืองการปกครองสูงกว่าท่านอื่นๆ
ลองให้คำแนะนำแก่ฉันและพี่น้องฉันหน่อยซิครับ
อัสสลามูอาลัยกม วาเราะมาตุลลอฮีตะอาลา ฮีวาบารอกาตุฮครับ ท่านบีเฉิน(พี่น้องของฉัน)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ขอนะศีฮัตหน่อยนะ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: มิ.ย. 20, 2010, 10:22 PM »
0
เขาก็แค่พูดขวานผ่าซาก อย่างที่คนอื่นไม่กล้าพูด ก็แี้ค่นั้นเอง มันเป็นวิธีการพูดเดียวกับที่ผมพูดในชมรม ถึงจะพูดความจริง แต่คำพูดที่ออกมาจะถูกตัดหางปล่อยวัด
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged