ตารีคนัจญฺดี้ระบุไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ของวะฮาบีเอง...ชื่อ ตารีคนัจญฺดี้ ของอิบนุฆ็อนนามศิษย์เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบได้เขียนบันทึกประวัติศาสตร์ในยุคดังกล่าวตามทัศนะของวะฮาบีไว้ดังนี้..."มุสลิมส่วนมากในต้นศตวรรษที่ 12 ได้ตกอยู่ในชิริกและหวนกลับไปในยุคญาฮีลียะฮ์ พวกเขาเหล่านั้นหันไปอิบาดะฮ์วะลีลุลลอฮ์และบรรดาคนศอลิฮีน ... และมากมายจากบรรดามุสลิมีนในยุคนั้น เชื่อว่า ต้นไม้ ก้อหิน ให้คุณและให้โทษได้" หน้า 13 ซึ่งข้อความประวัติของวะฮาบีนี้ ได้ตัดสินบรรดามุสลิมีนส่วนมาก ตกมุรัดเป็นกาเฟร เพราะเป็นพวกมุชริกีนและอิบาดะฮ์มนุษย์ที่เป็นวะลียุลลอฮ์ ด้วยเหตุนี้ คำว่ มุสลิมีน ที่บันทึกไว้ในหนังสือตารีคนัจญดี้ ของอิบนุฆ็อนนามดังกล่าวนั้น หมายถึง วะฮาบีเท่านั้น...
ในหน้าที่ 106 อิบนุฆ็อนนาม ได้บันทึกประวัติศาสตร์ของวะฮาบีเองว่า "ในเดือนเชาวาล ปี ฮ.ศ. ที่ 1165 ชาวหะรีมะลา ที่มีกอฎี คือ สุไลมาน บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ (ผู้เป็นพี่ชายเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ) พวกเขาได้ตกมุรตัดเป็นกาเฟร และยังบันทึกไว้อีกว่า เชคสุไลมาน บิน อับดุลวะฮ์ฮาบนั้น เป็นคนทรยศและอิจฉาเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ หลังจากนั้นกองทัพฝ่ายวะฮาบีก็ทำการรบฆ่าฟันชาวหะรีมะลา"...ดูรายละเอียดหน้าที่ 106
ในหน้าที่ 107 อิบนุฆ็อน ศิษย์ของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ ได้บันทึกประวัติของพวกเขาไว้ว่า "ในท้ายปี ฮ.ศ. ที่ 1166 ชาวเมืองมันฟูหะฮ์ ตกมุรัดเป็นกาเฟร เนื่องเขาไม่ตามแนวทางของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ"... ดูรายละเอียดหน้าที่ 107
ในหน้าที่ 109 อิบนุฆ็อนนาม ได้บันทึกประวัติไว้ว่า "บรรดามุสลิมีน(หมายถึงผู้ที่อยู่แนวทางวะฮาบี)ได้พิชิตเมืองหะรีมะลา โดยใช้กำลัง โดยทั้งสองฝ่ายรบกัน บรรดามุสลิมีน(หมายถึงวะฮาบี)ฆ่าชาวหะรีมะลาได้ 100 คน และบรรดามุสลิมีน(หมายถึงผู้อยู่แนวทางวะฮาบี)ตาย 7 คน เมืองหะรีมะลา บ้านเรือนและเรือกสวนอินทผาลัมของเมืองหะรีมาลานั้น เป็นทรัพย์สงคราม(ฆ่อนีมะฮ์)ของมุสลิมีน(หมายถึงผู้ที่อยู่แนวทางวะฮาบี)" ดูรายละเอียดหน้าที่ 109 ดังนั้นเมืองหะรีมะลาและทรัพย์สินเมืองนั้นเ็ป็นตกทรัพย์สงครามให้แก่กลุ่มวะฮาบีนั้น เนื่องจากชาวหะรีมาลา ถูกฮุกุ่มเป็นพวกกาเฟร นั่นเอง...
ในหน้าที่ 102 อิบนุฆ็อนนาม ศิษย์ใกล้ชิดเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ ได้บันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเขาไว้ว่า "บรรดามุสลิมีน(คือผู้ที่อยู่ฝ่ายมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ส่วนฝ่ายอื่นกาเฟรและเป็นพวกมุชริกีนตามทัศนะของพวกเขา) ได้ไปรบที่เมืองษัรมัดในครั้งที่สอง แต่ทว่าไม่เกิดการสู้รบเนื่องจากไม่มีชาวเมืองสักคนออกมาเพื่อรบต่อพวกพวกทหารมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ดังนั้นบรรดามุสลิมีน(หมายถึงฝ่ายมุฮัมมัดบินอับดุลวะฮาบ) จึงทำลาย(เรือกสวนไร่นา)สิ่งเพาะปลูกทั้งหลาย แล้วพวกเขาก็ถอยทัพกลับ" ตารีค นัจญ์ดฺ ของฆ็อนนาม หน้า 102 สังเกตุครับว่า การทำลายเรือกสวนไร่นาของศัตรูนั้น เป็นการกระทำที่ผิดหลักซุนนะฮ์นบี และเป็นพฤติกรรมของพวกกองโจร ซึ่งกองทหารฝ่ายเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบไม่น่าทำแบบนี้เลย...แต่พวกเขาได้บันทึกประวัติศาสตร์นี้เอาไว้เอง ไม่มีใครกล่าวหาฝ่ายวะฮาบีเลย...
เชคอิบนุฆ็อนนาม ศิษย์ใกล้ชิดเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ ได้บันทึกไว้ในหน้าที่ 104 ว่า "ในปีที่ 1163 นี้ อิบรอฮีม บิน มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะห์มาน เข้าเมืองฎุรมา ได้ตกศาสนาเป็นกาเฟร โดยล้มเลิกสัญญาของชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบและเจ้าชายมุฮัมมัด สะอูด" หมายถึงหากผู้ใดไม่ตามเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ ตกมุรตัดเป็นกาเฟร ตามหลักการของวะฮาบีเองที่พวกเขาได้บันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้ โดยไม่มีใครกล่าวหาเลย...
ในหน้าที่ 89 วะฮาบีคนใหนที่อ่านอาหรับเป็น ลองไปเปิดดูได้เลยว่า เชคอิบนุฆ็อนนาม ได้ระบุยืนยันไว้ว่า "ทหารหนึ่งคนจะไม่ขี่ม้าออกรบและความเห็นใดที่ดำริออกมาจากมุหัมมัด บิน สะอูด และอับดุลอะซีซ บุตรของเขา เว้นแต่ว่ามาจากคำพูดและความเห็นของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ" ดูได้เลยหน้าที่ 89. สรุปคือ การทำสงครามฆ่าฟันผู้ที่ไม่ได้อยู่ตามทัศนะของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ และถูกฮุกุ่มชาวเมืองอื่นๆ ว่าตกมุรตัดเป็นกาเฟรนั้น ล้วนแต่เป็นคำพูดและความเห็น
หนังสือตารีกนัจญฺ ของอิบนุฆ็อนนาม ผู้เป็นศิษย์ใกล้ชิด ของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบนี้ http://ia600308.us.archive.org/35/items/tar27/256.pdfผู้ตะห์กีก คือนาซิรุดดีน อัลอะซัด ได้ยืนยันไว้ว่า ตำราประวัติศาสตร์เล่มนี้ อิบนุฆ็อนนาม ได้เขียนบันทึกขึ้นมาด้วยคำสั่งและความเห็นชอบของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบเอง...อ่านดูบทนำ หน้าที่ 7ดังนั้นพวกอัลอะชาเราะฮ์ที่ยกอ้างอิงคำพูดของอิหม่ามอัศศอวีย์ที่ระบุไว้ในตัฟซีรของท่านที่ว่า "พวกวะฮาบียะฮ์ได้หะล้าลเลือด(รบฆ่าฟันได้)และทรัพย์สิน(ยึดทรัพย์สิน)ของบรรดามุสลิมีน..." นั้น เป็นคำพูดที่จริงโดยอิหม่ามอัศศอวีย์มิได้กล่าวหาโกหกเลย...
นุฆ็อนนาม ได้บันทึกไว้ในหน้าที่ 118 ว่า "ในปี ฮ.ศ. ที่ 1173 บรรดามุสลิมีน(เรียกเฉพาะกลุ่มวะฮาบีย์เท่านั้นตามทัศนะของพวกเขา) ได้ทำการออกรบกับชาวเมืองมันฟูหะฮ์ แล้วบรรดามุสลิมีนก็ทำการเผาเรือกสวนไร่นาของชาวเมืองมันฟูหะฮ์ และพวกเขาก็มุ่งไปเืมืองริยาฎต่อไป แล้วทำการรบกับอาลิร็อยยิส ซึ่งบรรดามุสลิมีนได้ฆ่าพวกเขาได้สี่คน" พฤติกรรมการเผาเรือกสวนไร่นานั้น เป็นพฤติกรรมของพวกกองโจร ซึ่งกองกำลังฝ่ายวะฮาบีไม่น่าทำแบบนี้...
อิบนุฆ็อนนามได้บันทึกต่อไปในหน้าที่ 118-119 ว่า "หลังจากนั้นอับดุลอะซีซและพร้อมกับบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) ได้ทำการรบ อาลิอัสกัร ซึ่งพวกเขาอยู่ที่บ่อน้ำ อัษษัรมานียะฮ์ ดังนั้นการสู้รบระหว่างพวกเขามีความรุนแรงมาก จนกระทั่ง หัวหน้าของอาลิอัสกัร ชื่อเฟาซาน ถูกฆ่าตาย ดังนั้นพวกเขาจึงพ่ายแพ้ และบรรดามุสลิมีน(หมายถึงพวกวะฮาบี) ตาย 10 คน แล้วพวกเขา(คือพวกวะฮาบี)ก็ยึดเอาทรัพย์สินมากมายจากพวกอาลิอัสกัร"...สังเกตครับว่า ประวัติศาสตร์ที่วะฮาบีบันทึกขึ้นเองนั้น ยืนยันว่า ผู้อื่นไม่ใช่พวกตนนั้นหะล้าลเลือดและทรัพย์สิน...นี่คือประวัติศาสตร์ที่เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ไ้ด้ดำริให้อิบนุฆ็อนนาม บันทึกเอาไว้...
ในหน้าที่ 119 อิบนุฆ็อนนาม ได้บันทึกประวัติศาสตร์ของวะฮาบีไว้ว่า "อับดุลอะซีรพร้อมบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ได้เคลื่อนทัพที่ยังเมืองริยาฎ ในตอนกลางคืน อับดุลอะซีซ ได้จัดเตรียมกองทหารซุ่มโจมตีกองหนึ่ง(คือรบแบบสงครามกองโจร) และเมื่อถึงเวลาเช้าการสู้รบระหว่างพวกเขานั้นมีความรุนแรง ดังนั้นเมื่อกองกำลังซุ่มโจมตีได้ออกมา ก็ทำให้ชาวริยาฎพ่ายแพ้ ชาวริยาฎถูกฆ่าตาย 8 คน และมุสลิมีน(คือหมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ตาย 6 คน หลังจากนั้นอับดุลอะซีร รบกับชาวเมืองมันฟูหะฮ์และผู้ที่ช่วยเหลือชาวริยาฎ พวกเขาพ่ายแพ้และตาย 7 คน หลังจากนั้นทำการรบกับ มุซาอิด บิน ฟัยยาฎ และกลุ่มชนของเขา ซึ่งบรรดามุสลิมีน(คือหมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ได้รับชัยชนะ และฆ่าพวกเขาตาย 10 คน หลังจากนั้นบรรดามุสลิมีน (คือหมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) ก็ยึดแกะและอูฐของพวกเขาทั้งหมด และยึดอาวุธยุทธโธปกรณ์และทรัพย์สินของพวกเขา..." วะฮาบีที่อ่านอาหรับออก เปิดดูได้หน้าที่ 119
นี่คือประวัติศาสตร์ที่เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ดำริให้อิบนุฆ็อนนาม บันทึกเอาไว้...และอิบนุฆ็อนนาม ได้ระบุยืนยันไว้ว่า "ทหารหนึ่งคนจะไม่ขี่ม้าออกรบและความเห็นใดที่ดำริออกมาจากมุหัมมัด บิน สะอูด และอับดุลอะซีซ บุตรของเขา เว้นแต่ว่ามาจากคำพูดและความเห็นของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ" ดูได้เลยหน้าที่ 89.
ในหน้าที่ 114 อิบนุฆ็อนนามได้บันทึกประวัติศาสตร์ตามคำสั่งของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ความว่า "บรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) ได้ทำลายเรือกสวนไร่นาของชาวมุนฟูหะฮ์ หลังจากนั้นทำการรบกับชาวญะลาญิล โดยแกนนำของอัลดุลอะซีซ และพวกเขา(คือฝ่ายวะฮาบี)ก็ได้ยึดแกะบางส่วนไป การสู้รบระหว่างพวกเขารุนแรงมาก และแล้วชาวญะลาญิลก็พ่ายแพ้และถูกฆ่าตายไป 6 คน"...สังเกตุได้ว่า การทำลายและเผาเรือสวนไร่นาของฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นหลักการหนึ่งของวะฮาบีย์...
ในหน้าที่ 120 อิบนุฆุนนาม ได้บันทึกประวัติศาสตร์ตามคำสั่งของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบไว้ความว่า"อับดุลอะซีซพร้อมบรรดามุสลิมีน (หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) ได้เดินทัพไปยังปราสาท อัลฆ่อษาวะนะฮ์ ซึ่งอับดุลอะซีซได้เคยสร้างไว้ จาก ณ ที่นั้น อับดุลอะซีซได้เดินทางตอนกลางคืนไปยังเมืองริยาฎ ในช่วงคืนวันอีดพอดี แล้วเขาก็เข้าไปในตัวเมืองพร้อมกับบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) ดังนั้นในขณะที่กลุ่มชนของดะฮ์ฮาม บิน เดาวาส ได้เห็นอับดุลอะซีซ พวกเขาก็กลับไปบอกข่าวแก่ดะฮ์ฮาม ดังนั้นดะฮ์ฮามจึงออกไปเผชิญหน้ากับบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) แล้วบรรดามุสลิม(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ก็ทำการรบกับเขา(คือดะฮ์ฮามและพรรคพวก)และพวกเขา(คือฝ่ายวะฮาบี)ทำการฆ่าผู้คนมากมาย และนักรบที่ถูกฆ่าตายของฝ่ายดะฮ์ฮามนั้น เช่น หัมด์ บิน เซาดาอฺ , อับดุรเราะห์มาน บิน อัลหะรีศ , อะบุลมุจญฺบิร, และบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ที่ตายชะฮีดนั้น มี ค็อซซาม บิน อุบัยด์ และ อุษมาน บิน มัจญฺลี..."
จะสังเกตได้ว่า ฝ่ายวะฮาบีนั้น เมื่อทหารฝ่ายพวกเขาตาย ก็ถูกว่าตายชะฮีด เพราะพวกเขาเชื่อมันว่า ผู้ที่พวกเขารบนั้นเป็นพวกกาเฟร....
ในหน้าที่ 123 อิบนุฆุนนาม ได้บันทึกประวัติศาสตร์ตามคำสั่งของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบไว้ความว่า "เมื่อบรรดามุสลิมีน (หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน) ต้องการที่จะกลับไปยังเมือนัจญฺดี พวกเขาได้ทำาการโจมตีเมืองอัลมิบร็อซฺ และฆ่าทหารไปหลายคน หลังจากนั้นบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ก็มาที่เมือง อัลอุรมะฮ์ ในระหว่างเดินทางกลับ พวกเขาพบชาวเมืองริยาฎและชาวเมืองหุรมะฮ์ได้ชุมนุมกัน บรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)จึงฆ่าชาวเมืองริยาฎ และยึดเอาทรัพย์สินของพวกเขาไป...และบรรดามุสลิมีน(หมายถึงกลุ่มวะฮาบีที่พวกเขาเรียกตนเองเท่านั้นว่าเป็นมุสลิมีน)ก็เดินทางกลับอย่างปลอดภัยพร้อมกับบรรดาทรัพย์สงครามที่ยึดมาได้ และพวกเขาก็ทำการแบ่งทรัพย์สงครามที่อัดดัรอียะฮ์อย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน"
จากประวัติศาสตร์ตรงนี้ บ่งชี้ว่า ฐานบัญชาการของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ คือเมืองนัจญฺดี ที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับแนวทางของวะฮาบีย์ บอกว่าเป็นสถานที่หนึ่งที่สองเขาชัยฏอนขึ้น....เนื่องจากเป็นสาเหตุให้บรรดาผู้มีกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์ล้มตายอย่างมากมายและบรรดาเรือกสวนไร่นาถูกเผาทำลายโดยการบัญชาของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบีนั่นเอง...
นี่คือประวัติศาสตร์ที่เชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ดำริให้อิบนุฆ็อนนาม บันทึกเอาไว้...และอิบนุฆ็อนนาม ได้ระบุยืนยันไว้ว่า "ทหารหนึ่งคนจะไม่ขี่ม้าออกรบและความเห็นใดที่ดำริออกมาจากมุหัมมัด บิน สะอูด และอับดุลอะซีซ บุตรของเขา เว้นแต่ว่ามาจากคำพูดและความเห็นของเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ" ดูได้เลยหน้าที่ 89
ดังนั้นผู้ที่ต่อต้านเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบนั้น ไม่ใช่พวกเขาเสียประโยชน์ แต่พวกเขาเสียเลือดเสียเนื้อล้มตาย ทำให้เด็กกลายเป็นกำพร้า ทำให้สตรีเป็นหม้าย และสูญเสียเรือกสวนไร่นาที่ถูกทำลายและถูกเผาด้วยน้ำมือของวะฮาบีย์...
