ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนรอมฎอนนี้ เรายังจะมีความป่วยไข้อะไรอีกไหม?  (อ่าน 1749 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

salam

จากอบูฮุรอยเราะฮ์  เล่าว่า  ฉันเคยได้ยินท่านรอซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"การถือศีลอดเป็นโล่ห์  ตราบเท่าที่เขามิได้ทำให้มันแตกมอดไหม้ "

ดังนั้น ในเดือนรอมฎอนอันประเสริฐนี้  เราควรระมัดระวังเรื่องต่างๆที่อาจทำให้การถือศีลอดของเรามีอันต้องโมฆะไป
เราควรระวังสายตาให้พ้นจากสิ่งที่ไม่ควรมอง   เช่น การมองสถานที่ๆมีการกระทำความชั่ว  
ซึ่งจะเหนี่ยวนำจิตใจให้ห่างออกไปจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์ จึงควรหลีกเลี่ยงเสีย  
ท่านรอซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  การมองเป็นศรชนิดหนึ่งของอิบลีส  
ผู้ใดก็ตามที่ป้องกันตัวเองจากการมองในสิ่งที่ชั่วร้าย เนื่องจากเกรงกลัวอัลลอฮ์
อัลลอฮ์ จะประทานความศรัทธาให้กับเขาด้วยกับความหวานและปลาบปลื้ม ซึ่งเขาจะรู้สึกได้ในหัวใจ  

ในซอเฮียะห์บุคอรี มีหะดิษระบุว่า  "การถือศีลอดเป็นโล่ "
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ถือศีลอดจึงควรหลีกเลี่ยงการพูดจาที่ไร้สาระ การนินทา  การพูดคะนอง  การโต้เถียง
หากมีใครมาชวนให้เราทะเลาะกัน ก็จงกล่าวว่า  ฉันถือศีลอด  อีกนัยหนึ่ง บุคคลหนึ่งไม่ควรเริ่มการโต้เถียง
แต่หากมีบุคคลอื่นเริ่มขึ้นก่อน  เราควรเตือนตัวของเราไว้ว่า  เรากำลังถือศีลอด
โดยเฉพาะการนินทา นับเป็นเรื่องป่วยไข้ที่เรามักละเลยกัน
อัลลอฮ์ตะอาลาได้ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอานว่า  

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اجْتَنِبُوا كَثِيراً مِّنَ الظَّنِّ إِنَّ بَعْضَ الظَّنِّ إِثْمٌ وَلا تَجَسَّسُوا ولاَ يَغْتَب بَّعْضُكُم بَعْضاً
 أَيُحِبُّ أَحَدُكُمْ أَن يَأْكُلَ لَحْمَ أَخِيهِ مَيْتاً فَكَرِهْتُمُوهُ وَاتَّقُوا اللَّهَ إِنَّ اللَّهَ تَوَّابٌ رَّحِيمٌ


“โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย พวกเจ้าจงทำให้ห่างไกลจากการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป
และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และพวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ
พวกเจ้าย่อมรังเกียจมัน และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (อัลหุญุรอต : 12)

ครั้งหนึ่ง ท่านรอซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เห็นคนกลุ่มหนึ่งจึงกล่าวกับพวกเขาว่า
จงไปแคะฟันเสียเถอะ  พวกเขาตอบว่า  วันนี้พวกเราไม่ได้กินเนื้อเลย
ท่านรอซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  เนื้อของคนคนหนึ่งติดอยู่ที่ฟันของพวกเจ้า นั่นคือพวกเขาได้นินทาคนอื่นเสียแล้ว

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอีกประการก็คือ  หู  โดยให้หันออกจากการฟังในสิ่งที่มักรูหฺ นับเป็นสิ่งที่ฮะรามที่จะรับฟังสิ่งใดก็ตามซึ่งไม่ควรพูดออกมา
ท่านรอซูล  ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  ในการนินทานั้นทั้งผู้นินทา และผู้ร่วมฟังอยู่ด้วยมีความผิดบาปเท่ากัน

ส่วนของร่างกายที่เหลืออยู่ ก็ควรหันห่างออกจากบาปและความชั่วร้าย อีกทั้งมือก็ไม่ควรไปจับต้องและเท้าก็ไม่ควรเดินไปหา
กระเพาะควรระมัดระวังเป็นพิเศษในเวลาละศีลอด อาหารที่เข้าสู่ร่างกายของเราต้องเป็นสิ่งที่ไม่มีข้อสงสัยใดๆว่าเป็นสิ่งฮะรอม
เหมือนกับคนที่ป่วยไข้ต้องกินยาเพื่อรักษา แต่กลับเติมยาพิษเข้าไปด้วย แน่นอนว่า เป็นการทำลายตัวเอง





  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 09, 2010, 08:31 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ความป่วยไข้อีกประการหนึ่งก็คือ
หลังจากที่ได้ถือศีลอดมาแล้ว ย่อมไม่เป็นการสมควรที่จะบรรจุอาหารจนเต็มกระเพาะ
แม้จะเป็นอาหารที่ฮะลาลก็ตาม มันทำให้จุดมุ่งหมายของการถือศีลอดต้องเสียหาย
เราได้กินได้ดื่มมาสิบเอ็ดเดือนแล้ว ในเดือนรอมฎอนจึงควรตัดสิ่งนี้ คงให้เหลือน้อยที่สุด
แต่สภาพความป่วยไข้ของเราก็คือ  กินอาหารละศีลอด เพื่อชดใช้ชั่วโมงที่ผ่านมา
และกินมื้อสุหูรฺเพื่อชั่วโมงต่อไปมากเสียจนกระทั่งว่าอาหารที่กินเข้าไปในเดือนอื่นๆน้อยกว่าที่กินในเดือนนี้เสียอีก

ท่านอิหม่ามฆอซาลี  ได้ตั้งคำถามเช่นเดียวกันว่า 
เมื่อจุดมุ่งหมายของการถือศีลอดคือการพิชิตความปรารถนาในทางราคะ
ดังนั้นเราจะประพฤติสิ่งนี้ได้อย่างไร โดยที่เรากินอาหารมากเกินไปเหมือนกับจะชดใช้ชั่วโมงที่ผ่านมา
ที่จริงแล้วในกรณีนี้เพียงแต่เปลี่ยนเวลากินเท่านั้น จึงมิใช่การถือศีลอดอย่างแท้จริง 
ยิ่งไปกว่านั้น การที่อาหารอันโอชะมากมาย เป็นเหตุให้กินมากกว่าในเวลาปกติ ผลก็คือ
แทนที่จะลดความปราถนาในทางราคะกลับเพิ่มให้มากขึ้นเสียอีก 
ประโยชน์และเป้าหมายต่างๆซึ่งได้รับจากการถือศีลอดอย่างแท้จริง จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยผลของการหิวโหยอย่างแท้จริงทั้งในวิญญาณและร่างกาย
ท่านรอซูล  ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  ซัยฎอนจะไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมนุษย์เหมือนเลือด
ดังนั้น จงปิดหนทางเสียโดยการคงความหิวกระหายไว้  อวัยวะทั้งหมดจะดีได้ก็ต่อเมื่อมีอารมณ์หิว แต่ถ้าอารมณ์อิ่มแล้วร่างกายทั้งหมดก็จะเลวลง

เป้าหมายประการหนึ่งของการถือศีลอดก็คือ การทำตัวให้เหมือนคนจน 
เราจะได้รับรู้ก็ต่อเมื่อเราคงความหิวโหยเอาไว้ และไม่ใช่บรรจุกระเพาะจนเต็มด้วยอาหารอันโอชะในเวลามื้อสุหูรฺ
ทำให้เราไม่รู้สึกหิวกระหายอีกเลย  จนกระทั่งถึงเวลาละศีลอด
ในหนังสือมารอกิลฟะลาหฺ มีบันทึกไว้ว่า จงอย่ากินอาหารมากเกินไปในมื้อสุหูรฺ เพราะจะทำให้สูญเสียจุดมุ่งหมายของการถือศีลอด
เมื่อรู้สึกว่ามีความหิวกระหายอย่างแท้จริงแล้ว ผลรางวัลของการถือศีลอดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ในทำนองเดียวกัน
ความรุ้สึกสงสารก็จะบังเกิดขึ้นต่อคนยากจน ท่านรอซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  อาหารไม่กี่คำที่ทำให้คนหนึ่งยืนขี้นได้ก็พอเพียงแล้ว
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่งก็คือ  ในกระเพาะให้มีอาหารเศษหนึ่งส่วนสาม หนึ่งส่วนเป็นน้ำ อีกหนึ่งส่วนที่เหลือปล่อยให้มันว่างไว้
ท่านรอซูล  ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เคยถือศีลอดเป็นเวลาสองสามวันติดต่อกัน โดยมิได้กินสิ่งใด

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ก๊ะต้องผอมแน่ๆๆ
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

 

GoogleTagged