ผู้เขียน หัวข้อ: มหัศจรรย์แห่งอัลกุรฺอาน [คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิด อัรฺ-ริฎวาน(นานา)]  (อ่าน 2461 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


        พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติความดีและละเว้นความชั่วอย่างจริงจัง และท่านทั้งหลายจงอย่าได้ตาย จนกว่าท่านจะเป็นผู้ยอมจำนนต่ออัลอิสลามโดยสิ้นเชิง
   พี่น้องครับ อัลลอฮฺดำรัสว่า

        “เจ้ามิได้เห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้เมฆลอย แล้วทรงให้ประสานตัวกัน แล้วทรงทำให้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าก็จะเห็นฝนโปรยลงมาจากเมฆนั้น และพระองค์ทรงให้มันตกลงมาจากฟากฟ้า มีขนาดเท่าภูเขา ในนั้นมีลูกเห็บ และพระองค์จะทรงให้มันหล่นมาโดนผู้ที่พระองค์ประสงค์ และพระองค์จะให้มันผ่านพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และประกายของสายฟ้าแลบ เกือบจะเฉี่ยวสายตาผู้มอง”                     อันนูรฺ 24:43
   ในอัลกุรอานอายะฮฺนี้ อัลลอฮฺได้ทรงแจ้งให้มนุษย์ได้รู้ถึงการเกิดของฝนว่า เกิดจากการที่เมฆขนาดเล็ก ๆ ลอยตัวไปมาบนท้องฟ้าด้วยพลังของลม หลังจากนั้น เมฆเล็ก ๆ ก็จะรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ หลังจากนั้น เมฆจะกลั่นตัวเป็นเม็ดฝน ขนาดของเมฆนั้น มีตั้งแต่กลุ่มเล็กไปจนถึงกลุ่มขนาดใหญ่เปรียบเสมือนภูเขา นอกจากกลั่นตัวเป็นเม็ดฝนแล้ว บางครั้งก็จะตกลงมาเป็นลูกเห็บ ถ้าพระองค์ประสงค์ ลูกเห็บจะโดนบางคน ซึ่งอาจทำให้พืชพันธุ์ของเขาเสียหายและก็จะพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ประสงค์เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีไฟฟ้าสถิตในก้อนเมฆ ซึ่งก่อให้เกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้องและฟ้าผ่า ซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่สายตาของมนุษย์ได้ ถ้าไม่ระวัง
   ขั้นตอนต่าง ๆ ของการเกิดฝนนั้น นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะสามารถอธิบายได้ทุกขั้นเมื่อไม่นานมานี้เอง ขณะที่อัลกุรฺอานบอกกับเรามาแล้วกว่า 1,400 ปี นักวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำในทะเลและมหาสมุทรจะแตกตัวเป็นอนุภาคเล็ก ๆ จนมีน้ำหนักเบาพอที่ลมจะพัดพาขึ้นไปรวมกันเป็นก้อนเมฆขนาดเล็ก หลังจากนั้น จะรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆขนาดใหญ่ แล้วจึงจะกลั่นตัวด้วยอานุภาพของความเย็นเป็นเม็ดฝนหรือเป็นลูกเห็บ แต่ละวินาทีจะมีอนุภาคเล็ก ๆ ของละอองน้ำระเหยขึ้นไปในบรรยากาศประมาณ 16 ล้านตัน และจะมีฝนตกลงมาวินาทีละ 16 ล้านตันเช่นเดียวกัน สมดุลอยู่เช่นนี้เสมอมา เพียงแต่ว่า ปริมาณน้ำจากส่วนไหนของโลกที่ระเหยขึ้นไป และฝนจะตกที่บริเวณไหนของโลก ไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮฺ
   ความมหัศจรรย์ของอัลกุรฺอานที่เราได้เห็นนี้ มีมาแต่ดั้งเดิม อัลลอฮฺทรงชี้แจงเรื่องต่าง ๆ กับเรามากมาย แต่เราค่อย ๆ รู้ทีละน้อย ๆ และเมื่อเรารู้ เราก็ต้องยอมรับในความมหัศจรรย์ของอัลกุรฺอานว่า สิ่งนี้มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺตะอาลาพระผู้ทรงสร้าง เป็นผู้บัญญัติขึ้น
   พี่น้องครับ เราทราบอยู่แล้วว่า อัลกุรฺอานถูกประทานลงมาในคืนอันจำเริญของเดือนเราะมะฎอน จากเลาหิลมะหฺฟูซ สู่ฟ้าดุนยา และทยอยลงมาสู่มนุษยชาติ โดยญิบรีลนำมายังท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นผู้ประกาศและเผยแผ่ อัลลอฮฺได้ทรงยืนยันว่า

   “เดือนเราะมะฎอนนั้นเป็นเดือนที่อัลกุรฺอานถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดแจ้งเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และยังเป็นสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ”                                                                       อัลบะเกาะเราะฮฺ 2:185
   จริง ๆ แล้วในอัลกุรฺอานยังมีข้อความที่มหัศจรรย์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการกำเนิดของจักรวาล ในเรื่องการเกิดของมนุษย์ ในเรื่องของลมที่ช่วยผสมเกสรดอกไม้ ขึ้นกับว่ามนษย์รู้จักสังเกตและได้ค้นคว้าวิจัยจนพบข้อเท็จจริงเหล่านั้นหรือไม่
   เมื่อเราได้รู้เช่นนี้ว่า อัลกุรฺอานเป็นความมหัศจรรย์ที่อัลลอฮฺประทานลงมาเป็นทางนำของมนุษย์ เป็นสิ่งจำแนกระหว่างความดีกับความชั่ว เป็นแหล่งวิชาการทางวิทยาศาสตร์ เป็นธรรมนูญหรือข้อบังคับในการดำเนินชีวิต และเรายังได้รู้ว่า อัลกุรฺอานได้ถูกประทานลงมาในเดือนนี้ เราจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะได้นำเอากุรฺอานมาทบทวนกันด้วยการอ่านและพินิจพิเคราะห์ในเนื้อหา
   เราเคยได้รู้ว่า ท่านเราะสูลจะทบทวนกุรฺอานที่ได้รับการประทานมาจากอัลลอฮฺอย่างสม่ำเสมอกับญิบรีลปีละครั้ง นอกจากในปีสุดท้ายก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ท่านได้ทบทวนอัลกุรฺอานกับญิบรีลถึง 2 ครั้ง
   ในเดือนเราะมะฎอน บรรดาคนรุ่นก่อนต่างพากันทบทวนอัลกุรฺอาน คนรุ่นหลังอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ จึงสมควรจะปฏิบัติตาม
   มีคำสอนมากมายของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สนับสนุนให้ประชาชาติของท่านอ่านอัลกุรฺอาน ที่เราได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอ ๆ ก็คือ บันทึกของติรฺมิซียฺจากอิบนุอุมัรฺว่า

   “เล่าจากอับดุลลอฮฺ อิบนุอุมัรฺจากท่านเราะสูลุลลอฮิ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่าท่านกล่าวว่า ผู้ใดอ่านอักษรหนึ่งจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺ เขาจะได้รับหนึ่งความดีต่อหนึ่งอักษรนั้น และหนึ่งความดีจะได้รับการตอบแทนสิบเท่า ฉันไม่ได้บอกว่า อะลิฟลามมีม เป็นหนึ่งอักษร แต่อะลีฟ เป็นหนึ่งอักษร ลามเป็นหนึ่งอักษรและมีมเป็นหนึ่งอักษร”
   ในวันหนึ่งวันหนึ่ง เราละหมาดฟัรฎุกัน 5 เวลา  17 เราะกะอะฮฺ มีการอ่านฟาติหะฮฺอย่างน้อย 17  ครั้ง คิดเป็นไม่รู้กี่ตัวอักษร นอกจากนี้ยังมีการอ่านสูเราะฮฺ และยังมีการอ่านกุรฺอานในละหมาดสุนนะฮฺต่าง ๆ เช่น ละหมาดเราะวาติบ ละหมาดตะรอวีหฺ ละหมาดวิตริ พี่น้องย่อมได้รับการตอบแทนมากมาย ลองคิดเอาเองว่าว่าจะได้รับการตอบแทนกี่ความดี
   ในแต่ละวัน เราอ่านหนังสือหลายชนิด ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือพิมพ์ มีทั้งข่าวดีข่าวร้าย ข่าวจริงข่าวเท็จ ติดตามอ่านข่าวสารต่าง ๆ ทางอินเตอร์เนต หรือทางสื่อออนไลน์ประเภทต่าง ๆ อ่านแล้วได้ประโยชน์บ้างสำหรับการดำเนินชีวิตในสังคม และถ้าวิเคราะห์ดี ๆ ก็อาจได้ประโยชน์เพื่อชีวิตโลกหน้า
   บางครั้งเราอ่านหนังสือเริงรมย์ หนังสือการ์ตูน นิยายประโลมโลก เล่นเกมส์ ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน พักผ่อนสมอง ซึ่งไม่ค่อยเกิดภาคผลอะไรกับชีวิตมากนัก
   แต่ถ้าเราอ่านอัลกุรฺอาน เราศึกษาความหมาย เราจะได้รับรู้ประวัติศาสตร์ของคนรุ่นก่อน เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวของคนรุ่นหลังที่จะตามมา เราได้ข้อกำหนดในการดำเนินชีวิต ข้อตัดสินความขัดแย้ง ยิ่งเมื่อเรารู้แล้วนำไปปฏิบัติในสิ่งที่อัลกุรฺอานใช้ เว้นตามที่อัลกุรฺอานห้าม เราก็จะได้รับภาคผลการตอบแทนจากอัลลอฮฺผู้ทรงประทานอัลกุรฺอานมาให้เรา
   ท่านเราะสูลใช้ให้เราอ่านและท่องกุรฺอาน มิเพียงเพื่อจดจำพระดำรัสของอัลลอฮฺเท่านั้น แต่เพื่อได้ศึกษาความหมาย จะได้รู้ในสิ่งที่กุรฺอานใช้และรู้ในสิ่งที่กุรฺอานห้าม
   อิมามติรฺมิซียฺ บันทึกว่า

   “ผู้ใดอ่านกุรฺอานและจดจำไว้จนขึ้นใจ และเขาถือว่าสิ่งที่อัลกุรฺอานบอกว่าหะลาล เป็นสิ่งหะลาล และสิ่งที่กุรฺอานระบุว่าหะรอมเป็นสิ่งหะรอม อัลลอฮฺจะให้เขาเข้าสวรรค์ด้วยกุรฺอาน และจะให้เขาช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัวของเขาที่จะต้องเข้านรกอีกสิบคน”
   ขอให้พวกเราทั้งหลายตั้งเจตนาว่า ในเดือนนี้ เราจะอ่านกุรฺอานให้ได้อย่างน้อย 1 จบ หรือมากกว่า โปรดอย่าให้กุรฺอานถูกวางฝุ่นจับอยู่บนหิ้งโดยไม่สนใจ ไม่เหลียวแล ไม่แม้แต่จะหยิบมาดู มาปัดฝุ่น เพราะเมื่อถึงสมัยหนึ่งที่ผู้ศรัทธาสนใจกุรฺอานไม่ถึงครึ่ง แสดงว่าเมื่อนั้นใกล้จะถึงวันแห่งการตัดสินหรือวันสิ้นโลก และเมื่อถึงวันนั้น เราจะไม่มีเวลามาอ่านกุรฺอานเพื่อขอรับความดีจากอัลลอฮฺอีกต่อไป



คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของมัสญิด อัรฺ-ริฎวาน(นานา) เมื่อ 17 ส.ค. 2553 โดย Bangmud

 

GoogleTagged