บทที่ 5 เคล็ดลับของโซเครตีส- ในการสนทนากับผู้อื่น อย่าได้เริ่มต้นพูดในเรื่องที่ท่านไม่เห็นพ้องด้วย
แต่จงเริ่มต้นด้วยการเน้นคำพูดให้หนักแน่น และเน้นคำพูดนี้ อยู่ตลอดเวลา
ในสิ่งที่ท่านเห็นพ้องด้วย
- จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่งพูด "ใช่" , "ใช่แล้ว", "ครับ" , "ถูก" , "ถูกแล้ว"
เมื่อเริ่มต้นการสนทนา ถ้าสามารถทำได้ จงอย่าให้อีกฝ่ายหนึ่ง กล่าวคำปฏิเสธ
"ไม่ใช่" , "เปล่า" เป็นอันขาด
- ยิ่งเราสามารถทำให้อีกฝ่ายหนึ่งกล่าวคำพูดรับคำได้มากเท่าใดในการเปิดฉากการสนทนา
ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ จะชักจูงให้อีก ฝ่ายหนึ่งยอมตกลงใจตามจุดประสงค์ของเรา
มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
- ในการเปิดฉากสนทนา พวกเรามักจะคิดถึงแต่ความยิ่งใหญ่ของตนเอง
ผลก็คือ ทำให้เกิดตั้งข้อเข้าหากันตั้งแต่แรกเริ่ม
- โซเครตีสจะตั้งคำถามชนิดที่แม้ศัตรูของเขาก็ต้องรับคำ
คำถามของเขาจะถูกอีกฝ่ายหนึ่งตอบว่า "ใช่" จนกระทั่งเขา ได้รับคำรับรองอย่าง เหลือเฟือ
ครั้นแล้วในที่สุด เขาจะตั้งคำถามประโยคสำคัญ ซึ่งปรปักษ์ของเขาแทบไม่รู้สึกตัว
ได้กล่าวรับรองทั้งๆก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีตั้งใจที่ จะยืนกรานปฏิเสธ
- สุภาษิตเก่าๆของจีน "ผู้ก้าวอย่างละมุนละไม จะเดินได้ไกล"
สรุปกฎข้อที่ 5 จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง ตอบรับคำว่า "ครับ", "ใช่", "ถูก"ฯลฯ
ในทันทีเมื่อเริ่มสนทนา
บทที่ 6 วิธีกำจัดความไม่สมหวัง- ในบางครั้ง การปล่อยให้ผู้อื่นเป็นฝ่ายพูด จะนำประโยชน์อย่างล้ำค่ามาให้
- ผู้ประสบความสำเร็จเกือบทุกคน ชอบระลึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนในอดีต
(ใช้ในเทคนิคการพูด สนทนากับผู้ที่มีความสำเร็จในชีวิต)
- มีความจริงอยู่ว่า มิตรสหายทั้งหลายของเราพอใจที่จะคุยกับเราถึงเรื่องความสำเร็จต่างๆ
ของเขา ยิ่งกว่าที่จะฟังเราโม้ถึงเรื่องของเรา
- "ถ้าท่านต้องการศัตรู จงเป็นคนเก่งกล้าสามารถเหนือกว่าเพื่อนของท่าน
แต่ถ้าท่านต้องการมิตร จงให้เพื่อนของท่าน เก่งกล้าสามารถ เหนือไปกว่าท่าน"
เพราะว่าเมื่อเพื่อนของเราเก่งกล้าสามารถเหนือกว่าเรา เขาจะเกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ
แต่ถ้าเราเก่งกล้าสามารถเหนือ กว่าเขา เขาจะเกิดความรู้สึกต่ำต้อย
และก่อให้เกิดความอิจฉาริษยา
- ชาวเยอรมันมีสุภาษิตอยู่ประโยคหนึ่งว่า "ความปิติยินดีอย่างแท้จริงก็คือ
ความปิติยินดีซึ่งเราได้รับจากเคราะห์กรรมของผู้อื่น"
แน่นอน เพื่อนบางคนของท่านอาจจะรู้สึกพอใจในเคราะห์กรรมของท่าน
ยิ่งไปกว่าชัยชนะของท่านก็ได้
- เพราะฉะนั้น เราจง "อย่าฟุ้งซ่าน โอ้อวดในความสำเร็จของเรา"
แต่เรา "จงถ่อมตน" เอาไว้ถึงจะได้รับความนิยม ชมชอบอย่างแท้จริงจากผู้อื่น
- เราควรถ่อมตัวของเรา ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อสรุปแล้วท่านและข้าพเจ้าก็ไม่วิเศษวิโสกว่ากัน
จากนี้ไปอีกหนึ่งศตวรรษ ท่านและ ข้าพเจ้าต่างจะ ไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้
และจะไม่มีใครรู้จัก ชีวิตเป็นของสั้นจนเกินไป เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยให้ชีวิตอันสั้น
ของเราสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น ด้วยการคุยโอ้อวดถึงความสำเร็จขี้ปะติ๋วของเรา
เราจงส่งเสริมให้ผู้อื่นคุยเสียบ้างเถิด โปรดคิดดูให้ดี ท่านมิได้มีอะไรวิเศษมากมายที่จะคุย
อวดโดยไม่รู้จักจบรู้จักสิน้นเสียที ดังนั้น กฎข้อที่ 6
จงปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้พูดเป็นส่วนมาก
บทที่ 7 วิธีที่จะได้รับความร่วมมือ- ท่านรู้สึกเลื่อมใสในความคิดที่ท่านค้นพบด้วยตนเองยิ่งไปกว่าความคิดซึ่งผู้อื่นค้นพบ
และใส่จานเงินยื่นส่งให้ท่านหรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้นจริง เป็นของแน่เหลือเกิน
ที่ท่านจะต้องพยายามผลักดันความคิดของท่านให้คนอื่นรับไว้ ใช่ไหม?
มันจะไม่เป็นการฉลาดกว่าหรือ? ถ้าเพียงแต่หารือความคิดของท่านกับอีกฝ่ายหนึ่ง
และให้อีกฝ่ายหนึ่งใคร่ครวญดูเพื่อการตัดสินใจของเขาเอง
- "การปรึกษาหารือ" กับเขาถึงความปรารถนาของเขา จึงเป็นสิ่งที่ถูกใจเขาที่สุด
- การปรึกษาหารือกับผู้อื่น และเคารพต่อคำแนะนำนั้น จะได้รับผลอันงดงาม
- เมื่อ 25 ศตวรรษมาแล้ว เล่าจื๊อ นักปราชญ์จีนได้กล่าววาทะบางอย่าง
ซึ่งควรจะนำมาปฏิบัติในปัจจุบัน : "เหตุที่แม่น้ำลำคลอง และทะเลทั้งหลาย
สามารถจะต้อนรับสายน้ำหลายร้อยสายจากภูเขาได้เนื่องจากแม่น้ำลำคลอง
และทะเลเหล่านั้นอยู่ต่ำกว่าสายน้ำจากภูเขา
เพราะฉะนั้น แม่น้ำลำคลองและทะเลจึงเก่งเหนือไปกว่าสายน้ำจากภูเขา
โดยที่สามารถรับกระแสน้ำทั้งหมดไว้ได้ ผู้ที่เฉลียวฉลาด ถ้าปรารถนาจะอยู่เหนือ ผู้อื่น
ต้องถ่อมตนให้อยู่ต่ำกว่าผู้อื่น ถ้าปรารถนาจะอยู่หน้าผู้อื่น จะต้องถ่อมตนให้
อยู่หลังผู้อื่น แต่เขาจะไม่หยิ่งผยอง และถือว่าตนเป็น ผู้ยิ่งใหญ่
แม้ว่าเขาจะมีบุญวาสนานำหน้าผู้อื่น เขาจะไม่อวดเด่นให้บาดใจผู้อื่น
ฉะนั้น กฎข้อที่ 7 จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เกิดความรู้สึกว่าความคิดเป็นของเขา
บทที่ 8 สูตรซึ่งจะบันดาลผลมหัศจรรย์แก่ท่าน- อย่าลืมว่าบุคคลใดก็ตาม อาจจะทำผิดอย่างไม่มีทางแก้ตัว
แต่บุคคลนั้นจะคิดว่าเขาไม่ผิดเลย ท่านจงอย่าปรักปรำลงโทษเขาผู้นั้น
เพราะการ กระทำเช่นนั้น คนโง่ทุกคนย่อมทำได้ ท่านจงพยายามเข้าใจเขาให้ถี่ถ้วน
ถ่องแท้ เพราะการพยายามเข้าใจการกระทำของผู้ผิด คนฉลาด คนมี น้ำอดน้ำทน
และคนที่มีคุณสมบัติเป็นพิเศษเท่านั้น จึงจะสามารถปฏิบัติได้
- จงพยายามอย่างสุจริตใจที่จะสมมุติตัวท่านเป็นตัวของเขา
- ถ้าหากท่านจะบอกตนเองว่า "ถ้าฉันอยู่ในฐานะเดียวกับเขา ฉันจะรู้สึกอย่างไร
และจะปฏิบัติอย่างใร?" ท่านจะไม่เสียเวลาและเกิดโมโห ในการที่จะต้องไปเอาใจใส่แก่สาเหตุต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดผลอันไม่พึงพอใจ และท่านจะสามารถเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ มากยิ่งขึ้น
- พรุ่งนี้ ก่อนท่านจะบอกใครสักคนว่าเขาทำในสิ่งที่ผิดๆ ไม่ดีกว่าหรือถ้าท่านจะนั่งหลับตา
และพยายามคำนึงถึงแง่คิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง เสียก่อน ท่านจงตั้งคำถามแก่ตนเองว่า
"ทำไม? เขาจึงต้องการทำเช่นนั้น" จริงอยู่การปฏิบัตินี้อาจเปลืองเวลาบ้าง
แต่จะเป็นการผูกมิตรและ นำผลอันงดงามกว่ากันมาให้ และเป็นการหลีกเลี่ยง
ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง และทะเลาะเบาะแว้งกัน
- เพราะฉะนั้น ถ้าท่านต้องการเปลี่ยนใจผู้อื่น โดยไม่ให้เกิดความรู้สึกบาดหมาง
หรือก่อให้เกิดความขุ่นเคือง
กฎข้อที่ 8 มีดังนี้ จงพยายามอย่างสุจริตใจที่จะมองสิ่งต่างๆ
ในแง่คิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง
บทที่ 9 สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ- คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถหยุดการโต้เถียง ทำลายความรู้สึกโกรธเคือง สร้างมิตรไมตรี
และทำให้อีกฝ่ายหนึ่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ "ผมมิได้ โทษคุณเลยแม้แต่น้อยที่คุณรู้สึกเช่นนี้
ถ้าผมเป็นคุณ แน่นอนเหลือเกิน ผมจะต้องรู้สึกเหมือนอย่างคุณ เช่นเดียวกัน"
คำพูดเช่นนี้แม้แต่คนพาลเกเรอย่างร้ายกาจที่สุดก็จะเยือกเย็นลง
- ท่านอยู่ในฐานะใดก็ตาม ควรถือว่า มิได้เป็นเกียรติอันใหญ่โตเลย
และจำไว้ว่า คนที่ท่านติดต่อด้วย แม้จะเป็นคนขี้หงุดหงิด ฉุนเฉียว พูด ดันทุรัง
และปราศจากเหตุผล เขามิได้เป็นต่ำช้าสารเลวมากมายนักที่ต้องอยู่ในฐานะนั้น
จงรู้สึกสลดใจต่อ มนุษย์ที่น่าสมเพชคนนั้น จง สงสารเขา เห็นใจเขา
- "3 ใน 4 ของบุคคลที่ท่านพบปะ ล้วนแต่หิวกระหายที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ
จงให้มันแก่เขา แล้วเขาจะรักท่าน"
- ความเห็นอกเห็นใจ เป็นยาวิเศษที่จะบำบัดความเศร้าใจ
ฉะนั้น กฎข้อที่ 9 จงเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกนึกคิด และความปรารถนาของอีกฝ่ายหนึ่ง
บทที่ 10 มนุษย์ทุกคนชอบการขอร้อง- เพื่อให้บุคคลใดก็ตามเปลี่ยนใจของเขา จงขอร้องให้เขาเกิดความรู้สึกว่า
การปฏิบัตินั้นๆเป็นเจตนาดีงาม ยิ่งกว่าการปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง
- เมื่อเราไม่ต้องการให้ใครทำอะไรอย่างหนึ่ง จงขอร้องเขาด้วยการอ้างถึง
เจตนาที่ดีงามกว่ากัน อ้างถึงสิ่งที่เป็นสิ่ง ที่รักและเคารพ
- "ถ้ามีใครคิดที่จะโกงท่าน" จงพูดให้เขาเกิดความรู้สึกว่า
ท่านนับถือเขาในฐานะเขาเป็นคนสุจริต ซื่อตรง และยุติธรรม
ฉะนั้น กฎข้อที่ 10 จงขอร้องด้วยการพูดให้รู้สึกว่า เป็นเจตนาอันดีงามกว่ากัน
บทที่ 11 ภาพยนตร์ปฏิบัติเช่นนี้ วิทยุปฏิบัติเช่นนี้ ทำไมท่านจึงไม่ปฏิบัติตามบ้าง?- เวลาที่ต้องการเสนออะไรบางอย่าง เพียงแต่กล่าวความจริงอย่างเดียวยังไม่พอ
การกล่าวความจริงต้องประกอบด้วย พูดให้ซาบซึ้ง เขย่า ความสนใจ
และเกิดความรู้สึกเร้าใจ ทั้งนี้ต้องอาศัยศิลปะแห่งการเชิญชวนอยู่มาก ภาพยนตร์ วิทยุ
ปฏิบัติเช่นนี้ ถ้าต้องการให้มีผู้เอาใจใส่ ข้อเสนอของท่าน ท่านก็ต้องปฏิบัติเช่นนี้
ฉะนั้น กฎข้อที่ 11 จงแสดงความคิดเห็นของท่านให้เป็นที่เร้าใจ
บทที่ 12 เมื่อทำอย่างไรๆ ก็ไม่ได้ผล ลองใช้วิธีนี้ดูบ้าง- วิธีที่จะผลิตงานได้มากๆ ก็คือ การ "กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันกัน"
แต่ไม่ได้หมายถึงการแข่งขันอันโสมมและต้องทุ่มเทเงินทอง
แต่หมายถึงกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะเป็นคนเก่งกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
- ความปรารถนาที่จะเก่งกว่า! การแข่งขัน! เป็นวิธีเดียวที่จะบันดาลผลอันแน่นอน
ในการหนุนให้มนุษย์เกิดความมานะ
- "การให้เงินเดือนอย่างเดียว ไม่สามารถจะได้คนดีไว้ใช้ ต้องให้มีการแข่งขัน"
- นั่นคือ สิ่งที่ผู้ได้รับความสำเร็จทุกคนชอบ : การแข่งขัน การแข่งขันเป็นการเปิดโอกาส
ให้เขาแสดงความสามารถของเขา เปิดโอกาสให้ เขาพิสูจน์คุณค่าตัวของเขา
เพื่อไปสู่จุดหมายแห่งการเป็นคนเก่ง และชัยชนะ
ถ้าท่านต้องการจูงใจบุคคลอื่น บุคคลที่องอาจห้าวหาญ บุคคลที่มีสมรรถภาพ
ให้คล้อยตามแนวความคิดของท่าน
กฎข้อที่ 12 มีว่า
จงพูดท้าทายตอนที่ 4 วิธีปฏิบัติ 9 ประการเพื่อเปลี่ยนแปลงผู้อื่น โดยไม่ให้มีความรู้สึกบาดหมางขุ่นเคืองบทที่ 1 ถ้าท่านต้องการคอยจับผิด นั่นคือวิธีที่จะปิดฉาก- การที่บุคคลใดก็ตาม ได้ยินในสิ่งที่ไม่รื่นหู หลังจากได้ฟังคำชมเชยในสิ่งที่ดีก่อน
จะช่วยให้บุคคลนั้นสามารถฟังได้ โดยไม่เกิดความรู้สึก ขุ่นเคืองแต่อย่างใด
จงเริ่มสนทนาด้วยคำพูดยกย่องสรรเสริญอย่างสุจริจใจ
บทที่ 2 วิธีวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ทำให้ผู้ใดเกลียด- ตอนเที่ยงวันหนึ่ง ชารลส์ ชะวอบ เดินผ่านโรงถลุงเหล็กโรงหนึ่งของเขา
เขาได้มองเห็นคนงานกลุ่มหนึ่งกำลังสูบบุหรี่กัน เหนือหัวของคนงานเหล่านั้น
มีป้ายแขวนไว้ว่า "ห้ามสูบบุหรี่" ท่านคิดว่าชะวอบชี้ที่ป้ายนั้นและพูด
"อ่านหนังสือเป็นไหม?" หรือเปล่า? มิได้ ชะวอบมิได้ เป็นคนเช่นนั้น
เขาเดินไปหาคนเหล่านั้น ควักซิการ์ส่งให้คนละมวน
และพูด "จะดีไม่น้อย ถ้าพวกคุณพากันไปสูบซิการ์นี้กันข้างนอก"
คนงานเหล่านี้ตระหนักดีว่าชะวอบรู้ว่าเขาได้พากันฝ่าฝืนกฎ
เขาต่างพากันนึกชมเชยชะวอบไปตามๆกัน ชะวอบมิได้พูดถึงความผิดนี้เลย
มิหนำซ้ำกลับกำนัลซิการ์แก่เขา "ทั้งนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ
ถ้าท่านมีนายอย่างนี้ ท่านจะอดรักเขาได้ไหม?"
จงอย่าเตือนผู้อื่นอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาผิด
บทที่ 3 จงพูดถึงความผิดของท่านก่อน- ท่านจะไม่รู้สึกขุ่นเคืองอย่างใดเลยในการที่จะฟังใครคนหนึ่งตำหนิติเตียนท่าน
ในเมื่อเขาผู้นั้นเริ่มพูดด้วยการยอมรับ อย่างอ่อนโยนว่า เขา, ในทำนองเดียวกัน,
ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปจากการกระทำผิดอย่างไม่มีที่ติเสียได้
ท่านจงพูดถึงความผิดของท่านก่อน แล้วจึงตำหนิติเตียนผู้อื่น
บทที่ 4 ไม่มีใครชอบรับคำสั่ง- ควรให้โอกาสผู้ร่วมงานพินิจพิจารณางานด้วยตนเอง
ให้ทำการศึกษาจากความผิดนานาประการเอาเอง
- เทคนี้ช่วยให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้รับความสะดวกในการแก้ไขความผิดพลาดของตน
เทคนิคนี้เป็นการให้เกียรติ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ
ผลก็คือ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะทำด้วยความปรารถนาร่วมมือ แทนที่จะเอาใจออกห่าง
จงขอความเห็น แทนการออกคำสั่งโดยตรง
บทที่ 5 จงกู้หน้าอีกฝ่ายหนึ่ง- กู้หน้าของเขาไว้ ! มันเป็นสิ่งสำคัญ และสำคัญอย่างใหญ่หลวงทีเดียว !
พวกเราน้อยคนนักที่จะหยุดคิดถึงสิ่งนี้ ! "เรามักจะขี่ม้า สวมเกือกมีตะปูแหลมคม
ย่ำลงไปที่ความรู้สึกของผู้อื่น" ด้วยการถือเอาแต่ใจของเราฝ่ายเดียว
เช่น คอยจับผิด ขู่ตะคอก ดุว่าเด็ก หรือเสมียน พนักงานต่อหน้าผู้อื่น
โดยปราศจากความยั้งคิดว่าเป็นการทำให้ปวดร้าวชอกช้ำ แก่เกียรติของเขาอย่างไรบ้าง !
ในเมื่อเพียงแต่สงบจิตสงบใจ ใช้ความคิดสักประเดี๋ยวหนึ่ง
ใช้วาจาที่ประหยัดถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ มีความเห็นใจในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่ง
จะไม่ก่อให้เกิดความปวดร้าว ขุ่นเคืองแต่อย่างใดเลย
- แม้แต่บุคคลใหญ่โตที่โลกรู้จักดี ยังไม่ยอมเสียเวลาที่จะกำแหงในชัยชนะของเขา
จนไม่กู้หน้าผู้แพ้ จงกู้หน้าอีกฝ่ายหนึ่ง
บทที่ 6 วิธีกระตุ้นให้มนุษย์ก้าวไปสู่ความสำเร็จ- ใช้การชมเชยแทนการด่าว่า "เราจะชมเชย แม้แต่ในสิ่งที่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย"
ในการปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยเป็นกำลังดันให้อีกฝ่ายหนึ่ง ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นเป็นลำดับ
- เมื่อพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ถ้าท่านและข้าพเจ้าสนับสนุนกำลังใจบุคคล
ที่สัมพันธ์กับเรา ด้วยการให้เขาสำนึกในคุณค่าแห่ง ความสามารถซึ่งซ่อนอยู่ในกายของเขา
เราไม่เพียงแต่จะสามารถเปลี่ยนแปลงเขาเท่านั้น หากเราจะเปลี่ยนรูปชีวิตของเขาทีเดียว
- ถ้าลองเปรียบเทียบดูว่า เราควรจะอยู่ในฐานะใด เราเพียงแต่เป็นคนครึ่งหลับครึ่งตื่นดีๆนี่เอง
เราได้ใช้ประโยชน์ ขุมทรัพย์แห่งร่างกาย และจิตใจของเราแต่ส่วนน้อยเท่านั้น
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหมายความว่า มนุษย์เราต่างดำรงชีวิต
อยู่ห่างไกลจากจุดหมายที่เราควรจะ ก้าวไปถึง มนุษย์เราต่างมีพลังอยู่นานาชนิด
พลังซึ่งเขามักจะล้มเหลวอยู่เสมอ ในอันที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์
จงยกย่องสรรเสริญผู้อื่น แม้เขาได้ทำสิ่งใดๆดีขึ้นเพียงเล็กน้อยและยกย่องทุกครั้งที่เขาทำ
สิ่งใดๆได้ดียิ่งขึ้น จง "เห็นพ้องด้วยน้ำใส ใจจริง และยกย่องชมเชยอย่างเต็มที่"
บทที่ 7 จงตั้งชื่อหมาให้เพราะ- มนุษย์เราตามปกติธรรมดา จะจูงใจได้ง่ายดาย ถ้าเขานับถือท่าน
และท่านแสดงความเลื่อมใสต่อความ ปรารถนาบางประการของเขา
- ถ้าท่านต้องการให้บุคคลใด กระทำบางอย่างดีขึ้นกว่าเก่า จงแสร้งทำเหมือนหนึ่งว่า
เขามีคุณสมบัตินั้นอยู่แล้ว
- ถ้าท่านต้องการให้ใครก็ตามเป็นคนดีขึ้น จงอุปโหลกให้เขาเป็นคนดี
ซึ่งเขาจะพยายามอย่างสุดกำลังที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพูด ของท่าน
ยิ่งกว่าจะทำให้ท่านได้พบเห็นความไม่ดีของเขา
- ถ้าท่านต้องการจะติดต่อกับคนขี้ฉ้อคดโกง มีทางเหมาะสมอยู่ทางเดียวเท่านั้น
ที่จะเปลี่ยนแปลงให้เขาทำตนเป็นคนดี คือ ปฏิบัติต่อเขา ประหนึ่งเขาเป็นสุภาพชนผู้มีเกียรติ
จงทึกทักเอาว่า เขาเป็นคนอยู่ในระดับปกติธรรมดาเหมือนมนุษย์อื่น
ทั้งหลาย การปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ซึ่งเขาจะแสดงกิริยาตอบโดยทำตนให้เป็นไปตามที่เขา
ได้รับการยกย่อง และเขาจะรู้สึกภูมิใจที่มีผู้ไว้วางใจเขา
จงอุปโหลกผู้อื่นในสิ่งดีงาม เพื่อเขาจะได้เป็นไปตามนั้น
บทที่ 8 จงทำให้ความผิดเป็นของง่ายที่จะแก้ไข- การบอก เด็ก สามี ภรรยา เสมียนพนักงานว่าเขาโง่ หรือทึ่มในสิ่งโน้นสิ่งนี้
หรือเขาไม่มีพรสวรรค์ในงานนั้นๆ และที่เขาทำไปแล้วล้วนแต่ผิด
แปลว่าท่านได้ทำลายโดยสิ้นเชิงต่อสิ่งที่กระตุ้นให้เขามีความพากเพียร
เพื่อทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น ท่านควรใช้เทคนิคตรงข้าม ท่านจงมี ใจกว้าง
ด้วยการให้ความสนับสนุน กำลังใจแก่เขา ท่านจงกระทำในสิ่งที่จะส่งเสริมให้เขา
เห็นว่าเป็นของง่ายในการปฏิบัติสิ่งนั้นๆ ท่านจง แสดงตนให้เขารู้สึกว่าท่านเลื่อมใส
ในความสามารถของเขา ความสามารถ ซึ่งเขามีแวว แต่เขายังไม่ได้นำออกมาใช้
ผลก็คือ เขาจะพยายาม ปฏิบัติสิ่งนั้นๆ เพื่อเอาชนะมัน แม้ต้องใช้เวลาตลอดคืนก็ตาม
จงใช้การสนับสนุนกำลังใจ จงทำให้ความผิดซึ่งท่านต้องการแก้ไข
ดูเป็นของง่ายที่จะแก้ไข จงทำให้สิ่งที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติ เป็นของง่ายที่จะปฏิบัติ
บทที่ 9 จงทำให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ท่านต้องการ- หลักสำคัญแห่งมนุษยสัมพันธ์ : จงทำให้ผู้อื่นมีความสุขที่จะกระทำในสิ่งที่ท่านเสนอแนะแขา
- มีชายคนหนึ่งสามารถปฏิเสธคำเชิญให้เป็นผู้พูดในงานต่างๆ
คำเชิญซึ่งมาจากมิตรสหายของเขา คำเชิญซึ่งมาจากบุคคลที่เขารู้สึกใน บุญคุณ
แม้กระนั้นเขาสามารถทำให้ผู้ที่ถูกเขาปฏิเสธได้รับความพอใจในการปฏิเสธนั้น
เขาทำอย่างไรหรือท่าน? เขามิได้กล่าวแก้ตัวว่าเขา มีธุระยุ่ง
หรือมีเหตุติดข้องอย่างนั้นอย่างนี้ เขามิได้ทำเช่นนั้น เขาทำดังนี้
คือ หลังจากแสดงความยินดีที่ได้รับเชิญ และแสดงความเสียใจที่
เขาไม่มีความสามารถพอในการปฏิบัติตามตามคำเชิญนั้น
เขาจะเสนอชื่อผู้อื่นให้พูดแทนเขา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขามิได้ทำให้ผู้เชิญเกิด
ความรู้สึกเสียใจต่อคำปฏิเสธของเขาเลย แม้แต่ขณะเดียว
เขาทำให้ผู้เชิญคิดถึงอีกคนหนึ่ง เพื่อเชิญมาเป็นผู้พูดในทันทีทันใด
โดยเน้นความ น่าสนใจของบุคคลอื่น
- เทคนิคแห่งการให้อำนาจและตำแหน่ง ได้ปรากฎผลดีแก่นโปเลียนมาแล้ว
จงทำให้ผู้อื่นมีความสุขที่จะกระทำในสิ่งที่ท่านเสนอแนะแก่เขา
ตอนที่ 5 จดหมายซึ่งบันดาลผลมหัศจรรย์- ใช้ "หลักจิตวิทยา" : "โปรดช่วยเหลือผม"
จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ และเป็นการสร้างมิตรภาพขึ้น
- โปรดจำไว้ว่า เราทั้งหลายต่างกระหายที่จะได้รับความยกย่องนับถือ
และความเป็นคนสำคัญ ซึ่งเราจะยินดีทำเกือบทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งนี้
แต่ไม่มีใครต้องการความไม่สุจริตใจ ไม่มีใครต้องการคำพูดประจบสอพลอ
ข้าพเจ้าขอย้ำ :- หลักการทั้งหลายที่สอนในหนังสือเล่มนี้
จะปฏิบัติได้ผล ก็ต่อเมื่อนำออกใช้ด้วยน้ำใส
ใจจริง ข้าพเจ้ามิได้สนับสนุนให้ ปฏิบัติด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมอย่างใดทั้งสิ้น
สิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ล้วนแล้วแต่ เป็นวิธีที่จะนำท่านไปสู่วิถีชีวิตแบบใหม่
ตอนที่ 6 วิธีปฏิบัติ 7 ประการ เพื่อทำให้ชีวิตในครอบครัวของท่านมีความสุขยิ่งขึ้นบทที่ 1 วิธีขุดหลุมฝังศพการแต่งงานของท่านอย่างแน่นอนและรวดเร็วที่สุด- สิ่งทั้งหลายที่สามารถทำลายความรักให้แหลกลาญอย่างแน่นอน
ซึ่งเจ้าผีร้ายในนรกได้ประดิษฐขึ้น "ความจู้จี้เอาเรื่อง" เป็นสิ่งควรจะพึง กลัวอย่างที่สุด
มันไม่เคยล้มเหลวทำนองเดียวกับการกัดของงูเห่า มันจะทำลาย ทำให้ถึงตายเสมอ
ถ้าท่านต้องการรักษาชีวิตทางบ้านให้มีความสุข กฎข้อที่ 1 มีดังนี้
อย่าเป็นคนจู้จี้ขี้เอาเรื่อง ขี้หึง
บทที่ 2 ความรักอันวัฒนาถาวร- สิ่งแรกที่จะศึกษาในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น ก็คือ อย่าแทรกแซงกับการหาความสุข
ในวิธีแปลกๆของเขา
- ความสำเร็จในการแต่งงาน เป็นเรื่องที่ไม่เพียงแต่การแสวงหาคู่ที่เหมาะสมเท่านั้น
หากผู้ที่จะเป็นคู่แต่งงาน จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมด้วย
- ถ้าท่านต้องการให้ชีวิตในครอบครัวของท่านมีความสุขยิ่งขึ้น กฎที่ 2 มีดังนี้
อย่าพยายามเป็นเจ้าหัวใจคู่แต่งงานของท่าน
บทที่ 3 ถ้าท่านทำเช่นนี้ ท่านจะต้องคอยดูกำหนดเวลาเพื่อไปสู่การหย่าร้าง- ทางไปสู่การหย่าร้าง ก็คือ "การตำหนิติเตียน" การติเตียนอันไร้ประโยชน์
และการติเตียนซึ่งเป็นที่ร้าวรานใจ
ถ้าท่านต้องการให้ชีวิตในครอบครัวของท่านมีความสุข
กฎที่ 3 มีดังนี้
อย่าตำหนิติเตียนบทที่ 4 ทางที่จะเกิดผลอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้ทุกคนมีความสุขจงให้คำยกย่องสรรเสริญด้วยความสุจริตใจ
บทที่ 5 สิ่งที่มีค่าสูงยิ่งสำหรับผู้หญิง- ไม่ใช่ความรักดอกที่ทำให้วันเวลาของฉันทุกข์ทรมาน
แต่มันมาจากความร้าวรานในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
- "ข้าพเจ้าจะผ่านมาทางนี้เพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้น สิ่งใดอันเป็นความดี
ซึ่งข้าพเจ้าสามารถจะปฏิบัติได้ หรือสิ่งใดอันเป็นความกรุณา
ซึ่งข้าพเจ้าสามารถจะให้แก่มนุษย์คนใดได้ ขอให้ข้าพเจ้าทำเสียแต่บัดนี้
ขออย่าให้ข้าพเจ้ารีรอช้า หรือเพิกเฉย เพราะข้าพเจ้าจะไม่ผ่านมา ทางนี้อีกแล้ว"
กฎข้อที่ 5 มีดังนี้ "จงเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ"บทที่ 6 ถ้าท่านต้องการมีความสุข จงอย่าละเลยสิ่งนี้จงมีกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน
บทที่ 7 อย่าเป็นคน "ไร้การศึกษาในการแต่งงาน"- ความล้มเหลวในการแต่งงาน มักจะเนื่องมาจากสาเหตุ 4 ประการ คือ
1. มิได้ปรับปรุงกามารมณ์ให้เป็นที่พอใจต่อกัน
2. ความคิดเห็นขัดแย้งกันในการใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจ
3. การเงินฝืดเคือง
4. จิตใจ ร่างกาย หรืออารมณ์ผิดปกติจงอ่านหนังสือดีๆ เกี่ยวกับกามารมณ์ในการแต่งงาน
จบค่ะ
ที่มา
http://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Relation_Technique.htm