ผู้เขียน หัวข้อ: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?  (อ่าน 1908 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด

 salam


The Tree Trunk that Yearned for the Prophet peace and blessings be upon him.
ต้นไม้ถวิลหาท่านรอซูล  .

--------------------------------------------------------------------------------

Allah supported His honourable Prophets with astounding miracles that prove their truthfulness. Our Prophet, peace be upon him, had the most miracles. Among them were: the honourable Qur’an, the splitting of the moon, ‘Al-Isra’ and Al-Mi^raj, the food that mentioned Allah in front of him, the tree that came to him when he called, and others. The number of miracles was two to three thousand.

อัลลอฮฺเจ้าทรงประทานความมหัศจรรย์ใจและตานานัปการด้วยกันเพื่อเป็นการยืนยันในการเป็นศาสดาประกาศก ท่ารรอซูลได้รับความมหัศจรรย์มากมาย เช่น อัลกุรอาน  การผ่าพระจันทร์ อิสราและมิอฺรอจ อาหารที่อัลลอฮฺทรงกล่าว คราใดรอซูลเรียกต้นไม้มา มันก็มาตามคำเรียกร้องและอื่น ความมหัศจรรย์ที่ท่านรอซูลได้รับมีเป็นพันเลยทีเดียว


When Prophet Muhammads mosque in Al-Madinah was first built, its roof supported by palm tree trunks. The trunks were spread out around the mosque. They had leaves coming out from their tops which protected people from the heat of the sun and the wetness of the rain. Light entered the building from the spaces between the trees and the leaves, illuminating the corners of the beautiful mosque.

ครั้นเมื่อมัสยิดของท่านรอซูลถูกสร้างเป็นครั้งแรก หลังคาก็ไม่มีแต่ได้รับร่มเงาจากต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบๆในการบังแดดบังฝน ใบของมันจากแต่ละต้นโน้มเข้าหากันมีแสงให้เล็ดลอดบ้างสร้างความสวยงามเป็นอันมาก

The Prophet used to address the people of Madinah in the mosque. When he gave a speech he would place his honourable hand on one of the tree trunks. One day the Prophet said, “Standing is becoming difficult for me.” So the Prophet’s companions suggested building a <<mimbar>>, a place where the Prophet could sit and address the people. The man who would build this <<mimbar>> was called Maymun. He was a carpenter who worked for a Muslim woman named Fakihabintu ^Ubayd. She was from the Ansar, the people who supported the Prophet peace be upon him upon his immigration to Al-Madinah.

ท่านรอซูลใช้มัสยิดดังกล่าวในการปราศรัย เมื่อท่านรอซูลปราศันคราใดท่านก็จะจับต้นไม้ต้นใดต้นนึง  อยู่มาวันนึงท่านรอซูลเอยว่า “รูสึกว่าถ้าฉันยืนมันไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าใด มันไม่ค่อยสะดวกเหลย” เมื่อบรรดาซอฮาบะฮฺได้ยินเช่นนั้น บ้างก็เสนอว่าให้สร้างมิมบาร เพื่อให้ท่านรอซูลได้กล่าวปราศรัยได้สะดวกขึ้น ผ็ที่ทำการสร้างมิมบันมิใช่ใครอื่นเลย เขาคือช่างไม้ของท่านผู้หญิงฟะกีหะฮฺ บุตร อุบัยดฺ ผ็เป็นชาวอันซอร ที่ให้การช่วยเหลือรอซูลในคราอพยพมามดีนะฮฺมหานคร







The Prophet sent a word to Fakiha to tell her carpenter to build the mimbar. Fakiha hurried to fulfill the orders of the Honourable Prophet. She ordered Maymun to go to the north of Madinah where he would find a kind of trees called Tarfa’. He used that kind to build the <<mimbar>>.

ท่านรอซูลมีบัญชาต่อท่านผู้หญิงฟากีฮา เพื่อบอกให้ช่างไม้ดังกล่าวมาช่วยสร้างมิมบัรหน่อยสิ  ท่านผู้หญิงฟากีฮาไม่รอช้าที่จะน้อมรับคำบัญชาแห่งรอซูล  ท่านผู้หญิงออกคำสั่งต่อท่านมัยมูนให้ดินทางไปหาไม้ที่ชื่อ “ตัรฟา” จากมดีนะฮฺมหานครในการสร้าง

Maymun built the <<mimbar>> with three steps. The highest step was very wide, allowing space enough for the Prophet to be able to stand on it when addressing the people. Also, it was large enough for the Prophet to pray on the step while he led the people in prayer.

ท่านมัยมูนสร้างมิมบัรที่ ๓ ชั้น ชั้นที่ ๓ นั้นกว้างพอที่ท่านรอซูลจะยืนปราศัยและละหมาดนำผู้คนได้

On the day the new <<mimbar>> was placed in the mosque, the Prophet ascended its three steps to address the people. After a couple of minutes the people in the mosque heard what sounded like the crying of a small child. They looked to one another, not knowing what was going on. Then they realised where the sound was coming from: The tree trunk that the Prophet used to lean on when he was giving a speech was moaning and crying, longing for the Prophet.

จนแล้วจนเล่ามเมื่อมิมบัรพร้มที่จะถูกใช้งาน ท่ารอซูลก็บรรเลงปราศรัยได้สัก ๒-๓ นาที ผู้คนในมัสยิดก็ต้องงฉงนฉงายเมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็ก ต่างคนต่างหันหน้าเข้าหากันแปลกใจจังหนอ เสียงนี้มาแต่แห่งหนใด ไม่นานพวกก็รู้ว่า ฮึๆเสียงร้องครวญคราง อาลัยอาวรณ์มาจากต้นไม้ต้นที่ท่านรอซูลจับครั้งที่ปราศัยในอดีตนี้เอง

The sounds of crying kept increasing. It started to sound like the sound a camel makes when her young is taken away. Then the Prophet, peace be upon him, the one with a merciful heart, descended from his mimbar. He went to the crying trunk and hugged it as a father would hug his child until the trunk became quiet. This was a great miracle for our Prophet who said, “Don’t you wonder at this piece of wood that yearned and cried?” The people came closer to the trunk and heard its soft whimpering and they too began to cry. Then the Prophet said, “Had I not hugged it, it would have continued to cry until the Day of Judgement.”

เสียงดรวญครางทวีดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือยกับเสียงอูฐที่ลูกมันหายไป  ท่านรอซูลจึงลงจากมิมบัร แล้วเดินไปโอบกอดต้นไม้ต้นนั้นดั่งพ่อโอบกอดลูกจนกระทั่งต้นไม้นั้นเงียบลงเงีบบลง นี้เป็นสิ่งอัศจรรย์ตื่นตาตื่นใจ เพราะท่านรอซูลกล่าวว่า “พวกท่านไม่ประหลาดใจต่อต้นไม้นี้เลยหรือ ดูสิมันร้องไห้” ผู้คนออไปยังต้นไม้นั้นที่มีเสียงร้องไห้กระซิกๆ พวกเขาไมม้รอช้าที่จะร้องไห้  ท่านรอซูลจึงกล่าวว่า “มาตรแม้นฉันหาได้โฮบกอดมันไม่ แน่นอนมันจะร้องไห้จนถึงวันกียามะฮฺ”





It is narrated that the Prophet, peace be upon him, said to the trunk, “You have a choice. You can be replanted in the place you were originally, where you will return as you were a solid non-feeling tree trunk, or you can be planted in Paradise where you will be watered from its rivers. Your fruits will improve and the pious servants of Allah will eat from you.” The Prophet continued to say that the tree trunk chose to be in Paradise. So the Prophet ordered that it be buried near the mosque. After a period of time, the Muslims wanted to enlarge the mosque and they dug up the trunk. Ubay’ IbnKa^b, may Allah raise his rank, took the trunk and kept it in his possession until it split into many pieces

มีรายงานว่าท่านรอซูลกล่าวแก่ต้นไม้นั้นว่า “เจ้าต้องเลือกแล้วแหละ” เจ้าจะให้เขานำไปปลูกในที่ๆเจ้าเคยอยู่ เจ้าจะได้ไม่ต้องร้องไห้ หรือเจ้าจะถูกปลูกในสรรค์เพื่อเจ้าจะได้ลำธารแห่งสวรรค์คอยให้น้ำเจ้าและให้บ่างของอัลลอฺ
ฮฺเจ้าได้เก็บกินเจ้า  ในที่สุดต้นไม้นั้นเลือกที่จะอยู่ในสวรรค์ ท่านรอซูลจึงสั่งให้ฝังมันใกล้มัสยิดนั้นแหละ  ครั้นเมื่อมุสลิมขยายมัสยิดให้กว้างขึ้น พวกเขาจึงขุดมันขึ้นมา ท่านอุบุย บิน กะอับ เป็นผู้ครอบครองต้นไม้ต้นนั้นจนกระทั่งมันถูกตัดเป็นชิ้นๆ



ที่มาhttp://www.myot.org.au/index.php?option=com_content&view=article&id=251:the-tree-trunk-that-yearned-for-the-prophet-peace-and-blessings-be-upon-him&catid=45:inspirational-stories&Itemid=253

แปลภาษาไทยโดย : แอนตี้ บิดอะฮ์ เอาว์ ยูสุฟ บิน สุลัยมาน อัลมันญูวีย์ อัลกะรอบีย์ (24 สิงหาคม 2553 เวลา 06.12 น.)
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ZUHARI

  • บุคคลทั่วไป
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 08:22 AM »
0
มีแบบที่เป็นฮาดิษไม๊รู้สึกว่าอ่านแล้วเหมือนกำลังอ่านวรรณกรรมนิยายยังไงไม่รู้ ที่เคยอ่านเป็นมิมบัรเก่าที่ร้องไห้เมื่อมีมิมบัรใหม่มาถ้าหากมันเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาคนแต่งจะต้องตกนรกใช่ไม๊ แล้วคนที่นำมาให้อ่านละ แล้วคนที่อ่านแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงอีกละ no:

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 09:02 AM »
0
มีแบบที่เป็นฮาดิษไม๊รู้สึกว่าอ่านแล้วเหมือนกำลังอ่านวรรณกรรมนิยายยังไงไม่รู้ ที่เคยอ่านเป็นมิมบัรเก่าที่ร้องไห้เมื่อมีมิมบัรใหม่มาถ้าหากมันเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาคนแต่งจะต้องตกนรกใช่ไม๊ แล้วคนที่นำมาให้อ่านละ แล้วคนที่อ่านแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงอีกละ no:

อย่างนั้นขอพี่น้องช่วยนำเสนอด้วยครับว่าแท้จริงมันเป็นอย่างไร และหากผมแปลผิดก็ติงผ่านกระทู้เลย

๑) ผมแปลมาก็ไม่หะดิษเช่นกัน ใครมีหะดิ็ขอเชิญนำเสนอด้วยครับจักขอบคุณยิ่ง และช่วยกันตรวจความถูกต้องด้านการแปลบทความ

๒) ที่แท้เป็นความรู้สึกของคุณที่ข้อมูลนี้ไม่ตรงกับความรู้เดิมของคุณ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะคนเราส่วนมากจะแปลกใจกับเรื่องที่ขัดกับความรู้เดิม และหากมันค้านความรู้เดิมโปรดนำเสนอบัญชรวิชาการในเรื่องนี้ด้วย

๓) ผมไม่ยืนยันว่ามันคือมอมบันหรือไม่ แต่ที่แน่แน่ ก่อนสร้างมิมบัรโดยท่านมัยมูนนั้น คราใดท่านรอซูลปราศัย มือของท่านจะจับที่ลำต้นของต้นไม้นั้น

๔) ผู้แต่งขึ้นมาอ้างไปยังรอซูลโดยความจริงแล้วท่านรอซูลมิได้กระการดั่งที่อ้างอันนั้นแหละใช่เลย อเวจีคือบังกะโลแก่เขา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2010, 09:18 AM โดย anti-bid'ah »
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:12 AM »
0

บังเอิญว่าคนแปล แปลแบบไม่ใช้สำนวนวิชาการเพื่อไม่ให้คนอ่านเบื่อมันก็เลยดูไม่น่าเชื่อถือรึเปล่า  oh:

ZUHARI

  • บุคคลทั่วไป
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 11:24 AM »
0
ประเด็นไม่ใช่ว่าแปลไม่ดีและไม่ใช่ว่ามีหลายเวอชั่นแต่ยุคสมัยหนึ่งมีการนำวรรณกรรมมาใส่ในชีวประวัติของท่านรอซูลทำให้มีเรื่งราวแปลกประหลาดพิศดารจนเลยเถิดถ้าหากเรื่องที่เล่ามีหลักฐานที่ชัดเจนเราก็จะต้องเชื่อแต่ถ้าไม่ใช่ละ เรื่องนี้จะทำไงดี

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 01:20 PM »
0
และในมัสยิดของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  จะนำลำต้นของอินทผาลัมมาทำเป็นเสามัสยิด  เมื่อท่านได้ทำการกล่าวสุนทรพจน์(คุฏบะฮ์)  ปกติท่านจะยืนบนไม้ที่ทำมาจากลำต้นอินทผาลัม  ซอฮาบะฮ์จึงเสนอแก่ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า  ควรจะทำมิมบัรอันใหม่สำหรับยืนกล่าวสุนทรพจน์  เมื่อบรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำมิมบัรอันใหม่แก่ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ท่านจึงใช้ให้นำไม้ที่ทำจากต้นอินทผาลัมไปวางไว้ข้าง ๆ มัสยิด  ทันใดนั้นพวกเขาต่างได้ยินเสียงสะอื้นของลำต้นอินทผาลัมเพราะความรักและความสดชื่นที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ยืนกล่าวสุนทรพจน์บนมัน  บรรดาซอฮาบะฮ์ต่างก็ร้องไห้  ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงลงจากมิมบัร  แล้วเอามือลูบบนมันด้วยความเมตตาปลอบโยน  แล้วมันก็หยุดนิ่ง  แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้ให้นำมันไปฝังใต้มิมบัรที่สร้างขึ้นมาใหม่ 

ท่านอัลฮะซัน อัลบะซอรีย์  ได้กล่าวว่า "โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย  ขนาดไม้ที่ทำมาจากลำต้นอินทผาลัมที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมยืนกล่าวสุนทรพจน์ยังมีความรักและคิดถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นพวกท่านจงคิดถึงคะนึงหาที่จะไปพบกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" หนังสืออัลบิดายะฮ์ อันนิฮายะฮ์ ของท่านอิบนุกะษีร เรื่องดะลาอิล อันนะบูวะฮ์

อ่านเจอในกระทู้นี้ http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=4562.0




อ้างถึง
. . . . . . . .เสียงร้องจากท่อนอินทผลัม
มีรายงานจากศอหะบะฮฺกลุ่มหนึ่ง(ญะมาอะฮฺ)ว่า มัสยิดท่านร่อซูลนั้นเคยมีหลังคา มีต้นอินทผลัมทำเป็นเสาค้ำยันอยู่
เมื่อท่านร่อซูลกล่าวคุฎบะฮฺ ท่านก็ยืนบนต้นอินทผลัมที่ใช้แทนมิมบัร ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านร่อซูลยืนอยู่บนมิมบัร
อันใหม่ เรา(บรรดาศอหะบะฮฺที่รายงานหะดีส)ก็ได้ยินเสียงร้องของอูฐตัวเมียที่กำลังมีท้อง ดังลอดออกมาจากต้น
อินทผลัมที่ท่านร่อซูลเคยใช้เป็นมิมบัรมาก่อน เสียงนั้นไม่ยอมหยุด จนกระทั่งท่านร่อซูลวางมือขวาของท่านลงบน
อินทผลัมท่อนนั้น เสียงดังกล่าวจึงหยุดเงียบลง
ในรายงานของท่านอนัส ระบุว่า "ท่อนอินทผลัมที่ท่านร่อซูลวางมือไปบนนั้น ส่งเสียงร้องดังลั่น จนกระทั่งมัสยิด
กระเทือน อันเนื่องมาจากความรุนแรงของเสียงนั้น"
ในรายงานของท่านซะอฺ บินสะอั๊ด ระบุว่า "เมื่อคนใดในมัสยิดได้ยินเสียงนั้น พวกเขาต่างก็ร้องไห้กันทุกคน"
และในรายงานของท่าน อัลมุฎฎอลิบ บิน อบีวัดดาอะฮฺ ระบุว่า "เสียงร้องของท่อนอินทผลัมยังคงดังอยู่ไม่หยุด
จนกระทั่งท่านนบีเดินมาถึงและใช้มือวางลงบนท่อนไม้นั้น มันจึงเงียนเสียงลง"
และยังมีรายงานเพิ่มจากบุคคลอื่นๆอีกว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
" " แท้จริง เท่าที่ท่อนอินทผลัมส่งเสียงร้องนั้น ก็เนื่องจากขาดการรำลึกถึงอัลลอฮฺ และท่านนบียังกล่าวอีกว่า
ขอสาบานต่อผู้ที่ตัวของฉันอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ ถ้าหากว่าฉันไม่จับมัน มันจะส่งเสียงร้องอยู่เช่นนั้น
จนกระทั่งวันกิยามะฮฺ แล้วท่านร่อซูลก็สั่งให้ฝังมันไว้ที่ใต้มิมบัรนั่นเอง " "
ในรายงานของท่านบุรอยดะฮฺ ระบุว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวแก่ท่อนอินทผลัมนั้นว่า
" " หากเจ้าประสงค์จะให้ฉันเอาไปไว้ในสวนที่เจ้าเคยอยู่ เพื่อจะได้เจริญเติบโต ผลิดอกออกผล หรือหากว่าเจ้า
ประสงค์จะให้ฉันปลูกเจ้าไว้ในสวรรค์เพื่อจะได้รับน้ำจากธารน้ำและตาน้ำในสวรรค์ จนกระทั่งงอกเงยขึ้นสวยงาม
และมีดอกผลให้บรรดาวะลีย์(เอาลิยาฮฺ)ของอัลลอฮฺได้รับประทาน " ท่อนอินทผลัมกล่าวตอบว่า "ไม่ ฉันไม่ประสงค์สิ่งใด
ขอเพียงให้ท่านปลูกฉันไว้ในสวรรค์ เพื่อที่จะได้อยู่ในสถานที่ที่ไม่สูญสลาย " ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นได้ยินคำโต้ตอบ
และท่านนบีกล่าวว่า " แท้จริงฉันจะจัดการให้ " และท่านร่อซูลกล่าวว่า " ท่อนอินทผลัมนี้เลือกเอาสถานที่ที่ถาวร
แทนที่จะเลือกเอาสถานที่ที่สูญสลาย" "
เมือท่านฮะซัน อัลบัศรีย์ รอฮิมะฮุลลอฮฺ สอนหะดีสนี้ ท่านก็ร้องไห้และกล่าวว่า " โอ้ผู้ที่เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ
ท่อนไม้ยังโหยหาท่านร่อซูล เมื่อไม่พบกับท่านร่อซูล ดังนั้น พวกท่านทั้งหลายนั้นสมควรยิ่งกว่าในการที่
จะคิดถึงการกลับไปพบกับท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม "
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ และ อัตติรมิซีย์)

ส่วนอันนี้เจอมาจากกระทู้หนึ่งในเว็บอัซ-ซุนนะฮฺ

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ZUHARI

  • บุคคลทั่วไป
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 02:25 PM »
0
เมือท่านฮะซัน อัลบัศรีย์ รอฮิมะฮุลลอฮฺ สอนหะดีสนี้ ท่านก็ร้องไห้และกล่าวว่า " โอ้ผู้ที่เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ
ท่อนไม้ยังโหยหาท่านร่อซูล เมื่อไม่พบกับท่านร่อซูล ดังนั้น พวกท่านทั้งหลายนั้นสมควรยิ่งกว่าในการที่
จะคิดถึงการกลับไปพบกับท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม "
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ และ อัตติรมิซีย์) loveit:

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 03:26 PM »
0
ประเด็นไม่ใช่ว่าแปลไม่ดีและไม่ใช่ว่ามีหลายเวอชั่นแต่ยุคสมัยหนึ่งมีการนำวรรณกรรมมาใส่ในชีวประวัติของท่านรอซูลทำให้มีเรื่งราวแปลกประหลาดพิศดารจนเลยเถิดถ้าหากเรื่องที่เล่ามีหลักฐานที่ชัดเจนเราก็จะต้องเชื่อแต่ถ้าไม่ใช่ละ เรื่องนี้จะทำไงดี

๑) ผมแปลผิดหรือไม่  ถ้าแปลผิด ผิดตรงไหน
๒) ตอนนี้ผมยังไม่สรุปว่ามีบางส่วนหรือทั้งหมดจากบทแปลไม่มีหลักฐานเพราะเท่าที่บังดีนียะฮฺอ้างมาทั้ง ๒ แหล่งข้อมูลเราอาจนำมาปะติดปะต่อกันได้ แล้วจะปะติดปะต่ออย่างไร ข้อมูลใดมาก่อนมาหลัง ข้อมูลแหล่งที่ ๓ , ๔,๕ ...มีไหมที่จะเอามาปะติดปะต่อกัน

เพราะฉะนั้นเราจึงรอผู้รู้นำข้อมูลเพิ่มเติมมา  เชิญนำเสนอกันตามสบาย
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 03:40 PM »
0
 salam

คุณ anti-bid'ah แปลได้ดีเยี่ยมแล้ว  และแหล่งข้อมูลที่นำมาก็ไม่ออกนอกกรอบจาหบรรดาฮะดิษและหนังสือชีวะประวัติของเหล่าปราชญ์ได้บันทึกไว้ mycool:  
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ยุค 2010 คุณเชื่อไหม"ว่าต้นไม้พูด"?
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 09:22 PM »
0
salam

คุณ anti-bid'ah แปลได้ดีเยี่ยมแล้ว  และแหล่งข้อมูลที่นำมาก็ไม่ออกนอกกรอบจาหบรรดาฮะดิษและหนังสือชีวะประวัติของเหล่าปราชญ์ได้บันทึกไว้ mycool:  

ใช่แล้ว เฉกเช่นเดียวกับหนังสืออิสเราะแมะรอจญ์ที่คนเขาอ่านๆกัน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged