ผู้เขียน หัวข้อ: ชิคุนกุนยา  (อ่าน 1079 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ suksara

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ชิคุนกุนยา
« เมื่อ: ส.ค. 18, 2010, 09:05 AM »
0

คำว่า ชิคุนกุนยา เป็นภาษาพื้นเมืองของชนเผ่ามาโกนดี ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในแอฟริกา เมื่อปี ค.ศ. 1952 ได้พบว่าในทวีปแอฟริกามีโรคหนึ่งระบาดอย่างหนัก คนเป็นโรคนี้จะปวดตามกล้ามเนื้อและข้อเป็นอย่างมาก ทำให้เวลาเดินต้องงอตัว พวกมาโกนดีเลยเรียกโรคนี้ว่า ชิคุนกุนยา แปลว่า โรคตัวงอ
           โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ติดต่อมายังคนโดยผ่านยุงลายเป็นพาหะดูดเลือดจากคนที่เป็นไปสู่อีกคนหนึ่ง อีกวิธีหนึ่งก็คือ จากลิงที่แอฟริก่าที่แพร่เชื้อมาสู่ยุง และจากนั้นยุงก็ไปกัดคนอีกคนหนึ่ง หลังจากนั้นโรคนี้ก็เริ่มแพร่กระจายสู่ประเทศต่างๆทั่วโลก
           ในเมืองไทย โรคนี้เริ่มพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1958 หรือ พ.ศ.2501 หลังจากนั้นในฤดูฝนก็จะมีโรคนี้เป็นพระเอกอยู่ตลอด ที่พบมากที่สุดมักเป็นแถบภาคใต้
           โรคนี้เริ่มจากยุงลายที่มีชื่อว่า Aedes aegypti  โดยยุงลายตัวเมียไปกัดผู้ป่วยชิคุนกุนยาที่กำลังมีไข้สูง หลังจากนั้นเป็นช่วงที่ไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มีเชื้อไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้เกิดอาการของโรคได้ ระยะฟักตัวจะใช้เวลาประมาณ 1-12 วัน แต่ส่วนมากถูกกัด 2-3 วันก็เห็นผลแล้ว อาการที่พบคือ มีไข้สูงมาก แล้วก็มีผื่นแดงตามตัวและแขนขา ดูคล้ายๆไข้เลือดออกแต่ไม่ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จะมีอาการปวดตามกล้ามเนื้อ ตามข้อเป็นอย่างมาก และข้อที่ปวดก็สามารถเอลี่ยนไปตามข้ออื่นๆได้เรื่อยๆ ปวดหลังมาก ต้องงอตัว หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆดีขึ้นแล้วหายไปเองได้ ภายในหนึ่งอาทิตย์ หรือกว่านิดหน่อย โรคนี้แม้จะคล้ายไข้เลือดออก แต่กลับไม่มีผลทำให้เส้นเลือดรั่วแต่ประการใดไม่
            การรักษานั้น ก็เป็นการรักษาตามอาการ ปวดก็ให้ยาแก้ปวด แก้ไข้ เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ ต้องแยกโรคนี้ออกจากไข้เลือดออกเด็งกีให้ได้ มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการ ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนก่อน เพื่อช่วยแยกโรคให้ ให้แน่ใจว่าไม่ใช่โรคไข้เลือดออก หลังจากนั้นจึงรักษาตามอาการต่อไป
            การป้องกัน  ก็โดยการกำจัดลูกน้ำยุงลาย และยุงต่างๆทุกชนิด เพื่อไม่ให้มีพาหะของโรค นอนกางมุ้ง หรือพ่นควันไล่ยุง แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ การปิดฝาภาชนะที่ใส่น้ำไว้เสมอ เพื่อไม่ให้ยุงวางไข่ วิธีการนี้ ท่านศาสดามูฮัมหมั (ซ.ล.) ได้สอนเราไว้ตั้งแต่พันสี่ร้อยกว่าปีก่อนแล้วว่า “ จงปิดฝาภาชนะ และผูกปากถุงหนังที่ใส่น้ำเถิด ในช่วงปีหนึ่งนั้นจะมีคืนหนึ่งที่มีโรคระบาด และมันจะลงในภาชนะที่ไม่ได้มีฝาปกปิดในถุงใส่น้ำที่ไม่ได้ผูกปากไว้ ทำให้เกิดเป็นโรคได้ “ (ซอเฮียะฮ.มุสลิม)
             ดังนั้น ถ้าเราทำตามท่านนบีสั่ง นอกจากได้ผลบุญเพราะทำตามซุนนะห์แล้ว ยังได้ผลประโยชน์จากการป้องกันโรคต่างๆด้วย