ผู้เขียน หัวข้อ: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม  (อ่าน 18817 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า  วะฮาบีนาม Hafiz-dm เขาไม่ต้องการเสวนาเชิงวิชาการกับเราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ แต่เขาเข้ามาเพื่อแผ่อะกีดะฮ์บิดอะฮ์ตามความหมายที่ต้องการเท่านั้น เอง  ซึ่งขัดกฏเกณฑ์แห่งเว็บนี้  
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

whb

  • บุคคลทั่วไป
ผมไมได้มาหาเหยื่อหรอก

ได้เหยื่อแบบคุณ ผมยอม-อดตายอยู่ที่บ้านจะดีกว่า

เอาเถอะ..คนเราถ้าปฏิเสธ ก็ ปฏิเสธอยู่วันจนค่ำแหละ..
ถึงจะเอาหลักฐานอันชัดแจ้งมาแล้วก็ตาม

เชิญคุณตีความแบบนักแนวปรัชญาดีเด่นในเรื่องนี้ต่อไปเถอะ..ทั้งๆที่ความหมายก็ตรงตัวอยู่แล้ว

ก็แล้วแต่คุณน่ะว่า จะให้ความหมายในอายะห์ที่พระองค์ประทานมาว่าอย่างไร..
เชิญแปลตามแนวอะกีดะห์ที่คุณยึดถือ  เพราะผมไม่เคยแปลความหมายออกนอกลู่นอกทางจากสิ่งที่ถูกประทานลงมา

เรานั้นเป็นใคร?ที่ต้องการเปลี่ยนคำว่า อิสตาวะ( استواء ) ให้เป็น อิสเตาลา( استولا ) เราเป็นคนที่เก่งที่สุดกระนั้นหรือ?ทั้งๆที่เราไม่มีความสามารถ หรือเราคิดว่าสติปัญญาของเราล่ำเลิศสามารถที่จะเปลี่ยนคำของพระองค์อัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ด้วยพระองค์เอง?



พอเหอะกับเรื่องนี้...ผมตอบเท่าที่ผมศรัทธาหมดแล้วเกี่ยวกับการประทับของพระองค์

แต่การถามจากนั้นมันเป็นบิดอะห์   บิดอะห์จริงๆ!



ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ที่คุณ Hafiz-dm ไปก็อปปี้มาทั้งหมดนั้น คนที่แปลคืออาจารย์คนไทยท่านไหนก็ไม่รู้อะนะครับ ได้แปลคำว่า اسْتَوَى  ว่าหมายถึง "สถิต" ซึ่งถ้าตามภาษาอาหรับก็ตรงกับคำว่า  استقر  อย่างแน่นอน แต่คำว่า اسْتَوَى ในภาษาอาหรับมีตั้ง หลายความหหมาย เช่น

1.   الإستقرار    แปลว่า  สถิต
2.   الجلوس     แปลว่า  ประทับนั่ง
3.  الإرتفاع       แปลว่า  ขึ้นไป
4.  العلو         แปลว่า  สูง
5.  الإستيلاء     แปลว่า  ปกครอง

แล้วไม่ทราบว่าท่านอาจารย์คนนี้มีเหตุผลแวดล้อมอะไรหรอครับ ถึงได้แปลคำว่า اسْتَوَى  นี้ ให้อยู่ในความหมายที่แปลว่า "สถิต (الإستقرار ) " ทั้งที่มีความหมายอื่นที่เหมาะสมกว่าและตรงกับสำนวนสำนวนของชาวอาหรับมากกว่า และได้รับรองจากปราชญ์สาขาภาษาอาหรับในยุคอดีตด้วย เช่น

ปราชญ์ภาษาอาหรับ  ท่านอะบูอับดุรเราะห์มาน อับดุลลอฮ์ บิน ยะห์ยา อิบนุ อัลมุบาร็อก อัลยะซีดีย์ (เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 237) ซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน อะบู ซะกะรียา อัลฟัรรออฺ (เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 207) ปราชญ์วิชานะฮูนามกระเดื่อง  ได้กล่าวว่า

 عَلَي العَرْشِ اسْتَوَي : اِسْتَوْلَي

"พระองค์ ทรงอิสติวาอฺเหนือบัลลังก์ : หมายถึง ทรงปกครอง(อิสตีลาอฺ)เหนือบัลลังก์" หนังสือ ฆ่อรีบุลกุรอานและตัฟซีรุฮู หน้า 113


ปราชญ์ภาษาอาหรับ ท่านมุฮัมมัด บิน อะบีบักร์ อัรรอซี (ปี ฮ.ศ. 666) ได้กล่าวว่า

وَاسْتَوَي أَي اِسْتَوْليَ وَظَهَرَ

"อิสตะวา หมายถึง อิสเตาลา (ปกครอง) และปรากฏ" หนังสือมุคตาร อัศศิฮาหฺ หน้า 136


ฝากไปถามอาจารย์คนที่แปลบทความนี้มาด้วยนะครับ.....ว่าทำไมแปลว่า "สถิต" เอาหลักฐานแวดล้อมไรมาอ้างให้แปลแบบนั้น
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

whb

  • บุคคลทั่วไป
สรุปคือไม่อยากจบ  เรื่องศีฟัตอัลลอฮ..ต้องการให้ผมชี้แจงอะไร??

ผมก็ศรัทธาเช่นนี้..และบอกแล้วว่า ไม่ถาม ไม่จินตนาการ มันคือ บิดอะห์!

คุณจะชี้แจงจนเว็บล่ม มันก็ไม่ได้ทำให้อะกีดะห์ผมเปลี่ยนแปลงไป  และโปรดอย่ามาตัดสินอะกีดะห์ของผมว่าผิด..

ตราบใด ที่ไม่ใช่พระองค์อัลลอฮเป็นผู้ตัดสินมันด้วยพระองค์เอง!!

พวกคุณก็เชื่อไปในแบบพวกคุณ..ผมก็จะเชื่อร่วมกับพี่น้องที่เขาเชื่อแบบผมอีกหลายๆบอร์ดเว็บไซต์^^


ปล. อะกีดะห์ใครอะกีดะห์มัน   

ผมแค่แวะมาเยี่ยมเยียนกลุ่มที่เรียกตันเองว่า อะหฺลุลซุนนะห์วัลญามาอะห์  ว่าเขาเป็นคนอย่างไรกัน
ถึงได้อ้างตนว่าเป็น อะหฺลุลซุนนะห์วัลญามาอะห์ 

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
คนที่ตัดสินว่าคนอื่นผิด คือ อุละมาอฺ วะฮาบีย์ ต่างหากละครับ ไม่ใช่พวกเรา...ซึ่งพวกเขาตัดสินว่าปราชญ์อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ ไม่ว่าจะเป็น ท่านอิมามนะวาวีย์ ,ท่านอิมามอิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีญ์ ,ท่านอิมามบัยหะกีย์ ,ท่านอิมามซุยูตีย์ เป็นต้น วะฮาบีย์บอกว่าเขาเหล่านี้หลงผิดกันหมด

สรุป คือ กลุ่มที่ถูก คือ กลุ่มของตัวเองอย่างเดียว ซึ่งลักษณะนี้ไม่ต่างไรกับลักษณะของกลุ่มคอวาริจ คับ...
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

whb

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษด้วยน่ะครับ

อุลามะอฺวะฮาบีย์ผมแทบยังไม่รู้จักสักคน!

ผมก็ไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรจึงถูกเรียกว่า วะฮาบีย์ เพียงแค่ผมทำบางสิ่งบางอย่างที่ต่างจากบางคน

ทั้งๆที่ผม ก็ยัง งง กับฉายาที่ถูกแต่งให้..แล้วมองย้อนกลับไปมองพวกเขาที่ตั้ง ฉายา นี้ให้ผม!
มันจะต่างอะไรกับการที่ วะฮาบีย์ไปตัดสินพวกเขา  ในเมื่อพวกเขาก็ยังคงตัดสินอะกีดะห์ของวะฮาบีย์!

ถ้าจะหาคนที่ถูกต้องจากปัญหานี้คงไม่มี..


ผมแทบไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของวะฮาบีย์และไม่เคยรู้หลักการของพวกเขา..แต่ผมได้รับอะกีดะห์จากการศึกษาของผมเอง  ไม่เคยไปสืบสานเจตนารมณ์ของใคร...ผมไม่เคยสังกัดตัวเองว่าอยู่ในมัซฮับใดเป็นที่แน่ชัด   สำหรับผมแล้ว มีอัลฮะดิษกับอัลกุรอานก็เพียงพอ..ไม่น้อมรับสิ่งอื่นๆใหม่ๆจาก บรรพบุรุษทำ

ผมปฎิเสธการเข้าร่วมเมาลิด ไม่ร่วมงานบุญคนตาย ไมได้ลูบหน้าหลังละหมาด ไม่อ่านกูนูตในซุบฮฺ
สิ่งเหล่านี้มันมาจากการศึกษาไขว่คว้าของผม...และผมก็มั่นใจในหนทางของผม

แม้จะต้องถูกเรียกว่า วะฮาบีย์ก็ตาม!

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
นักประวัติศาสตร์วะฮาบี  ได้รายงานประวัติศาสตร์ว่า 


 وقد غزا المسلمون ثرمدا مرة ثانية ... ولم يقع قتال إذ لم يخرج من أهل البلد أحد لقتالهم، فدمر المسلمون المزارع وانقلبوا راجعين

"บรรดามุสลิมีน(คือผู้ที่อยู่ฝ่ายมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ส่วนฝ่ายอื่นกาเฟรและเป็นพวกมุชริกีนตามทัศนะของพวกเขา) ได้ไปรบที่เมืองษัรมัดในครั้งที่สอง  แต่ทว่าไม่เกิดการสู้รบเนื่องจากไม่มีชาวเมืองสักคนออกมาเพื่อรบต่อพวกเขา(พวกทหารมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ) ดังนั้นบรรดามุสลิมีน(ฝ่ายมุฮัมมัดบินอับดุลวะฮาบ) จึงทำลาย(เรือกสวนไร่นา)สิ่งเพาะปลูกทั้งหลาย  แล้วพวกเขาก็ถอยทัพกลับ" ตารีค นัจญ์ดฺ ของฆ็อนนาม หน้า 102

พี่น้องสังเกตุครับ  การทำลายเรือกสวนไร่นาต่อฝ่ายศัตรูนั้น  ขัดกับซุนนะฮ์นบี  ขัดกับแนวทางของคอลิฟะฮ์ผู้ทรงธรรม  แต่พวกเขายังเรียกตนเองว่า "มุสลิมีน"
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
ตารีค นัจญ์ดฺ หน้าที่ : 104

 وفي هذه السنة ارتد إبراهيم بن محمد بن عبدالرحمن أمير ضرمى، وتفض عهد الشيخ محمد بن عبدالوهاب والأمير محمد بن سعود

"ในปีที่  1163 นี้  อิบรอฮีม บิน มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะห์มาน  เข้าเมืองฏ็อรมา  ได้ตกศาสนา (เพราะไม่ยอมตามแนวทางมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ) และล้มเลิกสัญญาของชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบและเจ้าชายมุฮัมมัด สะอูด"

เพราะประวัติศาสตร์ที่อุลามาอฺประวัติศาสตร์วะฮาบีนี้  ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า  ผู้ใดไม่ยอมสยบแก่มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ตกศาสนาเป็นกาเฟร!!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
ชัยค์สุไลมาน บิน สุหัยม์ อุลามาอฺใหญ่ของมัซฮับฮัมบาลีย์ในยุคนั้น  ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  จึงถูกมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ตัดสินเป็นคนกาเฟรไปในที่สุด

ในหนังสืออัดดุร็อร อัสสะนียะฮ์ เล่ม 10 หน้า 31  ซึ่งเป็นตำราของวะฮาบีดั้งเดิมพิมพ์โดยซาอุฯ ได้ระบุถึงสารที่มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ไ้ดเขียนถึง ชัยค์สุไลมาน บิน สุหัยม์  ความว่า

نذكر لك أنك وأباك مصرحون بالكفر والشرك والنفاق

"เราขอกล่าวแก่ท่านว่า  แท้จริงท่านและบิดาของท่านนั้น  เผยชัดเจนถึง การกุฟุร  ชิริก และมุนาฟิก"

ดังนั้นใครที่ไม่ยอมตามมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  จึงถูกฮุกุ่มกาเฟรและมุนาฟิก!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้กล่าวในหนังสือ อัดดุร็อร อัสสะนียะฮ์  เล่ม 10 หน้า 51 ซึ่งเป็นตำราดั้งเดิมของวะฮาบี  ตีพิมพ์โดยซาอุฯ   ความว่า

وأنا أخبركم عن نفسي والله الذي لا إله إلا هو لقد طلبت العلم واعتقد من عرفني أن لي معرفة وأنا ذلك الوقت لا أعرف معنى لا إله إلا الله  ، ولا أعرف دين الإسلام  قبل هذا الخير الذي من الله به وكذلك مشايخي ما منهم رجل عرف ذلك

"ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าว่า  ขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ว่า  แท้จริงฉันได้เคยแสวงวิชาความรู้และผู้ที่รู้จักฉันเชื่อว่า ฉันมีการรู้จักอัลลอฮ์อย่างแท้จริงแล้ว  ทั้งที่ฉันในวันนั้น  ไม่เคยรู้จักความหมาย  ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์เลย  ฉันไม่รู้จักศาสนาอิสลามก่อนความดีงามนี้ที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้นี้  และเช่นเดียวกัน  บรรดาปรมาจารอาจารย์ของฉัน ก็ไม่มีผู้ใดรู้จักศาสนาอิสลามเลย"

สรุปคือ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ตัดสินฮุกุ่มบรรดาอาจารย์ของตนเอง  ไม่รู้จักศาสนาอิสลาม ไม่รู้จัก กะลิเมาะฮ์ลาอิลาฮะอัลลัลลอฮ์   ซึ่งผู้ที่ไม่รู้จักศาสนาอิสลามและไม่รู้จักลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  ก็คือกาเฟรนั่นอง!  นี่คือความชอบธรรมของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ผู้นิยมท่านอิบนุตัยมียะฮ์และอิบนุก็ิอยยิม ยังถูกมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ฮุกุ่มว่าเป็นกาเฟรออกนอกศาสนาอิสลาม

ในหนังสืออัรริซาละฮ์ อัลคอซเซาะฮ์  เล่ม 1 หน้า 121 มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบได้พูดถึง ท่านอิบนุไฟรูซ  ปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์ว่า

ولكن تعرف ابن فيروز أنه أقربهم إلى الإسلام وهو رجل من الحنابلة، وينتحل كلام الشيخ وابن القيم خاصة

"แต่ท่านรู้จักว่า อิบนุไฟรูซนั้น  ใกล้เคียงกับอิสลามมากที่สุด(แต่ยังไม่เข้าอยู่ในศาสนาอิสลาม)  โดยเขาเป็นอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ และยอมรับคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะฮ์และอิบนุก็อยยิมเป็นพิเศษอีกด้วย"

ต่อมามุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  กล่าวตัดสินกาเฟรต่อท่านอิบนุไฟรูซไว้ในหนังสือ อัดดุร็อร อัสสะนียะฮ์ เล่ม 10 หน้า 63 ว่า

بل العبارة صريحة واضحة في تكفير مثل ابن فيروز وصالح ابن عبد الله وأمثالهما كفراً ظاهراً ينقل عن الملة فضلا عن غيرهما

"แต่ว่าสำนวนมีความชัดเจนแล้วในการตัดสินเป็นกาเฟรกับ อิบนุไฟรูซและซอและห์ บิน อับดิลลาฮ์ และผู้ที่เฉกเช่นทั้งสอง  ซึ่งเป็นกาเฟรอย่างขัดเจนออกจากศาสนาอิสลาม  ยังนอกเหนือจากทั้งสอง(ก็เป็นกาเฟรออกนอกอิสลามเช่นกัน"

ขนาดปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์  ที่นิยมในท่านอิบนุตัยมียะฮ์และอิบนุก็อยยิม เป็นพิเศษยังถูก มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ฮุกุ่มเป็นกาเฟรออกนอกศาสนา แล้วปราชญ์มัซอับ ชาฟิอีย์ มัซฮับมาลิกีย์ และมัซฮับหะนะฟีย์  จะไม่ไปเหลืออะไร!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัดดุร็อร อัสสะนียะฮ์ เล่ม 10 หน้า 43 ว่า

أن أهل أرضنا وأرض الحجاز الذي ينكر البعث منهم أكثر ممن يقر به

"แท้จริงชาวเมืองที่อยู่ในแผ่นดิน(นัจญ์)ของเราและชาวเมืองที่อยู่ในแผ่นดินฮิยาซฺ(ที่มักกะฮ์และมะดีนะฮ์เป็นต้น)  มีผู้ที่ปฏิเสธวันฟื้นคืนชีพมากกว่าผู้ที่ยอมรับว่ามีการฟื้นคืนชีพ"

มีด้วยหรือที่บรรดามุสลิมมากมายในสมัยมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ปฏิเสธเรื่องการฟื้นคืนชีพ  แม้กระทั่งพวกยะฮูดีและพวกนะซอรอยังไม่ปฏิเสธกัน  หรือว่าชาวแคว้นฮิญาซฺ  ชาวมักกะฮ์และมะดีนะฮ์  ถูกให้ร้ายจากมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้กล่าวในหนังสือ อัดดุร็อร อัสสะนียะฮ์  เล่ม 10 หน้า 51 ซึ่งเป็นตำราดั้งเดิมของวะฮาบี  ตีพิมพ์โดยซาอุฯ   ความว่า

وأنا أخبركم عن نفسي والله الذي لا إله إلا هو لقد طلبت العلم واعتقد من عرفني أن لي معرفة وأنا ذلك الوقت لا أعرف معنى لا إله إلا الله  ، ولا أعرف دين الإسلام  قبل هذا الخير الذي من الله به وكذلك مشايخي ما منهم رجل عرف ذلك

"ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าว่า  ขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ว่า  แท้จริงฉันได้เคยแสวงวิชาความรู้และผู้ที่รู้จักฉันเชื่อว่า ฉันมีการรู้จักอัลลอฮ์อย่างแท้จริงแล้ว  ทั้งที่ฉันในวันนั้น  ไม่เคยรู้จักความหมาย  ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์เลย  ฉันไม่รู้จักศาสนาอิสลามก่อนความดีงามนี้ที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้นี้  และเช่นเดียวกัน  บรรดาปรมาจารอาจารย์ของฉัน ก็ไม่มีผู้ใดรู้จักศาสนาอิสลามเลย"

สรุปคือ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ตัดสินฮุกุ่มบรรดาอาจารย์ของตนเอง  ไม่รู้จักศาสนาอิสลาม ไม่รู้จัก กะลิเมาะฮ์ลาอิลาฮะอัลลัลลอฮ์   ซึ่งผู้ที่ไม่รู้จักศาสนาอิสลามและไม่รู้จักลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  ก็คือกาเฟรนั่นอง!  นี่คือความชอบธรรมของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ!

ในหนังสือ  ดะอาวี อัลมะนาวิอีน  ของอับดุลอะซีซ อัลอับดุล ละฏีฟ หน้า 166   ได้ระบุคำพูดของท่านชัยค์ สุไลมาน บิน อับดุลวะฮาบ (พี่น้องชายมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ)  ซึ่งท่านชัยค์สุไลมานถามน้องชายเขาว่า

كم أركان الإسلام يا محمد بن عبد الوهاب؟ قال: خمسة قال: أنت جعلتها ستة, السادس: من لم يتبعك فليس بمسلم هذا عندك ركن سادس من أركان الإسلام

"รูกุ่นอิสลามมีเท่าไหร่ โอ้ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ?  เขาตอบว่า  "มี 5 ประการ"  ท่านชัยค์สุไลมานผู้เป็นพี่ชายกล่าวต่อว่า "เจ้าได้ทำให้รูกุ่นอิสลามมี 6 ประการ  ซึ่งรูกุ่นข้อที่ 6 ก็คือ ผู้ใดที่ไม่ตามเจ้า  เขาไม่ใช่มุสลิม  และนี้ก็คือรูกุ่นที่ 6 จากรูกุ่นอิสลามตามทัศนะของเจ้า"

เป็นคำพูดที่ถูกต้องมากๆ เพราะขนาดบรรดาอาจารย์ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบเอง  ยังถูกตัดสินว่า  ไม่รู้จักกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์และไม่รู้จักศาสนาอิสลาม เพราะว่าไมยอมตามหลักการที่มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบต้องการ  ความเป็นอิสลามจึงยังไม่สมบูรณ์นั่นเอง!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
ในหนังสือ  ดะอาวี อัลมะนาวิอีน  ของอับดุลอะซีซ อัลอับดุล ละฏีฟ หน้า 166   ได้ระบุคำพูดของท่านชัยค์ สุไลมาน บิน อับดุลวะฮาบ (พี่น้องชายมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ)  ซึ่งท่านชัยค์สุไลมานถามน้องชายเขาว่า

كم أركان الإسلام يا محمد بن عبد الوهاب؟ قال: خمسة قال: أنت جعلتها ستة, السادس: من لم يتبعك فليس بمسلم هذا عندك ركن سادس من أركان الإسلام

"รูกุ่นอิสลามมีเท่าไหร่ โอ้ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ?  เขาตอบว่า  "มี 5 ประการ"  ท่านชัยค์สุไลมานผู้เป็นพี่ชายกล่าวต่อว่า "เจ้าได้ทำให้รูกุ่นอิสลามมี 6 ประการ  ซึ่งรูกุ่นข้อที่ 6 ก็คือ ผู้ใดที่ไม่ตามเจ้า  เขาไม่ใช่มุสลิม  และนี้ก็คือรูกุ่นที่ 6 จากรูกุ่นอิสลามตามทัศนะของเจ้า"

เป็นคำพูดที่ถูกต้องมากๆ เพราะขนาดบรรดาอาจารย์ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบเอง  ยังถูกตัดสินว่า  ไม่รู้จักกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์และไม่รู้จักศาสนาอิสลาม เพราะว่าไมยอมตามหลักการที่มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบต้องการ  ความเป็นอิสลามจึงยังไม่สมบูรณ์นั่นเอง!

ในหนังสือ  ตารีค อัลนัจญ์ดฺ  บันทึกโดย อิบนุ ฆ็อน อุลามาอฺประวัติศาสตร์วะฮาบีของแท้  ได้ระบุประวัติศาสตร์ตอนหนึ่ง ในหน้าที่ 106 ว่า

 وفي شوال من هذه السنة 1165 ارتد أهل حريملا وكان قاضيها سليمان بن عبدالوهاب

"ในเดือนเชาวาลปีที่ 1165  ชาวเมืองหะรีมะลา(อยู่ทางตอนเหนือของเมืองริยาฎ)ตกศาสนาเป็นกาเฟร  และผู้เป็นกอฏีในเมืองนั้น คือ สุไลมาน บิน มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ (พี่ชายของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบเอง)"

ทำไมชาวเมืองหะรีมาลาต้องตกมุรตัด  นั่นก็เพราะว่าไม่มีรุกุ่นอิสลามของที่ 6 ตามทัศนะของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ตามที่ชัยค์ สุไลมาน ผู้เป็นพี่ชายได้เคยพูดถามไว้นั่นเอง!
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ขอโทษด้วยน่ะครับ

อุลามะอฺวะฮาบีย์ผมแทบยังไม่รู้จักสักคน!

ผมก็ไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรจึงถูกเรียกว่า วะฮาบีย์ เพียงแค่ผมทำบางสิ่งบางอย่างที่ต่างจากบางคน

ทั้งๆที่ผม ก็ยัง งง กับฉายาที่ถูกแต่งให้..แล้วมองย้อนกลับไปมองพวกเขาที่ตั้ง ฉายา นี้ให้ผม!
มันจะต่างอะไรกับการที่ วะฮาบีย์ไปตัดสินพวกเขา  ในเมื่อพวกเขาก็ยังคงตัดสินอะกีดะห์ของวะฮาบีย์!

ถ้าจะหาคนที่ถูกต้องจากปัญหานี้คงไม่มี..


ผมแทบไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของวะฮาบีย์และไม่เคยรู้หลักการของพวกเขา..แต่ผมได้รับอะกีดะห์จากการศึกษาของผมเอง  ไม่เคยไปสืบสานเจตนารมณ์ของใคร...ผมไม่เคยสังกัดตัวเองว่าอยู่ในมัซฮับใดเป็นที่แน่ชัด   สำหรับผมแล้ว มีอัลฮะดิษกับอัลกุรอานก็เพียงพอ..ไม่น้อมรับสิ่งอื่นๆใหม่ๆจาก บรรพบุรุษทำ

ผมปฎิเสธการเข้าร่วมเมาลิด ไม่ร่วมงานบุญคนตาย ไมได้ลูบหน้าหลังละหมาด ไม่อ่านกูนูตในซุบฮฺ
สิ่งเหล่านี้มันมาจากการศึกษาไขว่คว้าของผม...และผมก็มั่นใจในหนทางของผม

แม้จะต้องถูกเรียกว่า วะฮาบีย์ก็ตาม!



การถูกเรียกว่าชื่อว่า "วะฮาบีย์" นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไรหรอกครับ และไมไ่ด้มีความหมายที่น่าเกลียดด้วย มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นหนึ่งในนามชื่อ ของอัลลอฮฺอีก ต่างหากคือ الوهاب ดังนั้น การที่ใครปราาชญ์เรียกชื่อว่า "วะฮาบีย์" นั้น เป้นเรื่องของศัพท์ทางเทคนิค ที่ชาวอาหรับจะเรียกกัน ซึ่งบางคนเรียกตามชื่อเมือง ,บางคนเรียกตามชื่อพ่อ ,บางคนเรียกตามชื่อปู๋ เป็นต้น ซึ่งไม่ได้ให้ความหมายที่น่าเกลียดอะไรเลย....


ท่าน ชัยค์ หะซัน ฟัรฮาน อัลมาลิกีย์ กล่าวเกี่ยวกับการใช้ศัพท์คำว่า "วะฮาบียะฮ์" ว่า


ประการที่หนึ่ง
 คือต่อไปผู้อ่านจะพบระหว่างการค้นคว้าวิเคราะห์ว่า  บางครั้งฉันจะใช้คำว่า "วะฮาบียะฮ์"  ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของการน่าตำหนิอย่างที่ฝ่ายคัดค้านได้เรียกขึ้นมา  หรือว่าทำให้ "วะฮาบียะฮ์" เป็นมัซฮับใหม่  แต่ทว่ามันเป็นเรื่องการเรียกศัพท์ทางเทคนิคหรือฉายาที่บรรดามุสลิมิมีนส่วน มากทำการเรียกที่มีต่อ  กระแส  กระบวนการ  แนวคิด  การเรียกร้อง  ที่มีประวัติศาสตร์  มีลักษณะพิเศษ  มีตำรา และอุลามาอ์เฉพาะของพวกตน

ประการที่สอง พวกวะฮาบีย์บางส่วนได้พึงพอใจกับฉายานี้  และพวกเขานำฉายาดังกล่าวมาเรียกแทนตัวพวกเขาเอง  ดังนั้น  คำว่า "วะฮาบีย์" จึงไม่ใช่เป็นลักษณะของการตำหนิและการสรรเสริญ  และไม่ใช่เป็นการตำหนิ  จนกระทั่งหากยอมรับในหลักการวะฮาบีย์  จะกลายเป็นมัซฮับหนึ่งขึ้นมา  เพราะฉะนั้น  มัซฮับที่ยึดอยู่บนหลักฐานที่ถูกต้องนั้น  นามชื่อของมัซฮับที่เกิดขึ้นใหม่จะไม่ทำให้มัซฮับเกิดความเสียหาย  การเรียกของผู้คนก็เช่นเดียวกัน  เนื่องจากว่า  เงื่อนไขของการมีมัซฮับนั้น  ไม่จำเป็นต้องอยู่ในยุคแรกของศตวรรษที่สาม  เฉกเช่นเดียวกันกับ กระแสความคิดหรือมัซฮับที่ทฤษฏีหรือแนวปฏิบัติอยู่บนบรรดาหลักฐานที่อ่อน  ก็ย่อมไม่มีประโยชน์อันใดจากการตั้งชื่อมัซฮับซ่ะสวยงาม  หากแม้ว่ามัซฮับดังกล่าวจะอยู่ยุคศตวรรษแรกก็ตาม  เพราะการพิจารณานั้น  ด้วยกับความรู้ที่ถูกต้อง  อีม่านที่บริสุทธิ์  และการปฏิบัติที่ดีงาม  ไม่ใช่ด้วยการตั้งชื่อหรือมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ

ฉันรู้สึกแปลกใจที่ มีบรรดาพวกมุก๊อลลิดต่างกล่าวกันว่า  ถ้อยคำ "อัลวะฮาบียะฮ์" นั้น ผู้เป็นปฏิปักษ์จะนำมาใช้เรียก พวกเขามักนำมาพูดกับฉายานี้  ทั้งที่การ เรียกชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะมาถกเถียงกัน

มีอุลามาอ์ที่เรียกร้องแนวทางดังกล่าว  อนุญาตให้ใช้คำว่า "วะฮาบียะฮ์"  พวกเขาต่างนำมาใช้ในตำราต่าง ๆ ของพวกเขา  โดยไม่หวั่นเกรงต่อการกล่าวหาว่า สร้างมัซฮับขึ้นมา  ยิ่งกว่านั้น  พวกเขายังทำการประพันธ์ตำราต่าง ๆ เกี่ยวกับอะกีดะฮ์และการเรียกร้องของวะฮาบีย์  โดยมิได้มีความเสื่อมเสียแต่ประการใด

ส่วนหนึ่งจากบรรดาอุลามาอ์ที่ เรียกร้องแนวทางวะฮาบีย์  ยังนำคำว่า "วะฮาบีย์" มาให้เรียก  เช่น  ชัยค์ สุไลมาน บิน ซะห์มาน  , ชัยค์ มุฮัมมัด บิน อับดุลล่าฏีฟ ( ดู หนังสือ อัดดุร๊อร อัซซะนียะฮ์ เล่ม 8 หน้า 433)  และบรรดาอุลามาอ์ที่ปกป้องวะฮาบีย์  เช่นชัยค์ หามิด อัลกิฟฟีย์ , ชัยค์อับดุลเลาะฮ์ อัลกอซีมีย์ , ชัยค์ สุลัยมาน อัดะดะคีล , ชัยค์ อะห์มัด บิน หุจญร์ อบู ฏอมีย์ , ชัยค์มัสอูด อัลนัดวีย์ , ชัยค์ อิบรอฮีม บิน อุบัยด์ เจ้าของหนังสือ อัตตัซกิเราะฮ์ , และท่านอื่น ๆ  ต่างก็ใช้คำว่า "อัล วะฮาบียะฮ์"  แต่กระนั้น  ท่านชัยค์ ฮามิด อัลกิ๊ฟฟีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ยังคงพยายามที่จะสร้างความสงสัยต่อเจตนาของทุก ๆ คนที่ใช้คำนี้  และเขาได้ยื่นข้อเสนอจากการเรียกว่า "วะฮาบียะฮ์"  ไปเป็น "อัด ดะอ์วะฮ์ อับมุฮัมมะดียะฮ์" เพื่อพาดพิงไปยังชื่อของท่าน ชัยค์ มุ ฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  แต่ไม่พาดพิงไปยังชื่อของบิดา คือ อับดุลวะ ฮาบ (วะฮาบีย์)  ดังนั้น  อุลามาอ์ยุคหลังอย่างท่านชัยค์ ซอและห์ อัลเฟาซาน ได้ตักลีดตามท่านชัยค์ ฮามิดอัลกิ๊ฟฟีย์  ในการตำหนิต่อท่านชัยค์ อบู ซะฮ์เราะฮ์  และคนอื่น ๆ (ก็เพราะพวกเขาใช้คำว่าวะฮาบีย์)

การ เรียกร้องของ อัลกิ๊ฟฟีย์และอัลเฟาซานให้เรียกวะฮาบีย์ว่า "อัดดะวะฮ์ อัลมุฮัมมะดียะฮ์"  ไม่ใช่ "อัดดะวะฮ์ อัลวะฮาบียะฮ" นั้น  เนื่องจาก ท่านชัยค์ มีชื่อว่า "มุฮัมมัด"  ซึ่งดังกล่าวนี้ถึงเป็นการนำเสนอที่น่าแปลก  อันเนื่องจากมีเหตุผลเล็กน้อยดังนี้  คือ  ส่วนมากจากบรรดามัซฮับที่โด่งดังนั้น จะไม่ตั้งชื่อ ด้วยกับนามชื่อเจ้าของแนวทาง  แต่จะตั้งชื่อด้วยนามของบิดาหรือปู่  ดังนั้น มัซฮับ ฮัมบาลีย์ حنبلى  เป็นต้น  จะใช้พาดพิงไปยังคำว่า حنبل (ฮัมบัล) ซึ่งเป็นปู่ของท่านอิมามอะห์มัด  (เนื่อจากท่านอิมามอะห์มัดมีชื่อว่า อะห์มัด บุตร มุฮัมมัด บุตร หัมบัล)  แต่ท่านชัยค์อัลเฟาซานหรือชัยค์อัลกิ๊ฟฟีย์ และผู้ที่เจริญรอยตามทั้งสอง ต่างไม่คัดค้านการเรียกชื่อนี้(คือฮัมบาลีย์) และพวกเขาก็ไม่เรียกมัซฮับฮัมบาลีย์ว่า "มัซฮับอะห์มะดีย์" (ที่มาจากชื่อของอิมาม อะห์มัด เอง)

เฉกเช่นเดียวกันกับมัซ ฮับชาฟิอีย์  ซึ่งพาดพิงไปยังท่าน ชาฟิอ์  ซึ่งเป็นปู่ลำดับที่ 4 ของท่านอิมามชาฟิอีย์  ทั้งที่อิมามชาฟิอีย์มีชื่อว่า "มุฮัมมัด บุตร อิดรีส  บุตร อัลอับบาส บุตร อุษมาน บุตร ชาฟิอ์"  แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่เรียกมัซฮับชาฟิอีย์ว่า "มัซฮับมุฮัมมะดีย์" (เพราะอิมามชาฟิอีย์ชื่อว่า มุฮัมมัด)

ยิ่งกว่านั้น  ท่านชัยค์ซอลิห์ อัลเฟาซาน ยังเรียกผู้ที่ตาม มุฮัมมัด บิน สุรูร บิน นายิฟ ซัยนุลอาบิดีน  ด้วยถ้อยคำว่า "อัซซุรูรียะฮ์"  ทำไมถึงไม่เรียกว่า "อัล มุฮัมมะดียะฮ์" เช่นเดียวกัน ! ทั้งที่เขาชื่อ "มุฮัมมัด บิน สุรูร" และในปัจจุบันเราเองก็ได้ยินในกลุ่มสะละฟียะฮ์ ได้มีหลายฉายาที่พวกเขาใช้เรียกซึ่งกันและกัน เช่น อัลญามียีน , อัลมัดค่อลียีน , อัลบาซียีน (ผู้ที่ตามบินบาซฺ) , และอัลบานียีน(ผู้ตามอัลบานีย์)  เป็นต้น ( สรุปจาก หน้าที่ 12 และหน้าที่ 144 - 146)

ดังนั้น  การเรียกว่า "วะฮาบีย์"  จึงมิใช่เป็นการตำหนิ  เพราะอุลามาอ์วะฮาบีย์เองที่พอใจและเห็นชอบในการเรียกชื่อเช่นนี้  แต่บางคนปัจจุบันชอบยึดติดที่ชื่อ  ยึดติดยี่ห้อ  ขอให้เรียกชื่อกลุ่มตนเองให้ดีไว้ก่อน  ถือว่าเป็นการเข้าใจที่ผิด  เพราะสัจธรรมจะไม่พิจารณาที่ชื่อของแนวทางหรอกครับ  แต่ทว่าจะเน้นพิจารณาที่เนื้อหา  หลักอะกีดะฮ์  และหลักปฏิบัติครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 11, 2010, 08:46 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

 

GoogleTagged