ผู้เขียน หัวข้อ: อัลลอฮฺทรงพิทักษ์อัลกุรฺอาน (คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิดอัรฺ-ริฎวาน(นานา) 17 กันยายน  (อ่าน 2856 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


อัลลอฮฺทรงพิทักษ์อัลกุรฺอาน
                    
17 กันยายน 2553 / 8  เชาวาล 1431

   พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติความดีและละเว้นความชั่วอย่างจริงจัง และท่านทั้งหลายจงอย่าได้ตาย จนกว่าท่านจะเป็นผู้ยอมจำนนต่ออัลอิสลามโดยสิ้นเชิง
   นับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2544 ที่ได้เกิดเหตุการณ์มีผู้ขับเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกเวิร์ล   เทรดเซนเตอร์ ที่กลางกรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา จนอาคารศูนย์กลางธุรกิจพังพินาศ ประชาชนเสียชีวิตกว่า 3,000 คน เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอเมริกาและคนอเมริกันที่มีต่อมุสลิมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรก ๆ หลังเกิดเหตุการณ์ มุสลิมถูกกล่าวหา ถูกโจมตี ถูกประทุษร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุสลิมในประเทศอเมริกาเอง ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการถูกข่มเหงทั้งโดยทางร่างกาย วาจาและจิตใจ สัญลักษณ์ของอิสลาม เช่น มัสญิดถูกขว้างปาด้วยของโสโครก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนที่มีใจเป็นธรรมก็รับรู้ความจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของคนกลุ่มน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกันชนกับมุสลิมเริ่มคลี่คลาย แม้จะยังมีความรู้สึกลึก ๆ ที่หวาดระแวงกันอยู่
   อย่างไรก็ตาม อเมริกาได้อ้างว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของมุสลิมกลุ่ม อัลกออิดะฮฺ โดยที่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานโดยตรงที่จะกล่าวหากลุ่มดังกล่าวได้
   ภายหลังเหตุการณ์ผ่านไป 9 ปี เทศบาลนครนิวยอร์คได้ปฏิสังขรณ์บริเวณที่ถูกโจมตีให้เป็นแหล่งที่เรียกว่า Ground Zero ที่บริเวณนี้เอง เมื่อไม่นานมานี้ได้ก่อให้เกิดข่าวใหญ่ขึ้นอีกครั้ง มุสลิมกลุ่มหนึ่ง โดยการนำของอิหม่ามฟัยศอล อับดุรฺเราะอูฟ ได้มีความคิดที่จะจัดสร้างศูนย์วัฒนธรรมอิสลามและมัสญิดขึ้น ห่างจากจุดเกิดเหตุที่เรียกว่า Ground Zero เพียง 2 ช่วงตึก ความคิดนี้เมื่อถูกนำเสนอออกไป ได้รับทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
   แต่เสียงคัดค้านที่รุนแรงที่สุด มาจากโบสถ์คริสตศาสนานิกายโปรแตสแตนท์ ชื่อโดฟ เวิลด์ เอาต์รีช เซนเตอร์  อยู่ที่เมืองเกนส์วิลล์ รัฐฟลอริดา ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 50 คน ศาสนาจารย(หรือเปรียบเสมือนอิหม่าม) ประจำโบสถ์คือ  บาทหลวงเทอร์รี่ โจนส์ ได้ประกาศต่อต้านความคิดดังกล่าวด้วยการจะจัดวันเผากุรฺอานโลก (International Burn a Koran Day) ขึ้น ในวันที่ 11 กันยายน 2553 โดยจะมีการเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน 200 เล่มซึ่งทางกลุ่มได้จากการบริจาค
   เมื่อความคิดนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้านก็เกิดขึ้นทั่วอเมริกาและทั่วโลก แน่นอนว่าเสียงคัดค้านส่วนใหญ่มาจากมุสลิม หลายแห่งจัดเดินขบวนประท้วง เช่นที่ อินโดนีเซีย และอัฟกานิสถาน รวมทั้งมีการเผาหุ่นบาดหลวงเทอร์รี่ โจนส์ด้วย หลายแห่งมีการประณามเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ที่น่าสังเกตก็คือ เสียงคัดค้านจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมก็มีไม่น้อย เช่น
   พล.อ.เดวิด เพเทรอัส ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ว่าการกระทำของโจนส์อาจทำให้ชาวมุสลิมหันมาแก้แค้นกับทหารสหรัฐฯ ก็เป็นได้
   ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า แผนการของโบสถ์ในมลรัฐฟลอริดานับเป็นความ “เสื่อมเสีย” และในวันพุธที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาประณามพิธีการดังกล่าว
   ด้าน บัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเผยว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์นี้ และโฆษกประจำตัวของบันก็กล่าวในแถลงการณ์ว่า “การกระทำเช่นนี้ไม่สามารถให้อภัยได้ ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม”
    ด้าน ซาราห์ เพลิน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน ก็ประณามพิธีการดังกล่าวว่า “ไร้จิตสำนึก” และเป็นการยั่วยุให้เกิดความแตกแยก “เช่นเดียวกับการสร้างมัสยิดใกล้ กราวนด์ ซีโร”
   วันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา บาทหลวงเทอร์รี่ โจนส์ ไม่ได้ดำเนินการเผากุรอานตามที่เขาบอกไว้ เพราะทราบว่า อิหม่าม ฟัยศอล อับดุรฺเราะอูฟ ยกเลิกความคิดที่จะจัดสร้างศูนย์วัฒนธรรมอิสลามและมัสญิดใกล้ ๆ กับ กราวนด์ ซีโรแล้ว ซึ่งอีหม่ามก็ได้ออกมาแถลงว่า เขารู้สึกเสียใจต่อเหตุโต้เถียงนี้ และบอกว่าเขาจะไม่ผลักดันให้เกิดโครงการนี้หากทราบมาก่อนว่าจะมีความเจ็บปวดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าการก่อสร้างศูนย์แห่งนี้จะดำเนินต่อไปตามแผน
   มีผู้มาถามผมว่ามีความรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ผมตอบว่า มุสลิมทุกคนย่อมคัดค้านกิจกรรมดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่ผมจะไม่มีปฏิกิริยารุนแรงใด ๆ โดยเฉพาะการเผาหุ่นนั้น ไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะ(1) การใช้ไฟเผาเพื่อการลงโทษ เป็นเอกสิทธิ์ของเจ้าของไฟ คือ อัลลอฮฺตะอาลาเพียงองค์เดียว และ (2) กุรอานนั้นไม่มีทางที่จะถูกทำลายได้
เพื่อให้พี่น้องได้เข้าใจ ผมขอนำเอาหลักฐานมาพูดคุยเป็นความรู้สำหรับพวกเรา
กุรอานที่เป็นศุหุฟหรือรูปเล่มอาจจะถูกเผาไป แต่กุรฺอานที่เป็นเนื้อแท้ คือที่เป็นกะลามุลลอฮฺจะได้รับการปกป้องจากอัลลอฮฺ ทั้งบันทึกที่ เลาหิลมะห์ฟูซบนฟากฟ้าและถ้อยคำที่ได้ถูกประทานลงมาแก่มนุษยโลกในดุนยานี้
    ในอัลกุรฺอาน อัลลอฮฺดำรัสว่า




   
“นั่นคือกุรฺอานอันทรงเกียรติ ซึ่งอยู่ในบันทึกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้
ไม่มีผู้ใดจะแตะต้องอัลกุรฺอานนอกจากบรรดาผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ถูกประทานลงมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก”
   
อัลวากิอะฮฺ 56:77-80
   ดังนั้น กุรฺอานได้รับการพิทักษ์รักษาทั้งบันทึกที่เลาหิลมะหฺฟูซ ไม่มีใครสัมผัสนอกจากมะลาอิกะฮฺที่บริสุทธิ์ ส่วนในโลกดุนยา ศุหุฟที่เป็นรูปเล่มก็ได้รับการดูแลโดยมุสลิม ที่จะไม่สัมผัสนอกจากอยู่ในสภาพที่ปราศจากหะดัษเล็กและหะดัษใหญ่
   สมัยที่มีการรวมรวบกุรฺอานเป็นรูปเล่มในยุคเคาะลีฟะฮฺอะบูบักรฺ เมื่อการรวบรวมเสร็จสิ้น กุรฺอานที่ถูกบันทึกไว้นอกเหนือจากเล่มที่รวบรวมไว้ก็ถูกเผาทิ้งด้วยน้ำมือของมุสลิมเอง คนที่ไม่ศรัทธาที่เอารูปเล่มกุรฺอานไปเผานั้น อาจจะเผาสำเร็จ แต่กุรฺอานยังคงอยู่ ยังคงอยู่เป็นทางนำในจิตใจของมุสลิม ยังคงอยู่เป็นถ้อยคำในสมอง ในความทรงจำของผู้ที่เป็นหะฟัซ หรือ  หาฟิซ ซึ่งมีอยู่มากมาย โรงเรียนศาสนาจะสอนการท่องจำกุรฺอานตามความสามารถของผู้เรียนในทุกส่วนของมุมโลก ทุก ๆ เราะมะฎอน ปัจจุบันนี้ผู้ทำหน้าที่นำละหมาดตะรอเวียะหฺ จะใช้ผู้ท่องจำอัลกุรฺอาน อ่านคืนละญุซอ์ และจบใน 1 เดือน หลายประเทศ หลายมัสญิดทั่วโลก อินชาอัลลอฮฺ มัสญิดเราก็อาจจะดำเนินการเช่นนี้ ถ้ามีโอกาส อัลลอฮฺทรงสัญญาไว้ว่า

“แท้จริงเราได้ให้ข้อตักเตือน(อัลกุรฺอาน)ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้รักษามันอย่างแน่นอน”
อัลหิจญริ 15:9
   ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องกลัวว่ากุรฺอานจะถูกทำลาย สิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงพิทักษ์รักษา สิ่งนั้นย่อมได้รับการปกป้องคุ้มครอง พระองค์อาจทรงทำให้พวกเหล่านั้นยกเลิกความคิดเผากุรฺอาน ถ้าเขาไม่เลิกความคิดและเผาได้สำเร็จ ชีวิตของเขาหลังจากนั้นก็คงจะยับเยินจนคาดไม่ถึง เหมือนกับที่ อับรอฮะฮฺ อัลอัชร็อม ผู้คิดจะทำลายกะอฺบะฮฺได้เคยประสบมาแล้ว
   อัลลอฮฺทรงยกเป็นตัวอย่างไว้ในอัลกุรฺอานว่า





“เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าองค์อภิบาลของเจ้าได้ทรงจัดการกับพวกเจ้าของช้างอย่างไร พระองค์มิได้ทรงทำให้แผนการของพวกเขาสูญสิ้นดอกหรือ และได้ทรงส่งนกเป็นฝูง ๆ ลงมาบนพวกเขา มันได้ขว้างพวกเขาด้วยหินที่ทำด้วยดินแข็ง และพระองค์ได้ทรงทำให้พวกเขาเป็นเช่นใบไม้ที่ถูกกัดกิน”
                  
อัลฟีล 105:1-5
   ที่น่ากังวลกว่าก็คือ ถึงไม่มีใครจะมาทำลายกุรฺอาน แต่มุสลิมส่วนหนึ่งไม่ช่วยกันรักษากุรฺอาน ไม่ส่งลูกหลานให้เรียนและทำความเข้าใจกุรฺอาน ไม่ส่งเสริมการท่องจำกุรฺอาน ในตำบลไม่มีผู้ท่องจำกุรฺอานทั้งหมดอยู่เลย สิ่งนี้ต้องได้รับการแก้ไข
   มุสลิมไม่ต้องรอให้ใครมาเผากุรฺอานหรอก ถ้ามุสลิมไม่ช่วยกันดูแลรักษากันไว้เอง ถ้าเมื่อไรก็ตาม ไม่มีคนเรียนกุรฺอาน ไม่มีคนท่องจำกุรฺอาน เมื่อนั้นก็แสดงว่า มนุษย์ไม่มีทางนำที่เที่ยงตรงหลงเหลืออยู่ และเมื่อนั้น จะถึงกำหนดวาระสุดท้ายของมนุษย์


أقول قولي هذا..............................



 

GoogleTagged