ผู้เขียน หัวข้อ: พี่น้องเชื่อว่า อัลเลาะฮ์ตะอาลา อยู่ด้านบน หรือ อยู่ทุกหนทุกแห่ง  (อ่าน 12280 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
แต่มีคำกล่าวว่า "อาชาอิเราะฮ์ เชื่อว่า อัลเลาะฮ์ตะอาลา อยู่ทุกหนทุกแห่ง" ทั้งๆที่ "อัลเลาะฮ์ตะอาลาอยู่ด้านบน"

อะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์แห่งเรา  คืออัลเลาะฮ์ทรงสูงส่ง  สูงส่งในฐานะนันดรโดยไม่มีสถานที่  ไม่ใช่สูงแบบมีสถานที่อยู่สูงๆ ตามที่บางกลุ่มเข้าใจ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

اللَّهُمَّ أَنْتَ الْأَوَّلُ فَلَيْسَ قَبْلَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْآخِرُ فَلَيْسَ بَعْدَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الظَّاهِرُ فَلَيْسَ فَوْقَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُونَكَ شَيْءٌ

“โอ้อัลเลาะฮ์  พระองค์ทรงแรกสุด  ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่ก่อนพระองค์,  และพระองค์ทรงสุดท้าย  ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดหลังจากพระองค์, และพระองค์ทรงปรากฏ  ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์, และพระองค์ทรงเร้นลับ  ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์” รายงานโดยมุสลิม

ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์กล่าวว่า

وَاسْتَدَلَّ بَعْضُ أَصْحِابِنَا فِيْ نَفْيِ الْمَكَانِ عَنْهُ بِقَوْلِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ (أَنْتَ الظَّاهِرُ فَلَيْسَ فَوْقَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُوْنَكَ شَيْءٌ) وَإِذَا لَمْ يَكُنْ فَوْقَهُ شَيْءٌ وَلاَ دُوْنَهُ شَيْءٌ لَمْ يَكُنْ فِيْ مَكَانٍ

“ปราชญ์(อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์)บางส่วนแห่งเรา  ได้อ้างหลักฐานในการปฏิเสธการมีสถานที่ให้กับอัลเลาะฮ์  ด้วยคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า “โอ้อัลเลาะฮ์  พระองค์ทรงปรากฏ  ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์, และพระองค์ทรงเร้นลับ  ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์” เมื่อไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์  และไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์  แน่นอนว่าพระองค์ไม่มีสถานที่” อัลอัสมาอฺ วัสซิฟาต หน้า 400

ท่านอัซซัจญาจญฺ (ฮ.ศ. 241-311) ซึ่งเป็นปราชญ์ยุคสะลัฟได้กล่าวว่า

اَلظَّاهِرُ هُوَ الَّذِيْ ظَهَرَ لِلْعُقُوْلِ بِحُجَجِهِ وَبَرَاهِيْنِ وُجُوْدِهِ وَأَدِلَّةِ وَحْدَانِيَّتِهِ هَذَا إِنْ أَخَذْتَهُ مِنَ الظُّهُوْرِ وَإِنْ أَخَذْتَهُ مِنْ قَوْلِ الْعَرَبِ ظَهَرَ فُلاَنٌ فَوْقَ السَّطْحِ إِذَا عَلاَ ... فَهُوَ مِنَ الْعُلُوِّ وَاللهُ تَعَالَى عاَلٍ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ وَلَيْسَ الْمُرَادُ بِالْعُلُوِّ اِرْتِفَاعُ الْمَحَلِّ لأَنَّ اللهَ تَعَالَى يَجِلُّ عَنِ الْمَحِلِّ وَالْمَكَانِ وَإِنَّمَا الْعُلُوُّ عُلُوُّ الشَّأْنِ وَارْتِفَاعُ السُّلْطَانِ

“พระนามอัซซฺอฮิร  คือผู้ทรงประจักษ์ชัดแก่สติปัญญาด้วยบรรดาหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีของอัลเลาะฮ์และด้วยบรรดาหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีหนึ่งเดียวของพระองค์  นี้คือกรณีที่ท่านให้ความหมายว่า ประจักษ์ชัด  แต่ถ้าหากท่านให้ความหมายว่าสูงส่งตามที่อาหรับได้กล่าวว่า  “ชายคนหนึ่งประจักษ์ชัดเหนือดาดฟ้าเมื่อเขาอยู่สูง” ก็มีความหมายว่าสูง  ดังนั้นพระนามอัซซอฮิร ก็มาจากคำว่า สูง  โดยอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงสูงเหนือทุกๆ สิ่ง มิใช่เป้าหมายคำว่าสูง คือ ขึ้นอยู่บนสถานที่สูงขึ้นไปเพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงปราศจากการมีสถานที่และแท้จริงแล้วอัลเลาะฮ์ทรงเกียรติสูงส่งและอำนาจสูงส่งต่างหาก” อัซซัจญาจญฺ, ตัฟซีร อัสมาอิลลาฮิลหุสนา, หน้า 60.

และท่านอิหม่ามอัซซัจญาจญฺ  ได้กล่าวต่อไปว่า

وَيُؤَكِّدُ الْوَجْهَ الآخَرَ قَوْلُهُ فِيْ دُعَائِهِ أَنْتَ الظَّاهِرُ فَلَيْسَ فَوْقَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُوْنَكَ شَيْءٌ

“และคำกล่าวของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ตอกย้ำ(ความหมายว่าอัลเลาะฮ์ทรงสูงส่งโดยไม่มีสถานที่)อีกหนทางหนึ่งที่มาจากดุอาอฺของท่านว่า  พระองค์ทรงประจักษ์ชัด  ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงลี้ลับ ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์” อัซซัจญาจญฺ, ตัฟซีร อัสมาอิลลาฮิลหุสนา, หน้า 60-61.

ท่านอิหม่ามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ ได้กล่าวว่า

فَقَدْ اِنْعَقَدَ الإِجْمَاعُ عَلَى أَنَّهُ سُبْحَانَهُ لَيْسَ مَعَنَا بِالْمَكاَنِ وَالْجِهَةِ وَالْحِيِّزِ، فَإِذَنْ قَوْلُهُ: { وَهُوَ مَعَكُمْ } لاَ بُدَّ فِيْهِ مِنَ التَّأْوِيْلِ وَإِذَا جَوَّزْنَا التَّأْوِيْلَ فِيْ مَوْضِعٍ وَجَبَ تَجْوِيْزُهُ فِيْ سَائِرِ المْوَاضِعِ

ได้ลงมติเอกฉันท์ว่า  อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  มิใช่อยู่พร้อมกับเราด้วยการมีสถานที่ , ทิศ, และที่ว่าง(สำหรับอยู่)  ดังนั้นแน่นอนว่า  คำตรัศของอัลเลาะฮ์ที่ว่า  “และพระองค์ทรงอยู่พร้อมกับพวกเจ้า” นั้น  จำเป็นต้องตีความ  และเมื่อเราอนุญาตให้ตีความในตัวบทหนึ่ง  ก็จำเป็นต้องอนุญาตให้ตีความในตัวบทอื่นๆ ด้วย” อัตตัฟซีร อัลกะบีร 15/211

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซ อิบนุ ฮะญัร ได้กล่าวว่า

وَقَالَ اِبْن بَطَّال : غَرَض الْبُخَارِيّ فِي هَذَا الْبَاب الرَّدّ عَلَى الْجَهْمِيَّةِ الْمُجَسِّمَة فِي تَعَلُّقهَا بِهَذِهِ الظَّوَاهِر ، وَقَدْ تَقَرَّرَ أَنَّ اللَّه لَيْسَ بِجِسْم فَلَا يَحْتَاج إِلَى مَكَان يَسْتَقِرّ فِيهِ فَقَدْ كَانَ وَلَا مَكَان

“ท่านอิหม่ามอิบนุ บัฏฏอล ได้กล่าวว่า  เป้าหมายของท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์เกี่ยวกับเรื่องนี้  เพื่อโต้ตอบพวกญะฮ์มียะฮ์ที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง  โดยพวกเขายึดบรรดาตัวบทเหล่านี้ด้วยการเข้าใจความหมายแบบผิวเผิน  ทั้งที่แท้จริง  ได้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า  อัลเลาะฮ์ไม่ใช่รูปร่าง  ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการสถานที่สถิตอยู่  เพราะพระองค์ทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยที่ไม่มีสถานที่” ฟัตหุลบารีย์ 13/416

ท่านอิหม่ามอิบนุ ญะรีร อัฏเฏาะบะรีย์  กล่าวว่า

فَتَبَيَّنَ إِذاً أَنَّ الْقَدِيْمَ بَارِئُ الأَشْيَاءِ وَصَانِعُهَا هُوَ الوَاحِدُ الَّذِيْ كَانْ قَبْلَ كُلِّ شَيْءٍ، وَهُوَ الْكِائِنُ بَعْدَ كُلِّ شَيْءٍ، وَالأَوَّلُ قَبْلَ كُلِّ شَيْءٍ، وَالآخِرُ بَعْدَ كُلِّ شَيْءٍ، وَأَنَّهُ كَانَ وَلاَ وَقْتَ وَلاَ زَمْانَ، وَلاَ لَيْلَ وَلاَ نَهَارَ، وَلاَ ظُلْمَةَ وَلاَ نُوْرَ. إِلاَّ نُوْرَ وَجْهِهِ الْكَرِيْمِ. وَلاَ سَمَاءَ وَلاَ أَرْضَ، وَلاَ شَمْسَ وَلاَ قَمَرَ ولاَ نُجُوْمَ، وَأَنَّ كُلَّ شَيْءٍ سِوَاهُ مُحْدَثٌ مُدَبَّرٌ مَصْنُوْعٌ، اِنْفَرَدَ بِخَلْقِ جَمِيْعِهِ بِغَيْرِ شَرِيْكٍ وَلاَ مُعِيْنٍ وَلاَ ظَهِيْرٍ، سُبْحَانَهُ مِنْ قَادِرٍ قَاهِرٍ

เป็นที่ประจักษ์ชัดอย่างแน่นอนแล้วว่า  อัลเลาะฮ์ผู้ทรงก่อดีม(มีมาตั้งแต่เดิม)  เป็นผู้บันดาลและสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย  พระองค์ทรงเอกกะทรงมีก่อนทุก ๆ สิ่ง  โดยพระองค์ทรงอยู่นิรันดรหลังทุก ๆ สิ่ง  (กล่าวคือ) พระองค์ทรงแรกสุดก่อนทุก ๆ สิ่ง, พระองค์ทรงสุดท้ายหลังทุกๆ สิ่ง,  พระองค์ทรงมีมาตั้งแต่เดิม  โดยไม่มี(สถาวะ)ของเวลา, ไม่มีกลางคืนไม่มีกลางวัน, ไม่มีความมืดและมีแสง  นอกจากมีการปรากฏของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงเกียรติ, ไม่มี(สถานที่ที่เป็น)ท้องฟ้าไม่มี(สถานที่)แผ่นดิน, ไม่มีดวงอาทิตย์  ไม่มีดวงจันทร์ และไม่มีดวงดาว,  และทุกๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์นั้น  เป็นสิ่งที่ถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่  ที่ถูกบริหาร  และถูกสร้างขึ้นมา, พระองค์ทรงเป็นเอกเทศน์ในการสรรสร้างทั้งหมด  โดยไม่มีภาคี  ไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือ,  พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากผู้มีอำนาจและผู้ที่มาควบคุมพระองค์” ตารีค อัรรุซุล วัลมุลูก(ตารีค อัฏเฏาะบะรีย์) 1/26

ท่านอิหม่ามอัซซัจญาจญฺ (ฮ.ศ. 241-311) ซึ่งเป็นปราชญ์ยุคสะลัฟ ได้กล่าวความหมายของ พระนาม อัลอะลีย์ اَلْعَلِيُّ ความว่า

فَاللهُ تَعَالَى عَالٍ عَلَى خَلْقِهِ وَهُوَ عَلِيٌّ عَلَيْهِمْ بِقُدْرَتِهِ , وَلاَ يَجِبُ أَنْ يُذْهَبَ بِالْعُلُوِّ اِرْتِفَاعُ مَكَانٍ , إِذْ قَدْ بَيَّنَّا َأنّّ ذَلِكَ لاَ يَجُوْزُ فِيْ صِفَاتِهِ تَقَدَّسَتْ

“ดังนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงสูงเหนือบรรดามัคโลคของพระองค์ ในลักษณะที่พระองค์ทรงสูงส่งเหนือพวกเขาด้วยเดชานุภาพ(อัลกุดเราะฮ์)ของพระองค์(ไม่ใช่สูงด้วยซาตของพระองค์)  และไม่จำเป็นที่มีทัศนะเกี่ยวกับความสูงของพระองค์ว่ามีสถานที่สูงขึ้นไป  เนื่องจากเราได้อธิบายมาแล้วว่า  สิ่งดังกล่าว(คือการที่อัลเลาะฮ์มีสถานที่สูงขึ้นไป)นั้น  ไม่เป็นที่อนุญาตเกี่ยวกับบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์  ซึ่งคุณลักษณะของพระองค์ทรงบริสุทธิ์(จากสิ่งดังกล่าว)” อัซซัจญาจญฺ, ตัฟซีร อัสมาอิลลาฮิลหุสนา, หน้า 48.

ท่านอะบูลฮะซัน อัลอัชอะรีย์  กล่าวว่า

كَانَ اللهُ وَلاَ مَكاَنَ فَخَلَقَ الْعَرْشَ وَالْكُرْسِيِّ وَلمَ ْيَحْتَجْ إِلَى مَكَانٍ, وَهُوَ بَعْدَ خَلْقِ المَكَانِ كَمَا كَانَ قَبْلَ خَلْقِهِ

อัลเลาะฮ์ทรงมีตั้งแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่(อยู่สำหรับพระองค์)  จากนั้นพระองค์ทรงสร้างบัลลังก์และเก้าอี้(กุรซีย์)  โดยที่พระองค์ไม่ต้องการสร้างสถานที่(อยู่)  และก่อนที่พระองค์ทรงสร้างสถานที่ พระองค์ทรงอยู่อย่างไร  หลังจากสร้างสถานที่ พระองค์ก็มีอยู่เช่นนั้น(ไม่มีการเปลี่ยนแปลง)” ตับยีนนุลมุฟตะรีย์ ของท่านอิบนุ อะซากิร หน้า 150

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุฮิบบาน ได้กล่าวว่า

كَانَ وَلاَ زَمَانَ وَلاَ مَكَانَ

อัลเลาะฮ์ทรงมีมาดั้งแต่เดิม โดยไม่มีกาลเวลา(มากำหนดในการมี)และไม่มีสถานที่” อัลอิห์ซาน บิตัรตีบ ซอฮิห์ อิบนุ ฮิบบาน 9/4

ท่านอิหม่าม อัลกอฎีย์ อะบี บักร์ มุฮัมมัด อัลบากิลลานีย์  กล่าวว่า

وَنَقُوْلُ: اِسْتِوَاؤُهُ لاَ يُشْبِهُ اِسْتِوَاءَ الْخَلْقِ، وَلاَ نَقُوْلُ إِنَّ الْعَرْشَ لَهُ قَرَارٌ، وَلاَ مَكَانٌ، لِأَنَّ اللهَ تَعَالَى كَانَ وَلاَ مَكَانَ، فَلَمَّا خَلَقَ الْمَكَانَ لَمْ يَتَغَيَّرْ عَمَّا كَانَ

“เราขอกล่าวว่า  การอิสติวาอฺของอัลเลาะฮ์นั้น ไม่เหมือนการอิสติวาอฺของมัคโลค  และเราไม่กล่าวว่า  บัลลังก์(อะรัช)เป็นสถานที่สถิตและไม่ได้เป็นสถานที่อยู่ของพระองค์  เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงมีมาตั้งเดิมโดยไม่มีสถานที่อยู่  ดังนั้นในขณะที่พระองค์ทรงสร้างสถานที่  พระองค์ไม่มีเคยเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นอยู่เลย(คือมีอยู่โดยไม่มีสถานที่)” หนังสือ อัลอินซ๊อฟ หน้า 65

ท่านอิหม่าม อะบู มันซูร อัลบัฆดาดีย์ กล่าวยืนยันว่า

أَجْمَعُوْا عَلَي أَنَّهُ لاَ يَحْوِيْهِ مَكَانٌ وَلاَ يَجْرِيْ عَلَيْهِ زَمَانٌ

อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ได้ลงมติว่า  แท้จริง  อัลเลาะฮ์ไม่ทรงมีสถานที่และไม่มีกาลเวลากำหนดแก่พระองค์” อัลฟัรก์ บัยนัล ฟิร็อก หน้า 333

ท่านอะบุล มุซ็อฟฟัร อัลอัสฟิรอยีนีย์  กล่าวว่า

اَلْبَابُ الْخَامِسَ عَشَرَ فِيْ بَيَانِ اِعْتِقَادِ أَهْلِ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ: وَأَنْ تَعْلَمَ كُلُّ مَا دَلَّ عَلَى حُدُوْثِ شَيْءٍ مِنَ الْحَدِّ, وَالنِّهَايَةِ, وَالْمَكَانِ, وَالْجِهَةِ, وَالسُّكُوْنِ, وَالْحَرَكَةِ, فَهُوَ مُسْتَحِيْلٌ عَلَيْهِ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى, لِأَنَّ مَا لاَ يَكُوْنُ مُحْدَثاً لاَ يَجُوْزُ عَلَيْهِ مَا هُوَ دَلِيْلٌ عَلَى الْحُدُوْثِ

“บทที่ 15 ว่าด้วยเรื่องการอธิบายถึงหลักยึดมั่นของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  คือ  การที่ท่านรู้ว่า  ทุกสิ่งที่บ่งชี้การบังเกิดขึ้นใหม่(ไม่ได้มีมาแต่เดิม) ไม่ว่าจะเป็น  กำจัดขอบเขต, การสิ้นสุด, สถานที่, ทิศ, การนิ่ง, การเคลื่อนไหว, ทั้งหมดล้วนแต่เป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ตะอาลา  เพราะสิ่งที่ไม่ถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่  ก็ไม่อนุญาตให้มีข้อบ่งชี้ถึงการบังเกิดขึ้นมาใหม่”

หมายถึง อัลเลาะฮ์ตะอาลา ไม่ถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่  เพราะพระองค์ทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น  ดังนั้นเมื่อพระองค์ไม่ถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่  ก็แสดงว่าพระองค์ไม่มีคุณลักษณะที่เพิ่งบังเกิดขึ้นมานั่นเอง  ซึ่งต่างกับมัคโลค  ที่ถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่  และมีลักษณะที่พึ่งอุบัติขึ้นมา  เช่น  มีสถานที่อยู่  มีการนิ่ง  มีการเคลื่อนไหว  เป็นต้น

ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์กล่าวว่า

تَعَالَى عَنْ أَنْ يَحْوِيَهُ مَكَانٌ كَمَا تَقَدَّسَ عَنْ أَنْ يَحُدَّهُ زَمَانٌ بَلْ كَانَ قَبْلَ الزَّمَانِ وَالْمَكَانِ وَهُوَ الآنَ عَلَى مَا عَلَيْهِ كَانَ

“อัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์  จากการมีสถานที่  เสมือนกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากกาลเวลามากำหนดพระองค์  แต่ทว่าพระองค์ทรงอยู่ก่อนกาลเวลาและสถานที่  และในปัจจุบันนี้  พระองค์ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม” เอี๊ยะห์ยาอุลูมิดดีน 1/108

ท่านอิหม่ามอัลญุวัยนีย์  กล่าวว่า

مَذْهَبُ أَهْلِ الْحَقِّ أَنَّ اللهَ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَي يَتَعَالَي عَنِ التَّحَيُّزِ وَالتَّخْصِيْصِ بِالحِهَاتِ

แนวทางปราชญ์ผู้อยู่ในสัจธรรม  คือ  แท้จริงอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ทรงบริสุทธิ์จากการมีสถานที่อยู่และบริสุทธิ์จากการเจาะจงการมีทิศต่างๆ” อัลอิรชาด หน้า 53

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 01, 2012, 05:46 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ส่วนเรื่องด้านบนนั้น มีตัวบทหลักฐานจากอัลกุรอ่านหลายที่ เช่น พระองค์ทรงมาจากเบื้องบนอะไรแบบนี้ หรือญิบรีลขึ้นไปหาพระองค์ (แสดงว่าขึันไปด้านบน) แล้วยังมีตัวบทจากหะดีษอีกเช่นกัน กรณีนี้จะว่าอย่างไรครับ

แต่ถ้าถามตอนนี้ ก็จะตอบว่า "บนฟ้า" โดยไม่พูดอย่างอื่นเพิ่มเติม ไม่ขยายความ ไม่ตีความ ไม่อะไรทั้งนั้น

ก่อนอื่นผมขอสร้างความเข้าใจกับน้อง beechern ในเรื่องหลักอะกีดะฮ์ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ก่อนครับ  คำว่า  فِي السَّمَاءِ  แปลตรงตัวคือ  "ในฟ้า"  หากแปลแบบตีความคือ  "บนฟ้า"  และคำว่า عَلَي العَرْشِ  หมายถึง "บนบัลลังก์"  หรือ  "เหนือบัลลังก์"  ดังนั้นความหมายคำว่า "บน"  หรือ  "เหนือ"  ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ที่ใช้กับซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้นมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน

1. วะฮาบีย์เชื่อว่า  คำว่า "บน" หรือ "เหนือ" นี้  คือบนตามนัยยะในรูปธรรมโดยให้ความหมายคำแท้  เช่น  การที่อัลเลาะฮ์สถิตอาศัยอยู่เหนือหรืออยู่บนสถานที่ที่เป็นฟากฟ้าและบัลลังก์

2. อัลอะชาอิเราะฮ์เชื่อว่า  คำว่า  "บน"  หรือ  "เหนือ"  นี้ไม่ได้อยู่ในความหมายผิวเผินแบบคำแท้อย่างแน่นอน  แต่มันอยู่บนความหมายนัยยะของนามธรรม  เช่น  อัลเลาะฮ์สูงส่งเหนือบัลลังก์  และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือชั้นฟ้า  เป็นต้น

ดังนั้นคำว่า فِي السَّمَاءِ  หรือคำว่า  عَلَي العَرْشِ ที่ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอานและฮะดีษนั้น เราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ได้ปฏิเสธมันเลย เพราะเราอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ยึดกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์  แต่เราปฏิเสธและมีความแตกต่างในการให้ความหมายและความเข้าใจตัวบทตามหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ต่างหาก

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ  อิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์กล่าวว่า

وَلَا يَلْزَمُ مِنْ كَوْنِ جِهَتَىِ الْعُلُوِّ وَالسُّفْلِ مُحَالاً عَلىَ اللهِ أَنْ لاَ يُوْصَفُ بِالْعُلُوِّ ، لِأَنَّ وَصْفُهُ بِالْعُلُوَّ مِنْ جِهَةِ الْمَعْنَى ، وَالْمُسْتَحِيْلُ كَوْنُ ذَلِكَ مِنْ جِهَةِ الْحِسِّ وَلِذَلِكَ وَرَدَ فِىْ صِفَتِهِ الْعَالِى وَالعَلِىُّ وَالْمُتَعَالِى ، وَلَمْ يَرِدْ ضِدُّ ذَلِكَ ,إِنْ كَانَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَىْءٍ عِلْماُ جَلَّ وَعَزَّ

ความว่า “การที่มีสองทิศบน(คือมีสถานที่อยู่ทิศบน)และทิศล่างเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้(มุสตะฮีล)สำหรับอัลเลาะฮ์นั้น  ก็ไม่จำเป็นที่พระองค์จะไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม(คือสูงส่งมิใช่รูปธรรมที่อยู่ในความหมายว่าพระองค์มีสถานที่สถิต) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับ(การมีคุณลักษณะสูงส่ง)ดังกล่าวนั้นมาจากด้าน(ความหมาย)ที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้(คือมีสถานที่อยู่แบบสูงๆขึ้นไป) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้  ได้มีระบุว่าพระองค์มีคุณลักษณะ “อัลอาลีย์” “อัลอะลีย์” และ “อัลมุตะอาลีย์” (ทั้งสามเป็นพระนามของอัลเลาะฮ์ซึ่งหมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) และไม่มีระบุตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าวเลย(คือไม่มีระบุว่าพระองค์ไม่ทรงสูงส่งเลย) และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุก ๆ สิ่งด้วยความรอบรู้ของพระองค์สักทีก็ตาม” ฟัตหฺอัลบารีย์: 6/136

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ ฮะญัร  ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงในการเข้าใจตัวบทว่า

قَوْلُهُ " فِي السَّمَاءِ " ظَاهِرُهُ غَيْرُ مُرَادٍ ، إِذِ اللهُ مُنَزَّهٌ عَنِ الحُلُوْلِ فِي المَكَانِ لَكِنْ لَمَّا كَانَتْ جِهَةُ العُلُوِّ أَشْرَفَ مِنْ غَيْرِهَا أَضَافَهَا إِلَيْهِ إِشَارَةً إِلَى عُلُوِّ الذَّاتِ وَالصِّفَاتِ

 "(ท่านอัลกิรมานีย์กล่าวว่า)คำตรัสที่ว่า فِي السَّمَاءِ "ในฟ้า" นั้น  ความหมายผิวเผินของมัน  ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย   เนื่องจากอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์ปราศจากการเข้าไปอยู่ในสถานที่  แต่ในเมื่อทิศสูงมีเกียรติยิ่งกว่าทิศอื่น  พระองค์จึงพาดพิงทิศสูงไปยังพระองค์เอง  เพื่อบ่งชี้ให้รู้ว่าซาตและคุณลักษณะของพระองค์นั้นสูงส่ง(มิใช่พระองค์มีสถานที่สถานที่อยู่บนที่สูงในเชิงรูปธรรม)"  ฟัตฮุลบารีย์ : 13/412


วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ที่มาของอาชาอิเราะฮ์กล่าวประโยคดังกล่าวคือ ผมฟังมาว่า อะกีดะฮ์ของชาวคอลัฟเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลาอยู่ทุกที่ และฟังมาว่าอาชาอิเราะฮ์คือคอลัฟครับ

สะลัฟและค่อลัฟล้วนแต่เป็นอุลามาอฺร็อบานียีน  ปราชญ์ผู้คอยแบกรับอัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ดังนั้นสะลัฟก็มีอุลามาอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่มีอะกีดะฮ์บริสุทธิ์อย่าง  เช่นอิหม่ามทั้งสี่และเหล่าสานุศิษย์  และในสะลัฟเองก็มีแนวทางบิดอะฮ์  เช่น พวกกัรรอมียะฮ์ที่ให้ความหมายว่าอัลเลาะฮ์สถิตอยู่บนบัลลังก์และเชื่อว่า ณ ที่ซาตของอัลเลาะฮ์มีสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่  , พวกมุญัสสิมะฮ์และพวกมุชชับบิฮะฮ์  ที่เชื่ออัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้ไม่เหมือนกับมัคโลค, พวกค่อวาริจญ์ที่เป็นพวกเคร่งศาสนาละหมาดกันจนหน้าผากดำแต่จิตใจมีอะกีดะฮ์ที่ผิดพลาดผู้อื่นที่ไม่ตรงทัศนะของตนก็จะตัดสินกาเฟร  ดังนั้นถ้าหากว่ามีคนหนึ่งมาบอกน้องว่า อัลอะชาอิเราะฮ์คือพวกค่อลัฟ  ก็แสดงว่าเขาเป็นพวกสะลัฟ  ผมจึงอยากถามว่า สะลัฟแบบใหน?

พอถึงยุค 300   ปีให้หลังลงมาเรื่อยๆ  ถูกขนานนามว่า “ค่อลัฟ (พวกค่อลัฟ)” ที่คอยแบกรับหลักการอัลกุรอานและซุนนะฮ์จากสะลัฟศตวรรษแล้วศตวรรษเหล่าจนมาถึงเราในปัจจุบัน  เพราะหากไม่มีอุลามาอฺค่อลัฟคอยรับหลักการอิสลาม  ก็จะไม่มีอิสลามอันบริสุทธิ์ให้เราได้เห็นในปัจจุบัน

ดังนั้นใครบ้างคืออะลามาอฺค่อลัฟ(หลัง 300 ปี) ของวะฮาบีย์ แต่ที่กระผมทราบหลักๆ คือ ท่านอิบนุตัยมียะฮ์(ปี ฮ.ศ. ที่ 700 ซึ่งไม่ใช่สะลัฟ), ท่านอิบนุก็อยยิม(ปี ฮ.ศ. ที่ 700-800 ซึ่งไม่ใช่สะลัฟ), ท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ(ปี ฮ.ศ. ที่ 1200 ซึ่งไม่ใช่สะลัฟ)

ส่วนปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ในยุคค่อลัฟผู้รับหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮ์จากยุคสะลัฟนั้น  มีมากมายที่ถูกวะฮาบีย์(ผู้ที่น้องบีเฉินไปฟังมานั่นแหละครับ)ขนานนามว่า พวกค่อลัฟ  (เป้าหมายของพวกเขานั้นคือพวกอุลามาอฺอะกีดะฮ์ค่อลัฟไม่ใช่อะกีดะฮ์สะลัฟเหมือนกับพวกเขา)

ใครบ้างคือพวกค่อลัฟ?

นักปราชญ์วิชาการกิรออาต (วิธีการอ่านอัลกุรอาน)

ท่านอิบนุ อัลญัซฺรีย์, ท่านอบูอัมร์ อัดดานีย์, ท่านชีฮาบุดดีน อัลกุสฏ๊อลลานีย์, ท่านอัชชาฏิบีย์
ท่านอบูชามะฮ์ อัลมุก๊อดดิซีย์

นักปราชญ์ตัฟซีรอัลกุรอาน

ท่าน อิมาม อัลกุรฏุบีย์, ท่านอิมาม อันนะซะฟีย์, ท่านอัลคอซิน, ท่านอัรรอซีย์, ท่านอัลอะลูซีย์, ท่านอัลบัยฏอวีย์, ท่านอิบนุ อัลอะร่อบีย์, ท่านอิบนุอะฏียะฮ์, ท่านอัลมุหัลลีย์, ท่านอัษษะอาลิบีย์, ท่านอบูฮิยาน, ท่านอัสศะยูฏีย์, ท่านอัลกอซิมีย์, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราชญ์อุลูม อัลกุรอาน (ศาสตร์เกี่ยวกับอัลกุรอาน), ท่านอัซซัรกาชีย์, ท่านอัลรอฆิบ, อัลอัศฟะฮานีย์, ท่านอัลมาวัรดีย์, ท่านอัลกาฟีญีย์

นักปราชญ์หะดิษและหลักพิจารณาหะดิษ

ท่านอัลหากิม, ท่านอัลบัยฮะกีย์, ท่านอิบนุหิบบาน, ท่านอัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์, ท่านอิบนุอะซากิร, ท่านอัลค๊อฏฏอบีย์, ท่านอบู นุอัยม์ อัลอัสฟะฮานีย์, ท่านอัลกอฏีย์ อิยาฎ, ท่านอัลมุนซิรีย์, ท่านอันนะวาวีย์, ท่านอิซซุดดีน บิน อับดุสลาม, ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยษะมีย์, ท่านอัลมิซซีย์, ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์, ท่านอิบนุบัฏฏอล และนักปราชญ์อธิบายซอฮิหฺบุคคอรีย์และมุสลิม, ท่านซัยนุดดีน อัลอิรอกีย์, ท่านอิบนุญะมาอะฮ์, ท่านอัลอัยนีย์, ท่านอัลอะลาอีย์, ท่านอิบนุ ฟูร๊อก, ท่านอิบนุ อัลมุลักกิน, ท่านอิบนุ ดะกีก อัลอีด, ท่านอิบนุ อัซซะมะลิกานีย์, ท่านอัซซัยละอีย์, ท่านอัศสะยูฏีย์, ท่านอิบนุอะลาน, ท่านอัศศัคคอวีย์, ท่านอัลมุนาวีย์, ท่านอะลีย์ อัลกอรีย์, ท่านอัลบัยกูนีย์, ท่านอัลลักนาวีย์, ท่านอัซซะบีดีย์, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราช์อุศูลิดดีน

ท่านอบู อัลหะซัน อัลอัชอะรีย์, ท่าน อบู มันซูร อัลมะตูริดีย์, ท่านอิมาม อัลหะรอมัยน์, ท่านอัลมุตะวัลลีย์, ,ท่านอิหม่ามอัสซะนูซีย์, ท่านอัชชะรีฟ อัลญุรญานีย์, ท่านอัลอามิดีย์, ท่านฮิบะตุลลอฮ์ อัลมักกีย์, ท่านอัลบัยญูรีย์, เป็นท่านอื่นๆ

นักปราชญ์อุศูลุลฟิกห์

ท่านอิบนุอัลฮาญิบ, ท่านอัลก่อรอฟีย์, ท่านอัลบัยฏอวีย์, ท่านอะลาอุดดีน อัลบุคอรีย์, ท่านอัลบัซฺดะวีย์, ท่านอิบนุอัลฮุมาม, และท่านอื่น ๆ

นักปราชญ์ฟิกห์

ท่าน อัศศุบกีย์, ท่านอันนะวาวีย์, ท่านอัรรอฟิอีย์, ท่านอัลบุลกินีย์, ท่านซะกะรียา อัลอันซอรี,ท่านอัชชิบรอมะลิซีย์, ท่านอัลฟากิฮีย์, ท่านอัฏฏ่อร่อฏูชีย์, ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์, ท่านอิบนุอาบิดีน,ท่านชัยค์อันนัซซฺอม, ท่านอัลกาซานีย์, ท่านฆุนัยมีน, ท่านอิบนุ อัลหาจญ, และนักปราชญ์อีกมากมาย 

นักปราชญ์ประวัติศาสตร์

ท่านอัลกอฏีย์ อิยาฎ, ท่านมุฮิบุดดีน อัลฏ่อบะรีย์, ท่านอิบนุ อะซากิร, ท่านอัลคอฏีบ อัลบุฆดาดีย์, ท่านอบู นุอัยม์ อัลอัศฟะฮานีย์, ท่านอิบนุหะญัร, ท่านอัลมิซซีย์, ท่านซุฮัยลีย์, ท่านอัศศอลิฮีย์, ท่านอัสศะยูฏีย์, ท่านอิบนุอัลกะษีร, ท่านอิบนุค๊อลดูน, ท่านอัตตะลิมซานีย์, ท่านอัศศ๊อฟดีย์, ท่านอิบนุค่อลิกาน, ท่านอะลีย์ บิน อิบรอฮีม อัลหะละบีย์, ท่านอิบนุ ซัยยิดินาส, ท่านยูซุฟ อัลนับฮานีย์, ท่านอัลฟาซีย์, ท่านอิบนุ กอฏีย์ ชะฮ์บะฮ์, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราชญ์หลักภาษาอาหรับ

ท่าน อัลญุรญานีย์, ท่านอัลก๊อซวีนีย์, ท่านอิบนุ อัลอัมบารีย์, ท่านอัสศะยูฏีย์, ท่านอิบนุมาลิก, ท่านอิบนุกะอีล, ท่านอิบนุฮิชาม, ท่านอิบนุ มันซูร, ท่านอัลฟัยรูซฺอาบาดีย์, ท่านอัซซะบีดีย์, ท่านอิบนุอัลหาญิบ, ท่านอัลอัซฮะรีย์, ท่านอิบนุอัลอะษีร, ท่านอัลหะมะวีย์, ท่านอิบนุฟาริส, ท่านอัลกะฟะวีย์, ท่านอิบนุอาญุรูม, ท่านอัลฮัฏฏอบ, ท่านอัลอะฮ์ดัล, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราชญ์ศาสตร์อธิบายความฝัน

ท่านอับดุลฆอนีย์ อันนาบุลุซีย์, ท่านอิบนุ อัลมุกรีย์.

นักปราชญ์ตะเซาวุฟ

ท่านอัลกุชัยรีย์, ท่านอัลฆอซะลีย์, ท่านอัรริฟาอีย์, ท่านชัยค์ ซัรรูก, ท่านมุฮัมมัด อะมีน อัลกุรดีย์
ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์

จอมทัพอิสลาม

ท่าน อัลวะซีร นิซอม อัลมุลกิ, ท่านจอมทัพ นูรุดดีน อัซซังกีย์, ท่านจอมทัพ ซ่อลาฮุดดีน อัลอัยยูบีย์, ท่านจอมทัพ มุฮัมมัดฟาติหฺ, ท่านจอมทัพ อัลมุซ๊อฟฟัร ก๊อฏซฺ 

อุลามาอฺอัลอะชาอิเราะฮ์มากมายเหล่านี้น่ะหรือครับคือพวกค่อลัฟที่จัดอยู่ในพวกอัลอะชาอิเราะฮ์ที่มีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ไม่ใช่อะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์สะลัฟ?!

แต่สัจจะธรรมแห่งความจริงแล้ว  พวกเขาคืออุลามาอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ค่อลัฟที่รับหลักอิสลามการมาจากสะลัฟอย่างไม่ขาดตอนจวบจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 :salam:

หวังว่าผมได้ตอบข้อสงสัยของน้องบีเฉินพอสมควรแล้ว  ก็ขอให้น้องอดทนอ่านด้วยตาใจที่แสวงหาสัจจะธรรม  และหากมีอะไรสงสัยก็ถามต่อได้เลยน่ะครับ

วัสลาม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
:salam:

หวังว่าผมได้ตอบข้อสงสัยของน้องบีเฉินพอสมควรแล้ว  ก็ขอให้น้องอดทนอ่านด้วยตาใจที่แสวงหาสัจจะธรรม  และหากมีอะไรสงสัยก็ถามต่อได้เลยน่ะครับ

วัสลาม

 :salam:

ขออัลเลาะฮ์ตะอาลาตอบแทนในความรู้ที่ได้มอบให้
เป็นคำตอบที่ทรงคุณค่าสำหรับผมมากครับ อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ตอนนี้ความเข้าใจของผมเพิ่มมากขึ้นแล้วครับ
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ salsabeela

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ยาวจัง  ขี้เกียจอ่าน  เอาเป็นตักลีดละกันง่ายสุด
>>>>>>>>>>>>>>Tidakkah ini Darulharbi.?.?<<<<<

ออฟไลน์ muhibbah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 268
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
ยาวจัง  ขี้เกียจอ่าน  เอาเป็นตักลีดละกันง่ายสุด

ตักลีดได้ด้วยหรอ

ออฟไลน์ salsabeela

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ยาวจัง  ขี้เกียจอ่าน  เอาเป็นตักลีดละกันง่ายสุด

ตักลีดได้ด้วยหรอ

  ก็เชื่อ ยึดมั่นตามๆเค้างัย  ได้มั้ยอะ???
>>>>>>>>>>>>>>Tidakkah ini Darulharbi.?.?<<<<<

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
...
บังไม่พูดถึงมันก็เป็นความคิดที่ดีนะ ดีมาก ซาลัฟก็ทำแบบนั้น แต่ว่า หากมีคนมาถามล่ะ กาเฟรเพื่อนบังอยากมารับอิสลาม บังตอบเขาไม่ได้ จะทำยังไง พลาดไปแล้วคนนึงที่จะเข้าอิสลาม ก็ต้องหาคำตอบนะ เพราะกาเฟรเขายังมอบหมายความหมายไปยังอัลลอฮไม่เป็น ต้องตีความให้เขาฟัง ใจเขายังไม่หนักแน่นเท่ากาเฟรที่มารับอิสลามสมัยนบี

            ข้อความข้างต้นนั้น บังตอบให้มุสลิมอ่านครับ ไม่ได้ตอบให้กาฟิรอ่าน หากกาฟิรถาม บังจำเป็นต้องเอาเรื่องสติปัญญามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือแม้แต่กับมุสลิมด้วยกันเองบางคนก็ตาม แต่แนวทางสลัฟย่อมปลอดภัยกว่า และแนวทางเฅาะลัฟก็มีความซับซ้อนในการตอบโต้ความชุบฮะฮ์มากกว่า เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์แห่งอกีดะฮ์อิสลามียะฮ์ไว้ ส่วนตัวบังแล้ว หากเพิ่งจะมาเริ่มสนใจศึกษาอกีดะฮ์กันอย่างจริงๆ จัง บังแนะนำให้ศึกษาแนวทางสลัฟก่อนจะดีกว่า เมื่อมั่นคงแล้ว ก็ค่อยมาแบบเฅาะลัฟ ซึ่งมันจะยากและซับซ้อนกว่าเยอะเลยครับ - วัลลอฮุอะอ์ลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ขออัลเลาะฮ์ตะอาลาตอบแทนในความรู้ที่ได้มอบให้
เป็นคำตอบที่ทรงคุณค่าสำหรับผมมากครับ อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ตอนนี้ความเข้าใจของผมเพิ่มมากขึ้นแล้วครับ

อัลฮัมดุลิลลาฮ์  ที่น้องบีเฉินเข้าใจมากยิ่งขึ้น  เพราะเมื่ออะกีดะฮ์มีความถูกต้อง  หลักเอี๊ยะห์ซานหรือหลักตะเซาวุฟ  ก็จะถูกต้องตามมาด้วยเช่นกัน  เพราะหลักอีหม่านย่อมมีผลต่อหลักเอี๊ยะห์ซาน(หลักคุณธรรม)  หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หลักอะกีดะฮ์ย่อมมีผลต่อหลักตะเซาวุฟ  เมื่ออีหม่านหรืออะกีดะฮ์ถูกต้อง  ก็จะทำให้หัวใจของเรามีความใกล้ชิดและผูกพันกับอัลเลาะฮ์มากยิ่งขึ้นตามมา

ผมตั้งใจว่า  หากน้องบีเฉินไม่เปิดใจต่อหลักอะกีดะฮ์ดังกล่าว  บังก็จะไม่นำเสนอหลักเอี๊ยะห์ซาน  แต่เมื่อน้องเข้าใจหลักอะกีดะฮ์ดังกล่าวมากขึ้น  บังก็จะขอนำเสนอหลักเอี๊ยะห์ซานเพื่อให้หัวใจผูกพันกับอัลเลาะฮ์มากขึ้นดังนี้ครับ

ท่านอิหม่ามอิบนุอะฏออิลลาฮ์ได้กล่าวไว้ในฮิกัมบทหนึ่งของท่านความว่า

كَانَ اللهُ وَلاَ شَيْءَ مَعَهُ. وَهُوَ الآنَ عَلَي مَا عَلَيْهِ كَانَ

“อัลเลาะฮ์ทรงมี(มาตั้งแต่เดิม)โดยไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์  และในปัจจุบันนี้พระองค์ก็ยังอยู่ตามที่พระองค์ทรงมีอยู่ตั้งแต่เดิม(โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง)”

หมายถึง  อัลเลาะฮ์ทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์เลย  พระองค์สูงส่งยิ่งเหนือสติปัญญาจะคาดคิดและกำหนดได้  ไม่มีกาลเวลามาจำกัด  ไม่มีสถานที่  ไม่มีฟากฟ้า  ไม่สวรรค์ และไม่มีบัลลังก์ มาอยู่พร้อมกับพระองค์  แม้กระทั่งปัจจุบันนี้พระองค์ยังมีคุณลักษณะเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง  เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นการกาลเวลา  สถานที่  บัลลังก์  สวรรค์  ฟากฟ้า  แผ่นดิน  ล้วนแต่เป็นมัคโลคที่พระองค์ทรงสรรสร้างขึ้นทั้งปวง  ซึ่งสัจจะธรรมอันนี้  ได้ระบุไว้ในอัลกุรอานและซุนนะฮ์

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

كَانَ اللهُ وَلَمْ يَكُنْ شَيْءٌ غَيْرُهُ

“อัลเลาะฮ์ทรงมีมาแล้ว  โดยไม่มีสิ่งอื่นจากมีพระองค์เท่านั้น” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษที่ 3191

และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวเช่นกันว่า

كَانَ اللهُ وَلَمْ يَكُنْ شَيْءٌ قَبْلَهُ

“อัลเลาะฮ์ทรงมีมาแล้ว โดยไม่มีสิ่งใดอยู่ก่อนพระองค์” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษที่ 7418
 
เมื่อพระองค์ทรงมีโดยไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์  แน่นอนว่า  ไม่มีสิ่งใดอยู่ก่อนพระองค์อย่างมิต้องสงสัย  นี่ก็คือแก่นแท้ของหลักอะกีดะฮ์อิสลามที่อัลกุรอานได้ระบุยืนยันคำจากตรัศของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ที่ว่า

اللهُ خَالِقُ كُلِّ شَيْءٍ

“อัลเลาะฮ์ทรงสร้างทุก ๆ สิ่ง” อัรเราะอฺดู้ 16

ดังนั้นทุกสิ่งที่อื่นจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ล้วนเป็นมัคโลคและเป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นใหม่ทั้งสิ้น  สำหรับคุณลักษณะที่ทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้นนั้น  เป็นคุณลักษณะเฉพาะสำหรับอัลเลาะฮ์ตะอาลาเท่านั้น

ฮิกัมวรรคแรกเป็นหลักอะกีดะฮ์ที่ปูพื้นฐานให้กับฮิกัมวรรค์ที่สองที่ว่า

وَهُوَ الآنَ عَلَي مَا عَلَيْهِ كَانَ

 “และในปัจจุบันนี้พระองค์ก็ยังอยู่ตามที่พระองค์ทรงมีอยู่ตั้งแต่เดิม(โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง)”

หมายถึง  เมื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ตั้งแต่อดีตกาลที่ผ่านมาก่อนที่จะมีสรรพสิ่งทั้งหลาย  ในขณะปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน  ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์  ไม่ว่าจะเป็นอดีต  ปัจจุบัน  หรืออนาคต  พระองค์ทรงมีลักษณะการมีอยู่เช่นนั้นเหมือนเดิม

บางกลุ่มที่นิยมเข้าใจคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ในรูปธรรมนั้น  เมื่อได้อ่านหลักอะกีดะฮ์ข้างต้น  ก็อาจจะตำหนิและพูดว่า  หลักความเชื่อเช่นนี้ไม่ถูกต้อง  เพราะบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายที่เห็นด้วยตาได้ยืนยันแล้วว่า  มันเป็นสิ่งที่มี  สวรรค์  บัลลังก์  ชั้นฟ้า  และแผ่นดิน  ล้วนเป็นมีขึ้นมาและอยู่พร้อมกับการมีของพระองค์ในปัจจุบัน?


คำตอบ: ก็คือ  เราขอถามว่า  บรรดามัคโลคทั้งหลายที่เราได้รู้และเห็นว่าปัจจุบันอยู่พร้อมกับอัลเลาะฮ์นั้น  อยู่ใน “คุณลักษณะแห่งการมี” صِفَةُ الْوُجُوْدِ ที่แท้จริงหรือไม่?  ซึ่งความจริงท่านไม่สามารถตอบว่า “ใช่” ได้หรอกว่าสรรพสิ่งทั้งหลายมีคุณลักษณะการมีพร้อมกับพระองค์  นอกจากเราจะกล่าวว่า  ลูกตัวน้อยที่บิดาของเขาได้จับสองมือของลูกน้อยขึ้นเพื่อพยุงให้ยืนได้บนทั้งสองเท้า  ซึ่งในขณะที่บิดาได้จับพยุงให้ยืนขึ้นด้วยสองมือนั้น  “ลูกได้มีคุณลักษณะร่วมในการยืนบนสองเท้าพร้อมกับบิดาหรือไม่?  เป็นสิ่งที่สติปัญญายอมรับโดยปริยายว่า  ในสภาพของลูกนี้  กำลังยืนบนสองเท้าได้ด้วยการที่บิดาพยุงให้ยืนขึ้น  กล่าวคือบุตรยืนได้ตราบเท่าที่พ่อได้จับพยุงอยู่  ซึ่งผิวเผินแล้ว  ดูเหมือนว่าบุตรได้ยืนเหมือนกับบิดา  แต่ทว่าเมื่อบิดาได้ปล่อยมือ  บุตรก็ล้มลงกับพื้น  เพราะบุตรยืนได้ด้วยกับบิดาไม่ใช่ยืนพร้อมกับบิดา  หวังว่าน้องคงเข้าใจคำว่า  ยืนด้วยกับบิดากับยืนพร้อมกับบิดาน่ะครับ

หากคำนึกถึงอัลเลาะฮ์กับมัคโลค  ก็เฉกเช่นเดียวกับตัวอย่างบิดากับบุตร (ทั้งที่ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบเทียบเสมอเหมือนพระองค์ได้หรอก)  กล่าวคืออัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงหยิบยื่นค้ำจุนให้มัคโลคมีขึ้นมาเป็นอันดับแรก  หลังจากนั้นมัคโลคยังคงคุณลักษณะการมีอยู่ในทุกเสี้ยววินาทีด้วยการให้คงอยู่โดยอัลเลาะฮ์  ดังนั้นถ้าหากพระองค์ทรงปล่อยมัคโลค  แน่นอนว่ามันก็จะดับสูญสลายและมลายสิ้น ณ บัดนั้น  แล้วมัคโลคจะมีอยู่พร้อมกับพระองค์ได้อย่างไร  ทั้งที่สัจจะธรรมแห่งความจริงนั้น  มัคโลคอยู่ได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์  มิใช่อยู่พร้อมกับพระองค์

ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้  อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสความว่า

إِنَّ اللَّهَ يُمْسِكُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ أَنْ تَزُولَا

“แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงค้ำจุนชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเอาไว้  มิให้มันล่มสลายลงมา” ฟาฏิร 41

สำหรับหลักคำสอนเชิงตัรบียะฮ์หรือตะเซาวุฟที่มีต่อหลักอะกีดะฮ์นี้  คือผู้ที่มีหัวใจผูกพันอยู่กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา  เขาจะมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า  ตัวของเขาเป็นบ่าวผู้ต่ำต้อยและตระหนักถึงแก่นแท้ของตนเองว่า  เขาเกิดมาก็ด้วยกับอัลเลาะฮ์ให้เกิดมาและหลังจากนั้นในทุกเสี้ยววินาทีเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยกับพระองค์  ท้องฟ้าและผืนดินที่เขาเห็น  หัวใจของเขาก็จะตระหนักและรู้สึกเสมอว่ามันอยู่ได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์  เมื่อเห็นขุนเขา  มันก็มั่นคงอยู่ได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์,  เห็นต้นไม้ป่าลำเนาไพร  จิตใจมีความรู้สึกเสมอว่ามันก็อยู่ได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์,  เห็นเหล่านกบินในอากาศ  มันก็โบยบินได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์, ริสกีในแต่ละวันที่เขาได้รับล้วนเป็นความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์,  ดังนั้นเราจึงไม่หวังความดีงามจากผู้ใดนอกจากหวังในอัลเลาะฮ์,  และไม่กลัวบททดสอบใด ๆ นอกจากขอความคุ้มครองจากพระองค์  เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มอบหมายต่อผู้ใดนอกจากอัลเลาะฮ์  พระองค์เท่านั้นที่เรารักอย่างแท้จริง  และพระองค์เท่านั้นเป็นทุกความหวังของเรา

ดังนั้นเราจะไม่สามารถบรรลุถึงหลักเตาฮีดนี้ได้นอกจากรู้ถึงแก่นแท้ที่ท่านอิบนุอะฏออิลลาฮ์ได้กล่าวไว้  ด้วยสติปัญญาที่มีความยะเกนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับอัลเลาะฮ์หรอก  ไม่ว่าจะเป็นวันนี้  หรือก่อนและหลังจากวันนี้ก็ตาม  หลังจากนั้นเขาก็หมั่นย้อมความรู้สึกเหล่านี้ให้อยู่ในหัวใจของเขาวันละนิดวันละน้อย  ความผูกพันระหว่างบ่าวกับอัลเลาะฮ์  ก็จะเพิ่มทวีคูณขึ้นด้วยความโปรดปรานของพระองค์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ยาวจัง  ขี้เกียจอ่าน  เอาเป็นตักลีดละกันง่ายสุด

ตักลีดได้ด้วยหรอ

  ก็เชื่อ ยึดมั่นตามๆเค้างัย  ได้มั้ยอะ???

            การตักลีด หรือการตามกันแบบไม่รู้หลักฐาน โดยเฉพาะในเรื่องอกีดะฮ์ หรือหลักยึดมั่นนั้น เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) ครับ เพราะเรื่องอกีดะฮ์จะแตกต่างกับเรื่องฟิกฮฺ ที่จะมีความซับซ้อนและรายละเอียดในการให้ได้มาซึ่งผลการวินิจฉัยมากกว่าและยากกว่า ซึ่งต้องอาศัยผู้เชียวชาญเฉพาะทาง ฉะนั้น การตักลีดในเรื่องฟิกฮฺจึงเป็นที่อนุโลมได้ในศาสนา แต่ที่ห้ามการตักลีดในเรื่องอกีดะฮ์นั้น ก็เพราะมันเป็นเรื่องของความศรัทธาที่เกิดขึ้นในหัวใจ ซึ่งความศรัทธาของบุคคลคนหนึ่งจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อบุคคลคนนั้นจะต้องรู้จักคิดได้ด้วยตนเองเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อย้อนกลับไปหาว่าใครคือผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายนั้น ซึ่งหากเราเชื่อตามบุคคลอื่นโดยไม่ได้มีการไตร่ตรองใดๆ แน่นอนครับ ความศรัทธาย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ และผู้ที่ความศรัทธาไม่เกิดขึ้นในหัวใจของเขาเลยนั้น เราจะเรียกว่าเป็นผู้ศรัทธาได้อย่างไรครับ - วัลลอฮุอะอ์ลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 05, 2010, 01:31 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ salsabeela

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้อ พึ่งนึกได้ เคยเรียนมา สำหรับฟิกหฺเป็นวาญิบที่จะต้องมุก็อลลิด ส่วน เตาฮีด หะรอมมุก็อลลิด 
ถูกมั้ย.......
>>>>>>>>>>>>>>Tidakkah ini Darulharbi.?.?<<<<<

ออฟไลน์ salsabeela

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากๆสำหรับความรู้ 
>>>>>>>>>>>>>>Tidakkah ini Darulharbi.?.?<<<<<

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
มีอยู่วันหนึ่ง ท่านบี้เฉินเดินเข้าไปในโรงงานแห่งหนึ่งเพื่อจะไปสมัครงาน แล้วเจอบัลกิสที่เป็นกรรมกรขนกระสอบอยู่ เลยได้มีการพูดคุยกัน

บี้เฉิน: ขอโทษครับ ขอถามอะไรหน่อยครับ
บัลกิส: ค่ะ ว่าไงคะ
บี้เฉิน: คือว่า ผมอยากจะมาสมัครงานที่นี่น่ะครับ ได้หรือเปล่าครับ
บัลกิส: อ่อ ขอโทษค่ะ ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เรื่องนี้ต้องไปถามคนบนน่ะค่ะ ดิฉันตอบไม่ได้
บี้เฉิน: ขอบคุณครับ
บัลกิส: ด้วยความยินดีค่ะ

และแล้ว ท่านคิดว่าบี้เฉินจะไปหาคนบนที่ไหน ในเมื่อโรงงานมีอยู่ชั้นเดียว คนบนคนนั้นเขาคือใครล่ะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
คำนั้น ภาษาไทย อาจฟังแล้วแปลกๆนิดนึง แต่ภาษานายู เข้าใจชัดเจนเลย ออแฆเดะตัฮ ประมาณว่า เบื้องบน
e.g. มึงไปเก็บอามีนหน่อยซิ เบื้องบนสั่งการมา (ไอคนสั่งมันอาจหลบอยู่ใต้ดินก็ได้)
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged