^
พี่ไม่เห็นเคยได้ยินเลย...

salam
บทเรียนแห่งตำนานอันใหม่นี้คืออะรัยหรอ
หรือว่ายังคงคอนเซปเดิม "ความประมาท" careless
บทเรียนแห่งตำนาน คงจะพยายามสอนให้เรารู้ว่า
แพ้ -ชนะ ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าไมตรีจิตมั้งคะ...

เพราะหากเราต้องการแค่คำว่า แพ้ - ชนะ มันย่อมต้องเกิดการแข่งขันกัน
หากไม่แข่งขันกัน แพ้ - ชนะก็ย่อมไม่มี
บางครั้งเราอาจจะถกเถียงกัน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกันมากกว่าต้องการผู้ชนะแต่หากเราใส่อารมณ์หรือมีการตำหนิ ต่อว่ากัน ก็จะทำให้เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาร่วม
ความเข้าใจกันและกันเริ่มบินหายไป...
และบางครั้ง บางคนก็คิดว่า หากเรายอมตอนนี้ ก็หมายถึง การแพ้ และทำให้เสียศักดิ์ศรี
เรื่องเลยบานปลาย...
และบางครั้ง บางคนคิดว่า หากเรายอมตอนนี้ ก็เท่ากับปล่อยให้เขาเข้าใจเราผิดๆไป...
ซึ่งจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้...เรื่องมันเลยบานปลาย...
แต่เมื่อเรายึดคำว่า ไมตรี โดยมิได้ต้องการชัยชนะตั้งแต่ต้น
เพียงแต่ต้องการเพียงแค่การปรับความเข้าใจกันและกันทั้งสองฝ่าย...
การถกเถียงกันอย่างเมามันเลือดสาดคงไม่เกิดขึ้น การแก่งแย่งแข่งขันคงจะไม่มีว่ามั้ยคะ...
เมื่อก่อน ข้าน้อยเองเคยถกเถียงกับพี่ๆน้องๆ เวลาเรามีความเห็นไม่ตรงกันบ่อยครั้ง
บางครั้งอยากเอาชนะ บางครั้งอยากให้เขาเข้าใจเรา
แต่ท้ายที่สุดกลับคว้าน้ำเหลวทุกครั้ง เพราะมันทำให้เราต่างฝ่ายต่างเสียอารมณ์
และเสียเวลา ไม่ได้อะไรกลับมาเลย นอกจากความขุ่นมัวในหัวใจ
แต่พอนึกถึงความเป็นพี่เป็นน้อง เลยต้องกลับมาทบทวนใหม่...
จนหลังๆมาต้องปรับเปลี่ยนลักษณะการเจรจาแลกเปลี่ยนความคิดกันใหม่
เพราะนึกได้ว่า มิตรภาพนั้นยิ่งใหญ่กว่า สำคัญกว่า...
เพราะมิตรภาพกว่าเราจะได้มามันยากเย็นและยาวนาน
แต่บางครั้งมันกลับถูกทำลายโดยง่ายเพียงแค่คำไม่กี่คำของเราเอง...
เลยจำต้องระวังมากกว่าแต่ก่อนค่ะ...
แต่บางครั้ง อารมณ์มันก็พาไปจนได้ อิอิ

วัสสลมค่ะ