อ่านเรื่องนี้จบ พร้อมรบเรื่อง มุวาฟิก vs มัสบูก

[anti-bid'ah]

ประเด็นที่มีความเห็นต่างกัน (คิลาฟ)

ประเด็นที่นักวิชาการรุ่นหลังมีข้อชี้ขาดต่างกันในเรื่องมะอ์มูมมุวาฟิกนั้น มีดังต่อไปนี้

1. มะอ์มูมมะวาฟิกที่ละหมาดพร้อมกับอิหม่าม อยู่ ๆ เขาหลับในขณะนั่งตะชะฮุดครั้งแรก นั่งโดยก้นแนบชิดกับพื้นที่ตนนั่ง เขาหลับในจนกระทั้งอิหม่ามได้ลงรุกั๊วะอฺหรือกิยามในร็อกอะฮ์ถัดไป อยู่ ๆ มะอ์มูมก็รู้สึกตัว กรณีดังกล่าว ท่านชัยค์ รอมลี ตัดสินว่า "มะอ์มูมดังกล่าวนี้เป็นมะมูมมุวาฟิกและอนุญาตให้มะอ์มูมทิ้งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว" แต่ชัยค์ อิบนุ หะญัร ตัดสินว่า "มะอ์มูมดังกล่าวนี้ เข้าข่ายคนมัสบูก ไม่อนุญาตให้ทิ้่งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว ทว่าเขาต้องอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์เท่าที่มีความสามารถ (หมายความว่า ถ้ามะอ์มูมลุกขึ้นสู่กิยามเป็นเวลาเดียวกันกับที่อิหม่ามยังกิยามอยุ่ และมะอ์มูมก็อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ทันที และอ่านไปเรื่อย ๆ จนกว่าอิหม่ามจะรุกั๊วะอฺ - ผู้แปล) และวาญิบที่มะอ์มูมจะต้องรุกั๊วะอฺตามอิหม่าม หากเขาทันอิหม่ามในรุกั๊วะอฺและมีเฏาะมานีนะฮ์ (พักครู่หนึ่งซึ่งเท่ากับการอ่านสุบหานัลลอฮฺ หนึ่ง ครั้ง - ผู้แปล) ก่อนอิหม่ามอิอฺติตาล ดังกล่าวนั้น ถือว่าเขาได้ร็อกอะฮ์ดังกล่าว"

2. มะอ์มูมมุวาฟิกละหมาดพร้อมอิหม่าม เมื่ออิหม่ามตักบีรฺสู่กิยาม (ในร็อกอะฮ์ถัด ๆ ไป - ผู้แปล) มะอ์มูมคิดว่าอิหม่ามตักบีรฺสู่ตะชะฮุดครั้งแรก มะอ์มูมเกิดนั่งตะชะฮุดครั้งแรก หลังจากนั้นอิหม่ามตักบีรฺสู่รุกั๊วะอฺ แต่มะอ์มูมคิดว่าอิหม่ามตักบีรฺสู่กิยาม ตนจึงขึ้นสู่กิยาม อยู่ ๆ มะอ์มูมรู้ว่าอิหม่ามตักบีรฺสู่รุกั๊วะอฺ (มิใช่กิยาอย่างที่คิด) กรณีนี้ ชัยค์ รอมลี กล่าวว่า "มะอ์มูมดังกล่าวถือว่าเป็นมุวาฟิกและอนุญาตให้ทิ้งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว" แต่ชัยค์ อิบนุ หะญัรฺ กล่าวว่า "มะอ์มูมดังกล่าวนั้นเป็นมะอ์มูมมัสบูก จึงไม่อนุญาตให้ทิ้งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว ทว่าเขาจะต้องอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์เท่าที่มีความสามารถ และวาญิบต้องลงรุกั๊วะอฺตามอิหม่าม หากเขามีเฏาะมานีนะฮ์ในรุกั๊ะอฺก่อนอิหม่ามจะอิอฺติดาล ถือว่าเขาได้ร็อกอะฮ์นั้น"

3. มะอ์มูมมุวาฟิกที่นั่งอ่านตะชะฮุดครั้งแรกพร้อมกับอิหม่าม ครั้นอิหม่ามลุกจากการนั่งตะชะฮุดสู่กิยาม มะอ์มูมยังอ่านตะชะฮุดไม่เสร็จเลย ต่อมามะอ์มูมก็ลุกขึ้นยืน แต่อิหม่ามใกล้จะรุกั๊วะอฺหรือกำลังรุกั๊วะอฺ  ชัยค์ รอมลี กล่าวว่า "มะอ์มูมดังกล่าวถือว่า เข้าข่ายมะอ์มูมมุวาฟิก และอนุญาตให้ทิ้งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว" แต่ชัยค์ อิบนุ หะญัรฺ กล่าวว่า "มะอ์มูมดังกล่าวไม่เข้าข่ายมะอ์มูมมุวาฟิก และไม่อนุญาตให้ทิ้งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว เพราะเขาทิ้งการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์โดยเจตนา จึงตัดสินว่า หากมะอ์มูมอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์จบและทันรุกั๊วะอฺก่อนอิหม่ามลงซุหญูดครั้งที่หนึ่ง เขาจะได้ร็อกอะฮ์นั้นไป หากเขายังอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ไม่จบก่อนที่อิหม่ามลงสู่ซุหญูดครั้งที่หนึ่ง เขาสมควรออกจากการตามอิหม่ามเสีย และให้เขาดำเนินการละหมาดเยี่ยงคนละหมาดคนเดียวจนเสร็จ หากเขาไม่ปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ถือว่าการละหมาดนั้นโมฆะ"

ยังมีการขัดแย้งทางความคิดระหว่างชัยค์ อิบนุ หะญัรฺ กับชัยค์ รอมลี ในประเด็นที่ว่า หากมะอ์มูมมุวาฟิกที่ละหมาดพร้อมกับอิหม่าม อยู่ ๆ เขาลืมว่า เขาตามอิหม่ามอยู่ ในขณะซุหญูดเขานึกขึ้นมาว่า เขาตามอิหม่ามอยุ่ แต่ขณะนั้นเขายังไม่กิยาม แต่อิหม่ามรุกั๊วะอฺซะแล้วหรือใกล้จะรุกั๊วะอฺเต็มทีแล้ว  ชัยค์ รอมลี กล่าวว่า "มะอ์มูมดังกล่าวเข้าข่ายมุวาฟิกซึ่งเขาวาญิบต้องอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์และอนุญาตให้ทิ้งห่างอิหม่าม 3 รุก่นยาว"  แต่ท่านชัยค์ อิบนุ หะญัรฺ กล่าวว่า "มะอ์มูมดังกล่าวเข้าข่ายมัสบูก แม้มะอ์มูมจะทันและมีเฏาะมานีนะฮ์รุกั๊วะอฺก็ตามที และเขาก็ได้ร็อกอะฮ์ดังกล่าว หากเขาไม่ทันอิหม่ามในรุกั๊วะอฺ เขาวาญิบจะต้องเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์หลังสลามของอิหม่าม"

[anti-bid'ah]

ชี้แจงหุก่มของคนมัสบูก

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น มะอ์มูมมัสบูก คือ เวลาของการกิยามหรือการยืนของมะอ์มูมพร้อมกับอิหม่ามนั้น น้อยเวลาการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ปานกลางจบหนึ่งครั้งของคนส่วนใหญ่

ในทำนองเดียวกัน มะอ์มูมมัสบูกที่มาละหมาดช้า คือ ในขณะที่อิหม่ามอ่านซูเราะฮ์อัลกาฟิรูนใกล้จะจบในร็อกอะฮ์ที่หนึ่ง มะอ์มูมดังกล่าวถูกเรียกว่ามะอ์มูมมัสบูก เพราะเวลาการยืนของอิหม่ามนั้นไม่พอสำหรับมะอ์มูมที่จะอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ให้จบ

หากมะอ์มูมเริ่มละหมาดอิชาอ์ ในขณะที่อิหม่ามตั้งมั่นว่จะอ่านซูเราะฮ์อัฎฎุฮา หลังจากการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์แล้ว มะอ์มูมดังกล่าวถือว่าเป็นมุวาฟิก เพราะมะอ์มูมดังกล่าวมีเวลาพอต่อการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ให้จบ ในขณะที่อิหม่ามอ่านซูเราะฮ์อัฎฎุฮา (เพราะซูเราะฮ์อัฎฎุฮานั้นต้องใช้เวลาการอ่่านมากกว่าการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ คิดจากการอ่านปานกลางของคนส่วนใหญ่ - ผู้แปล)

มะอ์มูมที่มัสบูก อนุญาตให้ละทิ้งการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ในกรณีที่ยังไม่ได้อ่านเลย หรืออ่านบ้างในบางส่วน

เงื่อนไขของคน ๆ หนึ่งจะเป็นมัสบูกหรือไม่ ต้องพิจารณาดังนี้

1) อิหม่ามต้องสะอาดจากการมีหะดัษและนะญีส

2) ร็อกอะฮ์ที่มะอ์มูมเป็นมัสบูก ต้องมิใช่ร็อกอะฮ์ที่อิหม่ามเพิ่ม เช่น ร็อกอะฮ์ที่ 5 (ละหมาดจริงมี 4 ร็อกอะฮ์ แต่อิหม่ามเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์ด้วยเหตุลืม - ผู้แปล)

3) มะอ์มูมมัสบูกต้องมีเฏาะมานีนะฮ์ (พักครู่หนึ่ง) พร้อมกับอิหม่ามในรุกั๊วะอฺก่อนอิหม่ามขึ้นจากรุกั๊วะอฺ

[anti-bid'ah]

ตัวอย่างและรูปแบบการมัสบูก

ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ตัวอย่างที่หนึ่ง
มะอ์มูมคนหนึ่งแรกเริ่มเดิมที (ร็อกอะฮ์ที่หนึ่ง) เป็นมะอ์มูมมุวาฟิก ในขณะละหมาด เขาก็ดำเนินการตามอิริยาบทตามปกติแต่ช้า ปรากฏว่าอิหม่ามรุกั๊วะอฺ (ในร็อกอะฮ์ที่สอง) ซะแล้ว หากมะอ์มูมดังกล่าวขึ้นมากิยาม (โดยไม่ต้องการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์) แล้วลงรุกั๊วะอฺ ถ้าปรากฏว่าทันรุกั๊วะอฺกับอิหม่ามพร้อมกับมีเฏาะมานีนะฮ์ คือว่าเขาได้ร็อกอะฮ์นั้นไป (ในกรณีอย่างนี้ อนุญาตให้เขาละทิ้่งการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ เพราะเขาขึ้นมากิยาม แต่อิหม่ามรุกั๊วะอฺอยู่)

ตัวอย่างที่สอง
เมื่อมะอ์มูมขึ้นสู่กิยาม (การยืน) ปรากฏว่าอิหม่ามอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์เร็วมาก และต่อมาอิหม่ามก็รุกั๊วะอฺ แต่มะอ์มูมยังอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ไม่จบเลย ดังนั้น วาญิบสำหรับมะอ์มูมที่จะต้องรุกั๊วะอฺพร้อมกับอิหม่ามโดยมีเฏาะมานีนะฮ์ เพราะมะอ์มูมดังกล่าวเป็นมะอ์มูมมัสบูก และเขาก็ได้ร็อกอะฮ์นั้นไปครอบครอง แม้ว่าเหตุการณ์ในทำนองนี้จะเกิดขึ้นทุกร็อกอะฮ์ก็ตามที

ถ้าหากมะอ์มูมดันทุรังที่จะอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ จนกระทั้งอิหม่ามรุกั๊วะอฺและขึ้นจากรุกั๊วะอฺซะแล้ว จนในที่สุดมะอ์มูมก็อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์จบ หรือมะอ์มูมทันรุกั๊วะอฺพร้อมกับอิหม่าม แต่ไม่มีเฏาะมานีนะฮ์ อิหม่ามก็ขึ้นสู่อิอฺติดาลเสียก่อน กรณีดังกล่าวมะอ์มูมไม่ได้ร็อกอะฮ์นั้น แต่เขาต้องกระทำสิ่งที่อิหม่ามกระทำอยู่ และหลังจากอิหม่ามให้สลามแล้ว มะอ์มูมต้องเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์

จากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยนักวิชาการ คือ ท่านชิบร์ มัลลิสีย์ ว่าแท้จริงคือเป็นสุนัตสำหรับมะอ์มูมมัสบูก ไม่สมควรจะอ่านสิ่งที่เป็นสุนัตหลังจากการตักบีเราะตุ้ลอิหฺรอม แต่มะอ์มูมสมควรอ่านแค่ซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ เว้นแต่มะอ์มูมรู้สึกว่าตนจะอ่านฟาตีหะฮฺได้ทัน ดังนั้นสุนัตให้อ่านสิ่งที่เป็นสุนัตก่อนการอ่านฟาติหะฮฺ


ตัวอย่างที่สาม
ขณะที่อิหม่ามรุกั๊วะอฺอยู่ มะอ์มูมมัสบูกยังไม่ได้เริ่มอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์หรืออ่านเพียงบางส่วน มะอ์มูมต้องทิ้งการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ในส่วนที่เหลือ และวาญิบให้กระทำอิริยาบทที่อิหม่ามกำลังทำอยู่ (รุกั๊วะอฺ) เพราะการอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ที่ืยังไม่ได้เริ่มอ่านหรืออ่านเพียงบางส่วนนั้น เป็นหน้าที่ที่อิหม่ามต้องรับผิดชอบเอง แม้ว่ามะอ์มูมนั้นจะมีนิสัยในการอ่านช้าก็ตามที ไม่วาญิบที่มะอ์มูมจะอ่านสิ่งที่เกินความสามารถของตน ซึ่งมันจะแตกต่างกับมะอ์มูมมุวาฟิกที่มีนิสัยในการอ่านช้า ที่อนุญาตให้ทิ้งห่างอิหม่ามได้ 3 รุก่นยาว ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

ตัวอย่างที่สี่
หากมะอ์มูมมัสบูกอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์จบแล้ว และกำลังจะรุกั๊วะอฺ แต่ทว่าอิหม่ามได้อิอฺติดาลเสียก่อน ดังนั้น วาญิบสำหรับมะอ์มูมนั้น ต้องอิอฺติดาล (ทำตามอิหม่าม) โดยทันที และห้ามรุกั๊วะอฺอย่างเด็ดขาด (หากว่ามะอ์มูมคิดจะตามละหมาดของอิหม่าม) แต่หากว่าเขารุกั๊วะอฺ แสดงว่าการละหมาดของเขานั้น ถือว่าโมฆะ

ตัวอย่างที่ห้า
มะอ์มูมมัสบูกที่มัวยุ่งอยู่กับการอ่านสิ่งที่เป็นสุนัตในขณะยืน อยู่ ๆ อิหม่ามก็รุกั๊วะอฺ แต่มะอ์มูมยังไม่ได้อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์เลย ดังกล่าวนี้ วาญิบสำหรับมะอ์มูมต้องอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ให้เท่ากับอักษรที่มัวยุ่งอยู่กับการอ่านของสุนัต โดยให้เขากะเอาเองว่า น่าจะใช้เวลาหรืออักษรเท่าไรสำหรับกรณีนี้

ตัวอย่างที่หก
มะอ์มูมมัสบูกที่ขึ้นสู่การยืนแล้วนิ่งเฉย ไม่อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ (เช่น มัวเคลิ้มหรือคิดถึงใครบางคน - ผู้แปล) อยู่ ๆ อิหม่ามก็รุกั๊วะอฺ กรณีนี้ วาญิบสำหรับมะอ์มูมดงักล่าวต้องอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ให้ได้เท่ากับเวลาที่ตนนิ่งเงียบ โดยให้เขากะเอาเองว่า น่าจะใช้เวลาเท่าไร

ในกรณีตัวอย่างที่ห้าและหก หากมะอ์มูมมัสบูกได้ชดใช้การอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ เนื่องจากการชดใช้ต่อการดื้อรั้นในการอ่านของสุนัตหรือนิ่งเงียบเรียบร้อยแล้ว วาญิบที่เขาจะต้องรุกั๊วะอฺ หากเขารุกั๊วะอฺและมีเฏาะมานีนะฮ์พร้อมกับอิหม่าม เขาก็จะได้ร็อกอะฮ์นั้นไปครอบครอง หากอิหม่ามขึ้นจากรุกั๊วะอฺ แต่มะอ์มูมยังอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ไม่ได้ตามเงื่อนไข หรือมะอ์มูมทันรุกั๊วะอฺพร้อมกับอิหม่ามแต่ไม่มีเฏาะมานีนะฮ์ ดังกล่าวนี้ ถือว่ามะอ์มูมไม่ได้ร็อกอะฮ์ไปครอง และยังต้องชดใช้หล้ังจากอิหม่ามให้สลามแล้วอีกหนึ่งร็อกอะฮ์

หากอิหม่ามเงยศีรษะจากรุกั๊วะอฺ มะอ์มูมยังอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ไม่ได้ตามเงื่อนไข ถือว่า วาญิบที่มะอ์มูมต้องออกจากการตามอิหม่ามทันที ดังที่ชัยค์ อิบนุ หะญัร ได้อธิบายในหนังสือ منهاج القويم ซึ่งอธิบายโดย شربيني ในหนังสือ مغني และท่านชัยค์ รอมลี ได้อธิบายไว้ในหนังสือ نهاية ตามทัศนะของชัยค์อิสลามว่า มะอ์มูมจะต้องออกจากการตามอิหม่าม แต่มะอ์มูมต้องเลือกระหว่างการไม่ตามอิหม่ามหรือจะยอมละทิ้งรุกั๊วะอฺและรีบซุหญูดพร้อมกับอิหม่าม

[hiddenmin]

เข้ามาขัด

เนื้อหาน่าสนใจมากๆ

อีกเยอะมั้ยพี่น้อง

[ILHAM]

แล้วจะขัดทำไม

[as-satuly]

เข้ามาขัด
เนื้อหาน่าสนใจมากๆ
อีกเยอะมั้ยพี่น้อง

แล้วจะขัดทำไม

อ๋อ...ที่กำลังจะพิมพ์ต่อให้จบนี้ เป็นเรื่องสุดท้าย (ของเล่ม) แล้วล่ะครับ และในส่วนที่ยังแปลไม่เสร็จนั้น ก็จะให้ผู้แปลทำการแปลให้จบครับ และจะทำการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง (เท่าที่มีความสามารถของนักศึกษา) ครับ...อินชาอัลลอฮฺ ตะอาลา - วัสสลามุอะลัยกุม

[hiddenmin]

(เท่าที่มีความสามารถของนักศึกษา)

เพราะฉันเป็น "นักศึกษา" 

[ILHAM]

(เท่าที่มีความสามารถของนักศึกษา)

เพราะฉันเป็น "นักศึกษา" 

คุ้นๆนะ เอาจากไหน

[Hantu]

เอาไปสั้นๆก่อน

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง

ฉันจึง มาหา ความหมาย

ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย

สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

[Hantu]

ถ้ายาวๆก็เอาอันนี้ไป
กูเป็นนักศึกษา

กูไม่ใช่ขี้ข้าอุดมการณ์

กูมีเพียงความใฝ่ฝัน

เพื่อพ้นผ่านคืนวันที่จำทน



กูเป็นนักศึกษา

เดินทางร่อนเร่มาด้วยหมองหม่น

เดินผ่านร้อนหนาวร้าวระคน

เพื่อพ่อแม่ กูจึง ดั้นด้นมา



กูเป็นนักศึกษา

หลายครั้งหลายครากูสับสน

ว่ากูคือสิ่งใดในผองชน

พวกมึงถึงสนุกล้นกับน้ำตา



กูเป็นนักศึกษา

ไม่ใช่ขี้ข้าวิชาการ

กูไม่ได้ร่ำรวยศีลทาน

บางครั้งความอดกลั้นก็ท้อใจ



กูเป็นนักศึกษา

เสื้อสีขาวกับเข็มตรามึงเห็นไหม

กูเกิดมามีแค่ตัวไร้สิ่งใด

แล้วจะเอาห่าอะไรสถาบัน



สอนให้กูรักคนรอบข้าง

สอนเคารพกันบ้างอย่างบากบั่น

มึงรู้ไหมกูถ่อมาทำไมกัน

กูมาเรียนมุ่งมั่น ปริญญา

[ILHAM]

ที่ไหนได้ เคยฟังทุกปีตอนปฐมนิเทศนี่เอง มันเหมือนจะใช่นะ แต่ก็ยังไม่ใช่นะ เลยหาของใช่มาจนเจอ

กูเป็นนิสิต นักศึกษา
วาสนาสูงส่งสโมสร
ย่ำค่ำนี่จะย่ำไปงานบอลล์
เสพ เสน่ห์เกสรสุมาลี


กูเป็นนิสิตนักศึกษา
พริ้ง สง่างามผงาดเพียงราชสีห์
มันสมองของสยามธานี
ค่ำนี้กูจะนาบให้ หนำใจ


กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เจ้าขี้ข้ารู้จักกู หรือไหม
หัวเข็มขัด กลัดกระดุม ปุ่มเน็คไทร์
หลีกไปหลีกไปอย่ากีดทาง


กู เป็นนิสิตนักศึกษา
มหาวิทยาลัยอันกว้างขวาง
ศึกษา สรรพรสมิเว้นวาง
เมืองกว้างช้างหลายสบายดี


กูเป็นนิสิต นักศึกษา
เดินเหินดูสง่ามีราศี
ย่ำค่ำกูจะย่ำทั้งราตรี
กรุง ศรีอยุธยามาราธอน


เฮ้ย กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มี สติปัญญาเยี่ยมสิงขร
ให้พระอินทร์เอาพระขรรค์มาบั่นรอน
อเมริกา มาสอนกูเชี่ยวชาญ


กูเป็นนิสิตนักศึกษา
หรูหรา แหลมหลักอัครฐาน
พรุ่งนี้ก็ต้องไปร่วมงาน
สังสรรค์ในระดับปริญญา


ได้ โปรดฟังกูเถิดสักนิด
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เงียบ โว้ย-ฟังกู–ปรัชญา
กูอยู่มหาวิทยาลัย…


…กูอยู่มหาวิทยาลัย
รู้ ไหม เห็นไหม ดีไหม
อีกไม่นานเราก็ต่างจะตายไป
กอบโกยใส่ตัวเองเสีย ก่อนเอย

[Bangmud]

 salam

ออกทะเลไปไกลแล้ว กรุณากลับเข้าฝั่งด่วน

[anti-bid'ah]

มะอ์มูมมัสบูกในการละหมาดวันศุกร์

อย่างที่รู้กันว่า ละหมาดวันศุกร์เป็นละหมาดญะมาอะฮ์ที่วาญิบ หมายความว่า ละหมาดวันศุกร์จะไม่เศาะหฺ หากคนร่วมละหมาดน้อยกว่า 40 คน และ 40 คนที่ว่านี้ ต้องเป็นคนที่มีสติปัญญา (รู้จักรับผิดชอบชั่วดี) บรรลุนิติศาสนภาวะ อิสระชน และเป็นเจ้าที่ (ไม่ใช่หมายถึงผีสางนางไม้น่ะ แต่ "เจ้าที่" ณ ที่นี้ หมายถึง ผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว และไม่รวมคนนอกที่มาพักเพื่อเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง เมื่อบรรลุเป้าหมายก็จะ say good bye เช่น นักศึกษา, คนงาน ฯลฯ - ผู้แปล)

ละหมาดวันศุกร์เปรียบเสมือนสายใยสามัคคี ผ่านการปฏิบัติอิบาดะฮ์ประจำสัปดาห์ที่วาญิบสำหรับบุรุษเพศ (อันนี้สตรีเพศอด เพราะไม่วาญิบ แต่ก็มาละหมาดได้) ละหมาดวันศุกร์ต้องมีสองร็อกอะฮ์และสองคุฏบะฮ์ มะอ์มูมมัสบูกในการละหมาดวันศุกร์ เช่น ขณะที่อิหม่ามและมะอ์มูมอื่น ๆ ละหมาดกันอยู่ หากมะอ์มูมมาทันการรุกั๊วะอฺและมีเฏาะมานีนะฮ์ในร็อกอะฮ์ที่สองพร้อมกับอิหม่าม กรณีดังกล่าว ถือว่า มะอ์มูมได้ร็อกอะฮ์นั้นไปครอง และมะอ์มูมต้องเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์หลังจากอิหม่ามให้สลาม และสุนัตให้มะอ์มูมอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์และซูเราะฮ์ต่าง ๆ (ที่ต้องการเลือกอ่าน) ด้วยเสียงดังได้

หากมะอ์มูมมัสบูกเริ่มละหมาด ขณะที่อิหม่ามอิอฺติดาลหรือเริ่มหลังอิหม่ามอิอฺติตาล เช่น ซุหญูดในร็อกอะฮ์ที่สอง กรณีดังกล่าว ถือว่า มะอ์มูมไม่ได้ร็อกอะฮ์นั้น และเขาจะต้องละหมาดสี่ร็อกอะฮ์ เหมือนกับการละหมาดซุฮฺริหลังจากอิหม่ามให้สลามและควรอ่านด้วยเสียงเบา ๆ

มะอ์มูมมัสบูกที่ละหมาดตามผู้ที่ได้หนึ่งร็อกอะฮ์พร้อมกับอิหม่ามละหมาดวันศุกร์ ถือว่า มะอ์มูมมัสบูกได้ละหมาดญุมอะฮ์ด้วยเช่นกัน หากมีเฏาะมานีนะฮ์พร้อมกับอิหม่ามในรุกั๊วะอฺนั้น (เช่น เมื่ออิหม่ามนำละหมาดวันศุกร์ยืนในร็อกอะฮ์ที่สอง คุณเริ่มจะละหมาดพร้อมกับอิหม่าม ดังกล่าวถือว่า คุณต้องเพิ่มอีกหนึ่งร้อกอะฮ์ หลังจากอิหม่ามวันศุกร์ให้สลามแล้ว เพื่อให้ครบสองร็อกอะฮ์ แต่เมื่ออิหม่ามให้สลาม คุณก็เริ่มยืนทันที ขณะที่คุณกำลังยืนละหมาดหรือรุกั๊วะอฺอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีอีกคนหนึ่ง (นาย ก ซึ่งมาไม่ทันอิหม่าม) มาละหมาดตามคุณ ซึ่งถ้าหากเขา (นาย ก) รุกั๊วะอฺทันและมีเฏาะมานีนะฮ์พร้อมกับคุณ จำเป็นที่เขา (นาย ก) คนนั้นต้องเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์เช่นกัน - ผู้แปล) และหากว่าขณะที่เขา (นาย ก) กำลังละหมาดเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์นั้น ปรากฏว่า มีอีกคนหนึ่ง (นาย ข) เพิ่งจะเข้ามา (จะละหมาดวันศุกร์) และได้มาเป็นมะอ์มูมของเขา (นาย ก) นั้น และเขา (นาย ข) ก็ทันรุกั๊วะอฺพร้อมกับเขา (นาย ก) อย่างมีเฏาะมานีนะฮ์ ดังกล่าวนั้น ถือว่า เขา (นาย ข) ได้ร็อกอะฮ์นั้นไปด้วย และต้องเพิ่มอีกหนึ่งร็อกอะฮ์หลังจากเขา (นาย ก ซึ่งเป็นอิหม่ามของนาย ข) ให้สลาม และถ้ายยังมีคนต่อ ๆ มา ก็ให้ถือกรณีเช่นนี้ไปจนถึงเวลาละหมาดอัศริ

ส่วนมะอ์มูมมัสบูกที่ไม่ทันรุกั๊วะอฺพร้อมกับอิหม่ามวันศุกร์ในร็อกอะฮ์ที่สอง วาญิบที่เขาจะต้องทำการเนียตละหมาดวันศุกร์ แต่นักวิชาการนิติศาสตร์ (ฟิกฮฺ) บางส่วนให้ทรรศนะว่า ฮารู๊ส (อนุญาต) สำหรับมะอ์มูมดังกล่าวที่จะเนียตละหมาดวันศุกร์ หรือละหมาดซุฮฺริก็ได้ หากมะอ์มูมไม่ทันรุกั๊วะอฺของอิหม่ามในร็อกอะฮ์ที่สองของละหมาดวันศุกร์ ซึ่งอุลมาอ์ (นักวิชาการ) บางท่านให้ทรรศนะว่า มะอ์มูมมัสบูกดังกล่าวต้องเนียตละหมาดวันศุกร์ แต่ภาคการปฏิบัติต้องเป็นละหมาดซุฮฺริสี่ร็อกอะฮ์

ตำราที่ใช้อ้างอิง

(1) มุนยะฮ์ อัลมุศ็อลลีย์.

(2) ตะอฺลีม อัศเศาะลาฮฺ.

(3) ฟิกฮฺ อัซซุนนะฮ์.

(4) อัลฟิกฮฺ อะลา อัลมะซาฮับ อัลอัรบะอะฮ์.

(5) ฟุรูอฺ อัลมะซาอิล.

(6) อิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน.

[anti-bid'ah]

 salam
ตอนนี้ เนื้อหาสาระของหนังสือที่แปลนี้ กำลังจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่บางจุดที่ยังแปลไม่เสร็จ และกำลังตรวจทานอักษรและเนื้อหาอยู่ครับ ซึ่งตอนนี้ก็คืบหน้าไปแล้วประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีกไม่กี่วันก็น่าจะเสร็จสมบูรณ์ ช่วยขอดุอาอ์ด้วยครับ...อินชาอัลลอฮฺ ตะอาลา - วัสสลามุอะลัยกุม (ผู้พิมพ์ [02/08/2553])

[yunus]

 

ตอนนี้ เนื้อหาสาระของหนังสือที่แปลนี้ กำลังจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่บางจุดที่ยังแปลไม่เสร็จ และกำลังตรวจทานอักษรและเนื้อหาอยู่ครับ ซึ่งตอนนี้ก็คืบหน้าไปแล้วประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีกไม่กี่วันก็น่าจะเสร็จสมบูรณ์ ช่วยขอดุอาอ์ด้วยครับ...อินชาอัลลอฮฺ ตะอาลา - วัสสลามุอะลัยกุม (ผู้พิมพ์ [02/08/2553])

ไม่ทราบว่าตอนนี้เสร็จยังครับ