ปวดศีรษะไมเกรน

[Bangmud]

Tweet

ปวดศีรษะไมเกรน

    สาเหตุ  สาเหตุที่แท้จริงของปวดศีรษะไมเกรนยังไม่มีใครทราบ แต่เชื่อว่า ผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนมีการไวในการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะอยู่นอกร่างกาย หรืออยู่ภายในร่างกายทำให้หลอดเลือดมีการขยายตัวเมื่อหลอดเลือดขยายจึงปวด ศีรษะตุบ ๆ ตามจังหวะการบีบตัวของหัวใจ

    อาการ
    1. ปวดศีรษะมักจะปวดข้างเดียว อาจจะสลับซ้ายขวาได้ ลักษณะปวดเป็นแบบตุบ ๆ ปวดมากจนทำงานไม่ได้ บางรายที่จะปวดพร้อมกันสองข้าง ปวด มากจนทำงานไม่ได้ น้ำตาไหล ส่วนใหญ่ปวด 4-72 ชั่วโมง ถ้าเคลื่อนไหวศีรษะจะปวดมากขึ้น
   2. คลื่นไส้และหรืออาเจียน
     3. ถูกกระตุ้นด้วยแสงจ้า เย็นหรือร้อนจัด เสียงดัง ความเครียด นอนไม่พอ
     4. บางคนอาจจะมีอาการนำ (Aura) เช่นเห็นแสงแปลบ ๆ ตามองไม่เห็น ชาซีกใดซีกหนึ่ง เรียกว่า classic migraine  ถ้าไม่มีอาการนำเรียกว่า common migraine
   5. พบในคนอายุน้อยมากกว่าคนอายุมาก และหญิงมากกว่าชาย
    ไมเกรนเป็นโรครักษาไม่หายขาดแต่ไม่มีอันตรายร้ายแรง ถ้าเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำสามารถทำให้ควบ คุมโรคได้
    คนที่ติดกาแฟ แล้วไม่ได้ดื่ม ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด มีส่วนทำให้ไมเกรนกำเริบ

       การวินิจฉัย
    การวินิจฉัยไมเกรนอาศัยประวัติและการตรวจร่างกายเท่านั้น การเจาะเลือด หรือการตรวจ X-ray ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เป็นเพียงช่วยวินิจฉัยแยกโรคเท่านั้น แพทย์จะซักประวัติเพื่อวินิจฉัย
        - อาการปวด ตำแหน่ง ความรุนแรง ความถี่ ระยะเวลาที่ปวด
    - อาการร่วมเช่น ไข้ อาการชัก อ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
    - โรคประจำตัว การใช้ยา
     - ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคอื่น

   อาการที่สนับสนุนว่าเป็นไมเกรน
    ปวดข้างเดียว
        ปวดตุบ ๆ
        ปวดมากจนทำงานประจำไม่ได้
        การกระเทือนหรือเคลื่อนไหวทำให้ปวดมากขึ้น
        ขณะปวดศีรษะจะต้องมีอาการข้างล่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
              คลื่นไส้หรืออาเจียน
              แสงจ้าหรือเสียงดังทำให้ปวดศีรษะ
 
    การรักษา
    ผู้ป่วยและแพทย์ช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นหรือเป็นปัจจัยชักนำ และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยชักนำดังกล่าว
    หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนย นม ช็อคโกแลต ผลไม้ เช่น ส้ม อินทผลัม ผงชูรส ถ้าติดกาแฟต้องค่อย ๆ ลดปริมาณลงจนหยุดดื่มให้ได้
     การรักษาไมเกรนด้วยยา
    1. ยาที่มีส่วนผสมของเออร์กอต อัลคาลอยด์ เช่น คาร์เฟอกอต เบลเลอกราล
        2. ยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน จะดีกว่า พาราเซตตามอล แต่ต้องรับประทานหลังอาหาร
        3. ยาแก้ปวดที่ “แรง” ขึ้น Ponstan, Brufen & Voltaren ต้องระวังถ้าเป็นโรคกระเพาะอาหาร
    4. ยาป้องกัน เช่น Beta blocker อย่าง Inderal (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร)  
   ถ้ารับประทานยาตามนี้ถูกต้องตามขนาดของยาแล้วยังไม่หายอาการคงอยู่นาน เรียกว่า Status Migrainosus สงสัยต้องนอนโรงพยาบาลแล้วละครับ นอกจากจะเพื่อการรักษาแล้ว อาจจำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าเป็น ไมเกรนจริง ๆ

ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้พวกเราแคล้วคลาดจากโรคไมเกรนโดยทั่วกัน
วัสสลาม

[Al Fatoni]

อามีน ยา อัรหะมัรรอหิมีน, จซากัลลอฮุฅ็อยร็อน บังหมัดมากๆ ครับ - วัสลาม

[al-firdaus~*]

มาชาอัลลอฮ์!
วันนี้ตั้งใจจะลงเรื่องไมเกรน ไม่นึกว่าใจจะตรงกับบังมัดพอดีค่ะ
ข้อมูลของบังมัดเป็นประโยชน์มากๆ และตรงกับที่เคยเป็นมา เรียกได้ว่า ข้อมูลดังกล่าววินิจฉัยได้ตรงเป๊ะเรยทีเดียว
ญะซากัลลอฮ์ค็อยรอนค่ะ

[al-firdaus~*]

 
   การรักษา
    ผู้ป่วยและแพทย์ช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นหรือเป็นปัจจัยชักนำ และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยชักนำดังกล่าว
    หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนย นม ช็อคโกแลต ผลไม้ เช่น ส้ม อินทผลัม ผงชูรส ถ้าติดกาแฟต้องค่อย ๆ ลดปริมาณลงจนหยุดดื่มให้ได้
     การรักษาไมเกรนด้วยยา
    1. ยาที่มีส่วนผสมของเออร์กอต อัลคาลอยด์ เช่น คาร์เฟอกอต เบลเลอกราล
        2. ยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน จะดีกว่า พาราเซตตามอล แต่ต้องรับประทานหลังอาหาร
        3. ยาแก้ปวดที่ “แรง” ขึ้น Ponstan, Brufen & Voltaren ต้องระวังถ้าเป็นโรคกระเพาะอาหาร
    4. ยาป้องกัน เช่น Beta blocker อย่าง Inderal (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร)  

จำได้ว่า วันที่เคยปวดหนัก คือวันที่เริ่มหยุดกินกาแฟวันแรก  
และตั้งแต่หายปวดหัวไมเกรน ก็ไม่เคยกินกาแฟอีกเรย  ตอนนี้ไม่ติดกินกาแฟแล้วค่ะ เย้
ก่อนหน้านี้เวลาปวดหัวไมเกรน มักใช้ Ponstan 500 mg เพราะรู้สึกว่า กินได้แปบเดียวก็หายปวดแล้ว
ตอนหาหมอ คุณหมอจ่ายยาป้องกันไมเกรน ดังที่บังมัดนำเสนอไปแล้ว คือพวก Beta blocker




ณ ปัจจุบันมีบ้างที่ปวดหัวไมเกรน แต่ไม่มากเท่าครั้งก่อน
โดยเฉพาะเวลานั่งหน้าคอมนานๆ หรือคิดมากกับอะไรซักอย่าง  อากาศที่ร้อนก็เป็นตัวกระตุ้นให้เราปวดหัวไมเกรนได้ค่ะ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ  มันทรมานมาก เวลาเป็นขึ้นมา    

[Al Fatoni]

ปวดศีรษะไมเกรน

     4. บางคนอาจจะมีอาการนำ (Aura) เช่นเห็นแสงแปลบ ๆ ตามองไม่เห็น ชาซีกใดซีกหนึ่ง เรียกว่า classic migraine  ถ้าไม่มีอาการนำเรียกว่า common migraine
   

ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้พวกเราแคล้วคลาดจากโรคไมเกรนโดยทั่วกัน
วัสสลาม

           อาการตามข้อความแดงนั้น สามารถทำให้เป็นอัมพาตไรงี้ได้ป่าว - วัสสลาม

[al-firdaus~*]

ก๊ะเป็นนะ ตอนปวดหัวไมเกรนขั้นโคม่า  แบบว่า ชาซีกขวาไปเฉยๆ ตั้งแต่ซีกขวาของศรีษะจรดปลายนิ้วมือขวา
ตอนแรกหวั่นใจเหมือนกัน กลัวจะอัมพฤกอัมพาต  (ยังสาวอยู่แท้ๆ)
บอกอาการให้คุณหมอทราบ แกบอกว่า เป็นอาการข้างเคียงของการปวดหัวไมเกรน พยายามอย่าใช้งานซีกที่ชามากเกินไป
(คิดในใจ...ตายละว้า...สงสัยเล่นเน็ตจนพังผืดที่นิ้วแข็งตัว)
รอบังมัดมาไขข้อข้องใจดีกว่าค่ะ...

[Bangmud]

 salam

อาการนำ(Aura)ของไมเกรนนั้น รากศัพท์เดิมหมายถึงการเห็นแสงแวบวาบ (เหมือนสามีเห็นดาวเห็นเดือนตอนถูกภรรยาตบ)

แต่ภายหลังพบว่า ยังอาจมีอาการอื่นได้ เช่น ชาครึ่งซีก นิ้วกระดิก คิ้วกระตุก อาการเหล่านี้ ไม่ทำให้เกิดอัมพฤกหรืออัมพาตถาวรแต่ประการใด

แต่ไม่ได้หมายความว่า คนเป็นไมเกรนจะไม่เป็นอัมพฤก อัมพาต ถ้าเป็นไมเกรนด้วย ไขมันในเลือดสูงด้วย แรงดันเลือดสูงด้วย ก็อาจเป็นอัมพฤก อัมพาตได้

จากสาเหตุที่ไขมันสูง ความดันสูง ไม่ใช่สาเหตุจากไมเกรน

วัสสลาม

[Hanata']

ต้องเอาใจคนเป็นไมเกรนไม๊ค่ะ .... พี่สาวอารมณ์เสีย บ๊อยย บ่อย อิอิ

jazakallahhukhairan   

[nada-yoru]

อาการเหมือนดังที่เจ้าของกระทู้เล่ามาเลยค่ะ...
หมอให้ยา ชื่อ โทฟาโก้ อ่านแล้วมีส่วนผสมของ คาเฟอีน 100mg/เม็ด
เภสัชกรแนะนำว่า ให้กินเมื่อมีอาการปวดเลยทัน
และในครั้งแรกอาจมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา
เพราะในเม็ดยามีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบอยู่ คนท่ีกินกาแฟไม่ได้บางคน
จะกินยาตัวนี้ไม่ได้ด้วย หรือคนที่กินกาแฟได้บางคนก็กินยานี้ได้ไม่มีปัญหาอะไร
ในขณะที่บางคนที่กินกาแฟไม่ได้แต่กินยานี้ได้ก็มีเช่นกัน
ก็เลยแนะนำให้ลองกินก่อนหนึ่งเม็ด หากมีอาการโต้ตอบที่ไม่ดี ก็ให้หักยากินครึ่งเม็ดได้...
และไม่ควรรอให้ปวดหนักๆถึงจะกิน แต่ให้กินทันทีทันใดที่ปวดเลย...
หากไม่มีอาการปวดก็ไม่จำเป็นต้องกิน...และห้ามกินเกินขนาดที่เขียนไว้...

และก็มียาประเภทยาคลายเครียด คลายกล้ามเนื้อ ยานอนหลับ โดยให้กินก่อนนอน
และกินตลอดจนหมดยา...

แล้วก็ยาแก้ปวด ลดการอักเสบ...อันนี้กินเฉพาะเวลาปวดเท่านั้น แต่ให้กินหลังอาหาร...

ถ้ากินแล้วยังไม่ทุเลาลง คงต้องนอนโรงพยาบาลอย่างอาหมอว่า...


ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นไมเกรน แต่เมื่อหมอเช็คอาการตามที่ได้เล่าอาการต่างๆให้ฟัง
ไปหาหมอมา 3 รอบ รอบล่าสุดนี้ หมอจึงจ่ายยาปวดหัวไมเกรนให้...
และให้พยายามหาสาเหตุที่มากระตุ้นอาการให้เจอ และหลีกเลี่ยงเสีย...
พร้อมทั้งงดอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นโรค
เพราะโรคนี้เป็นแล้วไม่หาย แต่ก็ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด...
นอกจากว่า เวลาปวดแล้วทำงานประจำไม่ได้ หรือเคลื่อนไหวลำบากเพราะอาการปวดหัว...
ต้องพักผ่อนไปเลย...


เลยต้องหันกลับมาถามตัวเองว่า...เพราะอะไร...
เหมือนจะได้คำตอบ...ก็เลยคิดว่า...

เรื่องบางเรื่องต้องปล่อยวาง...และหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวกระตุ้นเสีย...


ความเครียด ความเศร้า ความวิตกกังวล และการทำงานอยู่กับที่นานๆ
กับแสงสว่างที่จัดจ้า และสภาพแวดล้อมที่ปัญหารุมเร้า...
ทุกอย่างนี้ ล้วนส่งผลต่อสุขภาพเราโดยตรง...

ขนาดกลับไปบ้าน ที่บ้านยังบอกเลยว่า ไปทำงานกรุงเทพฯไม่เท่าไหร่
ทำไมดูแก่ไปตั้งหลายปี...ก่อนหน้านี้ดูอ่อนกว่าอายุอยู่หลายปี
แต่ตอนนี้หน้าตาชักจะไล่อายุทันแล้วนะ...

จนทุกวันนี้ไม่อาจทำงานประจำได้อย่างเต็มที่ บางวันแทบลุกไปทำงานไม่ไหว...
เกรงใจเจ้านาย เพราะพักหลังๆมานี้ลาป่วยบ่อยมาก
และก็เป็นห่วงงานที่ยังสะสางไม่เสร็จอยู่ไม่น้อย...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...
พ่อก็บอกว่า...คนไม่สบาย...ต้องรักษาให้หาย
แล้วจึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ...
ถึงจะหวงงานก็ได้แค่หวงนั่นแหล่ะ เพราะให้ทำก็ทำไม่ได้อยู่ดี...

งานนั้น หากเราไม่ทำ เดี่ยวก็มีคนอื่นมาทำแทนได้
แต่สุขภาพเรา หากเราไม่ดูแล แล้วใครจะดูแล
ให้คนอื่นมาดูแลมันจะสู้เราดูแลเองได้หรือ...
(โดนเทศนามาจนหูดับตับไหม้ จากคนรอบตัว)

ความเครียดนั้น...นอกจากจะเป็นตัวก่อโรคต่างๆแล้ว
ยังทำให้เราแก่เร็วด้วยนะคะ...

ด้วยความเป็นห่วงและไม่อยากให้ใครต้องเป็นไมเกรนเลย...
มันทรมานมิใช่เล่น...

[nada-yoru]

ต้องเอาใจคนเป็นไมเกรนไม๊ค่ะ .... พี่สาวอารมณ์เสีย บ๊อยย บ่อย อิอิ

jazakallahhukhairan   

ไม่แน่ใจว่าคนเป็นไมเกรนคนอื่นเป็นมั้ย แต่ของข้าน้อย เวลาปวดหัวแล้วอารมณ์จะหงุดหงิดงุ่นง่าน
ก็เลยพยายามหลบหลีกการปะทะกับชาวบ้านในช่วงอารมณ์กรุ่นๆ
เนื่องจากไม่อยากเอาอารมณ์ที่ไม่นิ่งของเราไปเสี่ยง...

ซึ่งอาจเป็นผลปวงมาจากอาการทางร่างกายค่ะ
เพราะปกติคนที่ไม่สบายก็มักจะมีอารมณ์หงุดหงิดอารมณ์เสีย...
หากเราได้เฝ้าไข้คนป่วยบ่อยๆจะเข้าใจในข้อนี้ดี...

ดังนั้นเวลาเราป่วย เราก็เลยรู้ทันอารมณ์ตัวเอง...

เลยจำเป็นที่จะต้องซอบัรฺค่ะ...ซอบัรฺทั้งอาการปวดหัวและซอบัรฺกับอาการหงุดหงิดของตัวเอง...
แล้วเมื่ออาการป่วยหายไป อาการหงุดหงิดก็จะหายไปด้วย...

[nada-yoru]

ขอเข้ามาแชร์เรื่องอาการปวดศีรษะไมเกรนอีกนิด...
นับว่าเป็นการอัพเดตข้อมูลใหม่เพิ่มเติมค่ะ...

เพราะล่าสุด ไมเกรนกำเริบ อาจจะเรียกได้ว่าขั้นโคม่า(หากอ่านจากที่ก๊ะฟิรเดาส์)โพสไว้
เพราะตอนนั้นไปเดินเล่นชายหาด อากาศร้อนจัด คนอื่นมีอาการเมาแดด
แต่ของเรามันแรงกว่าคนอื่นๆ เพราะปวดหัวชนิดที่ขยับหัวเป็นปวด...
ได้ยินเสียงเป็นปวดตุบๆ ก็เลยแน่ใจว่าไมเกรนกำเริบแล้ว ที่สำคัญคือ
ลืมนำยาติดมือกลับบ้านมาด้วย...คืนนั้นเลยอดทนเอา...
แต่พอนอนไปได้ไม่นาน...ตอนกำลังหลับอยู่รู้สึกว่าทุกอย่างมืดไปหมด
มืดจนอึดอัด...เลยพยายามกวาดมือ ตะกายหาคนช่วย...
พี่สาวเลยสาดแสงเข้าใส่หน้า ถึงได้ลืมตาตื่น แล้วพบว่ามือและเท้าชาไปหมด
ตอนแรกเริ่มจากซีกขวา...พอสักพักปลายเท้าขวาเริ่มชา ตามมาด้วยซึกซ้าย
จนขยับไม่ได้...ได้แต่บอกพี่สาวว่าให้บีบมือให้...
พี่สาวเลยเอามือแตะหน้าผาก แตะตัว ปรากฏว่าศีรษะร้อนเหมือนไฟ
แต่เนื้อตัวกลับปกติ ไม่ได้มีไข้...ก็เลยตกใจ...อาการตอนนั้น
ไม่เหมือนคนที่จะเป็นลม...แค่รู้สึกชา...และปวดหัวสุดขีด...

ตอนนั้นไม่มียาใดช่วยได้ เลยได้แต่ขอดุอาอฺให้อัลลอฮฺช่วยปัดเป่าความเจ็บปวด
จนสามารถนอนหลับไปได้จนรุ่งเช้า แต่อาการปวดหัวไม่ได้ลดน้อยลง

พ่อเลยวุ่นวายหาสูตรยาสมุนไพร โดยรักษาด้วยยาสมุนไพรแก้ปวดหัวแบบที่เคยต้มให้
เมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ทุเลาลง เลยไปค้นหาจากสมุดบันทึกเล่มเก่าสมัยที่พ่อยังเด็กๆอยู่
(ตอนนี้พ่ออายุหกสิบกว่าๆแล้ว) และพอดีว่าพ่อไปเจอสูตรยาสมุนไพรของหมอยา
ที่เชี่ยวชาญสมัยก่อนขึ้นมา พ่อบอกว่า พ่อไม่รู้จักว่าไมเกรนคือโรคปวดหัวอะไร
แต่อาการที่ท่านได้เห็นจากข้าน้อยนั้น มันตรงกับอาการของไข้หัว คนสมัยก่อน
เรียกว่าเป็นไข้หัว...ก็เลยไปหาซื้อยาสมุนไพรตามสูตรนั้นมาต้ม...
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...ดื่มไปแค่แก้วเดียว เห็นผล...แต่อยากบอกว่า รสชาติขมสุดๆ
และต้องดื่มจนยาจืด...พ่อบอกว่า...หากยานี้ตรงกับโรค อินชาอัลลอฮฺ
โรคนี้จะหายไป...

แต่นับตั้งแต่ดื่มยามา อาการปวดหัวกำเริบไม่มีเลย...

จึงรู้เลยว่า...ยาที่หมอเคยสั่งก่อนหน้านี้กับสูตรยาที่พ่อต้มให้กินนั้น
ได้ผลที่แตกต่างกันมาก...ซึ่งปกติแล้วยาสมุนไพรนั้นจะไม่มีผลข้างเคียง
นอกเสียจากจะทำให้เราถ่ายคล่อง ปัสสาวะบ่อย...เพราะพ่อบอกว่า
ยาสมุนไพรจะขับพิษต่างๆออกมาทางอุจจาระ ปัสสาวะ และทางเหงื่อของเรา...
ตัวเราจึงมีกลิ่นยาสมุนไพรด้วย...

อยู่กับโรคปวดหัวมานาน และทรมานเป็นทุกข์มาก...
หากอาการทุกอย่างหายขาดไปด้วยกับยาสมุนไพรตัวนี้...
ก็อยากจะเก็บสูตรยาตัวนี้เอาไว้แบ่งปันคนที่ทุกข์ทรมานกับอาการปวดหัวแบบที่ข้าน้อยประสบอยู่ด้วย...

แต่ยาสมุนไพรโบราณใช่ว่าได้สูตรยามา
แล้วใครจะต้มกินได้โดยง่าย ต้องเป็นคนที่รู้วิธีการปรุงยา
หรือศึกษาการปรุงยาโดยตรง...ซึ่งตั้งใจว่าจะเรียนวิธีปรุงยาจากพ่อ
ความรู้ตรงนี้จะได้ไม่สูญหายไป ต่อไปจะได้สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้
อินชาอัลลอฮฺ...

ปล.เป็นคนนึงที่กินยาแผนปัจจุบันได้ยาก เพราะเมื่อกินยารักษาโรคชนิดนึง
ยาตัวนั้นมักจะไปมีผลในทางลบกับอีกโรคนึงท่ีเป็นโรคประจำอยู่...
เลยหายากินยาก...พักหลังๆจึงต้องหันมาพึ่งพายาสมุนไพรน่ะค่ะ...

ช่วงนี้เลยต้องพักงานประจำไว้ หันมารักษาสุขภาพก่อน
แล้วช่วยงานที่บ้านไปพลางๆ...

รักษาสุขภาพนะคะ...^^


วัสลามค่ะ

[game2529]

ผมมีออาการปวดหัวไมเกรนมากว่า 5 กว่าปี ตั้งแต่เรียนมหาลัยจนตอนนี้ก็ทำงานมาได้ปีกว่าแล้ว ก็ยังรักษาไม่หาย รักษามาหลายที่ทั้งคลินิก ทั้งโรงพยาบาล แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ก็ยังทานยาอยู่เรื่อยๆ มันปวดทรมานมาก เวลาปวดมากถึงขั้นอาเจียนเวียนศรีษะ เวลาปวดแทบไม่อยากคุยกับใครเลย หงุดหงิดมากๆ ตอนนี้ทำงานอยู่กรุงเทพ เพื่อนก็เลยแนะนำคลินิกหนึ่ง ก็ลองเข้าไปรักษาตอนนี้ก็รักษาจนอาการเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังมีปวดบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่ปวดแบบรุนแรงเหมือนเมื่อก่อน คุณหมอท่านเก่งมาก อัธยาศัยดี คุยเก่ง รักษาเก่งด้วยนะ ใครที่เป็นไมเกรนอยู่ก็แนะนำเลยครับ คลินิกชื่อ Npain Clinic อยู่ตรงเส้นเลียบทางด่วนรามอินทรา ไปไม่ถูกลองโทรไปถามครับ เบอร์ 084 712 3711 หรือเข้าดูแผนที่ในเวบก็ได้ http://www.npainclinic.com/ ใครเป็นอยู่ก็ขอให้หายเร็วๆนะครับ ไปรักษาแล้วได้ผลยังไงก็อย่าลืมมาแชร์กันนะครับ

[Muftee]

ทราบมาจากเพื่อนคนหนึ่ง เค้าบอกว่า ใครที่เป็นไมเกรน ให้ใช้น้ำมันฮับบะตุซเสาดาอฺ หยดลงไปในรูหูสัก 1-2 หยด เป็นประจำ .. แล้วไมเกรนก็จะหายขาดไปเอง 

[nada-yoru]

อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่าน game2529 และท่านมุฟตีมากๆค่ะ

ตั้งแต่กินยาสมุนไพรที่พ่อต้มให้กิน (ขมสุดจะบรรยาย)
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ....อาการไม่เคยกำเริบอีกเลย...

เอาไว้หากกำเริบมาอีก จะลองทำตามที่ท่านทั้งสองแนะนำมาดูนะคะ
ไมเกรนอาจจะไม่ใช่โรค แต่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ที่ประสบ
ขอให้ทุกคนแคล้วคลาด...สุขภาพดีถ้วนหน้าค่ะ...

ปล.หมั่นละหมาดตะฮัจยุดและมอบหมายกับอัลลอฮฺ...
พยายามปลดและปลงความความกังวลและความหวาดกลัวที่กำลังประสบอยู่
หรือที่คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเกิดเท่าที่จะทำได้...
เชื่อว่า...โรคภัยในตัวเราจะน้อยลง...อินชาอัลลอฮฺ ^^


วัสลามค่ะ