« เมื่อ: มี.ค. 18, 2010, 09:46 PM »
0
การถกประเด็นกันในเรื่องของศาสนา โดย ด็อกเตอร์ มุหัมมัด ซัยยิด อะหฺมัด อัล-มุสัยยิร
คำถาม : การถกประเด็นกันในเรื่องของศาสนา เป็นข้อห้ามตามแนวทางบทบัญญัติหรือไม่ ??
คำตอบ : การถกกันในเรื่องของศาสนานั้นบางครั้งก็เป็นสิ่งที่น่ายกย่องสรรเสริญและบางครั้งก็เป็นสิ่งที่น่าตำหนิ ซึ่งในสิ่งดังกล่าวนี้นั้น ได้เกิดขึ้นมากมายในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในทุกวันนี้ ซึ่งบางครั้งการถกประเด็นทางศาสนานั้นเกิดขึ้นด้วยเจตนาที่ดีและแนวทางที่ดี แต่บางครั้งก็ตรงข้ามกันอย่างหนึ่งดี อีกอย่างหนึ่งไม่ดี
ดังนั้น การถกกันในประเด็นทางศาสนาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากเป็นการปกป้องสิทธิและช่วยเหลือกันในสิ่งที่ดีดีและเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลิกภาพและจรรยามารายาทที่ดีงาม ซึ่งแท้จริงแล้วบรรดาศาสดาบรรดาคนที่ศอลิฮฺและบรรดานักเผยแผ่ศาสนาในทุกที่และทุกยุคทุกสมัย ต่างก็มีการถกประเด็นศาสนากันอย่างมากมาย โดยพวกเขาได้นำมาซึ่งบรรดาหลักฐานต่างๆ ที่เป็นสัจธรรมและตัวบทต่างๆ ที่ชัดแจ้งมานำเสนอและชี้แจงถึงเรื่องราวต่างๆ ในศาสนา
ดังจะเห็นได้จากการที่ท่านนบีนูหฺ (อ.ล.) ได้ทำการตักเตือนกลุ่มชนของท่านและทำให้กลุ่มชนของท่านได้รับรู้ถึงสัจธรรมที่ชัดแจ้งและหนทางแห่งทางนำ โดยที่ท่านนบีนูหฺ (อ.ล.) ได้ทำการถกประเด็นศาสนากับกลุ่มชนของท่านอย่างมากมายเกี่ยวกับความปรีชาญาณของอัลลอฮฺในการสร้างสรรค์มัคลูก แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับยืนกรานปฎิเสธในความสามารถของอัลลอฮฺและยิ่งทำอุปนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ดังที่อัลลอฮฺตรัสเอาไว้ว่า...
قالوا ينوح قد جدلتنا فأكثرت جدلنا فأتنا بما تعدنآ إن كنت من الصادقين
“พวกเขากล่าวว่า โอ้นูหฺเอ๋ย แน่นอนท่านได้โต้เถียงกับเราและท่านได้ทำให้การโต้เถียงของเรามากเรื่องขึ้น ดังนั้น จงนำมาให้เราเถิดสิ่งที่ท่านสัญญาไว้กับเรา ถ้าท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง” (هود : 32)
และอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้สั่งใช้ให้เราถกกันด้วยกับมารยาทที่ดีงาม โดยอัลลอฮฺทรงตรัสว่า...
ادع إلى سبيل ربك بالحكمة والموعظة الحسنة وجدلهم بالتي هى أحسن
“และจงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสูเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดีและจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่หลงจากทางของพระองค์และพรองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในทางที่ถูกต้อง” (النحل : 125)
ส่วนการถกประเด็นศาสนาที่น่าตำหนินั้น เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความโมฆะ ก่อให้เกิดการมุสา ก่อให้เกิดความน่าเกลียด ก่อให้เกิดอุตริกรรมและยังทำให้การช่วยร้ายเผยแผ่ออกไป ดังอัลลอฮฺทรงตรัสว่า...
ولا تجادل عن الذين يختانون أنفسهم إن الله لا يحب من كان خوانا أثيما
“และเจ้าจงอย่าโต้เถียงแทนบรรดาผู้ที่บิดพลิ้วต่อตัวของพวกเขาเองเลย แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงชอบผู้ที่เคยบิดพลิ้ว ที่เคยกระทำบาป” (النساء : 107)
ومن الناس من يجادل في الله بغير علم ولا هدى ولا كتاب منير
“และในหมู่มนุษย์บางคนมีผู้โต้เถียงในเรื่องของอัลลอฮฺโดยปราศจากความรู้และโดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้องและปราศจากคัมภีร์ที่มีหลักฐานชัดแจ้ง” (الحج : 
ثانى عطفه ليضل عن سبيل الله له في الدنيا خزى ونذيقه يوم القيامة عذاب الحريق
“เขาจะเอี้ยวตัวของเขาไปอย่างหยิ่งยโส เพื่อให้ผู้คนหลงจากทางของอัลลอฮฺ สำหรับเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และเราจะให้เขาลิ้มรสการลงโทษที่มีไฟลุกไหม้ในวันกิยามะฮฺ” (الحج : 9)
ดังนั้น บรรดาพวกเขาเหล่านี้ได้นำมาซึ่งความเสียหายต่อองค์วิชาความรู้แห่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ถูกต้อง โดยที่พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มีหลักฐานอ้างอิงที่สามารถเชื่อถือได้ วึ่งความจริงแล้วพวกเขาถกกันด้วยความบาติล โอ้อวดกันโดยอ้างสัจธรรมและทะนงตนกันในระหว่างมัคลูคด้วยกันเอง
แท้จริงอัลกุรอานได้สอนบทเรียนให้แก่เราในเรื่องเหล่านี้ ว่า…
إن الذين يجادلون في ءايات الله بغير سلطان أتاهم إن في صدورهم إلا كبر ماهم ببالغيه فاستعذ بالله إنه هو السميع البصير
“แท้จริงบรรดาผู้ที่โต้เถียงในเรื่องโองการของอัลลอฮฺโดยปราศจากหลักฐานมายังพวกเขานั้น ไม่มีอะไรในทรวงอกของพวกเขา นอกจากต้องการจะเป็นใหญ่ ซึ่งพวกเขาจะไม่เป็นผู้บรรลุถึงมันได้ ดังนั้น จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น” (غافر : 56)
ดังนั้นการถกประเด็นกันถือว่าเป็นสิ่งสำคัยอย่างหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในวิถีชีวิตของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมและการถกประเด็นกันในเรื่องศาสนานั้นเพื่อให้เราเข้าใจถึงหลักการที่ถูกต้อง ดังนั้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจะเห็นได้ว่าในอัลกุรอาน มีซูเราะฮฺหนึ่งที่ถูกตั้งชื่อให้ว่า “سورة المجادلة” (การโต้แย้ง) ซึ่งอัลลอฮฺ ตะอาลาได้ตรัสไว้ ในขณะที่เริ่มซูเราะฮฺว่า..
قد سمع الله قول التي تجادلك في زوجها وتشتكي إلى الله والله يسمع تحاوركمآ إن الله سميع بصير
“โดยแน่นอน อัลลอฮฺทรงได้ยินถ้อยคำของสตรีที่กำลังโต้แย้งกับเจ้าในเรื่องสามีของนาง และนางได้ร้องทุกข์ต่ออัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงได้ยินการตอบโต้ของเจ้าทั้งสอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรู้เห็นเสมอ” (المجادلة :1)
ดู فتاوى العقيدة الإسلامية โดย ด็อกเตอร์ มุหัมมัด ซัยยิด อะหฺมัด อัล-มุสัยยิร อาจารย์ประจำภาควิชาอะกีดะฮฺและปรัชญา คณะอุศูลลุดดีน มหาวิทยาลัย อัล-อัซฮัร หน้าที่ 13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 19, 2010, 12:42 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //
