...และวะฮาบีย์นั้นจริง ๆ แล้วคือผู้ที่สังกัดมัซฮับฮัมบะลีย์ และอะฮฺลุลหะดีษ ถือตามแนวทางของสะลัฟในเรื่องหลักความเชื่อ (อะกีดะฮฺ) พวกเขาเรียกตัวเองว่า “อัสสะละฟียะฮฺ” มิใช่ วะฮาบีย์
จะเรียกว่าสะละฟีย์หรือวะฮาบีย์ ก็แค่ชื่อเรียกเพื่อรู้แนวทาง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลแก่นแท้ของอะกีดะฮ์ไปได้หรอก สะลัฟนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มสะละฟุศศอลิห์และกลุ่มสะลัฟฏอลิห์ สะลัฟศอลิห์นั้นอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ส่วนสะลัฟฏอลิห์จะมีหลักอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ เช่น พวกอัลกัรรอมียะฮ์ ก็เป็นอะฮ์ลุลฮะดีษที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มบิดอะฮ์ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าอัลเลาะฮ์สถิตบนบัลลังก์ ซึ่งการใช้คำว่า "สถิต" เป็นการให้ความหมายของแนวทางบิดอะฮ์ของพวกอัลกัรรอมียะฮ์ และพวกอัลอัรรอมียะฮ์บิดอะฮ์นี้ ยังเชื่ออีกว่า ณ ที่อัลเลาะฮ์มีบรรดาสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่ (เช่น เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีคำพูดใหม่ๆ เกิดขึ้น ณ ที่อัลเลาะฮ์) และพวกบิดอะฮ์อัลกัรรอมียะฮ์นี้ ยังพยายามบอกตนเองว่า เขานี้แหละคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ดูเพิ่มเติมที่กระทู้นี้
พวกอัลกัรรอมียะฮ์ ใครคือพวกอัลกัรรอมียะฮ์?หากเราเปรียบเทียบระหว่างแนวทางพวกอัลกัรรอมียะฮ์(ที่อยู่ในยุคสะลัฟ)กับแนวทางวะฮาบีย์ปัจจุบัน ก็จะทราบถึงความคล้ายเหมือนกันเลยทีเดียว
สำหรับคำกล่าวอ้างที่ว่า วะฮาบีย์นั้นสังกัดในมัซฮับฮัมบาลีย์ เราต้องดูก่อนครับ เพราะว่าอะกีดะฮ์ปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์นั้นแตกออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์กลุ่มแรกจะมีอะกีดะฮ์สอดคล้องกับอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมุตูรีดียะฮ์(ที่มาจากปราชญ์มัซฮับ ชาฟิอีย์, มาลิกีย์, และฮะนาฟีย์,) ส่วนกลุ่มที่ 2 จะรู้จักในนามปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์บางส่วนที่มีการตัชบีฮ์(สร้างความคล้ายคลึงระหว่างคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์และมัคโลค)และตัจญ์ซีม(พวกที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้ว่าจะไม่เหมือนมัคโลคก็ตาม) ซึ่งปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์บางส่วนนี้แหละ ที่วะฮาบีย์ปัจจุบันยึดมาเป็นบรรทัดฐานในการเข้าใจซีฟัตของอัลเลาะฮ์ จึงเรามักจะได้ยินว่าวะฮาบีย์บางคนเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง แม้กระทั่งอุลามาอฺวะฮาบีย์เองก็ไม่ปฏิเสธในการเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง
ดังกล่าวกลุ่มอุลามาอ์ฮัมบะลีย์เองจึงมิได้มีหลักอะกีดะฮ์อันเดียวกัน แต่แตกออกเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มอุลามาอฺมัซฮับฮัมบะลีย์ ที่ทำการมอบหมาย(ตัฟวีฎ)กับความหมายอายะฮ์หรือฮะดิษที่มีความหมายหลายนัยยังไปอัลเลาะฮ์ตะอาลา กลุ่มนี้เขาเรียกว่ากลุ่ม อัลมุเฟาวิเฎาะฮ์ اَلْمُفَوِّضَةُ เช่นท่าน ท่านอิมามอะห์มัด , อิบนุกุดามะฮ์ , ท่านอิบนุรอญับ , ท่านอิบนุอบียะลา , ท่านอิบนุอะกีล , ท่านอิบนุอัลเญาซีย์ , ท่านอัสสะฟารีนีย์ , ท่านอิมามอับดุลบากีย์อัลฮัมบาลีย์ , ท่านอบูมุฮัมมัด อัตตะมีมีย์ เป็นต้น
ดังนั้น อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ที่เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษกลุ่มนี้ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์เรียกเขาว่า فُضَلاَءُ مِنَ الحَنَابِلَةِ (บรรดาอุลามาอฺผู้ประเสริฐ ๆ จากฮัมบาลีย์) ซึ่งพวกเขาอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ รู้จักในนามของ อะฮ์ลุลฮะดิษหรือกลุ่มอัลอะษะรียะฮ์นั่นเองครับ ในทางตรงกันข้ามก็มีอุลามาอฺฮัมบาลีย์อีกกลุ่มนั้น สร้างความเสื่อมเสียและความอับอายให้แก่มัซฮับฮัมบาลีย์ในเรื่องอะกีดะฮ์ ตามที่อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ได้ยืนยันเอาไว้ ดังจะนำมากล่าวต่อไป
ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ อัศศุบกีย์ ไดกล่าวว่า
وَهَؤُلاَءِ الْحَنَفِيَّةُ وَالشَّافِعِيَّةُ وَالْمَالِكِيَّةُ
وَفُضَلاَءُ الْحَنَابِلَةِ فِي الْعَقَائِدِ يَدٌ وَاحِدَةٌ كُلُّهُمْ عَلىَ رَأْيِ أَهْلِ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ
"
พวกเขาเหล่านั้น คือบรรดาปราชญ์มัซฮับฮะนะฟีย์ , ปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ , ปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์ , และปราชญ์ที่ประเสริฐ ๆ จากฮัมบาลีย์ - อัลฮัมดุลิลลาฮ์ - ในด้านของอะกีดะฮ์นั้น พวกเขาทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันตามแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์" ดู หนังสือมุอีดุลนิฮัม ของท่านอิมามอัศศุบกีย์ หน้า 62
2. กลุ่มอุลามาอฺมัซฮัมบาลีย์ ที่ไม่ทำการมอบหมาย(ตัฟวีฎ)ความหมายของอายะฮ์หรือฮะดิษที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา แต่พวกเขารู้ความหมายและเข้าใจความหมายในเชิงตัชบีฮ์(เข้าใจคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ไปคล้ายคลึงกับคุณลักษณะของมัคโลค) เช่น ท่านอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ (ซึ่งเป็นคนละคนก็ท่านอัดดารีมีย์เจ้าของสุนันอัดดาริมีย์ที่เป็นอะฮ์ลิสซุนนุะฮ์) , ท่านอบูยะลา , ท่านอบูอับดิลลาฮ์ อิบนุ ฮามิด , ท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์ , ท่านอิบนุบัฏเฏาะฮ์ (เป็นนักรายงานที่ฏออีฟ) , ท่านอิบนุมันดะฮ์ (ผู้ที่รายงานฮะดิษแล้วพูดเกี่ยวกับฮะดิษแล้วจะเบี่ยงเบนและสับสนตามที่ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้) , อัลกะฮารีย์ (นักกุฮะดิษ) , ท่านอัลอิชชารีย์ (นักกุฮะดิษ) , ท่านอิบนุกาดิช (นักกุฮะดิษ) , เป็นต้น
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุอะษีร ได้ถ่ายทอดคำกล่าวของท่าน อิมาม อบู มุฮัมมัด อัตตะมีมีย์ อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ ความว่า
لَقَدْ شَانَ أَبُوْ يَعْلىَ الْحَنَابِلَةَ شَيْناً لاَ يَغْسِلُهُ مَاءُ البِحَارِ
""
แท้จริงท่านอบูยะลาได้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่บรรดาอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ ซึ่งเป็นความอับอายที่น้ำทะเลก็ไม่สามารถล้างมันได้" หนังสือ กามิลอิบนุอะษีร : 10/52
ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ อิบนุ อัลเญาซีย์ อุลามาอ์มัซฮับฮัมบาลีย์ ได้กล่าวถึงอุลามาอฺฮัมบาลีย์บางกลุ่มว่า
وَرَأَيْتُ مِنْ أَصْحَابِنَا مَنْ تَكَلَّمَ فْي الأُصُوْلِ بِمَا لاَ يَصْلُحُ ، وَانْتَدَبَ للتَصْنِيْفِ ثَلاَثَةٌ أَبُوْ عَبْدِاللهِ بنُ حَامِدٍ ، وَصَاحِبُهُ الْقَاضِيْ وَابْنُ الزَّاغُوْنِيْ ؛ فَصَنَّفُوْا كُتُباً شَانُوْا بِهَا الْمَذْهَبَ وَرَأَيْتُهُمْ قَدْ نَزَلُوْا إِلَى مَنْزِلَةِ الْعَوَّامِ ، فَحَمَلُوْا الصِفَاتِ عَلىَ مُقْتَضَى الحِسِّ
"
ข้าพเจ้าได้เห็นจากส่วนหนึ่งของอุลามาอฺแห่งเรา(คืออุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์) ได้ทำการพูดถึงเรื่องอุศูล(หลักอะกีดะฮ์)ด้วยกับสิ่งที่ไม่บังควร และทำการตอบรับในการประพันธ์เป็นตำราขึ้นมา โดย 3 ท่านด้วยกัน คือ อบูอับดิลลาฮ์อิบนุฮามิด , ท่านกอฎีย์ อบูยะลา , และท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์ ,
ดังนั้นพวกเขาจึงทำการประพันธ์ตำราต่าง ๆ ที่พวกเขาได้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่มัซฮับ(ฮัมบาลีย์) และข้าพเจ้าได้เห็นพวกเขาลดตนเองลงไปอยู่ในตำแหน่งของคนเอาวาม(สามัญชน) แล้วทำการตีความบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ตามนัยยของรูปธรรม" หนังสือ ชุบฮะตุชตัชบีฮ์ ของท่านอิบนุอัลเญาซีย์ หน้า 6
ดังนั้น
หลักอะกีดะฮ์ของอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์กลุ่มที่ 2 เหล่านี้ได้เกิดขึ้นไปช่วงศตวรรษที่ 4 หลังจากนั้นได้หมดบทบาทลงด้วยการปกป้องจากแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ จนกระทั่งมาถึงศตวรรษที่ 7 ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ก็ทำการฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกครั้งแล้วหมดบทบาทไปด้วยการด้วยการปกป้องจากนแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ต่อมาในศตวรรษที่ 12 โดยการฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกโดยท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ นี่คือจุดกำเหนิดของแนวทางและหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ในปัจจุบันอย่างแท้จริง นั่นเองครับ
ท่านอิบนุ ชาฮีน (เพื่อนมิตรสหายของท่านอิมามอันดารุกุฏนีย์) ได้กล่าวว่า
رَجُلاَنِ صَالِحَانِ بُلِيَا بِأَصْحَابِ سُوْءٍ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ، وَأَحْمَدُ بْنُ حَنْبَل
"
บุรุษผู้มีคุณธรรมสองท่านที่ถูกทดสอบด้วยกับบรรดาสานุศิษย์ที่ไม่ดี คือท่านญะฟัร บิน มุฮัมมัด (อัศศอดิก) และท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล" หนังสือ ตับยีนุลมุฟตะรีย์ ของท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ อะซากิร หน้า 163
ท่านชัยคุลอิสลาม อิมาม อัศศุบกีย์
فَهَذِهِ عَقِيْدَتُهُمْ ، وَيَرَوْنَ أَنَّهُمُ الْمُسْلِمُوْنَ ، وَأَنَّهُمْ أَهْلُ السُّنَّةُ ، وَلَوْ عُدُّوْا عَدَدًا لَمَا بَلَغَ عُلَمَاءُهُمْ مَبْلَغاً يُعْتَبَرُ وَيُكَفِّرُوْنَ عُلَمَاءَ الأُمَّةِ ، ثُمَّ يَعْتَزُوْنَ اِلَي الإِمَامِ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَل رَضِيَ اللهُ عَنْهُ ، وَهُوَ مِنْهُمْ بَرِيْءٌ وَلَكِنَّهُمْ كَمَا قَالَ بَعْضُ الْعَارِفِيْنَ وَرَأَيْتُهُ بِخَطِّ الشَّيْخِ تَقِيِّ الدِّيْنِ بْنِ الصَّلاَحِ : إِمَامَانِ اِبْتَلاَهُمَا اللهُ بِأَصْحَابِهِمَا وَهُمَا بَرِيْئَانِ مِنْهُمْ ، أَحْمَدُ بْنُ حَنْبَل اُبْتُلِيَ بِالْمُجَسِّمَةِ ، وَجَعْفَرُ الصَّادِقُ اُبْتُلِيَ باِلرَِّافِضَةِ
"นี้คืออะกีดะฮ์ของพวกเขา(คือพวกที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง) พวกเขาเห็นว่า พวกเขาคือคือมุสลิมีน พวกเขาคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ หากพวกเขาถูกนับแล้ว อุลามาอฺของพวกเขานั้นก็จะไม่ถูกขั้นระดับที่ได้รับการพิจารณา พวกเขาฮุกุ่มกาเฟรกับบรรดาปวงปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลาม หลังจากนั้นก็ทำการอ้างอิงไปยังอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล รอฏิยัลลอฮุอันฮุ โดยท่านอะห์มัดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนกับที่นักปราชญ์บางส่วนที่มีความรู้ได้กล่าวไว้แบบนั้น และข้าพเจ้าได้เห็น(คำกล่าวของปราชญ์บางส่วน) ด้วยลายมือของท่านชัยค์ ตะกียุดดีน อิบนุ อัศศ่อลาห์ ได้บันทึกไว้ความว่า
"อิมามสองท่านที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ได้รับการทดสอบจากบรรดาสานุศิษย์ของทั้งสอง ซึ่งทั้งสองนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย คือท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล ได้รับการทดสอบจากพวกที่อ้างว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง และท่านญะฟัร อัศศอดิก ถูกทดสอบจากพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะฮ์" หนังสือเฏาะบะก็อต อัชชาฟิอียะฮ์ อัลกุบรอ 2/17