ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)  (อ่าน 25699 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #120 เมื่อ: พ.ค. 12, 2010, 04:57 AM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 253


คำอ่าน
253. ติลกัรฺรุสุลุ ฟัฎฎ็อลนา บะอฺฎุฮุมอะลาบะอฺดิม..มินฮุม..มัน..กัลละมัลลอฮุ วะเราะฟะอะบะอฺเฎาะฮุม ดะเราะญาติว..วะอาตัยนา อีสับนะมัรฺยะมัลบัยยินาติ วะอัยยัดนาฮุ บิรูหิลกุดุส, วะเลาชา...อัลลอฮฺ มักตะตะลัลละซีนะ มิม..บะอฺดิฮิม..มิม..บะอฺดิมาญา...อัตฮุมุลบัยยินาตุ วะลากินิคตะละฟู ฟะมินฮุม..มันอามะนะ วะมินฮุม..มัน..กะฟัรฺ, วะเลาชา...อัลลอฮุ มักตะตะลู วะลากิน..นัลลอฮะ ยัฟอะลุมายุรีด

คำแปล R1.
253. Those Messengers! We preferred some to others; to some of them Allah spoke (directly); others he raised to degrees (of honour); and to 'Iesa (Jesus), the son of Maryam (Mary), We gave clear proofs and evidences, and supported him with Ruh-ul-Qudus [Jibrael (Gabriel)]. If Allah had willed, succeeding generations would not have fought against each other, after clear Verses of Allah had come to them, but they differed - some of them believed and others disbelieved. If Allah had willed, they would not have fought against one another, but Allah does what He likes.

คำแปล R2.
253. บรรดาศาสนทูตเหล่านั้น เราได้ให้เกียรติบางคนเหนือกว่าอีกบางคน บางคนจากพวกนั้นเป็นผู้ที่อัลเลาะฮฺได้ทรงตรัส(เขาคือนบีมูซา) และอัลเลาะฮฺได้ทรงยกย่องบางคนของพวกเขาหลายฐานันดร (คือนบีมุฮำมัด) และเราได้ประทานแก่อีซาบุตรของมัรยัม ซึ่ง(บรรดาหลักฐาน)ที่ชัดแจ้ง และเราได้เสริมอำนาจแก่เขา ด้วยวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ และมาตรว่าอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ แน่นอนบรรดา(ประชาชาติ)ผู้อยู่ในยุคหลังพวกเขาก็ไม่ต้องรบพุ่งกัน ภายหลังจากบรรดา(หลักฐาน)ที่ชัดแจ้งได้มาสู่พวกเขาแล้ว และแต่ทว่าพวกเขาได้พิพาทกันซึ่งมีบางคนของพวกเขาเป็นผู้มีศรัทธา และบางคนของพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธ และมาตรว่าอัลเลาะฮฺทรงประสงค์แล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็จะไม่รบพุ่งกัน แต่ทว่าอัลเลาะฮฺทรงกระทำไปตามที่พระองค์ประสงค์

คำแปล R3.
253. ในบรรดารอซูลเหล่านี้ (ที่เราส่งมาเพื่อนำทางมนุษยชาตินั้น) เราได้ยกย่องบางคนให้มีตำแหน่งเหนือกว่าอีกบางคน ในบรรดาคนเหล่านี้มีผู้ที่อัลลอฮฺตรัสกับเขาด้วยพระองค์เอง มีบางคนที่พระองค์ได้ทรงยกย่องให้อยู่ในฐานะสูงด้วยวิธีการอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน เราได้ประทานสัญญาณต่าง ๆ อันชัดแจ้งแก่อีซาลูกของมัรฺยัม และได้สนับสนุนเขาด้วยวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ ผู้คนที่ได้เห็นสัญญาณต่าง ๆ อันชัดแจ้งนี้แล้ว จะไม่ต่อสู้กันเองหลังจากบรรดานบีเหล่านี้ แต่ (มันไม่ใช่พระประสงค์ของอัลลอฮฺที่จะป้องกันผู้คนด้วยการบีบบังคับจากความแตกต่างกัน ดังนั้น) พวกเขาจึงยังขัดแย้งกัน แล้วพวกเขาบางคนก็ยอมรับความศรัทธาและบางคนปฏิเสธ ถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ต่อสู้ซึ่งกันและกัน แต่อัลลอฮฺทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงปรารถนา (เพื่อให้แผนการของพระองค์ประสบผลสำเร็จ)

คำแปล R4.
253. บรรดาร่อซูลเหล่านั้น เราได้ให้บางคนในหมู่พวกเขาดีเด่นกว่าอีกบางคน ในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ที่อัลลอฮ์ตรัสด้วย และได้ทรงยกบางคนในหมู่พวกเขาขึ้นหลายขั้น และเราได้ให้บรรดาหลักฐานอันชัดแจ้งแก่อีซาบุตรของมัรยัม และเราได้สนับสนุนเขาด้วยวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์และหากอัลลอฮ์ทรง ประสงค์แล้ว บรรดาชนหลังจากพวกเขา ก็คงไม่ฆ่าฟันกัน หลังจากได้มีบรรดาหลักฐานอันชัดเจนมายังพวกเขา แต่ทว่าพวกเขาขัดแย้งกัน แล้วในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่ศรัทธา และในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และหากว่าอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้ว พวกเขาก็คงไม่ฆ่าฟันกัน แต่ทว่าอัลลอฮ์นั้นทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์

คำแปล R5.
๒๕๓. ศาสนทูตเหล่านั้นที่ถูกออกชื่อไว้ในซูเราะห์นี้ เราได้ให้บางพวกมีเกียรติเหนือกว่าอีกบางพวก โดยที่บางคนก็มีคุณสมบัติเป็นที่น่าเชิดชู ซึ่งคุณสมบัติอย่างนี้ไม่มีอยู่ในอีกพวกหนึ่ง บางคนจากพวกศาสดาเหล่านั้น เช่น พระนบีมูซา อัลเลาะห์ก็ตรัสด้วย ในค่ำคืนหนึ่งซึ่งมูซากำลังงงงันทางที่มุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง และในวันพฤหัสบดีที่ ๙ แห่งเดือนซุลฮิจยะห์ ณ ภูเขาตูริซีนา และพระนบีมูฮำมัด ได้ถูกพระองค์ตรัสโต้ตอบในคืนเดินทางไปยังไบตุลมุก็อดดิส และที่เราได้เลื่อนบรรดาศักดิ์แก่บางคนเป็นหลายชั้น เหนือกว่าศาสนทูตทั้งหลายก็มี ผู้นั้นได้แก่พระนบีมูฮำมัด เนื่องจากพระนบีได้รับตำแหน่งศาสนทูตอย่างกว้างขวาง ให้มีหน้าที่อบรมสั่งสอนทั้งมวลมนุษย์และยิน ทั้งยังเป็นศาสนทูตองค์สุดท้าย ว่าในด้านประชากรก็ยังมีความประเสริฐเลิศกว่าประชากรของบรรดาศาสนทูตองค์อื่น ๆ อีกอย่างหนึ่งที่พระนบีมีอยู่ก็คือ อภินิหาร(อัล-มัวะยิซาต) ประการต่าง ๆ มากกว่าพระศาสดาองค์อื่น ๆ เช่น การผ่าดวงจันทร์เป็น ๒ ซีก เป็นต้น และมีอภิสิทธิ์มากมายเหนือกว่าผู้อื่น เช่น การได้แลเห็นองค์แห่งอัลเลาะห์ในภพนี้ และในด้านรูปสมบัติ พระนบีก็มีลักษณะเฉพาะ เหตุที่กล่าวทั้งนั้นจึงจัดว่ามูฮำมัดเป็นศาสนทูตผู้ประเสริฐเลิศ ส่วนศาสนทูตผู้มีความประเสริฐรองลงมาได้แก่ พระนบีอิบรอฮีม พระนบีมูซา พระนบีอีซา พระนบีอาดัมและพระนบีนูห์ ทั้งเรายังได้ให้อีซา บุตรมัรยัมมีอภินิหาร เช่น ให้คนตายไปแล้วคืนชีพได้ ให้คนที่มีดวงตาบอดกลับเป็นตาดี และคนมือด่างก็ให้กลับกลายเป็นคนมือดี และได้ให้เขา(อีซา)มีอำนาจขึ้นด้วยรูหิลกุดุส คือมียิบรออีล(คาเบรียล)เป็นองครักษ์ให้ความอารักขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอีซาจะเดินไปที่หนแห่งใดก็จะมียิบรออีลเดินกำกับไปด้วยเสมอ และถ้าอัลเลาะห์ทรงมุ่งหมายให้มวลมนุษย์ทั้งสิ้นได้รับหนทางอันเที่ยงตรงแล้วบรรดาประชากรของทุกศาสนทูตผู้มาภายหลังจากที่ศาสนทูตนั้นได้ล่วงลับลงแล้วก็ไม่แตกแยกกันหลังจากมีหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้ว แต่ทว่าพวกประชากรเหล่านั้นทุก ๆ สมัยตลอดมาได้แตกแยกกัน ก็คงได้ความว่า อัลเลาะห์ไม่ทรงมุ่งหมายจะให้มนุษย์ทั้งหลายไม่แตกแยกกัน ฉะนั้นบางส่วนจากประชากรของศาสนทูตต่าง ๆ จึงเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์โดยปฏิบัติตามที่ทรงใช้และห้าม แต่บางส่วนก็เป็นผู้ปฏิเสธเช่น พวกยะฮูดี ประชากรของพระนบีมูซา มีผู้ศรัทธาอยู่ ๑ จำพวก ส่วนอีก ๗๐ จำพวกเป็นผู้ไม่ศรัทธา และพวกนัซรอนี ประชากรพระนบีอีซา มีผู้ศรัทธา ๑ จำพวก แต่ผู้ไม่ศรัทธามีถึง ๗๑ จำพวก ส่วนประชากรของพระนบีมูฮำมัด มีผู้ศรัทธา ๑ จำพวก มีผู้ไม่ศรัทธาอยู่ ๗๒ จำพวก และถ้าอัลเลาะห์ทรงมุ่งหมายแล้ว พวกนั้นก็ไม่แตกแยกกัน (พิเคราะห์ดูความหมายของโองการส่วนนี้เห็นว่าความซ้ำกับประโยคจากโองการส่วนต้นที่กล่าวมาเมื่อกี้นี้ สำหรับประโยคอย่างนี้ ทางวิชาการเรียกว่าประโยคเน้น) แต่ทว่าอัลเลาะห์จะทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย คือ จะทรงให้พวกหนึ่งได้มีความศรัทธา(อีหม่าน) อีกพวกหนึ่งปฏิเสธ (อัล-กุฟร์) ด้วยเหตุนี้เองประชากรของทุก ๆ พระศาสดา จึงได้เกิดแตกแยกกันเสมอมา



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #121 เมื่อ: พ.ค. 13, 2010, 04:52 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 254

 


คำอ่าน
254. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู อัน..ฟิกูมิม..มาเราะซักนากุม..มิน..ก็อบลิอัย..ยะอ์ติยะเยามุลลาบัยอุน..ฟีฮฺ, วะลาคุลละตู..วะลาชะฟาอะตู..วัลกาฟิรูนะฮุมุซซอลิมูน

คำแปล R1.
254. O you who believe! Spend of that with which we have provided for you, before a Day comes when there will be no bargaining, nor friendship, nor intercession. And it is the disbelievers who are the Zalimun (wrong-doers, etc.).

คำแปล R2.
254. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงใช้จ่ายบางส่วนของสิ่งที่เราได้ประทานให้เป็นโชคผลแก่พวกเจ้าเถิด ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งเป็นวันที่ไม่มีการขาย ไม่มีมิตรภาพ และไม่มีการสงเคราะห์ และบรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย พวกเขาเป็นผู้อธรรมโดยแท้จริง

คำแปล R3.
254. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงใช้จ่ายทรัพย์สินที่เราได้ประทานให้แก่สูเจ้า (ในหนทางของเรา) ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งในวันนั้น จะไม่มีการซื้อขายและไม่มีมิตรภาพ และไม่มีการไถ่แทน บรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ความจริงแล้วคือผู้ที่ทำความผิด

คำแปล R4.
254. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงบริจาคส่วนหนึ่ง จากสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนจากที่วันหนึ่งจะมา ซึ่งในวันนั้นไม่มีการซื้อขาย และไม่มีการเป็นมิตร และไม่มีชะฟาอะฮ์และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คือ พวกที่อธรรม(แก่ตัวเอง)

คำแปล R5.
๒๕๔. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน พวกเจ้าจงบริจาคทรัพย์สินส่วนหนึ่งจากที่เราได้ประทานแก่พวกเจ้าเป็นซะกาตเถิด ก่อนจากวันหนึ่งจะมาถึงพวกเจ้า ซึ่งในวันนั้นไม่มีการไถ่ตัว  ไม่มีมิตรภาพอันเป็นประโยชน์ และไม่มีการช่วยเหลือของใครแก่ตน เว้นแต่จะทรงอนุญาตให้ช่วยเหลือได้ นั่นคือวันกิยามะห์ กล่าวคือ ให้เสียสละปศุสัตว์อันมี อูฐ แพะ แกะ วัวและควาย เป็นต้น เงินและทองตลอดจนพืชผล เช่น อินทผลัม เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราได้มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเจ้า ส่วนพวกปฏิเสธ ไม่เชื่ออัลเลาะห์หรือไม่เชื่อบทบัญญัติอันว่าด้วยซะกาตก็เป็นพวกที่คดโกง ในฐานะที่เอาคำบัญชาใช้ของอัลเลาะห์ไปวางไว้ผิดที่
(ในอ้างอิง R5. นี้ ให้ความหมายของคำว่า البيع   ว่า “การไถ่ตัว” แตกต่างกว่า หนังสืออ้างอิงอีก 4 เล่ม ที่ให้ความหมายว่า “bargaining (ซึ่งหมายถึงการต่อรอง)” หรือ “การซื้อขาย” หรือ “การขาย” เท่าที่รู้ คำว่า บัยอฺ ก็แปลว่าค้าขายอยู่แล้ว แต่ทำไมในที่นี้จึงแปลว่า การไถ่ตัว ผู้นำเสนอก็ไม่ทราบเหมือนกัน วัลลอฮุอะอฺลัม)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #122 เมื่อ: พ.ค. 14, 2010, 06:14 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 255 (อายะฮฺ กุรซียฺ)




คำอ่าน
255. อัลลอฮุลา..อิลาฮะ อิลลาฮุวัลหัยยุลก็อยยูม ลาตะอฺคุซุฮู สินะตู..วะลาเนามุล ละฮูมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฎิ มัน..ซัลละซี ยัชฟะอุอิน..ดะฮู..อิลลาบิอิซนิฮฺ, ยะอฺละมุมาบัยนะอัยดีฮิม วะมาค็อลฟะฮุม วะลายุหีฏูนะบิชัยอิม..มินอิลมิฮี..อิลลาบิมาชา..อ์ วะสิอะกุรสียุฮุสสะมาวาติวัลอัรฺฎฺ, วะลายะอูดุฮู หิฟซุฮุมา วะฮุวัลอะลียุลอะซีม

คำแปล R1.
255. Allah! La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshiped but He), the ever living, the one who sustains and protects all that exists. Neither slumber, nor sleep overtakes Him. To Him belongs whatever is in the heavens and whatever is on earth. Who is he that can intercede with Him except with His Permission? He knows what happens to them (his creatures) in this world, and what will happen to them in the hereafter. And they will never compass anything of his knowledge except that which He wills. His Kursi extends over the heavens and the earth, and He feels no fatigue in guarding and preserving them. And He is the Most High, the Most Great. [This Verse 2:255 is called Ayat-ul-Kursi.]

คำแปล R2.
255. อัลเลาะฮฺ(ทรงเป็นพระเจ้า) ซึ่งไม่มีพระเจ้าใด ๆ (อีกแล้ว) นอกจากพระองค์เท่านั้น ทรงเป็นเสมอ ทรงดำรงอยู่ ความง่วงและความหลับไม่ครอบงำพระองค์ พระองค์ทรงสิทธิ์ในสรรพสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน ใครเล่าที่จะให้การสงเคราะห์(แก่ผู้อื่น) ณ พระองค์ได้ นอกจากจะเป็นไปโดยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่มีอยู่ต่อหน้าพวกเขาและที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และพวกเขาไม่ครอบคลุมความรู้สักเพียงเล็กน้อยของพระองค์ นอกจากในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์(จะให้พวกเขารู้)เท่านั้น เก้าอี้(คืออำนาจปกครอง)ของพระองค์แผ่ไพศาลทั่วทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการพิทักษ์มันทั้งสองไม่ทำให้พระองค์เหนื่อยยากเลย และพระองค์ทรงสูงส่ง อีกทั้งทรงยิ่งใหญ่

คำแปล R3.
255. อัลลอฮฺผู้ทรงมีชีวิตอยู่เสมอ ผู้ทรงดำรงจักรวาลทั้งมวล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ไม่ทรงง่วงและไม่ทรงหลับ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ ใครเล่าที่จะสามารถเข้าไปขอไถ่โทษกับพระองค์ได้ เว้นเสียแต่ว่า พระองค์จะอนุมัติ? พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาและสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังของพวกเขา และพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความรู้ของพระองค์ เว้นแต่สิ่งที่พระองค์เองประสงค์จะแสดงให้เห็น อาณาจักรของพระองค์แผ่กว้างทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการป้องกันสิ่งทั้งสองนี้ไม่ได้ทำให้พระองค์ต้องทรงเหนื่อยหน่าย พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่

คำแปล R4.
255. อัลลอฮ์นั้น คือ ไม่มีผู้ที่เป็นที่เคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิต ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลายโดยที่การง่วงนอน และการนอนหลับใด ๆ จะไม่เอาพระองค์ สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ล้อมสิ่งใด จากความรู้ของพระองค์ไว้ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ประสงค์เท่านั้น เก้าอี้พระองค์นั้นกว้างขวางทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและการรักษา มันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์ และพระองค์นั้นคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่

คำแปล R5.
๒๕๕. อัลเลาะห์นั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอันควรได้รับการสักการะโดยแท้จริง เว้นไว้แต่พระองค์ผู้เป็นองค์นิรันดร เป็นองค์ดำรงเองในการบริหารโลกอย่างเข้มแข็ง ซึ่งทั้งความง่วงเหงาและความหลับย่อมไม่ครอบงำพระองค์ สิทธิของพระองค์นั้นได้แก่ทุกสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและทุกสิ่งในผืนแผ่นดินโดยที่เหล่านั้นล้วนแต่ถูกพระองค์ให้อุบัติขึ้น ถูกพระองค์กำกับและพระองค์เป็นเจ้าของเพียงพระองค์เดียว ไม่มีใครได้รับเกียรติและตำแหน่งให้ชิดพระองค์ เพื่อจะขอความอนุเคราะห์จากพระองค์ให้ยกโทษแก่ข้าของพระองค์คนใดที่มีโทษได้เลย เว้นไว้แต่โดยการอนุญาตของพระองค์ให้ผู้นั้นเป็นตัวกลางเพื่อการดังกล่าวแล้วเท่านั้น บุคคลตัวกลางที่ว่านี้ได้แก่พวกศาสดา พวกมลาอิกะห์ และพวกมุอ์มิน พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่มีในภพนี้ ภพหน้า ซึ่งอยู่ข้างหน้าและข้างหลังของพวก(ข้าของพระองค์)เหล่านั้น ส่วนพวกนั้นไม่ได้รู้สิ่งใดเลยนอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงรู้ เว้นแต่เท่าที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สิ่งหนึ่งจากสิ่งที่พระองค์ทรงรู้เท่านั้นด้วยคำบอกเล่าของพวกศาสดา ทั้งความปกครองของพระองค์ก็แผ่ไพศาลตลอดบรรดาชั้นฟ้าทั้ง ๗ และตลอดแผ่นดิน การดูแลรักษาซึ่ง (บรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน)ทั้งสองนั้นย่อมไม่เป็นความยากลำบากแก่พระองค์เลย แต่กลับเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพระองค์ยิ่งนัก ด้วยว่าพระองค์นั้นทรงมีอำนาจบังคับสูงสุด ทั้งทรงไว้ซึ่งเกียรติอันใหญ่หลวงยิ่ง


หมายเหตุ โปรดสังเกตการให้ความหมายของคำว่า كرسي  R1. ใช้ทับศัพท์ว่า Kursi   R2. แปลว่า เก้าอี้(คืออำนาจปกครอง)   R3. แปลว่า อาณาจักร   R4. แปลว่า เก้าอี้ แต่มีเชิงอรรถ อธิบายว่า หมายถึงว่าอัลลอฮ์ นั้นทรงรอบรู้ในทุกหนทุกแห่งทั้งในฟากฟ้าและพิภพ เพราะเมื่อเก้าอี้ของพระองค์กว้างใหญ่ทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดินแล้ว สิ่งใดที่เกิดขึ้นในชั้นฟ้าและแผ่นดินจะเป็นที่ใดก็ตาม ก็ย่อมอยู่ในความรู้ของพระองค์ทั้งสิ้น ส่วน R5. แปลว่า ความปกครอง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #123 เมื่อ: พ.ค. 15, 2010, 05:47 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 256 - 257

   

คำอ่าน
256. ลา..อิกรอฮะฟิดดีนิ ก็อตตะบัยยะนัรฺรุชดุ มินัลฆ็อยฺ, ฟะมัย..ยักฟุรฺบิฏฏอฆูติ วะยุอ์มิม..บิลลาฮิ ฟะเกาะดิสตัมสะกะ บิลอุรฺวะติลวุษกอ ลัน..ฟิศอมะละฮา วัลลอฮุสะมีอุนอะลีม

คำแปล R1.
256. There is no compulsion in religion. Verily, the right path has become distinct from the wrong path. Whoever disbelieves in Taghut and believes in Allah, Then he has grasped the most trustworthy handhold that will never break. And Allah is All-Hearer, All-Knower.

คำแปล R2.
256. ไม่มีการบังคับในศาสนา อันที่จริงความถูกต้องย่อม(จำแนกตัวเองอย่าง)แจ่มชัดจากความงมงาย ดังนั้นผู้ใดเนรคุณต่อมารร้าย และมีศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺ แน่นอนเขาได้ยึดมั่นไว้กับห่วงอันมั่นคง ซึ่งมันจะไม่มีการขาดอีกแล้ว และอัลเลาะฮฺทรงได้ยินอีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

คำแปล R3.
256. ไม่มีการบังคับกันในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา สิ่งที่ถูกต้องได้ถูกจำแนกแยกแยะออกจากสิ่งที่ผิดเป็นที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นผู้ใดที่ปฏิเสธตอฆูต และศรัทธาในอัลลอฮฺ เขาก็ได้รับการสนับสนุนอันมั่นคงไม่มีวันขาด และอัลลอฮฺ (ที่เขาได้รับการสนับสนุน) ทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

คำแปล R4.
256. ไม่มีการบังคับใด (ให้นับถือ) ในศาสนา อิสลาม แน่นอน ความถูกต้องนั้นได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อ อัฎ-ฎอฆูต และศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้ว แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว โดยไม่มีการขาดใด ๆ เกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ อบูหุซอยน์ผู้เป็นผู้หนึ่งในเผ่าซาลิม บุตร เอาฟ์ เขามีบุตรชายสองคน ศรัทธาอยู่ในศาสนาอีซาก่อนจากมูฮำมัดได้รับตำแหน่งเป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ ครั้นต่อมาลูกชายทั้งสองคนนี้พร้อมกับชาวมดีนะห์จำนวนหนึ่งได้เดินทางมายังนครมดีนะห์ โดยทั้งสองคนนั้นแบกน้ำมันไซตูนมาด้วย ส่วนอบูหุซอยน์ก็เฝ้าติดตามบุตรทั้งสองของตนมาพลางกล่าวกับบุตรชายทั้งสองคนว่า พ่อนี้จะไม่ทอดทิ้งเจ้าทั้งสองคนหรอก จนกว่าเจ้าทั้งสองจะเลื่อมใสในศาสนาอิสลาม พ่อและลูกทั้งสองคนได้ถกเถียงกันจนเรื่องถึงพระนบีมูฮำมัด ฝ่ายพ่อก็โอดครวญว่า โอ้ท่านผู้เป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ ลูกชายทั้งสองของข้าพเจ้าเข้านรก ข้าพเจ้าจะทนดูอยู่ได้หรือ? แต่ในที่สุดพระนบีก็สั่งปล่อยคนทั้งสองนั้นไปตามยถากรรมของเขา จึงมีโองการจากอัลเลาะห์ว่า
๒๕๖. ย่อมไม่มีการบังคับให้เข้าสู่ศาสนาเลยเพราะความศรัทธากับความไม่ศรัทธานั้นแยกกันเด่นชัดอยู่แล้ว โดย อัล-กุรอาน ฉะนั้นผู้ใดไม่เชื่อไซตอน รูปเคารพและเทวรูป แต่กลับศรัทธาต่ออัลเลาะห์ แน่นอนผู้นั้นก็ยึดมั่นอยู่กับความนับถืออันเที่ยงแท้อย่างหาความเสื่อมคลายมิได้ และอัลเลาะห์นั้นทรงได้ยินยิ่งถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่พูดจากัน ทรงรู้ยิ่งในการทุกอย่างที่กระทำกัน

 

คำอ่าน
257. อัลลอฮุวะลียุลละซีนะอามะนู ยุคริญุฮุม..มินัซซุลุมาติอิลัน..นูรฺ วัลละซีนะกะฟะรู..เอาลิยา..อุฮุมุฏฏอฆูตุ ยุคริญูนะฮุม..มินัน..นูริ อิลัซซุลุมาต, อุลา...อิกะอัศหาบุน..นาริ ฮุมฟีฮาคอลิดูน

คำแปล R1.
257. Allah is the Wali (protector or guardian) of those who believe. He brings them out from darkness into light. But as for those who disbelieve, their Auliya (supporters and helpers) are Taghut [false deities and false leaders, etc.], they bring them out from light into darkness. Those are the dwellers of the Fire, and they will abide therein forever.

คำแปล R2.
257. อัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากความมืด(แห่งความโง่เขลา)สู่ความสว่าง(แห่งศรัทธา) และบรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย ผู้คุ้มครองพวกเขา คือมารร้าย พวกมันนำพวกเขาออกจากความสว่างสู่ความมืด พวกเขาเป็นชาวนรก ซึ่งพวกเขาจะพักอยู่ในนั้นเป็นนิรันดรกาล

คำแปล R3.
257. อัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือของบรรดาผู้ศรัทธาในพระองค์ พระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาจากความมืดมาสู่แสงสว่าง สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ผู้คุ้มครองของเขาคือฏอฆูต ซึ่งนำพวกเขาออกจากแสงสว่างสู่ความมืด คนเหล่านี้เป็นสหายของไฟซึ่งพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น

คำแปล R4.
257. และอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ศรัทธา โดยทรงนำพวกเขาออกจากบรรดาความมืดสู่แสงสว่าง  และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น บรรดาผู้ช่วยเหลือของพวกเขาก็คือ อัฎ-ฎอฆูต  โดยที่พวกมันจะนำพวกเขาออกจากแสงสว่างไปสู่ความมืด  ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล

คำแปล R5.
๒๕๗. อัลเลาะห์นั้นคือพระผู้ช่วยเหลือบรรดาผู้ซึ่งศรัทธา ทรงให้พวกมุอ์มินเหล่านั้นออกจากความไม่ศรัทธาที่ถูกเปรียบเหมือนความมืดมนไปสู่ความศรัทธาที่ถูกเปรียบเหมือนความสว่าง ส่วนบรรดาผู้เป็นกาฟิรซึ่งมีพวกไซตอนหรือเทวรูปเป็นผู้ช่วยนั้น ก็จะถูกพวกไซตอนเหล่านั้นผละจากความศรัทธาที่ถูกเปรียบเหมือนความสว่างให้ไปสู่ความไม่ศรัทธาที่ถูกเปรียบดังความมืดมน พวกกาฟิรเหล่านั้นแหละคือชาวนรก ดำรงมั่นอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร อย่างไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตาย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #124 เมื่อ: พ.ค. 16, 2010, 06:05 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 258 - 260

 
คำอ่าน
258. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะ หา...จญะอิบรอฮีมะ ฟีร็อบบิฮี..อันอาตาฮุลลอฮุลมุลกะ อิซกอละอิบรอฮีมุ ร็อบบิยัลละซี ยุหฺยีวะยุมีตุ กอละอะนะอุหฺยีวะอุมีต, กอละอิบรอฮีมุ ฟะอิน..นัลลอฮะ ยะอ์ตีบิชชัมสิ มินัลมัชริกิ ฟะอ์ติบิฮา มินัลมัฆริบิ ฟะบุฮิตัลละซีกะฟัรฺ, วัลลอฮุลายะฮฺดิลก็อวมัซซอลิมีน

คำแปล R1.
258. Have you not looked at him who disputed with Ibrahim (Abraham) about his Lord (Allah), because Allah had given him the kingdom? When Ibrahim (Abraham) said (to him): "My Lord (Allah) is He who gives life and causes death." He said, "I give life and cause death." Ibrahim (Abraham) said, "Verily! Allah causes the sun to rise from the east; Then cause it you to rise from the west." so the disbeliever was utterly defeated. And Allah guides not the people, who are Zalimun (wrong-doers, etc.).

คำแปล R2.
258. เจ้าไม่รู้หรือเกี่ยวกับ(ประวัติของกษัตริย์นัมรูจ)ผู้ได้เถียงกับอิบรอฮีมในเรื่องขององค์อภิบาลของเขา ซึ่งอัลเลาะฮฺได้มอบอำนาจทางอาณาจักร(บาบิโลน)แก่เขา เมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวว่า พระผู้ทรงอภิบาลของฉัน ทรงประทานชีวิตและทรงประทานความตาย (แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) เขา(นัมรูจ)ก็กล่าวว่า “ฉันเองก็ให้ชีวิตและความตายได้” อิบรอฮีมกล่าวว่า “แท้จริงอัลเลาะฮฺสามารถนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันออกได้ ดังนั้นท่านจงนำมันมาจากทางทิศตะวันตกซิ” พลัน(นัมรูจ)ผู้เนรคุณก็งงงัน(ตอบไม่ถูก) และอัลเลาะฮฺจะไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ฉ้อฉล

คำแปล R3.
258. สูเจ้าไม่ได้พิจารณาถึงกรณีของคนที่โต้เถียงกับอิบรอฮีมในเรื่องผู้ที่อิบรอฮีมยอมรับว่าเป็นพระผู้อภิบาลของเขากระนั้นหรือ? การโต้เถียงเกิดขึ้นเพราะอัลลอฮฺได้ทรงประทานอำนาจให้แก่เขา (ซึ่งทำให้เขายโสโอหัง) เมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉันคือผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย” เขาตอบว่า “ฉันให้ชีวิตและให้ตายได้” ดังนั้น อิบรอฮีมจึงกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงนำดวงอาทิตย์มาทางตะวันออก ดังนั้นขอให้ท่านนำมันมาทางตะวันตก” เมื่อถูกกล่าวเช่นนั้น พวกที่ปฏิเสธก็จนปัญญา (แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ) เพราะอัลลอฮฺไม่ทรงนำทางผู้คนที่อธรรม

คำแปล R4.
258. เจ้า (มุฮัมมัด) มิได้มองดูผู้ที่โต้แย้งอิบรอฮีมในเรื่องพระเจ้าของเขาดอกหรือ ? เนื่องจากอัลลอฮ์ได้ทรงประทานอำนาจแก่เขา ขณะที่อิบรอฮีมได้กล่าวว่า พระเจ้าของฉันนั้น คือ ผู้ที่ทรงให้เป็นและทรงให้ตายได้ เขากล่าวว่า ข้าก็ให้เป็นและให้ตายได้ อิบรอฮีมกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันออก ท่านจงนำมันมาจากทิศตะวันตกเถิด แล้วผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น ก็ได้รับความงงงวย และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงประทานแนวทางอันถูกต้องแก่ผู้อธรรมทั้งหลาย

คำแปล R5.
โองการต่อไปนี้แสดงให้เห็นได้ชัดว่าพวกไซตอนนั้นเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนให้กาฟิรมีแต่ความไม่ศรัทธา (อัล-กุฟร์)อยู่ตลอดเวลา
๒๕๘. โอ้มูฮำมัด เจ้าย่อมจะล่วงรู้ไปถึงประวัติการณ์อันน่าประหลาดของนุมรูซบุตรกันอานผู้โด้เถียงกับอิบรอฮีม ในเรื่ององค์พระผู้อภิบาลแห่งเขา(อิบรอฮีม) ที่อัลเลาะห์ได้ทรงมอบอำนาจปกครองแก่เขา(นุมรูซ) อำนาจการปกครองที่เขาได้รับจากอัลเลาะห์นี้เองเป็นเหตุให้เขามีใจกำเริบกล้าถกเถียงกับอิบรอฮีม โอ้มูฮำมัด เพื่อว่าเจ้าจะได้รู้จักความอดทน ก็จงรำลึกถึงในเวลาที่อิบรอฮีมเขาได้กล่าวตอบนุมรูซผู้ถามว่าใครคือองค์พระผู้อภิบาลของเจ้า ที่เจ้ามาชักชวนให้ข้าสักการะ โดยกล่าวว่าองค์พระผู้อภิบาลของฉันนั้นคือผู้ทรงมีพลังในอันที่จะให้เป็นและให้ตายแก่บรรดาชีวิตทั้งหลายได้ คือสามารถสร้างความเป็นความตายไว้ในเรือนร่างได้ เขา(นุมรูซ)กล่าวขึ้นว่า ข้าก็มีพลังในอันที่จะให้เป็น โดยข้าสั่งให้งดโทษประหารเสียและมีพลังที่จะให้ตายได้ โดยข้าสั่งให้ฆ่านักโทษประหารเสีย จากนั้นนุมรูซจึงเรียกชายนักโทษประหารสองคนมาแล้วฆ่าเสียคนหนึ่ง ส่วนอีกคนก็ปล่อยตัวไป พระนบีอิบรอฮีมเห็นว่านุมรูซนี้ช่างโง่นัก จึงแสดงหลักฐานยักย้ายเป็นอย่างใหม่ ซึ่งฟังง่ายกว่าหลักฐานอันแรกโดยกล่าวว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงนำดวงอาทิตย์จากด้านตะวันออกไปสู่ตะวันตก โอ้นุมรูซ เจ้าก็จงนำมันจากด้านตะวันตกไปสู่ด้านตะวันออกบ้างซิ ดังนั้น นุมรูซผู้เป็นกาฟิรจึงงงงัน และอัลเลาะห์นั้นจะไม่ทรงแนะนำแก่มวลชนผู้คดโกงเพราะความไม่ศรัทธาให้ไปสู่วิธีการอันดีงามแห่งการโต้เถียงเลย



คำอ่าน
259. เอากัลละซี มัรฺเราะอะลาก็อรฺยะติว..วะฮิยะคอวิยะตุน อะลาอุรูชิฮา กอละอัน..นายุหฺยี ฮาซิฮิลลาฮุบะอฺดะเมาติฮา, ฟะอะมาตะฮุลลอฮุ มิอะตะอามิน..ษุม..มะบะอะษะฮฺ, กอละกัมละบิษตะ กอละ ละบิษตุเยามัน เอาบะอฺเฎาะเยามฺ กอละ บัลละบิษตะ มิอะตะอามิน..ฟัน..ซุรฺอิลาเฏาะอามิกะ วะชะรอบิกะ ลัมยะตะสันนะฮฺ วัน..ซุรอิลาหิมาริกะ วะลินัจญอะละกะ อายะตัลลิน..นาส, วันซุรฺอิลัลอิซอมิ กัยฟะนุนชิยุฮา ษุม..มะนักสูฮาละหฺมา, ฟะลัม..มาตะบัยยะนะละฮู กอละอะอฺละมุ อัน..นัลลอฮะ อะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ

คำแปล R1.
259. Or like the one who passed by a town and it had tumbled over its roofs. He said: "Oh! How will Allah ever bring it to life after its death?" So Allah caused him to die for a hundred years, then raised him up (again). He said: "How long did you remain (dead)?" He (the man) said: "(Perhaps) I remained (dead) a day or part of a day". He said: "Nay, you have remained (dead) for a hundred years, look at your food and your drink, they show no change; and look at your donkey! And thus we have made of you a sign for the people. Look at the bones, how we bring them together and clothe them with flesh". When this was clearly shown to him, he said, "I know (now) that Allah is able to do all things."

คำแปล R2.
259. หรืออุปมาเช่นผู้ที่ผ่านเมืองหนึ่ง(คือ บัยติลมักดิส เยรูซาลิม ซึ่งถูกทำลายโดย บุคตะนัซซอร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน เมื่อก่อนคริสตกาลและผู้ที่เดินทางผ่านมาคือ ศาสดาองค์หนึ่งชื่อ อะซีซ บุตรของซัคคิยาอ์)และมันพังยุบลงมาทั้งหลังคาของมัน เขากล่าวว่า แล้วเมื่อใดหนออัลเลาะฮฺจึงจะฟื้นฟูเมืองนี้ขึ้นมาอีก หลังจากที่มันได้ตาย(พังทลาย)ไปแล้ว ครั้นแล้วอัลเลาะฮฺ ก็ทำให้เขาตายไปหนึ่งร้อยปี หลังจากนั้นพระองค์ก็ให้เขาฟื้นขึ้นมาอีก (เมื่อฟื้นแล้ว) พระองค์ก็ตรัส (ถามเขา)ว่า “เจ้าพักอยู่นานเท่าใด” เขาทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าพักอยู่หนึ่งวันหรือครึ่งวัน) พระองค์ตรัส(แก่เขา)ว่า ความจริงเจ้าพักอยู่ถึงหนึ่งร้อยปี เจ้าจงมองไปที่อาหารและเครื่องดื่มของเจ้าซิ มันยังไม่เน่าบูดเลย และเจ้าจงมองไปที่ลาของเจ้า(ที่ใช้ขี่มันมา)ซิ(ปรากฏว่าลาของเขาตายจนกระดูกป่นไปแล้ว) และเพื่อเราจักบันดาลให้(เรื่องราวเกี่ยวกับ)เจ้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสำหรับมวลมนุษย์ และเจ้าจงมองไปที่กองกระดูก(ของลาตัวนั้น)ซิ ว่าเราทำการประกอบมัน(ให้เป็นโครงร่าง)ได้อย่างไร แล้วต่อมาเราก็หุ้มมันด้วยเนื้อ ครั้นเมื่อเหตุการณ์นั้นได้ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺ ทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง

คำแปล R3.
259. หรือกรณีของคนผู้ที่ผ่านมายังเมืองหนึ่งซึ่งได้ตกลงมาบนหลังคาของมัน เขาได้อุทานว่า “อัลลอฮฺจะให้เมืองนี้กลับมีชีวิตได้อย่างไรหลังจากที่มันได้ตายไปแล้ว?” ดังนั้นอัลลอฮฺจึงทรงให้เขาตายร้อยปี แล้วหลังจากนั้นก็ทรงให้เขามีชีวิตขึ้น แล้วพระองค์ก็ถามเขาว่า “สูเจ้าพักอยู่นานเท่าใด?” เขาตอบว่า “ฉันอาจจะพักอยู่ที่นี่ 1 วันหรืออาจไม่กี่ชั่วโมง” อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า “ไม่ใช่ สูเจ้าพักอยู่ที่นี่นาน 100 ปี ทีนี้ลองดูอาหารและเครื่องดื่มของสูเจ้าซิ มันยังไม่เน่าบูดเลย แล้วจงดูลาของสูเจ้าซิ (กระดูกของมันผุพังแล้ว) และเราได้ทำสิ่งนี้เพื่อจะทำให้สูเจ้าเป็นสัญญาณสำหรับมนุษย์ แล้วจงดูว่าเราได้เรียงโครงกระดูก(ของลา) และหุ้มมันด้วยเนื้อ (และใส่ชีวิตเข้าไปในมัน)ได้อย่างไร” และเมื่อความจริงได้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า “ฉันรู้ดีว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง”

คำแปล R4.
259. หรือเช่นผู้ที่ได้ผ่านเมืองหนึ่ง (บัยตุลมักดิส) โดยที่มันพังทับลงบนหลังคาของมัน เขาได้กล่าวว่า อัลลอฮ์จะทรงให้เมืองนี้มีชีวิตขึ้นได้อย่างไร หลังจากที่มันได้ตายพินาศไปแล้ว และอัลลอฮ์ก็ทรงให้เขาตายเป็นเวลาร้อยปี ภายหลังพระองค์ได้ทรงให้เขาฟื้นคืนชีพ พระองค์รงกล่าวว่า เจ้าพักอยู่นานเท่าใด? เขากล่าวว่า ข้าพระองค์พักอยู่วันหนึ่งหรือบางส่วนของวันเท่านั้น พระองค์ทรงกล่าวว่า มิได้ เจ้าพักอยู่นานถึงร้อยปี เจ้าจงมองดูอาหารของเจ้า และเครื่องดื่มของเจ้า มันยังไม่บูดเลยและจงมองดูลาของเจ้าซิ  และเพื่อเราจะให้เจ้าเป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับมนุษย์ และจงมองบรรดากระดูก เหล่านั้น ดูว่าเรากำลังยกมันไว้ ณ ที่ของมัน และประกอบมันขึ้น แล้วให้มีเนื้อหุ้มห่อมันไว้อย่างไร? ครั้นเมื่อสิ่งเหล่านั้นได้ประจักษ์แก่เขา เขาก็กล่าวว่า ข้าพระองค์รู้ว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

คำแปล R5.
โองการต่อไปนี้แสดงให้เห็นชัดว่า อัลเลาะห์ คือพระผู้สงเคราะห์พวกมุอ์มินให้มีความศรัทธา(อีหม่าน)
๒๕๙. โฮ้มูฮำมัด หรือว่าเจ้าจงประหลาดใจในประวัติการณ์ของพระศาสดาอะซีซบุตรซัรคิยาอ์ผู้ซึ่งได้ขี่ลาบรรทุกชะลอมซึ่งบรรจุด้วยผลมะเดื่อ และถ้วยทำด้วยไม้มีน้ำองุ่นคั้นบรรจุอยู่ ผ่านตำบลหนึ่งชื่อ ไบตุ้ลมุก๊อดดิส ซึ่งปรักหักพังลงแล้วด้วยการทำลายของบุคตะนัสซอรเจ้าเมืองบาบิโลน เขา(พระศาสดาอะซีศ)กล่าวว่าเมื่อไรอัลเลาะห์จะทรงปฏิสังขรณ์ที่แห่งนี้ให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกหลังจากมันพังพินาศไปแล้ว ที่พระนบีอะซีซเอ่ยคำเช่นนี้ก็เพราะเชื่อว่าอัลเลาะห์นั้นทรงมีพลังที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ได้ แล้วอัลเลาะห์ก็ทรงให้เขา(พระศาสดาอะซีซ)ตายไปหนึ่งร้อยปี จากนั้นก็ทรงให้เขาบังเกิดขึ้นเพื่อให้เขาได้แลเห็นวิธารบูรณะขึ้นใหม่ได้ หลังจากได้พังพินาศลงแล้ว พระองค์ตรัสถามว่า เจ้าอยู่นี่นานเท่าไร เขา(พระศาสดาอะซีซ)ทูลตอบว่า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่นานเพียงวันเดียว หรือครึ่งวันเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากเขาได้หลับลงในตอนเช้าแล้วก็ถูกถอดชีวิต แต่เมื่อถึงตอนที่เขาถูกประจุชีวิตให้กลับเป็นขึ้นนั้นเป็นเวลาเย็น ดังนี้จึงเป็นเหตุให้เขาคิดว่าเป็นเวลาเย็นของวันเดียวกันกับตอนเช้าที่หลับไป พระองค์ตรัสว่า แต่เจ้าอยู่ที่นี่นานตั้งร้อยปีนะ เจ้าจงแลดูผลมะเดื่อและน้ำองุ่นคั้น อันเป็นเครื่องกินและเครื่องดื่มของเจ้าซิ มันไม่ยักเน่า ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลานานตั้งร้อยปี แล้วก็จงแลดูที่ลาของเจ้าซิว่ามันมีสภาพเป็นอย่างไรกัน พระศาสดาอะซีซจึงมองดูลาของตนก็เห็นว่ามันตายไปนานจนกระดูกของมันเป็นสีขาวขึ้นเงา เนื่องจากเวลาล่วงเลยไปตั้งร้อยปีแล้ว และที่ได้แสดงการดังกล่าวมานี้เพื่อเราจะให้เจ้าได้รู้แน่ว่า แท้จริงข้านี้มีพลังความสามารถให้ตัวเจ้าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งแสดงไว้แก่มวลมนุษย์ว่าเมื่อข้าได้ให้ชีวิตหนึ่งตายลงแล้ว ข้าก็สามารถจะให้กลับเป็นขึ้นได้อีกในวันกิยามะห์ และเจ้าจงแลดูกระดูกของลานั้นซีว่าเราได้ประกอบโครงร่างมันแล้วเอาเนื้อมาหุ้มได้อย่างไร พระศาสดาอะซีซก็มองดูกระดูกนั้น เห็นว่ามันกลับปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปร่างและมีเนื้อมาหุ้มกระดูก จากนั้นจึงได้ถูกประจุชีวิตเข้าไปยังร่างของลา ทันใดลาก็ออกเสียงร้องขึ้นได้ ครั้นเมื่อการนั้นได้ประจักษ์ขึ้นแก่สายตาของเขา เขาก็เอ่ยขึ้นว่า ข้าพระองค์ทราบด้วยสายตาแลเห็นหลังจากได้ทราบโดยทางปัญญาแล้วว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงอานุภาพเหนือกว่าทุก ๆ สิ่ง



คำอ่าน
260. วะอิซกอละอิบรอฮีมุ ร็อบบิอะรินี กัยฟะตุหฺยิลเมาตา กอละ อะวะลัมตุอ์มิน กอละบะลา วะลากิลลิยัฏมะอิน..นะก็อลบี กอละฟะคุซอัรฺบะอะตัม..มินัฏฏ็อยริ ฟะศุรฺฮุน..นะ อิลัยกะ ษุม..มัจญอัลอะลากุลลิ ญะบะลิม..มินฮุน..นะยุซอัน..ษุม..มัดอุฮุน..นะ ยะอ์ตีนะกะสะอฺยา วะอฺลัมอัน..นัลลอฮะ อะซีซุน หะกีม

คำแปล R1.
260. And (remember) when Ibrahim (Abraham) said, "My Lord! Show me how You give life to the dead." He (Allah) said: "Do you not believe?" He [Ibrahim (Abraham)] said: "Yes (I believe), but to be stronger in faith." He said: "Take four birds, then cause them to incline towards you (then slaughter them, cut them into pieces), and then put a portion of them on every hill, and call them, they will come to you in haste. And know that Allah is All-Mighty, All-Wise."

คำแปล R2.
260. และเมื่อครั้งอิบรอฮีมได้กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลโปรดเนรมิตให้ข้าพเจ้าได้เห็นเถิดว่า พระองค์ทรงชุบชีวิตแก่ผู้ตายได้อย่างไร” พระองค์ทรงดำรัสว่า “เจ้าไม่เชื่อหรือ?” เขากล่าวว่า “มิใช่! แต่เพื่อจิตใจของข้าพเจ้าจะได้สงบมั่นคงยิ่งขึ้น” พระองค์ทรงดำรัสว่า “ดังนั้นเจ้าจงนำนกมาสี่ตัว แล้วเจ้าจงนำพวกมันมารวมไว้กับเจ้า หลังจากนั้นเจ้าก็จงแยกส่วนของพวกมัน (ออกเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปไว้)บนภูเขาทุกลูก หลังจากนั้นเจ้าจงเรียกพวกมัน แน่นอนพวกมันก็จะมาหาเจ้าโดยพลัน และเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺ ทรงอำนาจยิ่งอีกทั้งทรงปรีชายิ่ง

คำแปล R3.
260. และจงนึกถึงเมื่อตอนอิบรอฮีมได้กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงโปรดแสดงให้ฉันเห็นว่าพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่ตายกลับมีชีวิตได้อย่างไร” พระองค์ทรงกล่าวว่า “เจ้าไม่เชื่อหรือ?” อิบรอฮีมตอบว่า “ฉันเชื่อ แต่ฉันถามก็เพื่อที่จะให้หัวใจของฉันเกิดความแน่ใจ” อัลลอฮฺจึงทรงตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้น จงเอานกมา  4 ตัวแล้วเลี้ยงมันให้เชื่อง (แล้วตัดมันออกเป็นชิ้น ๆ ) และวางชิ้นส่วนของนกแต่ละตัวไว้บนภูเขาแต่ละลูก แล้วเรียกพวกมัน มันก็จะมายังเจ้าอย่างรีบเร่ง จงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ”

คำแปล R4.
260. และจงรำลึกถึงขณะที่ที่อิบรอฮีม กล่าวว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ โปรดได้ทรงให้ข้าพระองค์เห็นด้วยเถิดว่า พระองค์จะทรงให้บรรดาผู้ที่ตายมีชีวิตขึ้นอย่างไร ? พระองค์ตรัสว่า เจ้ามิได้เชื่อดอกหรือ ? อิบรอฮีมกล่าวว่า หามิได้ แต่ทว่าเพื่อหัวใจของข้าพระองค์จะได้สงบ พระองค์ตรัสว่าเจ้าจงเอานกมาสี่ตัว แล้วจงเลี้ยงมันให้คุ้นแก่เจ้าและตัดมันออกเป็นท่อน ๆ ภายหลังเจ้าจงวางไว้บนภูเขาทุกลูก ซึ่งส่วนหนึ่งจากนกเหล่านั้น แล้วจงเรียกมัน มันจะมายังเจ้าโดยรีบเร่ง และพึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ

คำแปล R5.
โองการต่อไปนี้แสดงให้เห็นชัดว่าอัลเลาะห์นั้น คือองค์พระผู้สงเคราะห์บรรดามุอ์มินให้มีความศรัทธา(อีหม่าน)
๒๖๐. และโอ้มูฮำมัด เพื่อให้เจ้าได้รู้จักความอดทน เจ้าก็จงรำลึกถึงในเวลาที่อิบรอฮีมทูลถามว่า โอ้องค์อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอให้โปรดให้ข้าพระองค์ได้เห็นว่าพระองค์ชุบชีวิตคนตายได้ด้วยวิธีการอย่างไร พระองค์จึงตรัสแก่อิบรอฮีมว่า โอ้อิบรอฮีม ที่ถามนี้เจ้าไม่เชื่อกำลังความสามารถของข้าที่จะให้เกิดหรอกหรือ เขา(พระศาสดาอิบรอฮีม)ทูลตอบว่า ข้าพระองค์เชื่อ แต่ทว่าเพื่อให้จิตใจของข้าพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยการประจักษ์แก่สายตา ประกอบด้วยหลักฐาน พระองค์จึงตรัสขึ้นว่า เจ้าเอานกสี่ตัวมารวมกันไว้กับเจ้าซิ ครั้นแล้วจงสับมันเป็นชิ้น ๆ คลุกเคล้าเนื้อขนของนกเหล่านั้นให้ปะปนกันแล้วปันออกเป็นสี่ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนนำไปไว้บนภูเขาแต่ละลูก รวมเป็นสี่ลูก จากนั้นเจ้าจงขานเรียกมันทั้งสี่ส่วนมา มันก็จะมายังเจ้าทันที เมื่อทรงบรรยายซึ่งคำสั่งเสร็จแล้ว พระศาสดาอิบรอฮีมก็กระทำตามสั่งนั้นโดยเอานกยูง แร้ง กาและไก่ตัวผู้มาอย่างละหนึ่งตัว ตัดเอาหัวของสัตว์แต่ละชนิดเก็บไว้กับตัวเอง ส่วนการอย่างอื่นก็กระทำตามที่ทรงสั่ง ต่อแต่นั้นพระศาสดาอิบรอฮีมก็เรียกชื่อนกทั้งสี่ให้มาหา ทันใดนั้นส่วนต่าง ๆ ของนกแต่ละชนิดก็บินโผกลับมาและแยกเข้ารวมกับส่วนของตนได้ถูกต้องจนครบถ้วน และโอ้อิบรอฮีม เจ้าจงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ทรงประณีตแนบเนียนยิ่ง ในการทุกสิ่งทุกอย่างของพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #125 เมื่อ: พ.ค. 17, 2010, 06:12 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 261 - 263


 

คำอ่าน
261. มะษะลุลละซีนะ ยุน..ฟิกูนะ อัมวาลุฮุม ฟีสะบีลิลลาฮิ กะมะษะลิหับบะติน อัม..บะตัตสับอะสะนาบิละ ฟีกุลลิสุม..บุละติม..มิอะตุหับบะฮฺ วัลลอฮุยุฎออิฟุลิมัย..ยะชา..อ์, วัลลอฮุวาสิอุนอะลีม

คำแปล R1.
261. The likeness of those who spend their wealth in the way of Allah, is as the likeness of a grain (of corn); it grows seven ears, and each ear has a hundred grains. Allah gives manifold increase to whom He pleases. And Allah is All-Sufficient for his creatures' needs, All-Knower.

คำแปล R2.
261. ข้อเปรียบเทียบของบรรดาผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาไปในทางของอัลเลาะฮฺ ก็ประดุจเดียวกับเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งที่มันงอกออกมาเป็นเจ็ดรวงในแต่ละรวงนั้นมีถึงหนึ่งร้อยเมล็ด และอัลเลาะฮฺทรงทวี(กุศล)แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงไพศาล อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

คำแปล R3.
261. การบริจาคของบรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาในหนทางของอัลลอฮฺ อาจเปรียบได้ดังเมล็ดพืชที่งอกออกมาได้ 7 รวงแต่ละรวงมี 100 เมล็ด ในทำนองเดียวกัน อัลลอฮฺทรงทบทวีทานของผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R4.
261. อุปมาบรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขาในทางของอัลลอฮ์นั้น ดังอุปมัยเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งที่งอกขึ้นเป็นเจ็ดรวง ซึ่งในแต่ละรวงนั้นมีร้อยเมล็ด และอัลลอฮ์นั้นจะทรงเพิ่มพูนแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์อีก และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R5.
๒๖๑. ข้อเปรียบเทียบทรัพย์สินของบรรดาผู้เสียสละในวิถีทางแห่งอัลเลาะห์ทั้งที่อยู่ในเกณฑ์บังคับ เช่น บริจาคซะกาต และที่อยู่ในเกณฑ์สมัครใจ เช่น การให้ทานนั้นเหมือนกับเมล็ดหนึ่งของพืชซึ่งผลิตผลได้เป็นเจ็ดรวง แต่ละรวงมีผลถึงร้อยเมล็ด เพราะเหตุนี้จึงไม่สมควรเลยที่เขาจะเพิกเฉยไม่ใยดีที่จะทำการเพาะพืช ในทำนองเดียวกันผู้ปรารถนาที่จะได้บุญกุศล ก็ไม่น่าจะละเลยซึ่งการเสียสละในทางกุศล เมื่อรู้ว่าตนนั้นจะได้รับผลตอบแทนจากอัลเลาะห์ถึงเจ็ดร้อยเท่าจากการเสียสละไปเพียงเท่าเดียวเท่านั้น และอัลเลาะห์จะทรงทวีผลให้ได้เกินกว่าเจ็ดร้อยเท่าแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์โดยเฉพาะว่าจะทรงบำเหน็จแก่เขาเกินกว่าอัตราที่ว่านั้น อนึ่งการเสียสละเพียงหนึ่ง ผลตอบแทนจะเป็นเจ็ดร้อยเท่านั้นเป็นอัตราคงที่สำหรับทุกคนอยู่แล้ว แหละอัลเลาะห์นั้นทรงความโปรดปรานอย่างไพศาลยิ่ง ทรงรู้ยิ่งว่าผู้ใดควรจักได้รับสิทธิ์ส่วนทวี
 

คำอ่าน
262. อัลละซีนะยุน..ฟิกูนะอัมวาละฮุม ฟีสะบีลิลลาฮิ ษุมมะลายุตบิอูนะ มาอัน..ฟะกู มัน..เนา..วะลา..อะซา, ละฮุมอัจญรุฮุมอิน..ดะร็อบบิฮิม วะลาค็อวฟุนอะลัยฮิม วะลาฮุมยะหฺซะนูน

คำแปล R1.
262. Those who spend their wealth in the cause of Allah, and do not follow up their gifts with reminders of their generosity or with injury, their reward is with their Lord. On them shall be no fear, nor shall they grieve.

คำแปล R2.
262. บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาในทางของอัลเลาะฮฺ หลังจากนั้นพวกเขาไม่ตามติดสิ่งที่เขาได้จ่ายไปแล้ว ด้วยการลำเลิกและให้ความเจ็บช้ำ(แก่ผู้รับ) แน่นอนพวกเขาจักได้รับรางวัลจากองค์อภิบาลของพวกเขา พวกเขาไม่ประสบความหวาดกลัวและไม่เศร้าโศก

คำแปล R3.
262. บรรดาผู้บริจาคทรัพย์สินของพวกเขาไปในหนทางของอัลลอฮฺและไม่ได้ติดตามการบริจาคของพวกเขาด้วยการลำเลิกและเราะรานความรู้สึกของผู้ที่ได้รับนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความกลัวและความระทมแต่อย่างใด

คำแปล R4.
262. บรรดาผู้บริจาคทรัพย์ของพวกเขาในทางของอัลลอฮ์ แล้วพวกเขามิให้ติดตามสิ่งที่พวกเขาบริจาคไป ซึ่งการลำเลิกและการก่อความเดือดร้อนใด ๆ นั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

คำแปล R5.
โองการต่อไปนี้ ถูกประทานลงมาจำกัดความในโองการก่อน(ที่ ๒๖๑)ที่ว่า “ทวีผลบุญให้เจ็ดร้อยเท่าหรือเกินกว่า” ในเมื่อการเสียสละนั้นปราศจากซึ่งการลำเลิกหรือยังความเจ็บช้ำน้ำใจแก่ผู้รับบริจาค
๒๖๒. บรรดาผู้เสียสละซึ่งทรัพย์สินของตนไปในวิถีทางแห่งอัลเลาะห์ครั้นแล้วพวกเขามิได้ติดตามส่วนที่ได้บริจาคไปนั้นด้วยคำลำเลิกบุญคุณที่มีต่อผู้รับบริจาคว่า เรานี้กระทำความดีแก่ท่านและช่วยพยุงฐานะความเป็นอยู่ของท่านให้ดีขึ้น ดังนี้เป็นต้น และมิได้ตามด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจเช่นเอ่ยคำดั่งที่ว่านั้นหรือตีสีหน้าแสดงความบูดบึ้งหรือแช่งด่าต่าง ๆ นานาแก่ผู้รับบริจาคเป็นต้น พวกนั้นแหละย่อมได้รับผลสนองจากฝ่ายพระผู้อภิบาลแห่งพวกเขาถึงเจ็ดร้อยเท่าหรือกว่านั้น ซึ่งบุญกุศลอันได้รับตอบสนองนี้จะถูกสำรองไว้ในวันอาคิเราะห์ ไม่มีความหวาดกลัวที่พวกนั้นเหมือนที่พวกกาฟิรหวาดกลัวการลงโทษ และพวกนั้นก็ไม่ต้องโศกสลดกันเหมือนกับพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ โดยมิได้ประกอบกรรมดีใด ๆ อันจะได้รับบุญกุศลต้องเศร้าสลดกันในวันอาคิเราะห์อีกด้วย ส่วนผู้ที่เสียสละทรัพย์แล้วพูดจาลำเลิกและยังความเดือดร้อนรำคาญอันเป็นผลกระทบกระเทือนจิตใจของผู้รับบริจาคนั้นย่อมไม่ได้รับบุญส่วนทวีดังกล่าวแล้ว แต่ประการใดเลย
 

คำอ่าน
263. ก็อวลุม..มะอฺรูฟู..วะมัฆฟิเราะตุน ค็อยรุม..มิน..เศาะดะเกาะตี..ยัตบะอุฮา..อะซา วัลลอฮุเฆาะนียุนหะลีม

คำแปล R1.
263. Kind words and forgiving of faults are better than Sadaqah (charity) followed by injury. And Allah is rich (Free of All wants) and He is Most-Forbearing.

คำแปล R2.

263. อันวาจาที่ดีและการให้อภัย(แก่กัน)นั้น ย่อมประเสริฐกว่าการทำทานที่ตามติดมันด้วยความเจ็บช้ำ และอัลเลาะฮฺทรงร่ำรวยอีกทั้งทรงสุขุมยิ่ง

คำแปล R3.

263. คำพูดที่ไพเราะและการอดทนนั้นดีกว่าการทำทานที่ตามมาด้วยการเราะรานหรือดูถูก อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงมีอย่างเพียงพอและผู้ทรงขันติ

คำแปล R4.

263. คำพูดที่ดี และการให้อภัยนั้น ดียิ่งกว่าทานที่มีการก่อความเดือดร้อนติดตามทานนั้น และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงมั่งมี ผู้ทรงหนักแน่นเสมอ

คำแปล R5.
๒๖๓. ถ้อยคำอันดีงามของผู้ถูกขอก็ดี ถ้อยคำบอกปัดที่ละม่อมและรื่นหูของผู้นั้นก็ดี การให้อภัยไม่ตำหนิผู้ขอที่เฝ้าขออยู่ก็ดี ย่อมดีกว่าการให้ทานที่ติดตามด้วยความเจ็บใจของผู้ขอ เพราะคำลำเลิกและคำตำหนิของผู้ให้เกี่ยวกับการขอ และอัลเลาะห์นั้นคือองค์บริบูรณ์ยิ่ง กล่าวคือไม่ทรงประสงค์ที่จะให้บรรดาผู้ยากจนต้องรับทรัพย์สินที่ได้มาจากทานที่ติดตามด้วยคำลำเลิกหรือด้วยความกระทบกระเมือนใจ แต่พระองค์ทรงปรารถนาให้พวกที่ว่านั้นได้มาซึ่งประโยชน์จากทางอื่น ทรงสุขุมยิ่งที่ทรงทอดเวลาแห่งการลงโทษผู้ลำเลิกบุญคุณและยังความกระทบกระเทือนใจผู้ขอไปจนกว่าจะถึงวันกิยามะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #126 เมื่อ: พ.ค. 18, 2010, 06:01 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 264 - 266


 


คำอ่าน
264. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตุบฏิลูเศาะดะกอติกุม..บิลมัน..นิวัลอะซา กัลละซียุน..ฟิกุมาละอู ริอา..อัน..นาสิ วะลายุอ์มินุบิลลาฮิวัลเยามิลอาคิรฺ, ฟะมะษะลุฮู กะมะษะลิ ศ็อฟวานิน อะลัยฮิตุรอบุน..ฟะอะศอบะฮู วาบิลุน..ฟะตะเราะกะฮู ศ็อลดา, ลายักดิรูนะ อะลาชัยอิม..มิม..มากะสะบู, วัลลอฮุลายะฮฺดิลก็อวมัลกาฟิรีน

คำแปล R1.
264. O you who believe! Do not render in vain your Sadaqah (deeds or charity) by reminders of your generosity or by injury, like him who spends his wealth to be seen of men, and he does not believe in Allah, or in the Last Day. His likeness is the likeness of a smooth rock on which is (a little) dust; on it falls heavy rain which leaves it bare. They are not able to do anything with what they have earned. And Allah does not guide the disbelieving people.

คำแปล R2.
264. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายพวกเจ้าจงอย่าทำลายการทำทานของพวกเจ้าด้วยการลำเลิกและยังความเจ็บช้ำ ประดุจผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์ของเขาเพื่ออวดมนุษย์ และเขาไม่ศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้ายเลย แท้จริงอุปมา(คนอย่าง)เขา ก็อุปมัยดังก้อนหินเกลี้ยงซึ่งมีดินติดอยู่บนมัน ต่อมามีฝนหนักได้กระหน่ำลงมาจนทิ้งมันไว้ในสภาพเกลี้ยงเกลา(ดินที่ติดอยู่แต่เดิมถูกฝนชะไม่มีเหลือ) พวกเขาไม่อาจ (ได้กุศลจากการทำทานนั้น)สักสิ่งเดียว จากที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำกลุ่มชนที่เนรคุณ

คำแปล R3.
264. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าทำให้การทำกุศลทานของสูเจ้าไร้ผลด้วยการลำเลิกและเราะรานผู้ที่ได้รับ เหมือนกับผู้บริจาคทานเพื่ออวดอ้างแก่มนุษย์และไม่เชื่อในอัลลฮฺและวันสุดท้าย การบริจาคของเขาอาจเปรียบได้กับฝนที่ตกลงมาบนก้อนหินที่มีดินติดอยู่ เมื่อฝนตกลงมาบนมัน ดินบนหินนั้นก็ถูกฝนชะล้างจนเกลี้ยง คนเช่นนี้จะไม่ได้รับรางวัลที่เขาคิดว่าจะได้จากการที่พวกเขาขวนขวายบริจาคทานไว้ และอัลลอฮฺไม่ทรงนำทางบรรดาผู้เนรคุณ

คำแปล R4.
264. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงอย่าให้บรรดาทานของพวกเจ้าไร้ผล ด้วยการลำเลิก และการก่อความเดือดร้อน เช่นผู้ที่บริจาคทรัพย์ของเขา เพื่ออวดอ้างผู้คน และทั้งเขาก็ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก ดังนั้นอุปมาเขาผู้นั้น ดังอุปมัยหินเกลี้ยงที่มีฝุ่นจับอยู่บนมัน แล้วมีฝนหนัก ประสบแก่มัน แล้วได้ทิ้งมันไว้ในสภาพเกลี้ยง พวกเขาไม่สามารถที่จะได้สิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งที่ขวนขวายไว้ และอัลลอฮ์นั้จะไม่ทรงแนะนำแก่กลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธา

คำแปล R5.
๒๖๔. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน พวกเจ้าอย่าให้บุญกุศลแห่งทานของพวกเจ้าต้องสูญเปล่าเพราะคำลำเลิกและความเจ็บใจเหมือนกับการทำให้สูญเปล่าของคนกาฟิรมุนาฟิกผู้ซึ่งเสียสละทรัพย์ของตนไปเพื่ออวดมนุษย์ให้เขาสรรเสริญเพื่อโฆษณาความดีนั้น แต่เขาหาได้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันอาคิเราะห์ไม่ ข้อเปรียบเทียบของเขาจึงเหมือนกับหินก้อนหนึ่งซึ่งมีฝุ่นจับอยู่ ครั้นมีฝนตกหนักชะลงมาก็ทำให้หินนั้นเป็นก้อนแข็งเรียบอย่างไม่มีอะไรเหลือหลออยู่เลย พวกนั้นจึงไม่ได้บุญกุศลในวันอาคิเราะห์แม้แต่น้อย จากส่วนที่พวกเขาอุตส่าห์สั่งสมไว้เหมือนกับคราบฝุ่นที่จับก้อนหินอยู่ต้องสูญไปเพราะถูกน้ำฝนชะไปจนหมดสิ้น ส่วนอัลเลาะห์นั้นไม่ทรงชี้ชวนแก่ชนกาฟิรมุนาฟิกให้ไปสู่ความดีและความฉลาดเลย ฉะนั้นจึงจำเป็นที่พวกมุอ์มินจะต้องห่างไกลเสียจากการอวดอ้าง จากความลำเลิกและจากการก่อความเจ็บใจในการเสียสละ



คำอ่าน
265. วะมะษะลุลละซีนะ ยุน..ฟิกูนะอัมวาละฮุมุบติฆอ...อะมัรฺฎอติลลาฮิ วะตัษบีตัม..มินอัน..ฟุสิฮิม กะมะษะลิญัน..นะติม..บิร็อบวะติน อะศอบะฮาวาบิลุน..ฟะอาตัตอุกุละฮา ฎิอฺฟัยนฺ, ฟะอิลลัมยุศิบฮาวาบิลุน..ฟะฏ็อล, วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ

คำแปล R1.
265. And the likeness of those who spend their wealth seeking Allah's pleasure while they in their own selves are sure and certain that Allah will reward them (for their spending in his cause), is the likeness of a garden on a height; heavy rain falls on it and it doubles its yield of harvest. And if it does not receive heavy rain, light rain suffices it. And Allah is All-Seer of (knows well) what you do.

คำแปล R2.
265. และข้อเปรียบเทียบของบรรดาผู้ที่จ่ายทรัพย์สินของพวกเขา เพื่อแสวงหาความพึงพระทัยของอัลเลาะฮฺ และเพื่อเพิ่มความหนักแน่นแก่ตัวของพวกเขาเองก็เปรียบได้ดังสวนหนึ่งตั้งอยู่ ณ พื้นที่ราบสูงซึ่งมีฝนหนักกระหน่ำลงมา ต่อจากนั้นก็ให้ผลิตผลของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ถึงแม้นไม่มีฝนหนักกระหน่ำลงมาก็ตามก็ยังมีฝนประปรายอยู่นั่นเอง และอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นการกระทำของพวกเจ้าทั้งมวล

คำแปล R3.
265. ส่วนการบริจาคทานของบรรดาผู้ที่ใช้ทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อแสวงความพึงใจของอัลลอฮฺเพียงอย่างเดียวนั้นอาจเปรียบได้ดังสวนบนที่สูง ถ้าหากฝนตกหนัก มันก็ให้ผลผลิตเป็น 2 เท่า และถึงแม้จะไม่มีฝนตกหนัก แต่ฝนปรอย ๆ ก็เพียงพอแล้วสำหรับมัน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็นที่สูเจ้ากระทำ

คำแปล R4.
265. และอุปมาบรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขา เพื่อแสวงหาความพึงใจของอัลลอฮ์  และเพื่อให้เกิดความมั่นคงแก่ตัวของพวกเขาเอง นั้นดังอุปมัยสวนแห่งหนึ่ง ณ ที่เนินสูง ซึ่งมีฝนหนัก ประสบแก่มัน แล้วมันก็นำมาซึ่งผลของมันสองเท่า แต่ถ้ามิได้มีฝนหนักประสบแก่มัน ก็มีฝนปรอยๆและอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่

คำแปล R5.
๒๖๕. และข้อเปรียบเทียบการเสียสละของบรรดามุอ์มินผู้เสียสละทรัพย์สินของตนเป็นซะกาต(ภารยทาน)และเสียสละไปในวิถีทางอันจะได้บุญกุศลโดยความเต็มใจในอันที่จะสละทรัพย์นั้น เพื่อหมายเอาความยินดีจากอัลเลาะห์และมั่นอยู่กับใจแห่งตน ว่าที่ได้สละทรัพย์นั้นต้องได้รับซึ่งบุญกุศลจากเอกองค์อัลเลาะห์เป็นแน่แท้ ทั้งยังเชื่อมั่นในสัญญาของอัลเลาะห์อย่างมั่นคง และรู้แน่ว่าทรัพย์ที่ตนได้เสียสละไปย่อมดีกว่าทรัพย์ที่เก็บงำไว้เฉย ๆ ข้อเปรียบเทียบที่ว่านี้ก็เหมือนกับสวนแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่มีฝนหนักชะลงมา แล้วผลิตผลแห่งสวนนั้นให้ผลเป็นสองเท่าแก่เจ้าของสวน แต่ถึงฝนตกหนักไม่ชะลงมา ก็จะมีฝนประปรายชะลงมาและพอเพียงสำหรับสวนแห่งนั้นด้วย ทั้งนี้เนื่องจากสวนแห่งนั้นอยู่ที่สูง ฝนที่ชะลงมานั้นจะมากน้อยเพียงไร สวนแห่งนั้นก็ย่อมจะให้ผลผลิตได้และสมบูรณ์เสมอ ในทำนองเดียวกัน ทรัพย์สินที่พวกมุอ์มินได้เสียสละไปไม่ว่าจะมากหรือน้อยสักเพียงไร ก็ย่อมได้รับผลสมบูรณ์อันถูกอัลเลาะห์ตระเตรียมไว้ให้แก่พวกเขาในวันอาคิเราะห์ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงเล็งเห็นตลอดถึงสิ่งใด ๆ ที่พวกเจ้ากระทำอยู่ แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบสนองแก่พวกเจ้าด้วยสิ่งที่กระทำนั้น


คำอ่าน
266. อะยะวัดดุอะหะดุกุม อัน..ตะกูนะละฮูญัน..นะตุม..มิน..นะคีลิว..วะอะอฺนาบิน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ ละฮูฟีฮา มิน..กุลลิษษะมะรอติ วะอะศอบะฮุลกิบะรุ วะละฮูซุรฺรียะตุน..ฎุอะฟา...อุ ฟะอะศอบะฮา..อิอฺศอรุน..ฟีฮินารุน..ฟะหฺตะเราะก็อต, กะซาลิกะยุบัยยินุลลอฮุ ละกุมุลอายาติ ละอัลละกุมตะตะฟักกะรูน

คำแปล R1.
266. Would any of you wish to have a garden with date-palms and vines, with rivers flowing underneath, and all kinds of fruits for him therein, while he is striken with old age, and his children are weak (not able to look after themselves), then it is struck with a fiery whirlwind, so that it is burnt? Thus does Allah make clear his Ayat (proofs, evidences and verses) to you that you may give thought.

คำแปล R2.
266. คนหนึ่งคนใดจากพวกเจ้าทั้งหลายชอบไหมเล่า ที่เขาจะมีสวนหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นอินทผลัมและต้นองุ่น โดยมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องใต้ของมัน เขาได้รับในสวนนั้นซึ่งผลไม้ต่าง ๆ และเขาก็ลุเข้าสู่วัยชรา โดยเขายังมีลูกหลานที่อ่อนวัย ครั้นต่อมาก็มีลมพายุโหมกระหน่ำสวนนั้น โดยมีไฟในนั้น แล้วมันก็เกิดเพลิงไหม้(หมดทั้งสวน) เช่นนั้นแหละ อัลเลาะฮฺทรงชี้แจงบรรดาโองการต่าง ๆ เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้ใคร่ครวญ

คำแปล R3.
266. มีผู้ใดในหมู่สูเจ้าบ้างที่ต้องการให้ตัวเองมีสวนอินทผลัมและองุ่นเขียวชอุ่ม โดยได้รับน้ำจากลำน้ำหลายสายที่ไหลผ่าน และในสวนนั้นมีผลไม้หลายชนิด ? และเขาชอบไหมที่มันจะถูกลมหมุน พัดโหมกระหน่ำ ไฟไหม้ในตอนที่ตัวเขาเองอยู่ในวัยชราและบรรดาลูกเล็ก ๆ ของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะขวนขวายหาสิ่งใด ? ดังนั้น อัลลอฮฺได้ทรงทำให้อายะฮฺทั้งหลายของพระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ใคร่ครวญ

คำแปล R4.
266. มีคนใดในพวกเจ้าชอบบ้างไหมที่เขาจะมีสวน อินทผาลัม และองุ่น ซึ่งเบื้องล่างของสวนนั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ผลไม้ทั้งหมดในสวนนั้นเป็นของเขา และความชราได้ประสบแก่เขา และเขาก็มีลูก ๆ ที่ยังอ่อนแออยู่ แต่แล้วได้มีลมพายุประสบแก่สวนนั้น ซึ่งในลมพายุนั้นมีไฟด้วย แล้วมันเผามอดไหม้ไป ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจึงทรงแจกแจงโองการทั้งหลายให้พวกเจ้าทราบ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ

คำแปล R5.
๒๖๖. โอ้บรรดาผู้ให้ทานเพื่อหวังได้รับคำชมเชยและเอาชื่อเสียงพวกหนึ่ง และพวกที่ทำทานเพื่อการลำเลิกและสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่ผู้รับทานอีกพวกหนึ่งย่อมไม่มีคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้า ชอบที่จะมีสวนอินทผลัมและองุ่นซึ่งมีลำธารไหลผ่านภายใต้ ณ สวนแห่งนั้น เขาได้รับซึ่งผลประโยชน์จากผลไม้นานาชนิด ครั้นแล้วความชราก็เผชิญเขา และมีลูกหลานที่ยังเยาว์อยู่ซึ่งไร้ความสามารถในอันที่จะจัดการเรือกสวนแทนตน ซ้ำสวนแห่งนั้นยังถูกลมเพชรหึงที่ร้อนแรงพัดมาปะทะเข้า ทำให้ต้นไม้ในสวนนั้นไหม้เกรียมยืนต้นตายหมดสิ้น ฝ่ายผู้เป็นเจ้าของสวนก็อยากจะได้สวนนั้นกลับคืนมา ทั้งตัวเขาและลูกหลานของเขาก็หมดความสามารถไม่มีหนทางใดที่จะให้ได้สวนนั้นกลับคืนมา อุทาหรณ์ที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นข้อเปรียบเทียบดังนี้ สวนงามเป็นสิ่งที่พึงพอใจสำหรับเจ้าของสวนฉันใด การให้ทานที่หวังเอาคำชมเชย เอาชื่อเสียงหรือเพื่อการลำเลิกและความเดือดร้อนก็เป็นสิ่งที่พอใจของผู้ให้ฉันนั้น และการสูญเสียสวนอันเป็นที่น่าสลดใจและอยากได้มันกลับคืนมาเป็นฉันใด การสูญเสียบุญกุศลของผู้ที่ให้ทานดังที่กล่าวก็เป็นที่น่าสลดใจและอยากได้กลับคืนมาก็เป็นฉันนั้น ฉะนั้นมุอ์มินทั้งหลาย พึงออกห่างจากการอวดอ้าง จากความลำเลิกและจากการก่อความเจ็บช้ำน้ำใจในการเสียสละอย่างที่ว่านี้เถิด ในทำนองเดียวกับทรัพย์สินที่ให้เป็นทานแล้วได้กุศลบ้าง ไม่ได้กุศลบ้าง ดังกล่าวมานี้แหละ อัลเลาะห์จะทรงแจ้งบรรดาโองการของพระองค์แก่พวกเจ้าอีกเพื่อว่าพวกเจ้าจักได้ใช้ปัญญาใคร่ครวญดูให้เห็นความจริงเป็นประจักษ์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #127 เมื่อ: พ.ค. 20, 2010, 06:31 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 267 - 268

 

คำอ่าน
267. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อัน..ฟิกูมิน..ฏ็อยยิบาติ มากะสับตุม วะมิม..มา..อัคร็อจญนาละกุม..มินัลอัรฎฺ, วะลาตะยัม..มะมุลเคาะบีษะมินฮุ ตุน..ฟิกูนะ วะลัสตุม..บิอาคิซีฮิ อิลลา..อัน..ตุฆมิฎูฟีฮฺ, วะอฺละมูอัน..นัลลอฮะ เฆาะนียุนหะมีด

คำแปล R1.
267. O you who believe! Spend of the good things which you have (legally) earned, and of that which we have produced from the earth for you, and do not aim at that which is bad to spend from it, (though) you would not accept it save if you close your eyes and tolerate therein. And know that Allah is rich (free of all wants), and worthy of all praise.

คำแปล R2.
267. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย จงบริจาคทรัพย์ที่ดีบางส่วนจากที่พวกเจ้าได้พากเพียรไว้ และจากสิ่งที่เราได้ให้ผลิออกมาจากแผ่นดินแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าอย่าได้มุ่งเอาสิ่งเลวจากนั้นมาบริจาค ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าเองก็ไม่(อยากจะ)รับสิ่งนั้น นอกจากพวกเจ้าจะสะเพร่าใน(การรับ)มัน และจงทราบไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรวยยิ่ง อีกทั้งทรงได้รับการสรรเสริญ

คำแปล R3.
267. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺจากสิ่งที่ดีที่สูเจ้าหามาได้และจากที่เราได้ทำให้งอกเงยจากพื้นดินสำหรับสูเจ้าและจงอย่าได้เอาสิ่งที่ไม่มีค่าที่สูเจ้าเองก็ไม่อยากที่จะได้มาบริจาคทาน จงเข้าใจไว้ให้ดีว่าอัลลอฮฺมิได้ทรงต้องการสิ่งใดและทรงมีคุณลักษณะที่ควรแก่การได้รับการสรรเสริญทั้งปวง

คำแปล R4.
267. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงบริจาคส่วนหนึ่งจากบรรดาสิ่งดี ๆ ของสิ่งที่พวกเจ้าได้แสวงหาไว้ และจากสิ่งที่เราได้ให้ออกมาจากดิน สำหรับพวกเจ้า และพวกเจ้าอย่ามุ่งเอาสิ่งที่เลวจากมันมาบริจาค ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าเองก็มิใช่จะเป็นผุ้รับมันไว้ นอกจากว่าพวกเจ้าจะหลับตาในการรับมันเท่านั้น และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงมั่งมี ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ

คำแปล R5.
๒๖๗. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มินพวกเจ้าจงเสียสละทรัพย์ที่ดีจากส่วนที่พวกเจ้าอุตส่าห์สั่งสมไว้อันได้แก่เงินทองและปศุสัตว์เป็นต้น ให้เป็นซะกาต และสละทรัพย์ที่ดีจากส่วนที่เราได้ให้งอกเงยขึ้นจากแผ่นดินเพื่อพวกเจ้า อันได้แก่อินทผลัม องุ่นและเล็ดพืชพันธุ์ เป็นต้น ให้เป็นซะกาตเช่นเดียวกัน แต่จงอย่าเลือกเอาของเลวจากสิ่งต่าง ๆ ที่ว่านั้นมาเสียสละเป็นซะกาต ทั้ง ๆ ที่ถ้าไม่มีใครเขาเอาของนั้นมาหยิบยื่นให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าเองก็ไม่อยากได้สิ่งนั้น นอกจากจะหลับหูหลับตารับไว้ จึงถือว่าไม่เป็นการอันสมควรเลยที่พวกเจ้าจะนำเอาสิ่งเลว ๆ มาจ่ายเป็นซะกาตอันเป็นข้อกำหนดที่อัลเลาะห์ทรงบังคับพวกเจ้า และพวกเจ้าจงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั้นคือองค์บริบูรณ์ยิ่ง คือที่ทรงใช้ให้พวกเจ้าจำหน่ายซะกาตนั้น ใช่ว่าพระองค์จะมุ่งเอาประโยชน์สำหรับพระองค์ แต่เพื่อจะให้เป็นประโยชน์แก่ตัวพวกเจ้าเองและเพื่อพวกเจ้าจะได้รับซึ่งบุญกุศล ฉะนั้นพวกเจ้าพึงระมัดระวังเลือกเอาแต่ของที่ดี ๆ ไปออกซะกาตเถิด ทรงยิ่งในอันได้รับคำสรรเสริญในทุก ๆ กระบวนการแห่งพระองค์

 

คำอ่าน
268. อัชชัยฏอนุ ยะอิดุกุมุลฟักเราะ วะยะอ์มุรุกุม..บิลฟะหฺชา..อ์, วัลลอฮุยะอิดุกุม..มัฆฟิเราะตัม..มินฮุวะฟัฎลา, วัลลอฮุวาสิอุนอะลีม

คำแปล R1.
268. Shaitan (Satan) threatens you with poverty and orders you to commit Fahsha (evil deeds, illegal sexual intercourse, sins etc.); whereas Allah promises you forgiveness from himself and bounty, and Allah is All-Sufficient for his creatures' needs, All-Knower.

คำแปล R2.
268. อันมารร้ายนั้น มันจะเอาความจนมาสัญญาต่อพวกเจ้า(เพื่อยุยงให้พวกเจ้างดการบริจาค) และมันจะใช้พวกเจ้า(ให้กระทำ)แต่สิ่งที่น่าเกลียด(เช่น ความตระหนี่)แต่อัลเลาะฮฺทรงสัญญาแก่พวกเจ้า(ว่าจะประทาน)การอภัยจากพระองค์ และความโปรดปราน และอัลเลาะฮฺทรงไพศาล อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

คำแปล R3.
268. มารร้ายได้เอาความลำบากยากจนมาข่มขู่สูเจ้าและเสี้ยมสอนสูเจ้าให้ตระหนี่ถี่เหนียว แต่อัลลอฮฺทรงสัญญาแก่สูเจ้าซึ่งการอภัยจากพระองค์และความบริบูรณ์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงไพบูลย์ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R4.
268. ชัยฎอนนั้น มันจะขู่พวกเจ้าให้กลัวความยากจน และจะใช้พวกเจ้าให้กระทำความชั่วและอัลลอฮ์นั้น ทรงสัญญาแก่พวกเจ้าไว้ ซึ่งการอภัยโทษ และความกรุณาจากพระองค์และอัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R5.
๒๖๘. ไซตอนนั้นมันจะชักเอาเรื่องความอับจนขู่พวกเจ้า หากพวกเจ้าทำทานทั้งที่เป็นเกณฑ์บังคับหรือไม่บังคับ เพื่อให้พวกเจ้าตระหนี่เหนียวแน่นและมันจะชักชวนให้พวกเจ้ากระทำการตระหนี่ถี่เหนียวในการเสียสละทางกุศลและทางซะกาต แต่ในเรื่องการเสียสละนี้อัลเลาะห์จะทรงให้สัญญาอภัยโทษแก่พวกเจ้า และให้ลาภทดแทนจากการเสียสละนั้นอีกด้วย แหละว่าอัลเลาะหืนั้นทรงความโปรดปรานอย่างไพศาลยิ่ง ทรงรู้ยิ่งในบรรดาผู้เสียสละ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #128 เมื่อ: พ.ค. 21, 2010, 05:05 AM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 269 - 271


คำอ่าน
269. ยุอ์ติลหิกมะตะ มัย..ยะชา...อ์, วะมัย..ยุอ์ตัลหิกมะตะ ฟะก็อดอูติยะค็อยร็อน..กะษีรอ, วะมายัซซักกะรุ อิลลา..อุลุลอัลบาบ

คำแปล R1.
269. He grants Hikmah to whom He pleases, and he, to whom Hikmah is granted, is indeed granted abundant good. But none remember (will receive admonition) except men of understanding.

คำแปล R2.
269. พระองค์ทรงประทานวิทยญาณแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และใครก็ตามที่ถูกประทานวิทยญาณ แน่นอนเขาย่อมได้รับความดีอันมากหลาย และจะไม่(มีผู้ใด)สำนึกได้ นอกจากผู้มีวิจารณญาณเท่านั้น

คำแปล R3.
269. พระองค์ทรงประทานวิทยปัญญาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และใครก็ตามที่ได้รับวิทยปัญญา เขาผู้นั้นก็ได้รับทรัพย์สินอันยิ่งใหญ่ แต่คนที่มีสติเท่านั้นที่ได้รับบทเรียนจากสิ่งเหล่านี้

คำแปล R4.
269. พระองค์จะทรงประทานความรู้ให้แก่ผู้ที่พรองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดที่ได้รับความรู้ แน่นอนเขาก็ได้รับความความดีอันมากมาย และไม่มีใครจะรำลึก นอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น

คำแปล R5.
๒๖๙. พระองค์จะทรงให้คุณวิทยาอันจะนำไปสู่ความเข้าใจลึกซึ้งในอัล-กุรอาน ในวิชาฟิกห์ และวิชาเตาฮีดและอื่น ๆ แก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้ และผู้ใดได้รับซึ่งคุณวิทยานั้น ผู้นั้นย่อมได้รับซึ่งความดีอย่างมากมายเป็นแน่ เพราะเขาจะได้กลับไปสู่ความประเสริฐเลิศชั่วกาลนาน และจะไม่มีใครได้สติเลย เว้นไว้แต่บรรดาผู้ครองปัญญาเท่านั้น


คำอ่าน
270. วะมา..อัน..ฟักตุม..มิน..นะฟะเกาะติน เอานะซัรตุม..มิน..นัซริน..ฟะอิน..นัลลอฮะ ยะอฺละมุฮู วะมาลิซซอลิมีนะ มินอัน..ศอรฺ

คำแปล R1.
270. And whatever you spend for spending (e.g., in Sadaqah - charity, etc. for Allah's Cause) or whatever vow you make, be sure Allah knows it all. And for the Zalimun (wrong-doers, etc.) there are no helpers.

คำแปล R2.
270. และค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่พวกเจ้าได้จับจ่ายออกไปหรือพวกเจ้าได้บนไว้ในกรณีหนึ่ง ๆ ที่จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ในสิ่งนั้น(เป็นอันดี)และสำหรับบรรดาผู้อธรรมย่อมไม่มีผู้ช่วยเหลืออย่างแน่นอน

คำแปล R3.

270. แน่นอน อัลลอฮฺทรงรู้สิ่งใดก็ตามที่สูเจ้าได้ใช้จ่ายไป และการบนบานใด ๆ ที่สู้เจ้าได้ทำไป และบรรดาผู้กระทำผิด (ที่ใช้จ่ายในหนทางของมารร้าย) นั้นจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ

คำแปล R4.
270. และสิ่งที่บริจาคใดก็ดี ที่พวกเจ้าบริจาคไป หรือสิ่งบนบานใดก็ดี ที่พวกเจ้าได้บนบานไว้นั้น  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรู้มันดีและสำหรับผู้อธรรมทั้งหลายนั้น ย่อมไม่มีผู้ช่วยเหลือ

คำแปล R5.
๒๗๐. ทรัพย์ใดที่พวกเจ้าใช้จ่ายไปในเกณฑ์บังคับก็ดี ไม่บังคับก็ดี อย่างไม่เปิดเผยหรือเปิดเผยก็ดี มีปริมาณมากหรือน้อยก็ดี หรือที่แก้บนตามที่พวกเจ้าบนไว้ก็ดี อัลเลาะห์ก็ทรงรู้ทั้งสิ้นซึ่งการนั้น พระองค์จะทรงตอบแทนแก่พวกเจ้าที่ได้ประกอบการตามที่กล่าวนั้น และแก่พวกที่คดโกงเพราะการไม่จ่ายซะกาต ไม่แก้บนหรือที่เสียสละทรัพย์สินไปในทางบาป และสำหรับบรรดาผู้คดโกงนั้นย่อมไม่ได้รับความอนุเคราะห์จากใคร ๆ ให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์เลย


คำอ่าน
271. อิน..ตุบดุศเศาะดะกอติ ฟะนิอิม..มาฮียฺ, วะอิน..ตุคฟูฮา วะตุอ์ตูฮัลฟุเกาะรอ..อะ ฟะฮุวะค็อยรุลละกุม วะยุกัฟฟิรุอัน..กุม..มิน..สัยยิอาติกุม วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรฺ

คำแปล R1.
271. If you disclose your Sadaqat (alms-giving), it is well, but if you conceal it, and give it to the poor, that is better for you. (Allah) will forgive you some of your sins. And Allah is Well-Acquainted with what you do.

คำแปล R2.
271. มาตรแม้นพวกเจ้าเปิดเผยซึ่งทานต่าง ๆ ที่จริงแล้วสิ่งนั้นก็เป็นความดียิ่ง และถ้าพวกเจ้าปิดบังมันไว้และพวกเจ้าได้มอบมันแก่บรรดาผู้ยากจน มันก็จะเป็นความประเสริฐล้ำแก่พวกเจ้า และจะนิรโทษความบาปต่าง ๆ ของพวกเจ้า และอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งในการกระทำของพวกเจ้า

คำแปล R3.
271. ถ้าสูเจ้าบริจาคทานอย่างเปิดเผยมันก็เป็นการดี แต่ถ้าสูเจ้าบริจาคทานอย่างลับ ๆ แก่คนขัดสน มันก็จะเป็นการดีกว่าสำหรับสูเจ้า เพราะมันจะลบล้างบาปบางอย่างของสูเจ้า อย่างไรก็ตาม อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ

คำแปล R4.
271. หากพวกเจ้าเปิดเผยสิ่งที่ให้เป็นทาน มันก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่ และถ้าหากพวกเจ้าปกปิดมัน และให้มันแก่บรรดาผุ้ยากจนแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ดีแก่พวกเจ้ายิ่งกว่า และพระองค์จะทรงลบล้างออกจากพวกเจ้า ซึ่งบางส่วนจากาบรรดาความผิดของพวกเจ้า และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่

คำแปล R5.
๒๗๑. แม้นว่าพวกเจ้าเปิดเผยซึ่งทานต่าง ๆ ที่สละไปด้วยความสมัครใจ การกระทำแบบนั้นก็น่าสรรเสริญอยู่ แต่ถ้าพวกเจ้ากระทำการให้ทานที่ว่านั้นลับ ๆ และจ่ายมันแก่บรรดาผู้ยากไร้ นั่นย่อมดียิ่งสำหรับพวกเจ้ากว่าที่จะเสียสละอย่างเปิดเผย และดีกว่าที่จะเสียสละให้แก่ผู้ร่ำรวย เพราะว่าการบริจาคทานอย่างไม่เปิดเผยนั้น จะได้รับบุญกุศลมากกว่าการบริจาคในที่ลับถึงเจ็ดสิบเท่า แต่เรื่องการบริจาคซึ่งเป็นเกณฑ์บังคับ เช่น ซะกาตนั้นมีกำหนดให้จ่ายเฉพาะผู้ยากไร้เท่านั้น และการจะบริจาคอย่างเปิดเผยย่อมดีกว่าการบริจาคอย่างลับ ๆ ทั้งนี้เพื่อว่าจะได้เป็นผลให้คนอื่นกระทำตามพวกเจ้า เพื่อตัวของพวกเจ้าจะได้พ้นข้อครหาและถูกเขม่นว่าเป็นคนตระหนี่ทรัพย์ซะกาต และเพื่อให้ได้รับซึ่งบุญกุศลมากถึงยี่สิบห้าเท่าของการบริจาคซะกาตอย่างไม่เปิดเผย ที่ว่าการบริจาคซะกาตในที่เปิดเผยดีกว่าบริจาคอย่างไม่เปิดเผยนั้น ได้แก่บุคคลซึ่งใคร ๆ ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนมีทรัพย์เท่านั้น ส่วนบุคคลที่ไม่มีใครรู้ว่าเขามีทรัพย์ การบริจาคซะกาตอย่างลับ ๆ ย่อมดีกว่าบริจาคอย่างเปิดเผย และการบริจาคทานซึ่งมิได้อยู่ในเกณฑ์บังคับอย่างเปิดเผยก็ดี หรืออย่างไม่เปิดเผยก็ดี การนั้นย่อมลบล้างความบาปแต่บางส่วนจากพวกเจ้าได้ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงรู้เท่าทันถึงสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่ทั้งภายใน นั่นคือการบริจาคทานของพวกเจ้าอย่างลับ ๆ และภายนอก คือ การบริจาคทานของพวกเจ้าอย่างเปิดเผย
(หมายเหตุของผู้นำเสนอ ข้อความในอายะฮฺนี้ที่แปลและอธิบายประกอบไว้ดูจะขัดแย้งกัน คือ ประโยคแรก ว่า บริจาคในที่ลับดีกว่าบริจาคในที่เปิดเผย ส่วนประโยคต่อมา ว่า บริจาคอย่างไม่เปิดเผย ได้กุศลมากกว่าบริจาคในที่ลับ ตามความเข้าใจของผมเอง ที่ถูกต้องน่าจะเป็นว่า เพราะว่าการบริจาคทานอย่างไม่เปิดเผยนั้น จะได้รับบุญกุศลมากกว่าการบริจาคในที่เปิดเผยถึงเจ็ดสิบเท่า วัลลอฮุอะอฺลัม)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 21, 2010, 05:44 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #129 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 04:21 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 272 -274

 


คำอ่าน
272. ลัยสะอะลัยกะ ฮุดาฮุม วะลากิน..นัลลอฮะ ยะฮฺดีมัย..ยะชา..อ์, วะมาตุน..ฟิกู มินค็อยริน..ฟะลิอัน..ฟุสิกุม วะมาตุน..ฟิกูนะอิลลับติฆอ..อะวัจญฮิลลาฮฺ, วะมาตุน..ฟิกูมินค็อยรี..ยุวัฟฟะอิลัยกุม วะอันตุมลาตุซละมูน

คำแปล R1.
272. Not upon you (Muhammad) is their guidance, but Allah guides whom He wills. And whatever you spend in good, it is for yourselves, when you spend not except seeking Allah's Countenance. And whatever you spend in good, it will be repaid to you in full, and you shall not be wronged.

คำแปล R2.

272. หาใช่เป็นหน้าที่ของเจ้าไม่ในการชี้นำพวกเขา และหากทว่าอัลเลาะฮฺ(ต่างหาก)ที่ทรงชี้นำแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และความดีงาม(ทรัพย์สิน)ใด ๆ ที่พวกเจ้าบริจาค มันย่อมเป็นของตัวพวกเจ้าอย่างแน่นอน และพวกเจ้าจะไม่บริจาคนอกจากเพื่อแสวงหาความพึงพระทัยของอัลเลาะห์เท่านั้น และความดีใดที่พวกเจ้าบริจาคนั้นมันจะถูกตอบแทนครบถ้วนแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าจะไม่ถูกฉ้อฉลอย่างแน่นอน

คำแปล R3.
272. เจ้า(มุฮัมมัด) ไม่ต้องรับผิดชอบในการนำทางพวกเขา อัลลอฮฺเองต่างหากที่จะแสดงทางนำให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรัพย์สินอะไรก็ตามที่สูเจ้าบริจาคเป็นกุศลทาน มันก็เป็นผลดีสำหรับสูเจ้าเอง เมื่อสูเจ้าใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้าเพื่อหวังความพึงใจของอัลลอฮฺ สูเจ้าก็จะได้รับการตอบแทนอย่างเต็มเปี่ยมสำหรับสิ่งที่สูเจ้าใช้จ่ายไป และสิ่งที่สูเจ้าพึงได้นั้น จะไม่ถูกทำให้บกพร่องแม้แต่นิดเดียว

คำแปล R4.
272. หาใช่เป็นหน้าที่ของเจ้าไม่ ซึ่งการแนะนำพวกเขา (ให้เกิดความศรัทธา) แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่จะแนะนำใครก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์(ให้เขา ศรัทธา) สิ่งดีใด ๆ ที่พวกเจ้าบริจาคไปก็ย่อมแก่ตัวของพวกเจ้าเอง และพวกเจ้าจะไม่บริจาคสิ่งใด นอกจากเพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ์เท่านั้น และสิ่งดีใด ๆ ที่พวกเจ้าบริจาคไป มันก็จะถูกตอบแทนโดยครบถ้วนแก่พวกเจ้าและพวกเจ้าจะไม่ถูกอยุติธรรม

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ พระนบีมูฮำมัดได้ประกาศห้ามว่า “อย่าบริจาคทานแก่บรรดากาฟิร เพื่อจะให้พวกนั้นเข้ามาเลื่อมใสอิสลาม” โองการจากอัลเลาะห์จึงมีลงมาว่า
๒๗๒. โอ้ มูฮำมัด มิใช่ความจำเป็นเหนือเจ้าเลยที่จะนำนำกาฟิรพวกนั้นให้เข้ามาเลื่อมใสในศาสนาอิสลามด้วยการบริจาคทานแก่พวกเหล่านั้น เจ้ามีหน้าที่เพียงแต่แจ้งสัญญาดีและสัญญาร้าย ข้อใช้และข้อห้ามเท่านั้น แต่ทว่าอัลเลาะห์จะทรงชี้ทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้เข้าสู่ศาสนาอิสลามเอง และทรัพย์สินใดที่พวกเจ้าเสียสละเป็นทานแก่พวกมุอ์มินก็ดี แก่พวกกาฟิรก็ดี ทรัพย์สินนั้นก็เป็นประโยชน์แก่พวกเจ้าโดยเฉพาะ เพราะว่าบุญกุศลนั้นย่อมตกอยู่แก่พวกเจ้า หามีใครที่จะมาร่วมรับหรือแบ่งผลประโยชน์ของพวกเจ้าไปได้ไม่ ฉะนั้นเมื่อพวกเจ้าจะบริจาคทานก็จงอย่าลำเลิกบุญคุณ หรือก่อความเจ็บช้ำน้ำใจแก่ผู้รับ หรือเอาของเลว ๆ ไปบริจาค ทรัพย์สินนั้นพึงบริจาคแก่พวกมุอ์มินก็ได้ แก่พวกกาฟิรก็ได้ เว้นไว้แต่เรื่องซะกาตเท่านั้นจะบริจาคแก่พวกกาฟิรไม่ได้ และพวกเจ้าจะไม่เสียสละทรัพย์สินกันเลยนอกจากจะหมายเอาบุญกุศลจากอัลเลาะห์เท่านั้น อย่าหมายเอาผลประโยชน์โดยตรงจากการนี้เลย เช่น ต้องการได้รับคำชมเชย เป็นต้น ส่วนทรัพย์สินใดที่พวกเจ้าเสียสละให้เป็นทาน ผลตอบแทนนั้น จะถูกชำระให้ครบบริบูรณ์แก่พวกเจ้าอย่างไม่ต้องกับความอยุติธรรมเลย กล่าวคือพวกเจ้าจะไม่พบซึ่งความบกพร่องแม้แต่นิดเดียวในด้านบุญกุศล



คำอ่าน
273. ลิลฟุเกาะรอ..อิลละซีนะ อุหฺศิรู ฟีสะบีลิลลาฮิ ลายัสตะฏีอูนะ อรฺบัน..ฟิลอัรฺฎิ ยะหฺสะบุฮุมุลญาฮิลุ อัฆนิยา..อะ มินัตตะอัฟฟุฟิ ตะอฺริฟุฮุม..บิสีมาฮุม ลายัสอะลูนัน..นาสะ อิลหาฟา, วะมาตุน..ฟิกู มินค็อยริน..ฟะอิน..นัลลอฮธบิฮีอะลีม

คำแปล R1.
273. (Charity is) for Fuqara (the poor), who In Allah's Cause are restricted (from travel), and cannot move about in the land (for trade or work). The one who knows them not, thinks that they are rich because of their modesty. You may know them by their mark, they do not beg of people at all. And whatever you spend in good, surely Allah knows it well.

คำแปล R2.
273. เป็นสิทธิสำหรับบรรดาผู้ที่จำกัดตัวเองในทางของอัลเลาะฮฺ พวกเขาไม่สามารถที่จะจาริกไปในแผ่นดิน ผู้โง่เขลาคิดว่าพวกเขาเป็นคนรวย(ทั้ง ๆ ที่พวกเขายากไร้ยิ่ง แต่)เนื่องด้วยความสังวรตน(พวกเขาไม่ยอมขอใครกิน)เจ้ารู้จักพวกเขาได้ด้วยเครื่องหมายแห่งพวกเขา คือพวกเขาจะไม่พิรี้พิไรขอจากมนุษย์ และการดีอันใดที่พวกเจ้าบริจาคนั้น อัลเลาะห์ทรงรอบรู้ในสิ่งนั้นอย่างแน่นอน

คำแปล R3.

273. บรรดาผู้ที่ลำบากยากเข็ญเป็นอย่างยิ่งในหนทางของอัลลอฮฺจนไม่สามารถที่จะไปไหนมาไหนเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเองได้นั้นสมควรที่จะได้รับการช่วยเหลือเป็นการเฉพาะ พวกคนโง่เขลาอาจจะคิดว่าเขาเหล่านั้นเป็นผู้มั่งมีเพราะพวกเขาสงบเสงี่ยม เจ้าสามารถที่จะสังเกตพวกเขาได้ที่ใบหน้าของพวกเขา พวกเขาจะไม่ขอจากผู้คนอย่างพร่ำเพรื่อ และอัลลอฮฺทรงรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าจะให้แก่พวกเขา

คำแปล R4.

273. (คือให้บริจาคทาน) แก่บรรดาผู้ที่ยากจนที่ถูกจำกัดตัวให้อยู่ในทางของอัลลอฮ์โดยที่พวกเขาสามารถจะเดินทางไปในดินแดนอื่นๆ ได้(เพื่อประกอบอาชีพ) ผู้ที่ไม่รู้คิดว่าพวกเขาเป็นผู้มั่งมี อันเนื่องจากความสงบเสงี่ยมเจียมตัว โดยที่เจ้าจะรู้จักเขาได้ด้วยเครื่องหมายของพวกเขา พวกเขาจะไม่ขอจากผู้คนในสภาพเซ้าซี้ และสิ่งดีใด ๆ ที่พวกเจ้าบริจาคไปนั้น แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรู้ดีในสิ่งนั้น

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ อาหรับมักกะห์เผ่ากุรอยซ์จำนวน ๔๐๐ คน ได้อพยพไปยังนครมดีนะห์ แต่ไม่มีที่พักอาศัย ไม่มีสมัครพรรคพวกและญาติพี่น้อง จึงต่างเอามัสยิดมดีนะห์เป็นที่พักอาศัย ฝ่ายหนุ่มโสดทุกคนใช้เวลาทั้งสิ้นตลอดทั้งคืนเพื่อการศึกษาพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ส่วนในตอนกลางวันก็พร้อมที่จะร่วมไปกับกองทัพ โองการต่อไปนี้จึงถูกประทานมาว่า
๒๗๓. บรรดาทรัพย์สินที่เสียสละดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ให้ได้แก่บรรดาผู้ยากไร้ที่จำกัดตัวเพื่อการทำสงครามในวิถีทางแห่งอัลเลาะห์ซึ่งพวกนั้นไม่สามารถดำเนินการค้า และการทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ ณ หน้าแผ่นดินได้ เพราะมัวมาฝักใฝ่อยู่กับการทำสงคราม ซึ่งคนโง่ไม่รู้จักภูมิฐานของพวกนั้น ก็จะคิดว่าพวกนั้นเป็นคนร่ำรวย ที่พวกนั้นเกลียดการขอทาน โอ้ผู้สดับฟังคำโต้ตอบ เจ้าจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยริ้วรอยต่าง ๆ เช่น ความอ่อนน้อมถ่อมตัว ความขัดสนทรัพย์ และต้องการทรัพย์ พวกนั้นจะไม่คะยั้นคะยอขออะไร ๆ จากมวลมนุษย์เลย ส่วนทรัพย์สินใด ๆ จะมากน้อยสักเพียงไรก็ตาม ที่พวกเจ้าเสียสละไป แน่นอนอัลเลาะห์ก็ทรงรู้ซึ่งการเสียสละทรพย์นั้น และจะทรงสนองบุญกุศลแก่พวกเจ้าด้วย
 

คำอ่าน
274. อัลละซีนะยุน..ฟิกูนะ อัมวาละฮุม..บิลลัยลิ วัน..นะฮาริ สิรฺร็อว..วะอะลานิยะฮฺ, ฟะละฮุมอัจญรุฮุมอิน..ดะร็อบบิฮิม วะลาค็อวฟุนอะลัยฮิม วะลาฮุมยะหฺซะนูน

คำแปล R1.

274. Those who spend their wealth (in Allah's Cause) by night and day, in secret and in public, they shall have their reward with their Lord. On them shall be no fear, nor shall they grieve.

คำแปล R2.
274. บรรดาผู้บริจาคทรัพย์สินของพวกเขาในยามกลางคืนและกลางวัน ทั้งโดยปิดบังและเปิดเผย แน่นอนพวกเขาย่อมได้รับกุศลจากองค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาไม่มีความหวาดกลัวและไม่เศร้าตรม

คำแปล R3.
274. บรรดาผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของเขาอย่างลับ ๆ และเปิดเผยทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนนั้นจะได้รับรางวัลที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวและระทม

คำแปล R4.

274. บรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขาทั้งในเวลากลางคืน และกลางวัน ทั้งโดยปกปิด และเปิดเผยนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความกลัวอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้นแก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

คำแปล R5.
๒๗๔. บรรดาผู้เสียสละซึ่งทรัพย์สินของตนเป็นทานทั้งกลางคืนและกลางวันก็ดี ไม่ว่าจะโดยเป็นการลับหรือเปิดเผยก็ดี พวกนั้นย่อมได้รับผลบุญกุศลตอบแทนจากฝ่ายพระผู้อภิบาลแห่งพวกเขาในวันอาคิเราะห์ และไม่มีความหวาดกลัวที่พวกนั้นเหมือนกับที่พวกกาฟิรกลัวการลงโทษ ทั้งยังไม่มีความโศกสลด เหมือนกับพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้โดยมิได้ประกอบกรรมดีใด ๆ อันจะได้รับบุญกุศล ต้องเศร้าสลดกันอีกด้วย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #130 เมื่อ: พ.ค. 26, 2010, 05:58 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 275 - 277


คำอ่าน
275. อัลละซีนะยะอ์กุลูนัรฺริบา ลายะกูมูนะ อิลลากะมายะกูมุลละซี ยะตะค็อบบะตุฮุชชัยฏอนุ มินัลมัสสฺ, ซาลิกะบิอัน..นะฮุม กอลู..อิน..นะมัลบัยอุ มิษลุรฺริบา วะอะหัลลัลลอฮุลบัยอะ วะหัรฺเราะมัรฺริบา ฟะมัน..ญา..อะฮู เมาอิเซาะตุม..มิรฺร็อบบิฮี ฟัน..ตะฮา ฟะละฮูมาสะละฟะ วะอัมรุฮู..อิลัลลอฮฺ, วะมันอาดะ ฟะอุลา..อิกะอัศหาบุน..นาริ ฮุมฟีฮา คอลิดูน

คำแปล R1.
275. Those who eat Riba (usury) will not stand (on the Day of Resurrection) except like the standing of a person beaten by Shaitan (Satan) leading him to insanity. That is because they say: "Trading is only like Riba (usury)," Whereas Allah has permitted trading and forbidden Riba (usury). So whosoever receives an admonition from his Lord and stops eating Riba (usury) shall not be punished for the past; his case is for Allah (to judge); but whoever returns to Riba (usury)], such are the dwellers of the Fire - they will abide therein.

คำแปล R2.
275. บรรดาผู้กินดอกเบี้ย พวกเขาจะไม่ยืนขึ้น(ฟื้นขึ้นจากสุสานในวันชาติหน้าได้อย่างปกติ)นอกจาก(พวกเขาจะยืนขึ้นมาในท่าที)ประดุจดังที่มารร้ายสิงสู่เนื่องจากความวิกลจริต นั่นเป็นเพราะพวกเขากล่าวว่า “อันที่จริงการค้าขายก็เหมือนกับการดอกเบี้ยนั่นเอง” และอัลเลาะฮฺทรงอนุมัติการค้าขายแต่ทรงห้ามการดอกเบี้ย ดังนั้นผู้ใดที่ได้รับคำเตือนจากองค์อภิบาลของเขา แล้วเขาก็ยุติ(การรับดอกเบี้ย)แน่นอนสิ่ง(ดอกเบี้ย)ที่ล่วงเลยไปแล้วนั้นก็เป็นของเขา(ไม่ต้องย้อนหลัง)และการงานของเขาก็มอบแด่อัลเลาะฮฺ(สุดแต่พระองค์จะจัดการ) และผู้ใดย้อนกลับ (ไปสู่ธุรกิจดอกเบี้ยอีก) แน่นอนพวกเขาเป็นชาวนรก พวกเขาต้องเข้าอยู่ในนั้นโดยนิรันดร

คำแปล R3.

275. ส่วนบรรดาผู้ที่กินดอกเบี้ยจะเป็นเหมือนกับผู้ที่มารร้ายทำให้เขางงงวยและเป็นบ้าโดยการสัมผัสของมัน พวกเขาถูกสาปแช่งถึงขั้นนี้เพราะพวกเขากล่าวว่า “การค้านั้นก็เหมือนกับดอกเบี้ย” ในขณะที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติการค้าแต่ทรงห้ามดอกเบี้ย ดังนั้นถ้าหากใครก็ตามที่ละเว้นจากการเอาดอกเบี้ยหลังจากที่ได้รับคำเตือนนี้จากพระผู้อภิบาลของเขาแล้ว เขาก็จะไม่ถูกดำเนินการทางกฎหมายเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่เขาได้กินไปก่อนหน้านี้ และกรณีของเขาจะไปถึงอัลลอฮฺในที่สุด แต่ถ้าหากเขายังทำความผิดอย่างเดียวกันนี้อีก เขาเหล่านี้ก็คือสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น

คำแปล R4.
275. บรรดาผู้กินดอกเบี้ยนั้น พวกเขาจะไม่ทรงตัว นอกจากจะเป็นเช่นเดียวกับผู้ที่ชัยฏอนทำร้ายเขาทรงตัว พวกเขากล่าวว่า ที่จริงการค้าขายนั้นก็เหมือนการเอาดอกเบี้ยนั้นเอง และอัลลอฮ์นั้นทรงอนุมัติการขาย และทรงห้ามการเอาดอกเบี้ย ดังนั้นผู้ใดที่การตักเตือนจากพระเจ้าของเขาได้มายังเขา แล้วเขาก็เลิก สิ่งที่ล่วงแล้วมาก็เป็นสิทธิของเขา และเรื่องของเขานั้นย่อมกลับไปสู่อัลลอฮ์ และผู้ใดกลับ(กระทำ) อีก ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล

คำแปล R5.
๒๗๕. บรรดาผู้กินดอกเบี้ยนั้นจะทรงตัวขึ้นมาจากสุสานอันปกติมิได้เพราะว่าท้องของพวกนั้นใหญ่โตถึงขนาดที่ทำให้พวกนั้นโยกเยกไปมา เว้นแต่จะดูเหมือนอาการยืนของผู้ที่ถูกไซตอนผลักมิให้ยืนในอาการปกติได้เพราะความวิกลจริต เมื่อพูดถึงดอกเบี้ย ก็จักได้บรรยายไว้ ณ ที่นี้ เพียงสังเขป พอเป็นนิทัศน์ดังนี้
   ดอกเบี้ยคือส่วนเกินในปริมาณ หรือเวลา ที่คิดเอาจากผลแห่งการแลกเปลี่ยนเงินต่อเงิน ทองต่อทองและอาหารต่ออาหาร อันมีข้าวและน้ำตาลเป็นต้น กล่าวคือ
ก. ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างวัตถุชนิดเดียวกัน เช่น เงินต่อเงิน เป็นต้น มีกฎไว้ ๓ ข้อว่า
๑. ต้องให้วัตถุที่เป็นชนิดเดียวกันนั้น มีปริมาณโดยน้ำหนักเท่า ๆ กัน ถ้าปริมาณที่ว่านั้นเกินกว่ากันแล้ว ส่วนที่เกินกว่า ก็จัดว่าเป็นดอกเบี้ย
๒. ต้องทำการส่งมอบให้แก่กันและกันในสถานที่ที่ตกลงแลกเปลี่ยนกัน ถ้าส่งมอบให้แก่กันนอกสถานที่ที่ตกลงแลกเปลี่ยนกัน ก็จัดว่าเป็นดอกเบี้ย
๓. ต้องไม่ให้เป็นสินเชื่อขึ้นจากทั้งสองฝ่าย หรือจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเป็นสินเชื่ออย่างที่ว่านั้น ก็จัดว่าเป็นดอกเบี้ย
ข. ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างวัตถุต่างชนิดกัน เช่น เงินกับทอง เป็นต้น มีกฎไว้ ๒ ข้อว่า
๑. จะต้องทำการส่งมอบให้แก่กันและกันในสถานที่ที่ทำการตกลงจะแลกเปลี่ยนกัน ถ้าส่งมอบให้แก่กันนอกสถานที่ที่ตกลงจะแลกเปลี่ยนกันก็จัดว่าเป็นดอกเบี้ย
๒. ต้องไม่ให้เป็นสินเชื่อขึ้นจากทั้งสองฝ่าย หรือจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเป็นสินเชื่ออย่างที่ว่านั้น ก็จัดว่าเป็นดอกเบี้ย
   การกู้หนี้ยืมสิน มีกฎเกณฑ์อยู่ว่าอย่าให้มีสัญญาโดยวาจาจากทั้งฝ่ายเจ้าหนี้ว่าตนจะคิดดอกเบี้ยเป็นอัตราเท่านั้น ๆ และฝ่ายลูกหนี้ว่าตนจะจ่ายค่าดอกเบี้ยให้เป็นอัตราเท่านั้น ๆ แต่ถ้าข้อสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ครบถ้วนดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ถือว่าส่วนเกินอันเกิดขึ้นตามในข้อสัญญานี้ไม่เป็นดอกเบี้ย
   แต่ถ้าในกรณีที่ลูกหนี้บนบานไว้ว่าเป็นภาระจำเป็น(วายิบ)เหนือตัวข้าพเจ้าจะต้องใช้หนี้ให้เกินต้นทุนในอัตราเท่านั้น ๆ เช่นนี้ ไม่จัดว่าเป็นดอกเบี้ย แต่ถือว่าเป็นเรื่องของการบนบาน ซึ่งฝ่ายเจ้าหนี้จะรับผลประโยชน์นั้นได้เสมอ ส่วนลูกหนี้จะชำระคืนเจ้าหนี้เป็นอัตราเกินต้นทุนเท่านั้น ๆ ด้วยความสมัครใจ อย่างนี้ย่อมถือว่าเป็นของกำนัลหากว่าเจ้าหนี้เป็นคนร่ำรวย และถือว่าทานภาคสุนัต(อัล-ซอดะเกาะห์)หากว่าเจ้าหนี้เป็นผู้ยากจน

   อาการของผู้กินดอกเบี้ยตามที่กล่าวมาแล้วนี้แหละ พวกกาฟิรยาหิลียะห์(อนารยชน)เหล่านั้นถึงกล่าวว่า อันที่จริงการซื้อขายก็ทำนองเดียวกับการกินดอกเบี้ย ซึ่งทั้งสองนี้ย่อมไม่เป็นบาปแต่อย่างใดเลย อัลเลาะห์จึงทรงมีคำดำรัสตอบว่า “พระองค์ทรงอนุญาตทำการซื้อขาย แต่ทรงห้ามเรื่องการดอกเบี้ย” ฉะนั้น ผู้ใดที่ข้อตักเตือนคือข้อใช้และข้อห้ามจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งเขาเกี่ยวกับการดอกเบี้ยได้มาถึง เขาก็ระงับเสียซึ่งข้อที่ทรงห้ามและถือปฏิบัติตามข้อที่ทรงใช้ ส่วนดอกเบี้ยที่แล้ว ๆ มาซึ่งได้รับเอาไว้ก่อนมีบัญญัติห้าม ก็ให้เป็นสิทธิของผู้นั้นไปเลยโดยไม่ต้องจ่ายคืนแก่ลูกหนี้แต่ประการใด แล้วกิจของเขาเกี่ยวกับการลบล้างข้อผูกพันนั้นมอบไว้ว่าสุดแต่อัลเลาะห์ แต่ถ้าผู้ใดหวนมาคิดเอาดอกเบี้ยอีกภายหลังจากมีข้อห้ามมายังเขาแล้ว พวกเหล่านั้นแหละ คือชาวนรก ดำรงมั่นอยู่ในนั้นอย่างนิรันดรโดยไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตาย


คำอ่าน

276. ยัมหะกุลลอฮุรฺริบา วะยุรฺบิศเศาะดะกอต, วัลลอฮุลายุหิบบุ กัฟฟารินอะษีม

คำแปล R1.
276. Allah will destroy Riba (usury) and will give increase for Sadaqat (deeds of charity, alms, etc.) and Allah likes not the disbelievers, sinners.

คำแปล R2.
276. อัลเลาะฮฺทรงลบล้างดอกเบี้ย และทรงเพิ่มพูนบรรดาทานต่าง ๆ และอัลเลาะฮฺไม่รักทุกคนที่เนรคุณอีกทั้งชอบทำบาป

คำแปล R3.
276. อัลลอฮฺจะทรงบั่นทอนความเจริญออกจากดอกเบี้ยและจะทรงเพิ่มพูนกุศลทาน และอัลลอฮฺไม่ทรงรักคนบาปหนาที่เนรคุณทุกคน

คำแปล R4.
276. อัลลอฮ์จะทรงให้ดอกเบี้ยลดน้อยลงและหมดความจำเริญ และจะทรงให้บรรดาที่เป็นทานเพิ่มพูนขึ้น และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบผู้เนรคุณ ผู้กระทำบาปทุกคน

คำแปล R5.
๒๗๖. อัลเลาะห์จะทรงให้สูญเสียซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวพันอยู่กับการดอกเบี้ยซึ่งทรัพย์สินอย่างนี้ถ้านำไปทำบุญสุนทรทานก็ดี ใช้จ่ายในงานของฮัจย์ก็ดี ในการทำสงครามก็ดี และในการผูกไมตรีกับวงศ์ญาติก็ดี เหล่านี้ล้วนแต่อัลเลาะห์ไม่สนองบุญกุศลให้ทั้งสิ้น แต่จะทรงให้ทรัพย์สินในรูปของทานต่าง ๆ จำเริญผลบุญมากขึ้น และทรงให้ทรัพย์ซึ่งเหลือจากจ่ายทานไปแล้วพอกพูนขึ้นอย่างบริบูรณ์ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นจะทรงลงโทษกาฟิรผู้ซึ่งอ้างว่าการดอกเบี้ยนั้นเป็นการไม่บาป ผู้ซึ่งมีบาปทุกคนฐานที่กินดอกเบี้ย


คำอ่าน
277. อิน..นัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ วะอะกอมุศเศาะลาตะ วะอาตะวุซซะกาตะ ละฮุมอัจญรุฮุม อินดะร็อบบิฮิม วะลาค็อวฟุนอะลัยฮิม วะลาฮุมยะหฺซะนูน

คำแปล R1.
277. Truly those who believe, and do deeds of righteousness, and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and give Zakat, they will have their reward with their Lord. On them shall be no fear, nor shall they grieve.

คำแปล R2.
277. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดี พวกเขาดำรงการละหมาด และบริจาคทานซะกาฮฺ แน่นอนพวกเขาย่อมได้รับกุศลจากองค์อภิบาลของพวกเขา พวกเขาไม่ประสบความหวาดกลัวและไม่เศร้าตรม

คำแปล R3.

277. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดี และดำรงนมาซและจ่ายซะกาต พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขาที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวและระทม

คำแปล R4.

277. แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย และดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจ่ายซะกาตนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระเจ้าของพวกเขา และไม่มีความกลัวอย่างหนึ่ง อย่างใดเกิดขึ้นแก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

คำแปล R5.
๒๗๗. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ผู้ประพฤติชอบ เช่น ไม่กินดอกเบี้ย ผู้ดำรงการละหมาดห้าเวลาและผู้จ่ายซะกาต พวกนั้นย่อมได้รับผลบุญกุศลตอบแทนจากฝ่ายพระผู้อภิบาลของพวกเขาในวันอาคิเราะห์ และไม่มีความหวาดกลัวที่พวกนั้นเหมือนอย่างที่พวกกาฟิรกลัวซึ่งการลงโทษ ทั้งยังไม่มีความโศกสลด เหมือนกับพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้โดยมิได้ประกอบกรรมดีใด ๆ อันจะได้รับบุญกุศลต้องเศร้าสลดกันอีกด้วย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #131 เมื่อ: พ.ค. 28, 2010, 07:00 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 278 - 281

   

คำอ่าน
278. ยา..อัยยุฮัลละซีนะ อามะนุตตะกุลลอฮะ วะซะรูมาบะกิยะ มินัรฺริบา..อิน..กุน..ตุม..มุอ์มินีน

คำแปล R1.
278. O you who believe! Be afraid of Allah and give up what remains (due to you) from Riba (usury) (from now onward), if you are (really) believers.

คำแปล R2.
278. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลเลาะฮฺ และจงละเว้นดอกเบี้ยที่ยังตกค้างกันอยู่ (ก่อนลงบัญญัติห้าม) ทั้งนี้หากพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธาแท้จริง

คำแปล R3.
278. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ และจงละทิ้งดอกเบี้ยในส่วนที่สูเจ้ายังอาจจะได้รับถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง

คำแปล R4.
278. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงละเว้นดอกเบี้ยที่ยังเหลืออยู่เสีย หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีบางคนในหมู่สาวกของพระศาสดามูฮำมัดได้ทวงถามดอกเบี้ยของตนที่ค้างอยู่ก่อนจากได้มีข้อบัญญัติห้าม อัลเลาะห์จึงประทานโองการลงมาว่า
๒๗๘. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน พวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์และจงละเสียจากการทวงถามดอกเบี้ยส่วนที่ยังคงค้างอยู่ก่อนจากมีบัญญัติห้ามซึ่งการนี้ หากว่าพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธาจริง เพราะขึ้นชื่อว่าศรัทธาแล้วย่อมต้องเคารพและเทิดทูนคำบัญชาใช้ของอัลเลาะห์เสมอ

   
คำอ่าน
279. ฟะอิลลัมตัฟอะลู ฟะอ์ซะนู บิหัรฺบิม..มินัลลอฮิ วะเราะสูลิฮฺ, วะอิน..ตุบตุม วะละกุมรุอูสุ อัมวาลิกุม ลาตัซลิมูนะวะลาตุซละมูน

คำแปล R1.
279. And if you do not do it, then take a notice of war from Allah and his Messenger but if you repent, you shall have your capital sums. Deal not unjustly (by asking more than your capital sums), and you shall not be dealt with unjustly (by receiving less than your capital sums).

คำแปล R2.
279. ดังนั้นหากพวกเจ้าไม่ทำ(ตามคำสั่งนี้)แน่นอนพวกเจ้าก็จงมั่นใจเถิดว่า จะมีสงคราม(การลงโทษ)จากอัลเลาะฮฺ และศาสนทูตของพระองค์(ต่อพวกเจ้า) และหากเจ้าทั้งหลายกลับใจ(ไม่กินดอกเบี้ย)แน่นอนพวกเจ้าก็ได้แต่ต้นทุนแห่งทรัพย์สินของพวกเจ้า(ที่ให้กู้ไป) พวกเจ้าไม่ฉ้อฉลและไม่ถูกฉ้อฉล

คำแปล R3.
279. แต่ถ้าหากสูเจ้าไม่ทำเช่นนั้น สูเจ้าก็จงระวังการประกาศสงครามต่อสูเจ้าจากอัลลอฮฺและรอซูล ของพระองค์ อย่างไรก็ตามถ้าสูเจ้าสำนึกผิด (และละทิ้งดอกเบี้ย) สูเจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินต้น สูเจ้าจงอย่าอธรรมและสูเจ้าก็จะไม่ถูกอธรรม
 
คำแปล R4.
279. และถ้าพวกเจ้ามิได้ปฏิบัติตาม ก็พึงรับรู้ไว้ด้วยว่า ซึ่งสงครามจากอัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ และหากพวกเจ้าสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวแล้ว สำหรับพวกเจ้าก็คือต้นทุนแห่งทรัพย์ของพวกเจ้า โดยที่พวกเจ้าจะได้ไม่อธรรม และไม่ถูกอธรรม

คำแปล R5.
๒๗๙. ถ้าว่าพวกเจ้าไม่ปฏิบัติตามที่พวกเจ้าถูกใช้คือให้มีความยำเกรงอัลเลาะห์อย่างหนึ่งและให้ละเสียซึ่งการทวงถามดอกเบี้ยอีกอย่างหนึ่งแล้วไซร้ ก็ให้พวกเจ้ามั่นใจต่อการผจญสองอย่างคือ ถูกฆ่าในภพนี้หนึ่ง ฐานที่ขัดคืนคำบัญชาใช้จากอัลเลาะห์และศาสนาทูตของพระองค์เถิด แต่ถ้าพวกเจ้ากลับใจไม่เอาดอกเบี้ยแล้วไซร้พวกเจ้าก็เอาได้เพียงต้นทุนเท่านั้น โดยไม่ได้โกงเขาด้วยการคิดเอาทรัพย์ส่วนที่เกินกว่าต้นทุน และพวกเจ้าก็จะไม่ถูกโกงด้วยเพียงได้รับต้นทุนคืนหรือด้วยการถูกประวิงเวลาชำระ

   

คำอ่าน
280. วะอีน..กานะ ซุอุสเราะติน..ฟะนะซิเราะตุน อิลามัยสะเราะฮฺ วะอัน..ตะศ็อดดะกู ค็อยรุลละกุม อิน..กุน..ตุมตะอฺละมูน

คำแปล R1.
280. And if the debtor is in a hard time (has no money), Then grant him time till it is easy for him to repay, but if you remit it by way of charity, that is better for you if you did but know.

คำแปล R2.
280. และถ้าเขา(ลูกหนี้)เป็นผู้มีฐานะยากไร้ ก็ให้รอไปก่อนจนกว่าเขาจะมีฐานะดีขึ้น(จึงจะทวงหนี้คืน)การทำทาน(ยกหนี้)ของเจ้าทั้งหลายนั้น ย่อมเป็นความดีสำหรับพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้ารู้

คำแปล R3.
280. ถ้าหากลูกหนี้ของสูเจ้าอยู่ในภาวะคับแค้น ก็จงผ่อนปรนให้แก่เขาจนกว่าสถานการณ์ของเขาจะดีขึ้น แต่ถ้าหากสูเจ้ายกหนี้ให้เป็นทานมันก็เป็นการดีกว่าสำหรับสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้

คำแปล R4.
280. และหากเขา (ลูกหนี้) เป็นผู้ยากไร้ก็จงให้มีการรอคอยจนกว่าจะถึงคราวสะดวก และการที่พวกเจ้าจะให้เป็นทานนั้น ย่อมเป็นการดีแก่พวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ จำพวกลูกหลานของมุฆีเราะห์ได้ปรับทุกข์กับพวกเจ้าหนี้ทั้งหลายว่า พวกตนนั้นยากจนนัก จึงมีโองการมาว่า
๒๘๐. และหากว่าลูกหนี้เป็นผู้ยากจนไม่มีทรัพย์สินจะชำระหนี้ได้ เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้แล้ว โอ้บรรดาเจ้าหนี้ ก็จำเป็นเหนือพวกเจ้าต้องคอยจนกว่าพวกลูกหนี้จะคล่องตัว แต่การที่พวกเจ้าจะทำบุญสุนทรทาน โดยยอมยกหนี้ให้แก่ลูกหนี้นั้นย่อมเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้า แม้ว่าพวกเจ้าตระหนักดี ฉะนั้นพึงปฏิบัติกันอย่างนั้นเถิด


คำอ่าน
281. วัตตะกู เยามัน..ตุรฺญะอูนะ ฟีฮิ อิลัลลอฮฺ ษุม..มะตุวัฟฟา กุลลุนัฟสิม..มากะสะบัต วะฮุมลายุซละมูน

คำแปล R1.
281. And be afraid of the Day when you shall be brought back to Allah. Then every person shall be paid what he earned, and they shall not be dealt with unjustly.

คำแปล R2.

281. และเจ้าทั้งหลายจงหวาดระวังวันหนึ่งที่พวกเจ้าจะถูกส่งตัวกลับคืนสู่อัลเลาะฮฺ หลังจากนั้นทุกชีวิตก็จะถูกตอบแทนแก่สิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้อย่างครบถ้วน โดยที่พวกเขาไม่ถูกฉ้อฉลเลย

คำแปล R3.
281. จงระวังตนเองให้พ้นจากความทุกข์ยากแห่งวันที่สูเจ้าจะกลับไปหาอัลลอฮฺ ณ ที่นั้น ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนเต็มตามที่แต่ละคนได้ขวนขวายไว้ และเขาจะไม่ถูกปฏิบัติอย่างอยุติธรรม

คำแปล R4.
281. และพวกเจ้าจงยำเกรงวันหนึ่ง ซึ่งพวกเจ้าจะถูกนำกลับไปยังอัลลอฮ์ในวันนั้น แล้วแต่ละชีวิตจะถูกตอบแทนโดยครบถ้วนตามที่ชีวิตนั้นได้แสวงหาไว้ และพวกเขาจะได้ไม่ถูกอธรรม

คำแปล R5.
๒๘๑. และพวกเจ้าจงหวาดเกรงวันหนึ่ง คือวันกิยามะห์ ซึ่งพวกเจ้าจะถูกให้คืนไปสู่การสอบสวนของอัลเลาะห์ในวันนั้น ต่อแต่นั้น ผู้เป็นข้าแห่งพระองค์ทุก ๆ ชีวิต จะได้รับการตอบแทนกรรมดีและกรรมชั่วตามส่วนที่ตนได้เพียรสะสมไว้อย่างครบถ้วน หลังจากได้ทรงสอบสวนแล้ว โดยที่พวกเขาไม่ถูกฉ้อโกง ด้วยการให้ได้รับผลกรรมดีหย่อนลงและผลกรรมชั่วเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #132 เมื่อ: พ.ค. 29, 2010, 05:43 AM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 282 - 283

   

คำอ่าน
282. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิซาตะดายัน..ตุม..บิดัยนิน อิลา..อะญะลิม..มุสัม..มัน..ฟักตุบูฮฺ, วัลยักตุบบัยนะกุม กาติบุม..บิลอัดลฺ, วะลายะอ์บะกาติบุน อัย..ยักตุบะกะมาอัลละมะฮุลลอฮุ ฟัลยักตุบ วัลยุมลิลิลละซี อะลัยฮิลหักกุ วัลยัตตะกิลลาฮะ ร็อบบะฮู วะลายับค็อสมินฮุชัยอา, ฟะอิน..กานัลละซี อะลัยฮิลหักกุสะฟีอัน เอาเฎาะอีฟัน เอาลายัสตะฏีอุ อัย..ยุมิลละฮุวะ ฟัลยุมลิล วะลียุฮูบิลอัดลิ, วัสตัชฮิดูชะฮีดัยนิ มิรฺริญาลิกุม ฟะอิลลัมยะกูนา เราะญุลัยนิ ฟะเราะญุลู..วัมเราะอะตานิ มิม..มัน..ตัรฺฎ็อวนะ มินัชชุฮะดา...อิ อัน..ตะฎิลละ อิหฺดาฮุมา ฟะตุซักกิเราะ อิหฺดาฮุมัลอุครอ, วะลายะอ์บัชชุฮะดา...อุอิซามาดุอู วะลาตัสอะมู..อันตักตุบูฮุ เศาะฆีร็อว..วะกะบีร็อน อิลา..อะญะลิฮฺ, ซาลิกะอักสะฏุ อิน..ดัลลอฮิ วะอักวะมุลิชชะฮาดะติ วะอัดนา..อัลลาตัรฺตาบู..อิลา..อัน..ตะกูนะ ติญาเราะตัน หาฎิเราะตัน..ตุรีดูนะฮา บัยนะกุม ฟะลัยสะอะลัยกุม ญุนาหุน อัลลาตักตุบูฮา วะอัชฮิดู..อิซาตะบายะอฺตุม วะลายุฎอ..รฺเราะกาติบู..วะลาชะฮีด, วะอิน..ตัฟอะลู ฟะอิน..นะฮูฟุสูกุม..บิกุม วัตตะกุลลอฮฺ วะยุอัลลิมุกุมุลลอฮฺ วัลลอฮุบิกุลลิชัยอินอะลีม

คำแปล R1.
282. O you who believe! When you contract a debt for a fixed period, write it down. Let a scribe write it down in justice between you. Let not the scribe refuses to write as Allah has taught him, so let him write. Let him (the debtor) who incurs the liability dictate, and he must fear Allah, his Lord, and diminish not anything of what he owes. But if the debtor is of poor understanding, or weak, or is unable himself to dictate, then let his guardian dictate in justice. And get two witnesses out of your own men. And if there are not two men (available), then a man and two women, such as you agree for witnesses, so that if one of them (two women) errs, the other can remind her. And the witnesses should not refuse when they are called on (for evidence). You should not become weary to write it (your contract), whether it be small or big, for its fixed term, that is more just with Allah; more solid as evidence, and more convenient to prevent doubts among yourselves, save when it is a present trade which you carry out on the spot among yourselves, then there is no sin on you if you do not write it down. But take witnesses whenever you make a commercial contract. Let neither scribe nor witness suffer any harm, but if you do (such harm), it would be wickedness in you. So be afraid of Allah; and Allah teaches you. And Allah is the All-Knower of each and everything.

คำแปล R2.
282. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย ! เมื่อพวกเจ้าทำสัญญากู้หนี้ยืมสินกันในหนี้สินหนึ่ง โดยมีกำหนดที่แน่ชัด พวกเจ้าก็จงทำบันทึกมันไว้ด้วย และจะต้องมีผู้บันทึกทำการบันทึกในระหว่างพวกเจ้าโดยความเที่ยงธรรม และผู้บันทึกจงอย่าปฏิเสธที่จะทำการบันทึก ดังที่อัลเลาะฮฺได้สอนเขาไว้ ดังนั้นเขาจงบันทึกโดยให้ลูกหนี้เป็นผู้บอกให้ และเขาจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ ผู้ทรงอภิบาลเขา และจงอย่าบกพร่องจากนั้นสักเพียงเล็กน้อยก็ตาม(ให้บันทึกเต็มตามจำนวนที่ตกลงกู้ยืมกัน) แต่หากปรากฏว่าผู้เป็นลูกหนี้เป็นคนโฉดเขลา(มีนิสัยฟุ้งเฟ้อประพฤติตนไม่เหมาะสม)หรือเป็นคนอ่อนแอ หรือไม่สามารถที่จะบอก(จำนวนหนี้สิน)ได้ก็จงให้ผู้ปกครองของเขาบอกแทนด้วยความเที่ยงธรรม และพวกเจ้าจงจัดตั้งพยานขึ้นสองคน(โดยเลือก)จากผู้ชายของพวกเจ้า แต่ถ้าไม่มีผู้ชายสองคน ก็ให้เป็นชายหนึ่งและหญิงสอง(โดยเลือก)จากบุคคลที่เจ้าพอใจ จากบรรดาผู้(มีคุณสมบัติพร้อมที่จะ)เป็นพยาน เพื่อว่าหากนางหนึ่งจากทั้งสองหลงลืม(ข้อสัญญา)คนหนึ่งจะได้ช่วยเตือนความจำให้แก่อีกคนหนึ่งได้ และบรรดา(ผู้มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็น)พยาน จงอย่าปฏิเสธ(ในการเป็นพยาน)เมื่อถูกขอร้อง และเจ้าทั้งหลายจงอย่าระอาที่จะทำการบันทึกมัน แม้ว่า(หนี้สินนั้น)จะเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อยหรือจำนวนมากก็ตาม จนถึงกำหนดของมัน (การกู้หนี้ที่ทำสัญญาเอกสารตามที่กล่าวมา)นั้น ย่อมเป็นที่ยุติธรรมยิ่ง ณ อัลเลาะฮฺ ย่อมเป็นที่มั่นคงยิ่ง สำหรับการเป็นพยาน และเป็นที่ใกล้เคียงยิ่งต่อการที่พวกเจ้าจะไม่สงสัยซึ่งกันและกัน(ในจำนวนหนี้สิน) ยกเว้นในกรณีที่เป็นการค้าโดยปัจจุบัน ซึ่งพวกเจ้าหมุนเวียนระหว่างพวกเจ้าเอง ก็ไม่เป็นบาปแต่ประการใด ๆ แก่พวกเจ้าที่จะไม่บันทึกมัน และพวกเจ้าทั้งหลายจงแต่งตั้งพยานขึ้นเถิด เมื่อพวกเจ้าทำสัญญา(ซื้อขายกัน) และทั้งผู้บันทึกและพยานนั้น จงอย่า(ใช้เล่ห์กลแห่งสัญญา)ทำความเดือดร้อน(แก่ฝ่ายเจ้าหนี้หรือฝ่ายลูกหนี้) และหากพวกเจ้าไม่กระทำ(ตามที่บัญญัติไว้นี้) แน่นอนที่สุดสิ่งนั้นก็จะเป็นความชั่วร้ายแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺเถิด และอัลเลาะฮฺทรงสอนพวกเจ้าและอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในทุก ๆ สิ่ง

คำแปล R3.
282. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อสูเจ้าทำสัญญากันในเรื่องหนี้สินในเวลาที่กำหนดไว้ สูเจ้าจงเขียนมันลงไป จงให้ผู้จดบันทึกเขียนมันด้วยความเที่ยงธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย ผู้จดบันทึกที่อัลลอฮฺทรงสอนให้รู้จักการเขียนก็จงอย่าปฏิเสธที่จะเขียน จงให้เขาเขียนและจงให้ลูกหนี้เป็นผู้สั่งให้เขียน และเขาจงเกรงกลัวอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของเขา และเขาจะต้องไม่ทำให้สิ่งใดลดลงหรือเพิ่มขึ้นจากสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ถ้าหากลูกหนี้เบาปัญญาหรืออ่อนแอหรือไม่สามารถที่จะสั่งให้เขียนได้ ดังนั้นจงให้ผู้ดูแลเขาสั่งให้เขียนโดยเที่ยงธรรมและจงให้ชาย 2 คนในหมู่สูเจ้าเป็นพยานต่อการบันทึกเอกสารนั้น แต่ถ้าหากไม่มีผู้ชาย 2 คนก็ให้มีผู้ชาย 1 คนและผู้หญิง 2 คนเป็นพยาน เพื่อที่ว่าถ้าหากผู้หญิงคนหนึ่งลืม(สิ่งใด)ผู้หญิงอีกคนหนึ่งจะได้เตือนความจำของเธอ พยานจะต้องมาจากผู้ที่สูเจ้ายอมรับให้เป็นพยาน และเมื่อพยานถูกขอให้ยืนยัน พวกเขาจะต้องไม่ปฏิเสธ จงอย่าละเลยที่จะเขียนการติดต่อซื้อขายของสูเจ้าสำหรับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ไม่ว่ามันจะใหญ่หรือเล็ก อัลลอฮฺถือว่านี่เป็นการยุติธรรมกว่าสำหรับสูเจ้า เพราะมันจะทำให้หลักฐานมั่นคงและลดการระแวงสงสัยลง แน่นอนมันไม่มีบาปอันใดถ้าสูเจ้าไม่บันทึกการซื้อขายสินค้าที่สูเจ้ากระทำระหว่างกันด้วยเงินสด แต่ในการทำธุรกิจการค้านั้น สูเจ้าจงให้มีพยานและจงอย่าให้ผู้เขียนและพยานได้รับความเสียหาย ถ้าหากสูเจ้าทำเช่นนั้น สูเจ้าก็กระทำความผิดบาปและจงป้องกันตนเองให้พ้นจากความกริ้วของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺทรงสอนให้สูเจ้ารู้ถึงหนทางที่ถูกต้องเพราะอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

คำแปล R4.
282. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าต่างมีหนี้สินกันจะด้วยหนี้สินใด ๆก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลา(ใช้หนี้) ที่ถูกระบุไว้แล้ว ก็จงบันทึกหนี้สินนั้นเสีย และผู้เขียนก็จงบันทึกระหว่างพวกเจ้าด้วยความเที่ยงธรรม และผู้เขียนคนหนึ่งคนใดก็จงอย่าปฏิเสธที่จะบันทึก ดังที่อัลลอฮ์ได้ทรงสอนเขา ดังนั้นเขาจงบันทึกเถิด และจงให้ผู้ที่มีสิทธิ์เหนือเขา(ลูกหนี้) บอกให้บันทึกและเขาจงยำเกรงอัลลอฮ์ผู้เป็นพระเจ้าของเขา และจงอย่าให้บกพร่องแต่อย่างใดจากสิทธินั้น และถ้าผู้มีสิทธิ์เหนือเขา(ลูกหนี้) เป็นคนโง่ หรือเป็นผู้อ่อนแอหรือไม่สามารถจะบอกให้บันทึกได้ ก็จงให้ผู้ปกครองของเขาบอกด้วยความเที่ยงธรรม และพวกเจ้าจงให้มีพยานขึ้นสองนายจากบรรดาผู้ชายในหมู่พวกเจ้า แต่ถ้ามิปรากฏว่า พยานทั้งสองนั้นเป็นชายก็ให้มีผู้ชายหนึ่งกับผู้หญิงสองคน จากผู้ที่พวกเจ้าพึงใจในหมู่พยานทั้งหลาย เพื่อว่าหญิงใดในสองคนนั้นหลงไป คนหนึ่งในสองคนนั้นก็จะได้เตือนอีกคนหนึ่ง และบรรดาพยานนั้นก็จงอย่าได้ปฏิเสธ เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้อง และพวกเจ้าจงอย่าเบื่อหน่ายที่จะบันทึกหนี้สินนั้นไม่ว่าน้อยหรือมากก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาของมัน นั่นแหละคือสิ่งที่ยุติธรรมยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และเที่ยงตรงยิ่งกว่าสำหรับเป็นหลักฐานยืนยัน และเป็นสิ่งใกล้ยิ่งกว่าที่พวกเจ้าจะไม่สงสัย นอกจากว่ามันเป็นสินค้าที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า ซึ่งพวกเจ้าหมุนเวียนมัน (ซื้อขายแลกเปลี่ยน) ระหว่างพวกเจ้าก็ไม่มีโทษอันใดแก่พวกเจ้าที่พวกเจ้าจะไม่บันทึกมัน และพวกเจ้าจงให้มีพยานขึ้น เมื่อพวกเจ้าต่างซื้อขายกัน และผู้เขียนก็จงอย่าก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น และผู้เป็นพยานด้วย และหากว่าพวกเจ้ากระทำ แน่นอนมันก็เป็นการฝ่าฝืนเนื่องด้วยพวกเจ้า และพวกเจ้าจงพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และอัลลอฮ์นั้นทรงให้ความรู้แก่พวกเจ้าอยู่ และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

คำแปล R5.
๒๘๒. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน เมื่อพวกเจ้า ผู้เป็นเจ้าหนี้ฝ่ายหนึ่ง และเป็นลูกหนี้อีกฝ่ายหนึ่ง ได้ก่อหนี้สินกันขึ้นจำนวนหนึ่ง เช่น หนี้สินในรูปซื้อขายแบบสะลัม หรือหนี้สินธรรมดา ซึ่งหนี้สินทุกประเภทที่ว่านั้นมีกำหนดเวลาการชำระไว้แน่นอน อาจจะกำหนดเป็นวัน เป็นเดือนหรือเป็นปี เป็นต้น ก็ให้พวกเจ้าบันทึกมันไว้เถิด ผู้บันทึกก็จงบันทึกต่อหน้าพวกเจ้าผู้เป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ด้วยความเที่ยงในเรื่องของการทำหนี้ คือผู้บันทึกจะไม่บันทึกจำนวนหนี้เกินกว่าจำนวนจริงที่ตกลงกัน หรือไม่บันทึกเวลาแห่งการชำระหนี้ให้ถอยร่นเข้ามาจากเวลาจริงที่ตกลงกันเพื่อให้ได้ประโยชน์แก่ฝ่ายเจ้าหนี้ และจะไม่บันทึกเวลาการชำระหนี้ให้ยาวออกไปจากเวลาจริงที่ตกลงกัน หรือไม่บันทึกหนี้หย่อนกว่าจำนวนจริงที่ตกลงกันเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายลูกหนี้ และผู้บันทึกอย่าได้ดื้อดึงในอันที่จะบันทึกเลยในเมื่อเขาถูกขอร้อง เพราะอัลเลาะห์ก็ได้ทรงอำนวยความดีเด่นแก่เขา ด้วยทรงสอนให้เขารู้จักการอ่านและการเขียนแล้ว จึงไม่เป็นการสมควรจะดื้อดึง ฉะนั้นเขาจงทำบันทึกเถิดและให้ผู้เป็นลูกหนี้เป็นฝ่ายบอกให้ผู้บันทึกจดรายการหนี้ เพราะถ้าลูกหนี้ถูกฟ้องร้องแล้วลูกหนี้ก็จะสามารถรับรองจำนวนหนี้ได้ถูกต้อง เนื่องจากได้รู้จำนวนนั้น ๆ แล้ว และเขาพวกเป็นลูกหนี้จงยำเกรงอัลเลาะห์ องค์พระผู้ทรงอภิบาลแห่งเขาเถิด ในอันที่จะแจ้งจำนวนหนี้ให้ผู้บันทึกจดไว้ ทั้งอย่าให้บกพร่องจำนวนหนี้นั้นแม้แต่เล็กน้อย ถ้าแม้นว่าลูกหนี้เป็นคนสุรุ่ยสุร่ายจับจ่ายทรัพย์ไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์หรือหย่อนสมรรถภาพจากที่จะแจ้งจำนวนหนี้สิน ทั้งนี้เนื่องจากว่าเป็นคนชราหรือยังอยู่ในวัยเด็ก หรือไม่สามารถที่จะบอกจำนวนหนี้สินเองได้เนื่องจากเขาเป็นใบ้หรือไม่สามารถใช้ภาษาเป็นคำบอกที่ถูกต้องหรือในทำนองอย่างอื่นก็ให้ผู้ปกครองที่จัดการแทนเรื่องหนี้สินของผู้ที่มีข้อบกพร่องอย่างที่ว่ามานั้นบอกจำนวนหนี้ตามความจริง ให้ผู้บันทึกจดไว้ กล่าวคือ ไม่บอกจำนวนหนี้ให้มากหรือน้อยกว่าจำนวนจริง สำหรับผู้ปกครองที่ว่านี้ ยอมให้หมายความถึงบุคคลต่อไปนี้ คือ บิดา ปู่ ผู้ที่บิดาสั่งเสียไว้ก่อนตายว่าให้ผู้นั้นทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองแทน ผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยผู้พิพากษา หรือล่าม และจงหาพยานสองคนเป็นผู้ชายในหมู่ของพวกเจ้ามาเป็นผู้รับรู้จำนวนหนี้ด้วยเถิด ซึ่งพยานทั้งสองนายนี้ต้องมีบรรลุศาสนภาวะ ไม่ใช่ทาส แต่ถ้าไม่มีชายสองคนก็ให้มีพยานเป็นชายหนึ่งกับหญิงสองคนจากบุคคลที่มีศาสนาและทรงความยุติธรรม ซึ่งพวกเจ้าพึงพอใจ ที่ต้องให้มีพยานประกอบด้วยหญิงสองคนนั้น เผื่อว่านางหนึ่งเผอเรอข้อความที่จะให้การ แล้วอีกนางหนึ่งที่จำได้จะได้ตักเตือนอีกนางหนึ่งที่เผอเรอไปนั้น อนึ่ง พวกพยานก็อย่าได้ดื้อดึงเลยในเมื่อตนถูกเรียกร้องให้มาว่าหน้าที่พยาน และโอ้พวกพยาน พวกเจ้าอย่าได้เบื่อหน่ายที่จะบันทึกจำนวนหนี้อันพวกเจ้าเป็นพยานอยู่นั้น ทั้งที่เป็นจำนวนเล็กน้อยหรือจำนวนมากจนถึงกำหนดชำระหนี้นั้น การบันทึกเรื่องหนี้สินดังกล่าวมานี้แหละนับว่าเป็นความยุติธรรมยิ่งในแนวทางแห่งอัลเลาะห์ เป็นการมั่นคงยิ่งสำหรับการเป็นพยาน และค่อนไปข้างมิให้พวกเจ้าเคลือบแคลงเกี่ยวกับจำนวนหนี้สินและกำหนดชำระ นอกจากจะเป็นการค้าปัจจุบันซึ่งพวกเจ้าทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายหมุนเวียนอยู่ระหว่างกันและกัน โดยที่ผู้ขายเป็นฝ่ายรับราคาสดและผู้ซื้อเป็นฝ่ายรับสินค้าสดเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่เกิดบาปแต่อย่างไรกับพวกเจ้าที่จะไม่บันทึกสินค้านั้น ๆ ไว้ แต่จงหาพยานมายืนยันเสียด้วยในเมื่อพวกเจ้าทำการซื้อขายกัน เพราะว่าการให้มีพยานรับรู้นั้นเป็นการป้องกันการถกเถียงกันได้อย่างดียิ่ง และฝ่ายผู้บันทึกก็ดี ฝ่ายพยานก็ดีจงอย่างยังความเดือดร้อนให้แก่ฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้โดยการบันทึกเปลี่ยนแปลงแก้ไขจำนวนหนี้สินให้เพิ่มมากขึ้นหรือลดลง หรือโดยการไม่ยอมมาให้การหรือบันทึกเลย ฉะนั้นหากพวกเจ้าจะปฏิบัติสิ่งที่ถูกห้ามกัน นั่นคือความนอกรีตที่ตกกับพวกเจ้าโดยแท้ และจงยำเกรงอัลเลาะห์ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้และห้ามของพระองค์ แล้วอัลเลาะห์จะทรงสอนให้พวกเจ้าได้รู้ซึ่งความเจริญแห่งกิจต่าง ๆ ของพวกเจ้า ด้วยอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งในทุกสิ่งทุกอย่าง


 

คำอ่าน
283. วะอิน..กุน..ตุม อะลาสะฟะริว..วะลัมตะญิดู กาติบันงงฟะริฮานุม..มักบูเฎาะฮฺ, ฟะอินอะมินะบะอฺฎุกุม..บะอฺฎ็อน..ฟัลยุอัดดิลละซิอ์ตุมินะอะมานะตะฮู วัลยัตตะกิลลาฮะ ร็อบบะฮฺ, วะลาตักตุมุชชะฮาดะตะ วะมัย..ยักตุมฮา ฟะอิน..นะฮู..อาษิมุน..ก็อลบุฮฺ, วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะอะลีม

คำแปล R1.
283. And if you are on a journey and cannot find a scribe, then let there be a pledge taken (mortgaging); Then if one of you entrust the other, let the one who is entrusted discharge his trust (faithfully), and let him be afraid of Allah, his Lord. And conceal not the evidence for he, who hides it, surely his heart is sinful. And Allah is All-Knower of what you do.

คำแปล R2.
283. และหากพวกเจ้าทั้งหลายอยู่ในระหว่างเดินทาง และพวกเจ้าไม่พบผู้บันทึกคนใดก็ให้(กู้หนี้แบบ)มีสิ่งค้ำประกันที่ถูกยึดกุมไว้(โดยเจ้าหนี้) ดังนั้นหากต่างฝ่ายต่างไว้ใจซึ่งกันและกัน(ทำการกู้ยืมโดยไม่มีสิ่งค้ำประกันและไม่มีสัญญาเอกสาร) ลูกหนี้ผู้ได้รับความไว้วางใจก็จะต้องชำระคืนแต่สิ่งที่ถูกไว้ใจ(คืนหนี้นั้น)เสีย(เมื่อครบกำหนด) และเขาจงยำเกรงอัลเลาะฮฺผู้ทรงอภิบาลเขา และพวกเจ้าอย่าปิดบังการเป็นพยาน และบุคคลใดบิดบังมัน แน่นอนหัวใจเขาย่อมเป็นบาป และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ในการกระทำของพวกเจ้าทั้งมวล

คำแปล R3.
283. ถ้าหากสูเจ้าอยู่ในระหว่างการเดินทางและไม่สามารถหาผู้เขียนได้ ดังนั้น จงดำเนินธุรกิจของสูเจ้าโดยให้มีหลักประกันอยู่ในครอบครอง แต่ถ้าหากคนหนึ่งของสูเจ้าไว้ใจอีกคนหนึ่งในการทำธุรกิจ ดังนั้น ผู้ที่ถูกไว้ใจก็ควรปฏิบัติตามความไว้วางใจนั้น และจงเกรงกลัวอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของเขาและจงอย่าปิดบังหลักฐานเพราะคนที่ปิดบังมันนั้นมีหัวใจบาป และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ

คำแปล R4.
283. และถ้าพวกเจ้าอยู่ในระหว่างเดินทางและไม่พบผู้เขียนคนใด ก็ให้มีสิ่งค้ำประกันยึดถือไว้ แต่ถ้าบางคนในพวกเจ้าไว้ใจอีกบางคน(ลูกหนี้) ผู้ที่ได้รับความไว้ใจ (ลูกหนี้) ก็จงคืนสิ่งที่ถูกไว้ใจ(หนี้) ของเขาเสีย และเขาจงกลัวเกรงอัลลอฮ์ผู้เป็นพระเจ้าของเขาเถิด และพวกเจ้าจงอย่าปกปิดพยานหลักฐาน และผู้ใดปกปิดมันไว้ แน่นอนหัวใจของเขาก็มีบาป และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

คำแปล R5.
๒๘๓. และถ้าแม้นว่าพวกเจ้าทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และฝ่ายลูกหนี้อยู่ในภาวะเดินทางและหาใครมาเป็นผู้บันทึกมิได้แล้ว ก็ต้องให้มีสิ่งของประกันหนี้ที่เจ้าหนี้หรือตัวแทนเป็นฝ่ายยึดไว้โดยฝ่ายลูกหนี้หรือตัวแทนยอมให้เจ้าหนี้หรือตัวแทนยึดไว้เป็นของประกันหนี้เพื่อไม่ให้ลูกหนี้ปฏิเสธ อนึ่ง ถ้าแม้ว่าทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ก่อหนี้สินกันขึ้นในเมืองและสามารถหาผู้มาทำการบันทึกได้ ศาสนาก็ยอมให้มีของประกันหนี้ได้ด้วยเหมือนกัน ถ้าว่าฝ่ายหนึ่ง(เจ้าหนี้)วางใจในอีกฝ่ายหนึ่งคือลูกหนี้เกี่ยวกับจำนวนหนี้สิน กล่าวคือเจ้าหนี้มิได้ยึดของประกันจากลูกหนี้ไว้แล้วไซร้ ก็จำเป็นที่ลูกหนี้ผู้ได้รับความไว้วางใจจะต้องชำระจำนวนหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ไป และผู้เป็นลูกหนี้จักต้องยำเกรงอัลเลาะห์องค์อภิบาลของตนด้วยโดยการไม่ขอผัดเวลาให้เนิ่นช้าออกไป และโดยการไม่ปฏิเสธหนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจของเจ้าหนี้ในฐานะที่ให้ความไว้วางใจ และพวกเจ้าอย่าได้อำพรางการเป็นพยานเลย ในเมื่อได้ถูกเขาขอร้องให้มาเป็นพยานยืนยัน แต่ถ้าผู้ใดอำพรางซึ่งการเป็นพยานดังว่านั้น เขาย่อมเป็นผู้มีใจบาป เป็นผู้ปล่อยตัวให้เป็นผู้ประพฤติบาปตามใจเป็นแน่แท้ ฉะนั้นจิตใจของผู้นั้นจึงถูกลงโทษ ไม่ผิดอะไรกับร่างกายที่ทำบาปถูกลงโทษ และอัลเลาะห์นั้นทรงรู้เท่าทันในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #133 เมื่อ: พ.ค. 30, 2010, 09:15 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 284 - 286

 

คำอ่าน
284. ลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ วะอิน..ตุบดู มาฟีอัน..ฟุสิกุม เอาตุคฟูฮุ ยุหาสิบกุม..บิฮิลลาฮฺ ฟะยัฆฟิรุลิมัย..ยะชา...อุ วะยุอัซซุบิมัย..ยะชา...อ์, วัลลอฮุอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ

คำแปล R1.
284. To Allah belongs all that is in the heavens and all that is on the earth, and whether you disclose what is in your own selves or conceal it, Allah will call you to account for it. Then He forgives whom He wills and punishes whom He wills. And Allah is able to do all things.

คำแปล R2.
284. เป็นสิทธิแห่งอัลเลาะฮฺ สรรพสิ่งในชั้นฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน และหากพวกเจ้าเปิดเผยสิ่งที่มีอยู่ในจิตใจของพวกเจ้า หรือจะปิดบังมันไว้ก็ตาม อัลเลาะฮฺก็จักทรงนำมันมาสอบสวนอย่างแน่นอน แล้วพระองค์ก็ทรงให้อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง

คำแปล R3.
284. อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะทรงชำระบัญชีสูเจ้าสำหรับสิ่งที่อยู่ในใจสูเจ้าไม่ว่าจะเปิดเผยหรือปิดบังมัน อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงมีอำนาจที่จะให้อภัยหรือลงโทษผู้ใดก็ได้ที่พระองค์ประสงค์ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่ง

คำแปล R4.
284. สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ และถ้าหากพวกเจ้าเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเจ้าหรือปกปิดมันไว้ก็ตาม อัลลอฮ์จะทรงนำสิ่งนั้นมาชำระสอบสวนแก่พวกเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

คำแปล R5.
๒๘๔. การปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดี และการถือกรรมสิทธิ์สรรพสิ่งในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินก็ดี ย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะห์เท่านั้น ถึงพวกเจ้าจะเปิดเผยซึ่งความในใจของตน ไม่ว่าจะเป็นความชั่วหรือการตั้งใจทำชั่วโดยเด็ดขาด หรือจะซ่อนเร้นมันไว้ภายในจิตใจทั้งสองอย่าง อัลเลาะห์ก็ทรงรายงานสิ่งทั้งสองนั้นให้พวกเจ้ารู้ในวันกิยามะห์ได้ แล้วพระองค์จะให้อภัยแก่บุคคลที่พระองค์ประสงค์ก็ได้ จะทรงลงโทษบุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ก็ได้ และอัลเลาะห์นั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง กล่าวคือทรงมีพลังที่จะทำการสอบสวนพวกเจ้า แล้วทรงตอบแทนผลกรรมแก่พวกเจ้า
 

คำอ่าน

285. อามะนัรฺเราะสูลุบิมา...อุน..ซิละอิลัยฮิ มิรฺร็อบบิฮี วัลมุอ์มินูนะ กุลลุนอามะนะบิลลาฮฺ วะมะลาอิกะติฮี วะกุตุบิฮี วะรุสุลิฮี ลานุฟัรฺริกุ บัยนะอะหะดิม..มิรฺรุสุลิฮฺ, วะกอลูสะมิอฺนา วะอะเฏาะอฺนา ฆุฟรอนะกะ ร็อบบะนาวะอิลัยกัลมะศีรฺ

คำแปล R1.

285. The Messenger (Muhammad) believes in what has been sent down to him from his Lord, and (so do) the believers. Each one believes in Allah, his angels, his Books, and his Messengers. They say, "We make no distinction between one another of his Messengers" - and they say, "We hear, and we obey. (We seek) Your Forgiveness, our Lord, and to You is the return (of all)."

คำแปล R2.
285. ศาสนทูตและมวลผู้ศรัทธาย่อมศรัทธาในสิ่ง(คัมภีร์)ที่ถูกประทานมายังเขาจากองค์อภิบาลของเขา ทุกคนต่างมีศรัทธามั่นในอัลเลาะฮฺ ในมลาอิกะฮฺของพระอง ในบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขากล่าวว่า “เราได้ยินและเราภักดี” ขอพระองค์ได้โปรดให้อภัยด้วยเถิด โอ้องค์อภิบาลของเรา และเป้าหมาย(ของเรา)ย่อมคืนสู่พระองค์

คำแปล R3.
285. รอซูลผู้นี้ศรัทธาในทางนำที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขาจากพระผู้อภิบาลของเขา และบรรดาผู้ศรัทธาทุกคนก็ศรัทธาในอัลลอฮฺและมลาอิกะฮฺของพระองค์ คัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์และรอซูลทั้งหลายของพระองค์ และพวกเขากล่าวว่า “เรามิได้จำแนกแยกแยะผู้ใดระหว่างบรรดารอซูลของพระองค์ เราไดยินและเราเชื่อฟัง โอ้พระผู้อภิบาล เราวิงวอนขอการอภัยโทษจากพระองค์ เพราะพระองค์ที่เราจะคืนกลับไป”

คำแปล R4.
285. ร่อซูลนั้น(นะบีมุฮัมมัด) ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขา จากพระเจ้าของเขา และมุมินทั้งหลายก็ศรัทธาด้วยทุกคนศรัทธาต่ออัลลอฮ์และมลาอิกะฮ์ของพระองค์ และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์(พวกเขากล่าวว่า) เราจะไม่แยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากบรรดาร่อซูลของพระองค์และพวกเขาได้กล่าวว่า  เราได้ยินแล้ว และได้ปฏิบัติตามแล้วการอภัยโทษจากพระองค์เท่านั้นที่พวกเราปรารถนา โอ้พระเจ้าของพวกเรา! และยังพระองค์นั้น คือ การกลับไป

คำแปล R5.

๒๘๕. มูฮำมัดผู้เป็นศาสนทูตนั้นมีความศรัทธาต่อพระคัมภีร์ซึ่งถูกประทานลงมาจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งเขา ฝ่ายพวกมุอ์มินก็ศรัทธาด้วยเหมือนกัน บุคคลทั้งสิ้นยังมีความศรัทธาอัลเลาะห์ ต่อมวลมลาอิกะห์ของพระองค์ ต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์จำนวน ๑๐๔ เล่ม และต่อบรรดาศาสนทูตของพระองค์ ๒๖ ท่านด้วย โดยที่ทั้งมูฮำมัดและมวลมุอ์มินต่างกล่าวกันว่า เรานี้ศรัทธาต่อศาสนทูตของอัลเลาะห์หมดทุก ๆ ท่าน ไม่แผนกเอาศาสนทูตผู้ใดจากบรรดาศาสนทูตของพระองค์มาเป็นที่ศรัทธาโดยเฉพาะ ต่างกับชาวยะฮูดีที่ศรัทธากันเฉพาะพระนบีมูซาและพวกนัซรอนีที่เลือกศรัทธาต่อพระนบีอีซา และมูฮำมัดก็ดี มวลมุอ์มินก็ดี พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ได้สดับฟังซึ่งคำบัญชาใช้ของพระองค์แล้วอย่างเคารพยกย่อง และได้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นแล้ว ขอประทานอภัยต่อพระองค์ด้วยเถิด โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะว่าการเริ่มต้นของบรรดาข้าพระองค์นั้นย่อมมาจากพระองค์ แล้วบั้นปลายของบรรดาข้าพระองค์นั้นก็ย่อมจะคืนไปสู่การสอบสวนของพระองค์เช่นเดียวกันด้วยการเกิดใหม่จากสุสาน
    

คำอ่าน
286. ลายุกัลลิฟุลลอฮุ นัฟสัน อิลลาวุสอะฮา ละฮามากะสะบัต วะอะลัยฮา มักตะสะบัต ร็อบบะนา ลาตุอาคิซนา..อิน..นะสีนา..เอาอัคเฏาะอ์นา ร็อบบะนา วะลาตะหฺมิลอะลัยนา อิสร็อน..กะมาหะมัลตะฮู อะลัลละซีนะ มิน..ก็อบลินา ร็อบบะนา วะลาตุหัม..มิลนา มาลาฏอเกาะตะละนาบิฮฺ, วะอฺฟุอัน..นา วัฆฟิรฺละนา วัรฺหัมนา.. อัน..ตะเมาลานา ฟัน..ศุรฺนา อะลัลก็อวมิลกาฟิรีน
 
คำแปล R1.
286. Allah burdens not a person beyond his scope. He gets reward for that (good) which He has earned, and He is punished for that (evil) which He has earned. "Our Lord! Punish us not if we forget or fall into error, Our Lord! Lay not on us a burden like that which You did lay on those before us (Jews and Christians); Our Lord! Put not on us a burden greater than we have strength to bear. Pardon us and grant us forgiveness. Have mercy on us. You are our Maula (Patron, Supporter and Protector, etc.) and give us victory over the disbelieving people.

คำแปล R2.
286. อัลเลาะฮฺมิทรงบังคับชีวิตใด(เกินไปจากขีดความสามารถ)นอกจากเท่าที่ความสามารถของเขาอำนวยให้เท่านั้น ย่อมเป็นสิทธิของเขา(ความดี)ที่เขาได้พากเพียรไว้ และเป็นบาปเหนือเขา(ความชั่ว)ที่เขาพากเพียรไว้ โอ้องค์อภิบาลของเรา ! โปรดอย่าเอาผิดแก่เราหากเราหลงลืม หรือเราพลั้งเผลอ โอ้องค์อภิบาลของเรา และโปรดอย่าให้เราต้องแบก(รับผิดชอบ)ภาระอันหนักหนา เช่นที่พระองค์ทรงให้ประชาชาติยุคก่อนจากเราแบกมัน โอ้องค์อภิบาล และโปรดอย่าให้เราแบก(รับผิดชอบ)สิ่งที่เกินกำลังของเราจะรับมันได้ โปรดยกโทษแก่เรา โปรดให้อภัยเรา และโปรดเมตตาเรา พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองเรา ดังนั้นขอได้โปรดช่วยเหลือเรา (ให้มีชัยชนะ)เหนือบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลายด้วย

คำแปล R3.
286. อัลลอฮฺไม่ทรงวางภาระให้แก่มนุษย์ด้วยความรับผิดชอบที่หนักเกินกว่าที่เขาจะแบกรับได้ ทุกคนจะได้รับผลแห่งความดีที่เขาได้ขวนขวายไว้ และจะได้รับผลตอบแทนแห่งความชั่วที่เขาได้กระทำไว้ (โอ้ผู้ศรัทธา จงวิงวอนต่ออัลลอฮฺดังนี้) : “พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ทรงโปรดอย่าลงโทษเรา ถ้าหากเราหลงลืมหรือกระทำผิดโดยเผอเรอ โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ทรงโปรดอย่าวางภาระแก่เราดังที่พระองค์ได้ทรงวางมันไว้แก่บรรดาคนก่อนหน้าเรา โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ทรงโปรดอย่าวางภาระแก่เราในสิ่งที่เราไม่มีกำลังจะแบกรับมันได้ ขอได้ทรงโปรดกรุณาเรา ทรงโปรดอภัยให้เราและทรงโปรดเมตตาเรา พระองค์?รงเป็นผู้คุ้มครองเรา ดังนั้นทรงโปรดช่วยเราต่อบรรดาผู้ปฏิเสธด้วยเถิด”

คำแปล R4.
286. อัลลอฮ์จะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้น เท่านั้นชีวิตนั้นจะได้รับการตอบแทนดีในสิ่งที่เขาได้แสวงหาไว้ และชีวิตนั้นจะได้รับการลงโทษในสิ่งชั่วที่เขาได้แสวงหาไว้ โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าเอาโทษแก่เราเลย หากพวกเราลืม หรือผิดพลาดไป โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าได้บรรทุกภาระหนักใด ๆแก่พวกเราเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบรรทุกมัน แก่บรรดาผู้ที่อยู่ก่อนหน้าพวกเรามาแล้ว โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าให้พวกเราแบกมันได้ และโปรดได้ทรงอภัยแก่พวกเราและยกโทษให้แก่พวกเรา และเมตตาแก่พวกเราด้วยเถิด พระองค์นั้น คือผู้ปกครองของพวกเราดังนั้นโปรดได้ทรงช่วยเหลือพวกเราให้ได้รับชัยชนะ เหนือกลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธาด้วยเถิด

คำแปล R5.
ผลอันเนื่องมาจากการลงโองการที่ ๒๘๔ ตั้งแต่ความที่ว่า “ถึงพวกเจ้าจะเปิดเผยซึ่งความในใจของตนฯ” เรื่อยมาจนหมดโองการ บรรดาพวกมุอ์มินได้ทราบแล้วก็ปรับทุกข์ว่า ตนจะต้องถูกลงโทษในฐานะที่เพียงแต่ใจนึกจะทำบาป และการที่ตนจะถูกสอบสวนเกี่ยวกับกระบวนการนึกคิดนั้นเป็นการลำบากแก่พวกเขายิ่งนัก โองการที่ ๒๘๖ จึงมีลงมาว่า
๒๘๖. อัลเลาะห์จะไม่ทรงกวดขันข้าของพระองค์คนใดเว้นไว้เพียงสมรรถภาพของผู้นั้นเท่านั้น สำหรับเขาย่อมได้รับบุญกุศลแห่งกรรมดีจากส่วนที่จนได้สั่งสมไว้ เพราะว่าเขาจะได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ และเขาจะได้รับบาปแห่งกรรมชั่วจากส่วนที่ตนได้อุตส่าห์ทำไว้ ทั้งจะไม่ถูกลงโทษจากสิ่งที่เพียงแต่คิดไว้แต่ยังมิได้กระทำ ฉะนั้นพวกเจ้าจงกล่าวคำวิงวอนว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์โปรดอย่าได้เอาโทษแก่บรรดาข้าพระองค์เลย หากว่าบรรดาข้าพระองค์ลืมหลงหรือพลาดพลั้งไปประพฤติผิดโดยไม่มีเจตนาเหมือนกับที่พระองค์เคยเอาโทษพวกที่ก่อน ๆ จากบรรดาข้าพระองค์เพราะพวกนั้นได้ลืมหลงและผิดพลาด จากนั้นอัลเลาะห์ก็ทรงยกเลิกระบบการเอาโทษอย่างที่เคยนำมาใช้แก่พวกประชากรยุคก่อน ๆ ไม่ทรงนำมาใช้แก่ประชากรยุคนี้ แล้วพวกเจ้าจงกล่าวขอวิงวอนอีกว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์โปรดอย่าสั่งใช้และสั่งห้ามแต่การที่ลำบาก ๆ และหนักตื้อให้บรรดาข้าพระองค์แบกไว้ เป็นภาระเหมือนที่พระองค์ได้ทรงสั่งใช้และสั่งห้ามการต่าง ๆ ที่ยากลำบากให้บรรดาประชากรยะฮูดี ผู้ที่ก่อน ๆ จากบรรดาข้าพระองค์ได้แบกภาระนั้นมาแล้ว เช่น ทรงมีพระบัญชาให้ฆ่าตัวเองเป็นการเตาบะห์ ให้จำหน่ายซะกาตเป็นจำนวนหนึ่งในสี่ของทรัพย์สินที่ตนหามาได้ และให้ตัดส่วนที่นะยิสติดอยู่แทนการชำระล้าง แล้วพวกเจ้าจงกล่าวคำวิงวอนอีกเถิดว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอย่าให้บรรดาข้าพระองค์ต้องรับภาระข้อที่ทรงใช้และห้าม และตลอดจนเภทภัยต่าง ๆ ที่เกินความสามารถของบรรดาข้าพระองค์เลย ขอพระองค์ได้โปรดล้มล้างบาปเสียจากบรรดาข้าพระองค์ ได้โปรดให้อภัยแก่บรรดาข้าพระองค์และได้โปรดปรานีแก่บรรดาข้าพระองค์เถิด พระองค์นั้นคือจอมอธิบดีแห่งบรรดาข้าพระองค์ เป็นองค์ปกครองกิจการต่าง ๆ ของบรรดาข้าพระองค์ ฉะนั้นจึงขอพระองค์ได้โปรดให้บรรดาข้าพระองค์มีชัยชนะเหนือมวลชนฝ่ายกาฟิรทั้งในด้านการตอบโต้และการสู้รบด้วยเถิด




صدق الله العظيم        ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะเสมอ
จบสูเราะฮฺที่ 2 อัลบะเกาะเราะฮฺ



ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #134 เมื่อ: ม.ค. 22, 2012, 12:47 AM »
0
ฝากดูตรงนี้ด้วยครับ

และจงกล่าวว่า “อิฏเฏาะฮฺ”


 

GoogleTagged