พวกที่ดีแต่ด่าผู้อื่น
อยากรู้ว่าตัวเองปฎิบัติได้ดีแค่ไหนกัน
แล้วเอาอะไรไปตัดสินว่า ฝ่ายนู้นผิดฝ่ายนี้ไม่ดี
ลองย้อนมองดูตัวเองเถอะน่ะ..ว่าทำตามบทบัญญัติได้ดีและถูกต้องพอหรือยัง
ก่อนจะไปตราหน้าผู้อื่นอย่างไม่มีหลักฐานว่าเป็นกาเฟร!

อยากจะทำความเข้าใจกับพี่น้องผู้ทีเข้ามาหาความรู้ในเวปนี้ ซึ่งผมถือว่า มีหลากหลายแนวทัศนะ
ไม่ว่า พี่น้องที่อยุ่แนวทางวาฮาบี ชีอะหรือ ลัทธิอื่นๆว่าผุ้ที่ทำหน้าที่ชี้แจงนั้นก็นำมาซึ่งความเป็นจริงที่มันเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นไม่ได้กล่าวหาหรือฮุกมใครคนใด
เพราะผู้ชี้แจงย่อมรุ้ดีถุึงการฮุกมคนอื่นในสิ่งต่าง เช่นคนทำบิดอะตกนรก คนที่ไม่ทำไม่ตก โดยไม่แยกแยะว่า บิดอะคืออะไร มีกี่ประเภทไมใช่ว่า พอสิ่งไหนที่ท่านนบีไม่ทำซอฮาบะทำ ตาบีอีนทำสลัฟ ทำ ฉนั้นการฮุกมมันก็๋โดนทั้งซอฮาบะและสะลัฟที่กระทำ เพราะเราเล่นเพียงฮุกมกับคำนิยามที่เป็นเพียงเปลือกนอกโดยไร้ความเข้าใจ
แนวทางที่ไม่ยอมรับว่า อะไรก็ตามกระทำไม่ได้อีกหลังจากท่านนบีจากไปใครกระทำเป็นบิดอะ ดอลาละ ตรงนี้ถือว่าคับแคบ
และแนวทางที่คิดว่า ซอฮาบะอะลีเท่านั้นประเสริฐซอฮาบะอื่นผิด นี้ก็ผิดพลาดหนักไปอีก
เพราะที่กล่าวและยกตัวอย่างนั้น ล้วนเป็นเรื่องการฮุกมและกล่าวหาซออาบะและเกี่ยวข้องกับความศรัทธาในเรื่องการเชื่อด้วย ทั้งกีตาบและซุนนะ
ก็จงพิจรณากันเองว่า ทั้ง2กลุ่มนั้นใครแรงกว่ากัน
ในเรื่องอิคลาสในทางวิชาการนั้น มัสหับทั้งสี่ยอมมีข้อได้เปรียบกว่า ทั้ง2กลุ่ม เพราะปัจจัยแวดล้อมและความน่าเชื่อถือมากกว่าสองกลุ่มที่กล่าวมา
มีทั้งนักปราชญ์หลายด้าหลายวิชาการที่ถูกถ่ายทอดสิ่งนั้นมาถึงพวกเรา มีความรอบคอบและระมัดระวังในวิชาความรุู้จากอุลามะที่ถูกรองรับ
ไม่ว่าเรื่อง
เกี่ยวกับระดับของฮาดิสซอหิฮ์ที่จะนำมาใช้ก็ไม่ใช่ว่าจะนำมาปฎิบัติได้ทั้งหมดเลยถ้าหากขาดความเข้าใจในระดับตัวบทดังนั้นการพิจรณาฮาดิสนั้นเขาต้องเรียนเพื่อวิเคราะ ดังนั้นคนเอาวามจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้ ผ่านผู้รุู้
เช่นเดียวกันในเรื่องของอะกีดะแต่ละแนวทางทั้งชีอะก็ต่างชิงธงอะลิสซุนนะวัลฯต่างกล่าวหากัน
cool2:ในด้านของอะกีดะในกลุ่มวะฮาบีนั้นก็คือกลุ่มที่แยกมาจากแนวทางของฮานาบิลลานั้นเอง
ซึ่งในกลุ่มอุลามาอ์ฮัมบะลีย์เองมิได้มีหลักอะกีดะฮ์อันเดียวกัน แต่แตกออกเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มอุลามาอฺมัซฮับฮัมบะลีย์ ที่ทำการมอบหมาย(ตัฟวีฎ)กับความหมายอายะฮ์หรือฮะดิษที่มีความหมายหลายนัยยังไปอัลเลาะฮ์ตะอาลา กลุ่มนี้เขาเรียกว่ากลุ่ม อัลมุเฟาวิเฎาะฮ์ اَلْمُفَوِّضَةُ เช่น
ท่าน ท่านอิมามอะห์มัด
อิบนุกุดามะฮ์
ท่านอิบนุรอญับ
ท่านอิบนุอบียะลา
ท่านอิบนุอะกีล
ท่านอิบนุอัลเญาซีย์
ท่านอัสสะฟารีนีย์
ท่านอิมามอับดุลบากีย์อัลฮัมบาลีย์
ท่านอบูมุฮัมมัด อัตตะมีมีย์ เป็นต้น
ที่กล่าวมานี้คือ อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ที่เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษกลุ่มนี้ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์เรียกเขาว่า فُضَلاَءُ مِنَ الحَنَابِلَةِ (บรรดาอุลามาอฺผู้ประเสริฐ ๆ จากฮัมบาลีย์) ซึ่งพวกเขาอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ รู้จักในนามของ อะฮ์ลุลฮะดิษหรือกลุ่มอัลอะษะรียะฮ์
ในทางตรงกันข้ามก็มีอุลามาอฺฮัมบาลีย์อีกกลุ่มนั้น สร้างความเสื่อมเสียและความอับอายให้แก่มัซฮับฮัมบาลีย์ในเรื่องอะกีดะฮ์ ตามที่อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ได้ยืนยันเอาไว้
2. กลุ่มอุลามาอฺมัซฮัมบาลีย์(ยุคหลัง) ซึ่งจะไม่ทำการมอบหมาย(ตัฟวีฎ)ความหมายของอายะฮ์หรือฮะดิษที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา
แต่พวกเขารู้ความหมายและเข้าใจความหมายในเชิงตัชบีฮ์(เข้าใจคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ไปคล้ายคลึงกับคุณลักษณะของมัคโลค)
เช่น ท่านอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ (ซึ่งเป็นคนละคนก็ท่านอัดดารีมีย์เจ้าของสุนันอัดดาริมีย์ที่เป็นอะฮ์ลิสซุนนุะฮ์) ,
ท่านอบูยะลา ,
ท่านอบูอับดิลลาฮ์ อิบนุ ฮามิด
ท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์
ท่านอิบนุบัฏเฏาะฮ์ (เป็นนักรายงานที่ฏออีฟ)
ท่านอิบนุมันดะฮ์ (ผู้ที่รายงานฮะดิษแล้วพูดเกี่ยวกับฮะดิษแล้วจะเบี่ยงเบนและสับสนตามที่ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้)
อัลกะฮารีย์ (นักกุฮะดิษ)
ท่านอัลอิชชารีย์ (นักกุฮะดิษ)
ท่านอิบนุกาดิช (นักกุฮะดิษ) เป็นต้น
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุอะษีร ได้ถ่ายทอดคำกล่าวของท่าน อิมาม อบู มุฮัมมัด อัตตะมีมีย์ อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ ความว่า
لَقَدْ شَانَ أَبُوْ يَعْلىَ الْحَنَابِلَةَ شَيْناً لاَ يَغْسِلُهُ مَاءُ البِحَارِ
""แท้จริงท่านอบูยะลาได้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่บรรดาอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์
ซึ่งเป็นความอับอายที่น้ำทะเลก็ไม่สามารถล้างมันได้" หนังสือ กามิลอิบนุอะษีร : 10/52
ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ อิบนุ อัลเญาซีย์ อุลามาอ์มัซฮับฮัมบาลีย์ ได้กล่าวถึงอุลามาอฺฮัมบาลีย์บางกลุ่มว่า
وَرَأَيْتُ مِنْ أَصْحَابِنَا مَنْ تَكَلَّمَ فْي الأُصُوْلِ بِمَا لاَ يَصْلُحُ ، وَانْتَدَبَ للتَصْنِيْفِ ثَلاَثَةٌ أَبُوْ عَبْدِاللهِ بنُ حَامِدٍ ، وَصَاحِبُهُ الْقَاضِيْ وَابْنُ الزَّاغُوْنِيْ ؛ فَصَنَّفُوْا كُتُباً شَانُوْا بِهَا الْمَذْهَبَ وَرَأَيْتُهُمْ قَدْ نَزَلُوْا إِلَى مَنْزِلَةِ الْعَوَّامِ ، فَحَمَلُوْا الصِفَاتِ عَلىَ مُقْتَضَى الحِسِّ
"ข้าพเจ้าได้เห็นจากส่วนหนึ่งของอุลามาอฺแห่งเรา(คืออุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์) ได้ทำการพูดถึงเรื่องอุศูล(หลักอะกีดะฮ์)ด้วยกับสิ่งที่ไม่บังควร
และทำการตอบรับในการประพันธ์เป็นตำราขึ้นมา โดย 3 ท่านด้วยกัน คือ อบูอับดิลลาฮ์อิบนุฮามิด , ท่านกอฎีย์ อบูยะลา , และท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์ ,
ดังนั้นพวกเขาจึงทำการประพันธ์ตำราต่าง ๆ ที่พวกเขาได้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่มัซฮับ(ฮัมบาลีย์)
และข้าพเจ้าได้เห็นพวกเขาลดตนเองลงไปอยู่ในตำแหน่งของคนเอาวาม(สามัญชน)
แล้วทำการตีความบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ตามนัยยของรูปธรรม" หนังสือ ชุบฮะตุชตัชบีฮ์ ของท่านอิบนุอัลเญาซีย์ หน้า 6
ดังนั้นเราจะพบว่า วาฮาบีปัจุบันจะมีความเชื่อเช่นนี้
สรุปหลักอะกีดะฮ์ของอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์กลุ่มที่ 2 เหล่านี้ได้เกิดขึ้นไปช่วงศตวรรษที่ 4
หลังจากนั้นได้หมดบทบาทลงด้วยการปกป้องจากแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ จนกระทั่งมาถึงศตวรรษที่ 7
ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ก็ทำการฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกครั้งแล้วหมดบทบาทไปด้วยการด้วยการปกป้องจากนแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ต่อมาในศตวรรษที่ 12 โดยการฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกโดยท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ
และนี่คือจุดกำเหนิดของแนวทางและหลักอะกีดะฮ์
ของวะฮาบีย์ในปัจจุบันอย่างแท้จริง ท่านชัยคุลอิสลาม อิมาม อัศศุบกีย์
فَهَذِهِ عَقِيْدَتُهُمْ ، وَيَرَوْنَ أَنَّهُمُ الْمُسْلِمُوْنَ ، وَأَنَّهُمْ أَهْلُ السُّنَّةُ ، وَلَوْ عُدُّوْا عَدَدًا لَمَا بَلَغَ عُلَمَاءُهُمْ مَبْلَغاً يُعْتَبَرُ وَيُكَفِّرُوْنَ عُلَمَاءَ الأُمَّةِ ، ثُمَّ يَعْتَزُوْنَ اِلَي الإِمَامِ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَل رَضِيَ اللهُ عَنْهُ ، وَهُوَ مِنْهُمْ بَرِيْءٌ وَلَكِنَّهُمْ كَمَا قَالَ بَعْضُ الْعَارِفِيْنَ وَرَأَيْتُهُ بِخَطِّ الشَّيْخِ تَقِيِّ الدِّيْنِ بْنِ الصَّلاَحِ : إِمَامَانِ اِبْتَلاَهُمَا اللهُ بِأَصْحَابِهِمَا وَهُمَا بَرِيْئَانِ مِنْهُمْ ، أَحْمَدُ بْنُ حَنْبَل اُبْتُلِيَ بِالْمُجَسِّمَةِ ، وَجَعْفَرُ الصَّادِقُ اُبْتُلِيَ باِلرَِّافِضَةِ
"นี้คืออะกีดะฮ์ของพวกเขา(คือพวกที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง) พวกเขาเห็นว่า พวกเขาคือคือมุสลิมีน
พวกเขาคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ หากพวกเขาถูกนับแล้ว อุลามาอฺของพวกเขานั้นก็จะไม่ถูกขั้นระดับที่ได้รับการพิจารณา
พวกเขาฮุกุ่มกาเฟรกับบรรดาปวงปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลาม
หลังจากนั้นก็ทำการอ้างอิงไปยัง
อิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล รอฏิยัลลอฮุอันฮุ โดยท่านอะห์มัดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนกับที่นักปราชญ์บางส่วนที่มีความรู้ได้กล่าวไว้แบบนั้น และข้าพเจ้าได้เห็น(คำกล่าวของปราชญ์บางส่วน)ด้วยลายมือของท่านชัยค์ ตะกียุดดีน อิบนุ อัศศ่อลาห์ ได้บันทึกไว้ความว่า
"อิมามสองท่านที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ได้รับการทดสอบจากบรรดาสานุศิษย์ของทั้งสอง ซึ่งทั้งสองนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย
คือท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล ได้รับการทดสอบจากพวกที่อ้างว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง และท่านญะฟัร อัศศอดิก ถูกทดสอบจากพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะฮ์" หนังสือเฏาะบะก็อต อัชชาฟิอียะฮ์ อัลกุบรอ 2/17
วัลฮูอะลามบินซอวาบ