เราได้ทำอะไรเพื่อรับใช้ศาสนาของเราบ้างหรือไม่?
แหล่งที่มา::
http://www.facebook.com/note.php?note_id=115749138460294"What have we done to serve our religion?"
เรื่องราวเกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่ง หนึ่งในเขตชานเมืองของอัม สเตอดัม ทุกๆ วันศุกร์หลังจากการละหมาด อีม่ามท่านหนึ่งพร้อมกับลูกชายวัย 11 ปีของเขามักจะเดินไปรอบหมู่บ้านและแจกหนังสือเล่มเล็กๆ ชื่อ “หนทางสู่สวนสวรรค์” และหนังสือเกี่ยวกับอิสลามให้กับผู้คน
บ่ายวันศุกร์วันหนึ่ง เป็นเวลาที่อีม่ามและลูกชายต้องเดินไปตามท้องถนนเพื่อแจกหนังสือดังกล่าว อากาศวันนั้นค่อนข้างจะหนาวเย็น มาก อีกทั้งยังมีสายฝโปรยปรายลงมา ด้วย
ลูกชายของอีม่ามใส่เสื้อผ้าหลาย ชั้นเพื่อที่เขาจะไม่รู้สึกหนาว
จากนั้นเด็กชายก็พูดกับพ่อของเขาว่า “คุณพ่อครับ ผมพร้อมแล้วนะครับ”
“พร้อมจะทำอะไรหรือ ลูก” ผู้เป็นพ่อถาม“อ้าว คุณพ่อ นี่มันเป็นเวลาที่เราต้องไปแจกหนังสืออิสลามไงหละครับ”“แต่อากาศข้างนอกมันหนาวมากเลย นะและฝนก็ตกหนักด้วย”
จากนั้นลูกชายก็สร้างความประหลาด ใจให้กับผู้เป็นพ่อด้วยคำพูด ที่ว่า “แต่คุณพ่อครับ ผู้คนต่างยังตกนรกแม้ว่าฝนมันจะยังตกอยู่ก็ตาม” แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังบอกกับลูกชาย ว่าเขาไม่สามารถที่จะออกไป ข้างนอกในสภาพอากาศแบบนั้นได้ ดังนั้นลูกชายจึงถามพ่อว่า เขาสามารถที่จะออกไปแจกหนังสือด้วยตัวเองเพียงลำพังได้หรือไม่ ผู้เป็นพ่อรู้สึกลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่หลังจากนั้นเขาก็อนุญาตให้ลูกชายเขาออกไป ลูกชายขอบคุณพ่อของเขาและออกไป ตามท้องถนนภายใต้อากาศที่หนาว เย็นและฝนที่ตกลงมา อีกทั้งเขายังเดินไปตามประตูบ้านแต่ละบ้านเพื่อแจกหนังสืออิสลามเหล่านั้น
หลังจากการเดินท่ามกลางสายฝนเป็น ระยะเวลาสองชั่วโมง เขาก็เหลือหนังสืออยู่เพียงหนึ่งเล่ม เขามองหาใครสักคนที่ผ่านมาเพื่อที่จะแจกหนังสือเล่มที่มีอยู่ออกไปแต่ไม่มีใครเลยสักคนบนท้องถนน
จากนั้นเขาจึงหันตัวไปอีกด้านหนึ่ง ของถนนเพื่อที่จะมอบ “หนังสือเล่มนี้” ให้กับเจ้าของบ้านหลังแรกที่เขาหันไปเห็น เขากดกระดิ่งหากแต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ เขาก็กดกระดิ่งต่อไปแต่ก็ยังไม่ มีการตอบรับอีก และขณะที่เขากำลังจะจากไป ก็มีบางสิ่งที่ทำให้เขาต้องชะงัก
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหันตัวกลับไปและกดกระดิ่งอีกครั้ง พร้อมทั้งเคาะประตูด้วยมือของเขา โดยที่เขาก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ด้วยเหตุใดเขาจึงต้องยืนรออยู่ตรงนั้น
และเวลานี้เอง ที่ประตูบานนั้นก็ค่อยๆ ถูกเปิดอย่างช้าๆ และอีกด้านหนึ่งของประตูบานดัง กล่าวก็มีสตรีชราหน้าตาเศร้า หมองยืนอยู่ เธอถามเขาว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรจากเธอหรือไม่ เด็กชายตอบเธอด้วยแววตาโตพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “คุณยายครับ ผมต้องขอโทษด้วยหากว่าผมรบกวน คุณยาย แต่ผมเพียงแค่อยากบอกคุณยายว่า อัลลอฮฺทรงรักคุณยายมากและทรง ดูแลยายอยู่ และผมมาที่นี่เพื่อที่จะมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับคุณยาย “หนังสือเล่มนี้” จะบอกเล่าเรื่องราวของอัลลอฮฺ และเหตุผลของการมีชีวิตของเรา และวิธีการเพิ่มพูนการอำนวยพร ของพระองค์ต่อตัวเรา” จากนั้นเขาก็มอบหนังสือให้กับเธอและจากไปหลังจากที่เธอได้ขอบคุณเขา
สัปดาห์ต่อมาหลังจากการละหมาดวันศุกร์ และการคุตบะฮฺ อีม่ามได้ถามผู้คนในมัสยิดว่ามีใครที่มีคำถามหรืออยากจะกล่าวอะไรหรือไม่
จากนั้นมีเสียงสตรีดังขึ้นมาจาก แถวด้านหลังว่า “ไม่มีใครที่นี่รู้จักฉัน และฉันก็ไม่เคยมาที่นี่ สัปดาห์ที่แล้วฉันไม่ใช่มุสลิ มและฉันก็ไม่เคยคิดว่าฉันจะ เป็น สามีของฉันเสียชีวิตเมื่อสองเดือน ที่ผ่านมาและทอดทิ้งให้ฉันอยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ข้างนอกนั้นอากาศหนาวเย็นมาก อีกทั้งยังมีฝนตกลงมา และฉันก็คิดถึงการฆ่าตัวตาย เพราะฉันไม่เหลือความหวังใดๆ ในชีวิตนี้อีกแล้ว
เพราะเหตุนี้ ฉันจึงเอาเก้าอี้ พร้อมกับเชือก ไปที่ห้องใต้หลังคา ผูกเชือกไว้กับหลังคาและเอาห่วง เชือกใส่ที่คอไว้ เพราะฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความทุกข์ ฉันพร้อมที่จะกระโดดลงมาจากเก้าอี้ จนกระทั่งฉันได้ยินเสียงกระดิ่ง ดังขึ้นจากชั้นล่าง
ฉันรอให้คนที่มาเคาะประตูกลับไป แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ
ฉันพูดกับตัวเองว่า “ใครหน้าไหนกันนะ ไม่มีใครสักคนที่มาเยี่ยมฉัน” ฉันจึงถอดห่วงเชือกออกจากคอและเดินลงไปเปิดประตู
เมื่อฉันเปิดประตู ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของฉัน เพราะมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งพร้อมด้วยแววตาโตสดใสและรอยยิ้มที่งดงามบนใบหน้าของเขา อย่างที่ฉันไม่เคยพบเห็นมาก่อน สิ่งที่เขาพูดกับฉันมันสะเทือน หัวใจที่ตายด้านของฉันและทำ ให้ฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะว่า “คุณยายครับ ผมต้องขอโทษด้วยหากว่าผมรบกวนคุณยาย แต่ผมเพียงแค่อยากบอกคุณยายว่า อัลลอฮฺทรงรักคุณยายมากและพระองค์ทรงดูแลยายอยู่” และเขาก็มอบหนังสือเล่มนี้ที่ฉัน ถืออยู่ “หนทางสู่สวนสวรรค์” ให้กับฉัน
เทวดาน้อยนี้มาหาฉันและเขาก็จาก ไปทันทีพร้อมกับอากาศที่เหน็บ หนามพร้อมกับสายฝน จากนั้นฉันก็ปิดประตูและเริ่มอ่านทุกๆ ถ้อยคำที่อยู่ในหนังสือเล่มนั้น และหลังจากนั้นฉันก็เดินขึ้นไปชั้นบน ดึงเชือกที่ผูกไว้ออกและเก็บเก้าอื้ เพราะฉันไม่ต้องการมันอีกแล้ว”
เธอกล่าวต่อไปว่า “คุณเห็นหรือไม่ว่า ตอนนี้ฉันมีความสุขมากแค่ไหน เพราะฉันได้พบกับพระเจ้าที่แท้จริง และพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น …ในปกด้านหลังของหนังสือเล่มนี้ มีที่อยู่ของศูนย์กลางอิสลามแห่งนี้ ฉันจึงมาที่นี่ด้วยตัวของฉันเอง เพื่อที่จะบอกกับคุณทุกคนว่า ฉันขอบคุณอัลลอฮฺและฉันขอบคุณเทวดา น้อยนั้นที่มาหาฉันในเวลา ที่ดีและช่วยชีวิตฉันไว้จ ากการตกลงสู่นรก”
ชั่วขณะนั้นเอง ไม่มีดวงตาคู่ใดของผู้คนในมัสยิดที่จะไม่มีน้ำตา และเสียงการกล่าวตักบีรฺก็ดังขึ้น “อัลลอฮุ อักบัรฺ” “อัลลอฮุ อักบัรฺ”
จากนั้นอีม่ามคนดังกล่าวก็เดิน ลงมาตรงแถวข้างหน้าที่ลูกชาย ของเขานั่งอยู่ เขากอดลูกชายไว้แน่นและร้องไห้ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น
อาจจะไม่มีพ่อคนไหนในหมู่คนจำนวนมากมายที่จะภาคภูมิใจต่อตัวลูกชายเขาเท่ากับอีม่ามท่านนี้
بنت الاٍسلام
ยาซากัลลอฮฮุคอยรอน
http://maifatema.spaces.live.com